ตอนที่แล้วตอนที่ 84 พันธสัญญาเสร็จสมบูรณ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 86 ระวังเด็กทารก

ตอนที่ 85 ข่าวคราวของเรือนจำ


ตอนที่ 85 ข่าวคราวของเรือนจำ

  

พลังเหนือมนุษย์ของตั้วลั่วนั้นแข็งแกร่งมาก  จนกระทั้งเกือบทำให้ชีวิตของฮวางซางต้องตายด้วยพลังของเขา  แต่ในเวลาเดียวกัน  การใช้พลังที่เกินขีดจำกัดของร่างกายมากเกินไป ก็ทำให้ต้องพบเจอกับความเจ็บปวดถึงขีดสุดเช่นเดียวกัน

ในเวลานี้  นอกจากแขนขาทั้งสี่ที่หักรวมถึงอาการบาดเจ็บภายใน ต่างก็นำมาซึ่งความเจ็บปวดให้กับตั้วลั่ว   และตั้วลั่วยังสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อภายในร่างกายของเขา รวมถึงเส้นเลือดเหล่านั้นที่แทบจะฉีกขาดจนหมดสิ้นเช่นเดียวกัน  ความเจ็บปวดที่ยากเกินจะพรรณนาออกมาได้ ทะลักเข้ามาราวกับกระแสน้ำป่า  ทำให้เขาได้รับบทเรียนชนิดพิเศษ  แม้แต่ตั้วลั่วที่สามารถแบกรับความเจ็บปวดหลากหลายรูปแบบได้โดยที่ไม่เคยร้องออกมา ก็อดที่จะกรีดร้องอย่างน่าเวทนาให้กับความเจ็บปวดครั้งนี้ไม่ได้!

เจ็บปวด  เจ็บปวดมากเกินไปจริงๆ!

แต่ยังมีสิ่งที่ยังโชคดีเพียงอย่างเดียวก็คือ  พลังแห่งชีวิตของฮวางซาง ยังสามารถรักษาร่างกายของตั้วลั่วได้อย่างต่อเนื่อง  ทำให้ความเจ็บปวดที่แผ่ขยายอยู่ภายในร่างกายของตั้วลั่ว ค่อยๆทุเลาลงไปไม่น้อย

แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็ตาม   ตั้วลั่วก็ยังคงชักกระตุก  ใบหน้าซีดเผือด  เหงื่อผุดออกมาเต็มใบหน้าอยู่ดี

“บัดซบ  ร่างกายที่พิเศษของฉัน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย.......”

ในขณะที่มองไปทางแขนขาทั้งสี่ ที่บิดเบี้ยวไปอยู่นั้น เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด ที่แผ่ขยายอยู่ภายในร่างกาย  เขาจึงได้หันไปพูดกับฮวางซางด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งของตัวเอง

“ใครอธิบายให้ฉันฟังได้บ้าง?”

“พลังเหนือมนุษย์ของนายเกิดหลุดจากการควบคุม จนเกิดความคลุ้มคลั่ง  เกือบจะทำร้ายฉันจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ฉันก็ไม่สามารถออมมือได้ ดังนั้นสุดท้ายจึงกลายมาเป็นแบบนี้”

ในขณะที่มองไปยังท่าทางที่เจ็บปวดถึงขีดสุด จนเหงื่อผุดออกมาเต็มหน้านั้น ฮวางซางก็ถอดถอนใจอย่างจนปัญญาออกมา

“ฉันขอร้องนายแล้วนะ ต่อไปอย่าใช้พลังที่ยากเกินกว่าจะควบคุมได้อีก  ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะไพ่ใบสุดท้ายของฉัน  ตอนนี้ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง”

“นายทำให้ฉันเป็นแบบนี้ นายยังมีหน้ามาว่าฉันอีกเหรอ? !”

ในขณะที่มองไปทางฮวางซางที่ดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ก่อนหันมามองตัวเองอีกครั้ง  ตั้วลั่วก็ร้องไม่ออกขึ้นมาทันใด

“เอาละ  ฉันช่วยนายต่อกระดูกที่หักก่อน แบบนี้นายน่าจะดีขึ้นในไม่ช้า”

ฮวางซางขี้เกียจสนใจกับคำด่าของตั้วลั่ว จึงได้เดินไปทางตั้วลั่ว  แล้วค่อยๆต่อกระดูกที่หักของแขนขาทั้งสี่ให้เข้าที่  ทั้งความแข็งแกร่งของพลังแห่งชีวิต และความสามารถในการฟื้นตัวของตั้วลั่ว  ก็น่าจะใช้เวลาไม่นานในการฟื้นคืนสภาพเดิม

เพียงแต่ตอนนี้  ตั้วลั่วต้องแบกรับความเจ็บปวดอีกครั้ง   จนกระทั้งเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งนั้น ก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อทั่วทั้งตัวเช่นกัน

“เกือบดีขึ้นแล้ว”

เมื่อทำการต่อกระดูกแล้ว ฮวางซางก็ปัดมือเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า

“ถึงแม้ว่าจะเป็นการต่อกระดูกของคนเป็น ครั้งแรกก็ตาม  แต่ก็น่าจะไม่เลวทีเดียว”

“……”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง ใบหน้าของตั้วลั่วก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดมากยิ่งขึ้น

“ก่อนหน้านี้นายเคยต่อกระดูกให้กับคนตายมาก่อนเหรอ?”

“อื้อ  เคยลองมาหลายรอบแล้ว  แต่ก็ไม่รู้ว่าผลมันจะเป็นยังไงนะ”

ฮวางซางยักไหล่ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า

“แต่ไม่ต้องกังวลไป  ถึงจะต่อผิด จนรูปลักษณ์แปลกประหลาดไป ถึงตอนนั้นก็ทำการต่อใหม่อีกครั้งก็ได้แล้ว ฉันไม่ได้ลำบากอะไรอยู่แล้ว”

“นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ลำบากไม่ลำบากป่ะ?”

ในขณะที่มองไปยังท่าทางที่ดูไม่ค่อยสนใจของฮวางซาง ตั้วลั่วก็อดตะโกนด้วยความขุ่นเคืองขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้  แต่เนื่องจากเคลื่อนไหวรุนแรงมากเกินไป  กระดูกที่ต่อเมื่อสักครู่จึงได้เกิดเสียงแกร๊กๆผิดตำแหน่งขึ้นมาอีกครั้ง และนั้นก็นำมาซึ่งความเจ็บปวดจนทำให้ใบหน้าของตั้วลั่วเปลี่ยนเป็นซีดเผือดขึ้นมาทันใด

“บอกแล้วว่าอย่างเพิ่งขยับ  ฉันยังไม่ได้ดามไม้ให้คงที่เลยนะ!”

เมื่อเห็นภาพนั้น ฮวางซางก็ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา หลังจากนั้นก็ทำการต่อกระดูกของตั้วลั่วใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็หาไม้และเชือกในซากปรักหักพัง ที่ถูกพวกเขาพังทลายลงก่อนหน้านั้น ขึ้นมาช่วยพยุงแขนขาที่บาดเจ็บของตั้วลั่วให้คงที่

เมื่อจัดการเรื่องราวเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว ฮวางซางก็พยักหน้าด้วยความพอใจ

“เอาละ  ตอนนี้กระดูกก็ต่อกันแล้ว เพียงแค่อย่าเคลื่อนไหวรุนแรงเกินไปก็เท่านั้น  ถึงเวลาที่พวกเราต้องกลับแล้ว  หากไม่กลับในตอนนี้ คงได้มืดค่ำแน่ ฉันไม่อยากค้างคืนที่นี่”

“ได้  เดี๋ยวผมแบกพี่ตั้วลั่วเอง”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง จูเก๋อโหย๋วหลงก็พยักหน้า แล้วอาสาแบกตั้วลั่วขึ้นมาบนหลัง

แต่สิ่งที่ลำบากใจก็คือ.......

จูเก๋อโหย๋วหลง เป็นเพียงแค่เด็กที่กำลังเติบโตคนหนึ่ง  ซึ่งความสูงก็ยังไม่ถึง 1.7 เมตรด้วยซ้ำ แต่ตั้วลั่วนั้นมีความสูงเกือบ 1.8 เมตร เมื่อเป็นเช่นนี้  ในตอนที่เขาแบกตั้วลั่วขึ้นมาบนหลัง ขาทั้งสองข้างของตั้วลั่วจึงยังคงลากอยู่บนพื้น

ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้  ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวของตั้วลั่ว จะไม่ค่อยสบายมากนักก็ตาม  แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงแต่ฝืนใจเท่านั้น  ถึงอย่างไรพวกเขา ก็ไม่สามารถทิ้งตั้วลั่วให้อยู่บนหลังของเจ้าทีเร็กซ์ตัวนั้นได้  อย่าพูดถึงนั่งให้มั่นคงเลย  ถึงจะนั่งให้มั่นคงได้   แต่เจ้าทีเร็กซ์ที่มีพลังต่อสู้เพียงตัวเดียวในกลุ่มของทุกคนในตอนนี้ หากพบเจอกับศัตรูมันก็คงจะพุ่งไปเป็นตัวแรก ถึงตอนนั้นตั้วลั่วก็คงจะตีลังกา ล้มลงมาจนน่าเวทนาใจมากยิ่งกว่าเดิม

ดังนั้นไม่นานทุกคน จึงได้ออกมาจากศูนย์การค้าแห่งนั้นได้  ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าทีเร็กซ์ จนสามารถกลับมาถึงพื้นที่ของโรงพยาบาลได้

แต่สิ่งที่ถือว่าคุ้มค่าที่สุดคือ  ในบริเวณรอบ ๆ ของศูนย์การค้านั้น ฮวางซางและพรรคพวกได้ค้นพบรอยเท้าของเจ้าทีเร็กซ์จำนวนไม่น้อยเลย  นี่ก็เป็นการพิสูจน์การวิเคราะห์ก่อนหน้านั้น ของฮวางซางได้แล้วว่า ในขณะที่เขาและตั้วลั่วกำลังทำการประลองฝีมือกันอยู่นั้น ก็ได้ดึงดูดเจ้าทีเร็กซ์ในบริเวณนี้ จำนวนไม่น้อยเลย แต่เพียงแค่มีเพียงตัวเดียวที่พบเจอร่องรอยของพวกเขาก่อนก็เท่านั้น

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ในใจของฮวางซางก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

หากในตอนนั้น พวกเขาไม่ได้พบแค่เจ้าทีเร็กซ์เพียงตัวเดียวละ  หรือเจ้าทีเร็กซ์ตัวนี้ไม่ได้ต่อสู้เพื่อ “อาหารรสเลิศ”  จนต้องเรียกพวกเดียวกันมาละ  ตอนนี้พวกเขาก็คงจะกลายเป็นส่วนหนึ่ง ของอุจารระเจ้าทีเร็กซ์ไปแล้วก็ได้

แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังมีทั้งเรื่องดี และเรื่องร้ายปะปนกันไป  ถึงแม้ว่าเจ้าทีเร็กซ์เหล่านี้ จะสร้างภัยอันตรายให้กับฮวางซางและพรรคพวก อยู่ไม่น้อยเลยก็ตาม  แต่ในเวลาเดียวกัน มันก็สามารถช่วยเคลียร์สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ และซอมบี้ที่เดินลอยไปลอยมาในละแวกนี้ไปได้มากทีเดียว  ดังนั้นตลอดเส้นทางของพวกเขา นอกจากต้องเจอซอมบี้สองสามตัวแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้พบเจอกับศัตรูชนิดอื่นเลยแม้แต่ตัวเดียว

สำหรับซอมบี้สองสามตัวนั้น ย่อมถูกเจ้าทีเร็กซ์กินไปจนไม่เหลือซากแล้วเช่นกัน

เพียงแต่ตอนที่ฮวางซางและพรรคพวก ได้กลับมาถึงโรงพยาบาล ภายใต้การนำของเจ้าทีเร็กซ์ พวกเขากลับพบว่าไม่เจอคนที่อยู่ในโรงพยาบาลนั้นแม้แต่คนเดียว!

จนกระทั้งไป๋หลี่หมิงหยู่ ที่ทำหน้าที่เฝ้าระวังภัยก็ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย!

“เกิดเรื่องขึ้นเหรอ?”

เมื่อเห็นโรงพยาบาลที่ว่างเปล่า สีหน้าของฮวางซางก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด

หรือว่าตอนที่พวกเขาออกจากโรงพยาบาลไปได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงจะมีศัตรูบุกเข้ามา?

แต่ปัญหาก็คือ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่อยู่  ภายในโรงพยาบาลก็ยังมีการป้องกันของผู้มีพลังเหนือมนุษย์ทั้งสองคน อย่างไป๋หลี๋หมิงหยู่และหลิวซินอยู่ด้วย   แบบนี้ถึงแม้ว่าจะมีศัตรูบุกเข้ามา  พลังความเย็นของหลิวซิน บวกกับพลังการโจมตีของไป๋หลี่หมิงหยู่ คนทั่วไปก็มักจะเสียเปรียบมากอยู่แล้ว

ยกเว้นเพียงแต่ว่าเจ้านักโทษในเรือนจำแห่งนั้น ก็ย้อนกลับมา!

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ในใจของฮวางซางก็หนาวเหน็บขึ้นมาทันใด

“พี่!”

ในตอนนั้นเอง เงาของหลิวซินกลับปรากฏขึ้นมา จากต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง หลังจากนั้นก็วิ่งเข้ามาหาฮวางซางและพรรคพวก ด้วยใบหน้าแห่งความดีใจอย่างถึงขีดสุดทันที

“ไป๋หลี่หมิงหยู่ละ ทำไมถึงไม่เฝ้าทางเข้าออกของโรงพยาบาล เกิดอะไรขึ้นหรอ?”

เมื่อเห็นหลิวซินปรากฎตัว  ในใจของฮวางซางก็คลายกังวลลงทันใด  หลังจากนั้นก็อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้

“ตอนที่พวกพี่จากไปไม่นาน ไป๋หลี่หมิงหยู่ก็พบว่า มีศัตรูกำลังมาทางนี้  ซึ่งคนเหล่านี้ต่างก็มีอาวุธครบมือทุกคน ไป๋หลี่หมิงหยู่จึงคิดว่าน่าจะเป็นนักโทษ ที่บุกปล้นโรงพยาบาลและฆ่าสังหารทหารไปก่อนหน้านั้น”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหลิวซินก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันใด

“เพียงแต่ว่าพวกเรานั้นมีน้อยจนเกินไป  แล้วพวกพี่ก็ไม่อยู่ด้วย ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น พวกเราจึงตัดสินใจไม่บุกเข้าไปหาคนเหล่านั้น ผมจึงได้นำเด็กๆเหล่านี้มาหลบซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ  ส่วนไป๋หลี่หมิงหยู่ ก็หลบซ่อนตัวดูลาดเลาอยู่ด้านนอก”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวซินก็หยุดไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พูดต่อว่า

“หลังจากนั้นพวกเราก็พบว่าจุดมุ่งหมายที่คนเหล่านั้น ย้อนกลับมายังโรงพยาบาลแห่งนี้ ก็เพื่อมาขนอุปกรณ์การแพทย์บางส่วน  ผมเดาว่าก่อนหน้านั้น พวกมันคงจะขนไปไม่หมด  ดังนั้นจึงได้กลับมาอีกรอบ  อีกทั้งหลังจากที่รอให้พวกเขาจากไปแล้ว ผมจึงได้ดูบันทึกวิดีโออีกครั้ง จากบทสนทนาของพวกเขา

พี่ใหญ่ของพวกเขา  ก็คือพี่ใหญ่หลง กำลังรวบรวมอุปกรณ์ทางการแพทย์จากหลายอย่างในโรงพยาบาล  น่าจะเพื่อสร้างเซรุ่มไวรัสออกมาให้เร็วที่สุด  หลังจากนั้นก็นำมาวิวัฒนาการพลังของเขาให้มากขึ้นไปอีกขั้น  จริงสิ ดูเหมือนในช่วงนี้ พวกเขาก็กำลังทำการปราบปราม พวกผู้มีพลังเหนือมนุษย์บางส่วนด้วย เพียงแค่จำนวนที่แน่นอน  และมีศักยภาพแบบใด ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ”

“พวกนายทำได้ดีมาก ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่บุกเข้าไปหาพวกเขา”

听到刘鑫的话,黄裳点了点头:“就算你们杀光了这些喽啰也没有多大意义,反而只会让那个所谓的龙哥心生警惕,到时候我们就更难做事了。”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวซิน ฮวางซางก็พยักหน้า

“ถึงแม้ว่าพวกนายจะสามารถฆ่าตัวสมุนเหล่านี้ไปได้ มันก็ไร้ความหมาย  ตรงกันข้ามกลับทำให้พี่ใหญ่หลงอะไรนั่นรู้ตัวด้วย ถึงตอนนั้นพวกเราก็คงยากที่จะจัดการมันแล้ว”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของฮวางซางก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา

“ตอนนี้เรื่องที่พวกเราต้องเป็นกังวลมากที่สุด ก็คือเรื่องผู้มีพลังเหนือมนุษย์  เราจำเป็นต้องทำการรวบรวมข้อมูลบางส่วนก่อนปฏิบัติการณ์  กันไว้ดีกว่าแก้ เตรียมการเผื่อๆไว้”

“ผมเองก็คิดแบบนั้น.....”

หลิวซินพยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็เห็นร่างกายของตั้วลั่ว ที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลราวกับมัมมี่  เขาจึงตื่นตกใจขึ้นมาทันใด

“พี่  พวกพี่ไปประลองฝีมือกันไม่ใช่เหรอ  แล้วทำไมถึงมาอยู่ในสภาพนี้ได้ละ......แล้วไหนจะไดโนเสาร์ตัวนี้ที่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของจูเก๋อโหย๋วหลงนี้อีก?  เจ้าสิ่งนี้มันเจ๋งมากเลย”

“เฮ้อออ! อย่าถามเลย มันอธิบายยากหน่ะ.....”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฮวางซางก็อดปวดหัวขึ้นมาไม่ได้  เขาส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า

“วันนี้ไม่สามารถออกหากระสุนต่อได้แล้ว  พรุ่งนี้ละกัน พรุ่งนี้ฉันกับจูเก๋อโหย๋วหลง จะออกไปหากระสุน  ถ้าเป็นไปได้อย่างราบรื่น  วันมะรืนพวกเราก็น่าจะไปลงมือกับพวกนักโทษเหล่านั้นได้แล้ว”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ สายตาของฮวางซางก็ฉายแววสังหารขึ้นมาทันใด

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเราจะต้องกำจัดเจ้าพวกนักโทษเหล่านั้น ก่อนคำสาปจะแผลงฤทธิ์ให้ได้  เท่านี้พวกเราก็จะมีพลังไปต่อกรกับซาดาโกะแล้ว!”

นับตั้งแต่วันที่เห็นวิดีโอของซาดาโกะ จนถึงตอนนี้ก็เข้าสู่วันที่สามวันแล้ว  นี่ก็บ่งชี้ได้ว่า เวลาของพวกเขาเหลือน้อยลงเรื่อยๆเต็มที  ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องกำจัดนักโทษเหล่านั้น ให้เร็วที่สุด  ไม่อย่างนั้นละก็ พวกเขาก็จะไม่มีพลังไปต่อกรกับซาดาโกะได้อย่างแน่นอน

แต่ว่า........

หากต้องต่อกรกับซาดาโกะ เกรงว่าต้องเตรียมการไพ่ใบสุดท้ายขึ้นมาใหม่ ในเวลาที่กระชั้นชิดแบบนี้นะสิ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด