ตอนที่แล้วตอนที่ 81 ปลดล็อกขั้นสอง และหน้ากาก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 83 ไดโนเสาร์ดุร้ายกับมนุษย์ที่ดุร้าย

ตอนที่ 82 ผู้ที่มาเยือนอย่างไม่คาดคิด


ตอนที่ 82 ผู้ที่มาเยือนอย่างไม่คาดคิด

  

“แม่งเอ๊ย  นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!”

ในขณะที่มองไปทางตั้วลั่วที่แขนขาบิดเบี้ยวกองอยู่บนพื้น  ฮวางซางก็เช็ดคราบเลือดมุมปาก แล้วสบถด่าออกมาทันใด

เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะมาไกลถึงขนาดนี้  ไม่เพียงแต่ตั้วลั่วที่บาดเจ็บสาหัสแล้วเท่านั้น อีกทั้งไพ่ใบสุดท้ายที่ซ่อนเอาไว้มาเนิ่นนาน ก็ต้องเอาออกมาใช้ไปจนหมดอีกด้วย

ไม่ผิด หน้ากากแปลกประหลาดทั้งสองชิ้นเมื่อสักครู่  นอกเหนือจาก “เนตรความเป็นความตายหยินหยาง” ของวิชาเบิกเนตรแล้ว เขาก็ยังมีวิชาอภินิหารของการบำเพ็ญขั้นสองอยู่อีกด้วย เพียงแต่มันจะแตกต่างจากเนตรความเป็นความตายหยินหยางอยู่บ้าง  วิชาอภินิหารของเขานี้เรียกว่า“คาถามายาเจ็ดอารมณ์” ซึ่งกลับต้องนำมาใช้เพื่อรักษาชีวิตเอาไว้อย่างไม่เต็มใจ

แรกเริ่มเดิมทีนั้นคาถามายาเจ็ดอารมณ์ คือวิชาลับแห่งการสังหารและการรักษาชีวิตประเภทหนึ่ง ที่ถูกสร้างขึ้นมาบนพื้นฐานของพลังแห่งความเป็นความตายหยินหยาง   ขั้นสูงสุดของมันสามารถสร้างความสามารถที่แตกต่างกัน 7 อย่างออกมาได้  ด้วยอานุภาพที่แกร่งกล้านี้  หน้ากากทั้งสองชนิดจะเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังจะสามารถมาช่วยในการต่อสู้ได้อีกด้วย

เพียงแต่ว่าเนื่องจากการบ่มเพาะฝึกฝนของเขายังไม่ถึงขั้น ดังนั้นแม้ว่าเขาจะจะบำเพ็ญเพียรอย่างหนักมาคืนหนึ่ง และใช้พลังต้นกำเนิดภายในร่างกายจนหมดลงก็ตาม เขาก็สามารถสร้างขึ้นมาได้เพียงแค่สองหน้ากากนี้เท่านั้น

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เพราะหน้ากากทั้งสองชิ้นคือพลังแห่งต้นกำเนิด  มันจึงได้ก่อรวมกันเป็นพลังแห่งความเป็นความตายหยินหยางอันบริสุทธิ์ ท่ามกลางภาพไท่จี๋หยินหยางนั้นของเขา  ดังนั้นในกรณีที่ถูกใช้ไปจนหมด  พลังเหนือธรรมชาติหลังการเปลี่ยนแปลง ก็ไม่สามารถเติมเต็มเข้าไปได้ เพียงแค่ต้องรอให้พลังแห่งความตายหยินหยางฟื้นตัวขึ้นมาทีละนิดๆ ถึงจะสามารถทำให้หน้ากากเหล่านี้รวมตัวขึ้นมาอีกครั้งได้

ใพ่ใบสุดท้ายใบนี้เดิมที เขาเตรียมพร้อมไว้สำหรับ ตอนที่บุกเข้าไปในหากลุ่มนักโทษเหล่านั้นในเรือนจำต่างหาก....แต่ตอนนี้กลับ.....

เฮ้ออ.......

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ฮวางซางก็อดทอดถอนใจออกมาไม่ได้  จากนั้นก็เตรียมยืนขึ้นมา

แต่ในตอนนั้นเอง ความรู้สึกอ่อนแอภายในร่างกายของเขา กลับทะลักออกมาราวกับน้ำป่าไหลหลาก  ทำให้เขาสั่นเทาไปทั้งตัว เกิดอาการวิงเวียนขึ้นมาในหัวสมองของเขา จนไม่สามารถยืนขึ้นมาได้

พละกำลังของเขาถูกใช้จนเกินขีดจำกัดร้ายแรงมากเกินไป!

“พี่ฮวางซาง พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

ในตอนนั้นเอง จูเก๋อ โหย๋วหลงที่ชมการต่อสู้อยู่ด้านข้างสนามก็เพิ่งได้สติกลับมา  หลังจากนั้นก็วิ่งเข้าไปหาฮวางซาง  เพื่อช่วยประคองฮวางซางขึ้นมา จากนั้นก็มองไปทางตั้วลั่วที่สลบไสลไม่ได้สติที่อยู่ไม่ไกล  เขาจึงถามขึ้นด้วยความกังวลว่า

“พี่ตั้วลั่วเป็นยังไงบ้าง......เขายังจะกลายร่างเป็นตัวนั้นอีกไหม?”

เมื่อนึกถึงภาพการต่อสู้ระหว่างฮวางซางและตั้วลั่ว จูเก๋อโหย๋วหลงก็เกิดอาการหวาดกลัวขึ้นมาในจิตใจทันใด

พูดตามความจริง  ตั้งแต่ที่หายนะวันสิ้นโลกมาถึง  หลังจากที่พลังเหนือมนุษย์ของเขาฟื้นตื่นขึ้นมา  เขารู้สึกมาตลอดว่าพลังของตัวเองนั้นไม่อ่อนด้อยเลยทีเดียว  แต่หลังจากที่ฮวางซางและพรรคพวกปรากฏตัวขึ้นและฆ่าเจ้าไทแรนท์ไป  เขาก็ยังคงไม่รู้สึกว่าตัวเองนั้นจะสามารถอ่อนแอกว่าฮวางซางและพรรคพวกได้

ถึงอย่างไรพลังความแข็งแกร่งของเขา ไม่เพียงแต่จะขึ้นอยู่กับตัวเองเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับสัตว์เลี้ยงที่เขาได้ทำพันธสัญญากับเขาอีกด้วย  สัตว์เลี้ยงยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่  เขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น  ศัตรูหน้าไหนเขาก็จะไม่มีวันแพ้

แต่หลังจากที่เห็นภาพการต่อสู้ระหว่างฮวางซางและตั้วลั่ว ที่ดูเหมือนกับเทพเจ้าต่อสู้กันเมื่อสักครู่แล้ว เขาจึงได้รู้ซึ้งแล้วว่า อะไรที่เรียกว่ากบในกะลา.......

พลังความแข็งแกร่งของสองคนนี้ห่างไกลเกินกว่าที่เขาคิดไว้.......

และก็น่ากลัวกว่ามากด้วย!

“เขาน่าจะไม่เป็นอะไร.......”

ฮวางซางส่ายหน้า แล้วพูดขึ้นว่า

“หากฉันเดาไม่ผิด สาเหตุที่ตั้วลั่วไร้สติสัมปชัญญะแบบนี้ ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับพลังเหนือมนุษย์อันน่ากลัวนั้นของเขา  ตอนนี้เขาก็สลบไปแล้ว  พลังเหนือมนุษย์ก็ถูกกำจัดออกไปแล้ว น่าจะไม่เป็นอะไรแล้วละ”

“แล้วถ้าเขาตื่นขึ้นมากลายร่างแบบนั้นอีกละ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง จูเก๋อโหย๋วหลงก็อดกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่ได้ ก่อนถามขึ้น

“งั้นฉันกับนายก็ต้องแบมือรอความตายแล้วละ......”

ฮวางซางไม่มีแรงถลึงตาใส่ จูเก๋อโหย๋วหลง แต่อย่างใด หลังจากนั้นจึงพูดขึ้นต่อว่า

“ดูเหมือนในศูนย์การค้าแห่งนี้ จะยังไม่มีใครเคยเข้ามาก่อน  ในนี้น่าจะมีวัตถุดิบไม่น้อย  นายช่วยไปหาขนมและน้ำมาให้ฉันหน่อยสิ  ฉันอยากเติมพลังสักหน่อย.......”

ตอนนี้ร่างกายของเขาอ่อนแอมากเกินไป บวกกับตั้วลั่วที่ได้รับบาดเจ็บแสนสาหัสด้วย ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่กล้าไปจากที่นี่ ทำได้เพียงต้องฟื้นฟูพลังขึ้นมาก่อนเท่านั้น หลังจากนั้นก็ค่อยคิดหาวิธีการรักษาตั้วลั่วอีกครั้ง

“ครับ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง จูเก๋อโหย๋วหลงก็พยักหน้าทันที  กำลังเตรียมพร้อมที่จะไปหาอาหารและน้ำ  แต่ในตอนนั้นเอง  เขากลับลังเลขึ้นมาทันใด

“แต่ว่าพี่ฮวาง  ตอนนี้พี่ก็อ่อนแอมากขนาดนี้  พี่ตั้วลั่วเองก็สลบอยู่ด้วย  หากตอนที่ผมไปเกิดมีศัตรูโผล่ขึ้นมาจะทำยังไงละ?”

“แถวนี้ไม่มีร่องรอยของซอมบี้และสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เลย  นายเพียงแค่รีบไปรีบกลับ  น่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

ฮวางซางยิ้มเล็กน้อย ก่อนพูดขึ้นว่า

“ฉันคงไม่ซวยอะไรขนาดนั้นหรอกมั้ง?”

“ได้ครับ งั้นพี่ต้องระวังตัวเองดีๆนะ ผมจะรีบกลับมา”

จูเก๋อโหย๋วหลงพยักหน้า หลังจากนั้นก็กระโดดพุ่งไปด้านหน้า ตรงเข้าไปยังด้านในของศูนย์การค้าทันที

“เฮ้อ.....”

เมื่อจูเก๋อโหย๋วหลงจากไป ฮวางซางก็ถอนหายใจออกมายาวๆ  แล้วนั่งลงไป เตรียมพร้อมใช้ยุทธการใน 《บันทึกความเป็นความตายหยินหยาง》ดูดซับพลังเหนือฟ้าดิน  ฟื้นฟูร่างกายให้ตัวเอง

เพียงแต่ก่อนหน้าการบำเพ็ญนั้น เขาได้มองไปทางตั้วลั่วที่กำลังสลบไสลอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ส่ายหน้า

เจ้าหนุ่มนี้เชื่อถือไม่ได้จริงๆ  พลังเหนือมนุษย์เพียงอย่างเดียว สามารถกลายพันธุ์ได้ถึงขนาดนี้......แต่พลังเหนือมนุษย์ของเขาก็น่ากลัวมากจริงๆ  หากตัวเองไม่มีวิชาอภินิหารในการรักษาชีวิตละก็  ตอนนี้คงถูกเจ้านี้ฆ่าตายไปนานแล้ว.....

ไม่ว่าจะยังไง หลังจากนี้ ถ้าเห็นเจ้านี้ทำการปลดล๊อคขั้นสองอีก ตอนนั้นตัวเองก็คงต้องหลบหลีกไปให้ห่างไกลอย่างแน่นอน

หลังจากนั้น ฮวางซางก็หลับตาลง เริ่มการรักษาร่างกาย

แต่ไม่นาน เสียงที่แผ่วเบา ก็ดังเข้ามาในหูของฮวางซาง หลังจากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรูม่านตาที่หดเล็กลง!

เพราะว่าเสียงๆนี้ ดังออกมาจากปากประตูทางเข้าออกของศูนย์การค้าแห่งนี้!

มีบางอย่างกำลังเข้ามา!

“แม่งเอ๊ย  มันคงไม่ซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนั้นหรอกมั้ง?”

ในขณะที่กำลังฟังเสียง ที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สีหน้าของฮวางซางก็เปลี่ยนสีจนยากจะบรรยายออกมาได้ในทันที

ตอนนี้พลังเหนือธรรมชาติและกำลังกายของเขา ก็ยังไม่ฟื้นคืนกลับมา แม้แต่การกระโดดพุ่งออกไปยังทำได้ยากลำบากเลย  ยิ่งการต่อสู้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง  อีกทั้งตั้วลั่วก็ยังนอนสลบอยู่ในนั้นด้วย  ถึงแม้ว่าจะเกลียดเจ้านั่นยังไง แต่ตนเองก็ไม่สามารถทอดทิ้งเขาโดยไม่สนใจหรอก?

เมื่อนึกถึงตรงนี้  ฮวางซางก็เกิดความลังเลใจขึ้นมา ก่อนจะกัดฟันกรอด แล้วก็ตะโกนเรียกเสียงดังออกไป

“จูเก๋อโหย๋วหลง!”

ถึงแม้ว่าฮวางซางจะรู้ว่า การส่งเสียงดังขนาดนี้ จะสามารถดึงดูดศัตรูให้เข้ามาได้โดยง่ายก็ตาม แต่ตอนนี้เขากลับไม่มีวิธีการอื่นแล้ว  ถึงอย่างไรการต่อสู้เมื่อสักครู่ ก็ทำให้ตั้วลั่วเสียเลือดไปมาก ในบริเวณนี้จึงมีกลิ่นคาวเลือดสดคละคลุ้งอยู่ไม่น้อยอีกด้วย  ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ถึงแม้ว่าเขาจะนิ่งเงียบ  แต่ยังไงศัตรูตัวนั้นก็มีโอกาสเจอเขาได้อย่างแน่นอน

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ทำได้เพียงแต่ต้องสู้ให้ถึงที่สุด!

ตึงตึงตึงตึง!

เห็นได้ชัดว่าเสียงร้องตะโกนของฮวางซาง ภายในซากปรักหักพังของศูนย์การค้าอันเงียบสงัดแบบนี้นั้น แสบแก้วหูมากเป็นพิเศษ  ไม่รู้ด้วยว่า จูเก๋อโหย๋วหลง นั้น จะได้ยินหรือไม่ได้ยิน  แต่ผู้มาเยือนในที่อยู่ห่างไกลคนนั้นต้องได้ยินอย่างแน่นอน

ดังนั้นวินาทีต่อจากนั้น เสียงอึกทึกที่ทั้งเร่งรีบและหนักหน่วงก็เริ่มค่อยๆ ดังเข้ามาใกล้ยังตำแหน่งของฮวางซางมากขึ้นเรื่อย ๆ  เสียงตึงตึงที่ดังขึ้นนั้น ฟังดูคล้ายกับมีคนใช้ของมีคมบางอย่าง กระแทกไปบนเซรามิกเหล่านั้น มันช่างน่าแปลกประหลาดยิ่ง!

พูดตามความจริง เมื่อหายนะวันสิ้นโลก ย่างกรายมาถึงตัวของฮวางซาง เขาก็ต้องพบเจอกับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ และซอมบี้จำนวนมาก  แต่เสียงฝีเท้าอันประหลาดๆเช่นนี้กลับเคยได้ยินเป็นครั้งแรก

ผู้มาเยือนคือตัวอะไรกัน?

ไม่นาน ฮวางวางก็ได้รู้คำตอบ

หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที เงาขนาดใหญ่ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าของฮวางซาง!

แต่หลังจากที่ได้เห็นเงาขนาดใหญ่นั้น รูม่านตาของฮวางซางก็หดลงอย่างรวดเร็ว

มันคือสิ่งนี้อย่างนั้นหรือ? !

ในตอนนั้นเอง เขาไม่จำเป็นต้องเปิดโปรแกรมวิเคราะห์ในโทรศัพท์แต่อย่างใด ก็สามารถรับรู้ของที่มาของสิ่งๆนี้ได้!

นี่คือวิลอซิแรปเตอร์ ที่มีขนาดรูปร่างใหญ่มหึมา  ไม่  น่าจะเรียกมันว่าทีแร๊กซ์ถึงจะถูกต้อง!

นักล่าผู้น่ากลัวเช่นนี้ เคยปรากฏตัวอยู่ในหนังเรื่อง คิงคอง ปี 05 มาก่อน  นี่คือนักล่าที่น่ากลัวที่สุดชนิดหนึ่ง  แม้แต่กลุ่มของไดพลอโดคัสในหนังเรื่องนี้ ยังถูกพวกมันไล่ล่าอย่างโหดร้าย  จนสุดท้ายมันก็ยอมที่จะตกหน้าผาลงไป ดีกว่ายอมตกอยู่ในน้ำมือของนักล่าที่น่ากลัวตัวนี้

ในตอนนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เบื้องหน้าของเขาคือเจ้าทีแร็กซ์ตัวเต็มวัย  ไม่เพียงแต่จะมียาวเกือบ 7 เมตรแล้วเท่านั้น ร่างกายที่สูงใหญ่ของมันก็เกือบจะเท่าระดับเต็มวัยอีกด้วย  ร่างกายขนาดมหึมา  บวกกับฟันที่แหลมคมของมัน  รวมไปถึงดวงตาที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลบนหัวของมันคู่นั้น ทำให้สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวตัวนี้เกือบจะกลายเป็นอาวุธสังหาร ที่สมบูรณ์แบบไปเลยทีเดียว

แต่ทว่าอาวุธสังหารของสิ่งมีชีวิตตัวนี้ กลับไม่ใช่ฟันที่แหลมคมของมัน  แต่กลับเป็นกรงเล็บอันแหลมคมที่อุ้งเท้าอันทรงพลังของมันต่างหาก  กรงเล็บเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะแหลมคมดั่งมีดเท่านั้น  อีกทั้งนิ้วโป้งขนาดใหญ่ก็โค้งเรียวยาวมากอีกด้วย  กรงเล็บนั้นแข็งแกร่งกว่ากรงเล็บนิ้วเท้าของสิ่งมีชีวิตอื่นๆถึง 5 เท่า  ในกรณีที่พวกมันถูกศัตรพุ่งเข้าใส่  กรงเล็บหัวแม่มืออันแหลมคมเหล่านี้ก็คงจะฟาดฟันอย่างโหดเหี้ยมแก่ศัตรูตัวนั้น จนได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่

แต่สิ่งที่ฮวางซางกังวลที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่เพราะกรงเล็บหรือฟันที่แหลมคม ของเจ้าทีแร็กซ์แต่อย่างใด  แต่กลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เพราะถ้าเขาจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ นักล่าที่น่ากลัวอย่างทีแร็กซ์นี้มันชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง!

นี่ก็บ่งชี้ได้ว่า ด้านนอกของศูนย์การค้า ต้องยังมีเจ้าทีแร็กซ์อีกเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน!

กำลังกายที่ใช้ไปเกินขีดจำกัดตอนนี้ จนแทบไม่มีแรงที่จะยืนแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถึงแม้ว่าเขาจะบรรลุขั้นสูงสุดก็ตาม  แต่เขาก็ไม่สามารถฝ่ากลุ่มของเจ้าทีแร็กซ์เหล่านี้ออกไปได้อย่างแน่นอน  !

ฮือ!

ในตอนนี้ไม่นานนัก เจ้าทีแร็กซ์ที่มาตามเสียงเรียก ก็เห็นตั้วลั่วที่นอนอยู่บนพื้น รวมไปถึงฮวางซางที่อยู่ไม่ไกลจากนั้นแล้ว  หลังจากนั้นมันก็ยื่นหัวออกไปส่งเสียงร้อง  แววตาอันโหดร้ายก็ฉายขึ้นมา ในดวงตาของเจ้ากิ้งก่านักล่าตัวนั้น  จากนั้นก็ย่างก้าวเข้าไป  เพิ่มระดับความเร็วพุ่งตรงเข้าไปหาตั้วลั่วและฮวางซางทันที

“แม่งเอ๊ย  เจ้าบ้าจูเก๋อโหย๋หลง วิ่งไปถึงไหนกันเนี่ย!”

เมื่อเห็นเจ้าทีแร๊กซ์พุ่งเข้ามาใส่  ฮวางซางก็อดสบถด่าทอ ออกมาไม่ได้  จากนั้นก็ชักกริชที่อยู่บนเอวขึ้นมา แล้วเพ่งเล็งไปทางทีแร๊กซ์ตัวนั้น เตรียมพร้อมที่จะพุ่งโจมตีเข้าใส่!

แต่ตอนนี้กำลังกายและพลังเหนือธรรมชาติของเขานั้น เกินขีดจำกัดอย่างร้ายแรง  จนไม่สามารถสนับสนุนให้เขาสามารถเคลื่อนไหวที่รุนแรงมากเกินไปได้  ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิม    รอให้เจ้าทีแร๊กซ์ตัวนั้นโจมตีเข้ามา จากนั้นค่อยหาโอกาสโจมตีสวนมันกลับไป!

ถึงอย่างไรกริชที่อยู่ในมือของเขาก็ยังมีพิษเคลือบเอาไว้อยู่  เพียงแค่แทงเข้าไปบนตัวของเจ้าทีแร๊กซ์  ถึงแม้ว่าอาการชานั้นอาจจะไม่สามารถทำให้นักล่าอันน่ากลัวเช่นนี้ ชาไปทั้งตัวได้อย่างสมบูรณ์ก็ตาม แต่ก็คงจะสร้างผลกระทบต่อมันไม่น้อย  และก็ยื้อเวลาให้พวกเขาได้มากพอ!

หวือ!

ระดับความเร็วของทีแร๊กซ์นั้น เร็วจนแทบจะไม่มีเวลาได้หายใจเลยทีเดียว  มันอยู่ห่างจากฮวางซางไม่ถึง 5 เมตรเท่านั้น  หลังจากนั้น เท้าอันแข็งแกร่งของมันก็กระแทกพื้นอย่างรุนแรง  ร่างกายขนาดใหญ่ก็กระโดดพุ่งพรวดไปข้างหน้า  ตรงเข้าไปหาฮวางซางในทันที!

การกระโดดโจมตีใส่  คือหนึ่งในขั้นตอนการโจมตีที่ชำนาญที่สุดของเจ้าทีแร๊กซ์!

“สู้ตายโว้ย!”

ในขณะที่มองไปทางทีแร็กซ์ ที่กำลังพุ่งเข้ามาหาตัวเองอยู่นั้น ฮวางซางก็กัดฟันกรอด  แล้วออกแรงเฮือกสุดท้ายกลิ้งตัวออกไป  เพื่อหลบหลีกการโจมตี ของเจ้าทีแร๊กซ์ตัวนี้ และเป็นเวลาเดียวกับที่เขาเหวี่ยงกริชที่เตรียมไว้ ฟันเข้าใส่เจ้าทีแร็กซ์ตัวนี้!

แต่ทว่ากำลังกายของเขาในตอนนี้นั้น เกินขีดจำกัดมากเกินไป  การหลบหลีกเมื่อสักครู่ ทำให้พลังที่สะสมขึ้นอย่างยากเย็นหมดลงไปอีกครั้ง  ดังนั้นจึงทำให้การเคลื่อนไหวในเวลานี้กลับช้าลงไปก้าวหนึ่ง!

และการช้าลงไปก้าวหนึ่งเช่นนี้ ก็ทำให้เขาต้องพลาดท่าให้กับเจ้าทีแร็กซ์อย่างจัง!

หวือ!

ในตอนที่กริชของฮวางซางเสียบเข้าไปในตัวของทีแร๊กซ์  ร่างกายของเจ้าทีแร๊กซ์ตัวนั้น กลับโอนเอนขึ้นมาอย่างฉับพลัน  หลังจากนั้นหางอันแข็งแกร่ง ที่ดูคล้ายแส้เหล็กของมัน ก็แหวกฝ่าอากาศมาอย่างรุนแรง ก่อนจะฟาดลงไปบนลำตัวของฮวางซางอย่างโหดเหี้ยม

ผลัวะ!

วินาทีต่อจากนั้น เสียงกระแทกอันหนักหน่วงก็ดังขึ้น  ฮวางซางถูกหางของเจ้าทีแร๊กซ์ โจมตีจนลอยออกไปราวกับถูกรถยนต์กระแทกใส่ ก่อนที่เขาจะล้มลงไปกองกับพื้นอย่างรุนแรง  พร้อมกับกระอักเลือดออกออกมาอย่างรวดเร็ว !

และในเวลาเดียวกันเจ้าทีแร๊กซ์ตัวนั้นก็เปลี่ยนทิศทาง  แววตาลึกๆของมันก็ฉายแววหยอกล้อ ที่คล้ายคลึงกับมนุษย์ขึ้นมา หลังจากนั้นก็เดินเข้ามาหา ฮวางซางที่บาดเจ็บสาหัสทีละก้าวๆ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด