ตอนที่แล้วตอนที่ 78 ยุทธการแรกเริ่มในโบราณกาล บันทึกความเป็นความตายหยินหยาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 80 ปลดล็อกและวิชาเบิกเนตร

ตอนที่ 79 บรรลุ ประลองฝีมือ


ตอนที่ 79 บรรลุ ประลองฝีมือ

  

ยามค่ำคืน ณ โรงพยาบาล

หลังจากที่ภาพไทจี๋หยินหยาง ได้เข้ามาวนเวียนในร่างกายของฮวางซางอย่างรวดเร็วแล้ว ร่างกายของฮวางซางที่นั่งบนพื้นก็ได้เกิดเปลวไฟสีฟ้าลุกโชนขึ้นมาอย่างฉับพลัน ราวกับจุดดวงไฟให้ส่องแสงสว่างยามค่ำคืน!

แต่วินาทีต่อจากนั้น เปลวไฟสีฟ้าดวงนี้ก็ดูเหมือนกับได้รับการแทรกซึม และกัดกร่อนจากพลังบางอย่าง จนเกิดสั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้นฉับพลัน  หลังจากนั้นแสงสีฟ้าก็กลายเป็นสีดำขาวอย่างช้าๆ คล้ายกับภาพไทจี๋ ปกคลุมร่างกายของฮวางซางไว้!

“เวทมนต์แผลงฤทธิ์แล้ว!”

เมื่อเห็นพลังเหนือมนุษย์บนร่างกายของฮวางซาง  ไป๋หลี๋หมิงหยู่ที่อยู่บนยอดตึกก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันใด

สำหรับฮวางซางที่สามารถหลบหลีกกระสุนของตัวเองได้หลายครั้ง อีกทั้งยังต้านทานปืนไรเฟิลของตัวเองได้อีกด้วย สุดท้ายตัวเองก็พ่ายแพ้ต่อการโจมตีซึ่งๆหน้า  พูดได้ว่าไป๋หลี๋หมิงหยู่ยอมรับทั้งกายและใจ จนถึงขั้นเลื่อมใสศรัทธาอย่างหมดใจ

แต่เมื่อเห็นภาพในตอนนี้  ฮวางซางจึงกลายเป็นสิ่งที่ลึกลับขึ้นในใจของเขามากขึ้นไปอีก

ในตอนนั้นเอง ราวกับฮวางซางจะสัมผัสได้ถึง สายตาของไป๋หลี๋หมิงหยู่ จึงได้เงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ทำให้สบสายตาเข้ากับไป๋หลี๋หมิงหยู่ พอดิบพอดี

สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ หลังจากที่ดวงตาคู่นั้นของฮวางซางลืมขึ้นมา  รูม่านตาทั้งซ้ายและขวาของเขาก็ดูเหมือนจะมีแสงสีดำขาว เปล่งประกายอยู่ภายในอย่างไรอย่างนั้น  ไป๋หลี๋หมิงหยู่สัมผัสได้ถึงแรงกระตุ้น จากพลังบางอย่างเข้ามาในดวงตา จนเกิดความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้เขาต้องเมินหน้าไปทางอื่น  ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับมีน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย

“บันทึกความเป็นความตายหยินหยาง ....... พลังแรกเริ่มในโบราณกาลมีชื่อเสียงสมดั่งคำล่ำลือจริงๆ!”

เมื่อเป็นเช่นนี้ ฮวางซางที่เพึ่งได้สติกลับมา พร้อมกับฉายแววความตื่นเต้น และความตะลึงขึ้นมาในดวงตาโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเปรียบเทียบกับวิชาหลอมรวมเป็นหนึ่ง ที่นำมาใช้เป็นรากฐานแล้วนั้น  บันทึกความเป็นความตายหยินหยาง ที่เป็นยุทธการสังหารแรกเริ่มในโบราณกาลอันนี้นั้น ทรงพลังมากยิ่งกว่าในทุกระดับชั้นได้

หากพูดถึงวิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งที่ เป็นเสมือนเสื้อที่ถักทอขึ้นมาจากเหล็ก เพื่อนำมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของตัวเอง จนทำให้ร่างกายมีพลังแห่งการทำลายล้าง  เช่นนั้น บันทึกความเป็นความตายหยินหยางก็คือเกราะที่ถูกสร้างขึ้นมาให้แข็งแกร่งยิ่งกว่า เพื่อให้ร่างกายมีพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ จนสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน!

ในอดีตอาจจะจำเป็นต้องใช้เทคนิคบางอย่าง แต่ในยุคหลังกลับเป็นแขนงวิชาที่ทั้งสมบูรณ์และทั้งซับซ้อนวิชาหนึ่ง!

ยุทการจู่โจมวิชานี้สามารถครอบคลุมจักรวาลได้  ไม่เพียงแต่จะมีเทคนิคการเข้าฌานแล้ว  อีกทั้งยังมีอิทธิฤทธิ์ในการสังหาร วิชาหลอมโอสถอันลึกลับ  แม้แต่วิชาปราบมารก็ยังมี  พูดได้ว่าต่อให้ปิดกั้นการรู้แจ้งอย่างอื่น การบำเพ็ญยุทธการจู่โจมนี้  ก็เพียงพอแล้วสำหรับการโจมตีและรักษารากฐานให้มั่นคง เหนือโลกได้

แต่เมื่อเปรียบเทียบกับความลึกลับ ที่ทั้งซับซ้อน และทั้งมหาศาลในบันทึกความเป็นความตายหยินหยางแล้ว สิ่งที่ฮวางซางให้ความสำคัญยิ่งกว่า นั่นก็คืออานุภาพของยุทธการจู่โจมชนิดนี้!

ในตอนนี้การบำเพ็ญ บันทึกความเป็นความตายหยินหยาง ในครั้งแรกภายใต้การช่วยเหลือของระบบ  วิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งภายในร่างกายของเขา ได้รับการฝึกฝนบำเพ็ญจากพลังจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ จนค่อยๆก่อเกิดการเปลี่ยนแปลง จนมีคุณสมบัติส่วนหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความเป็นความตายหยินหยางได้

ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้  พลังจิตวิญญาณภายในร่างกายของเขา ก็ยังไม่ได้เพิ่มขึ้น กลับถูกใช้จนลดลงไปเป็นจำนวนไม่น้อยอีกด้วย แต่ก็เหมือนกับมีช่างเหล็กนำเหล็กที่แกร่งกล้า มาหลอมรวมและทุบตีจนกลายเป็นใบมีดเทพศาสตรา  จึงทำให้พลังจิตวิญญาณหลังกลายพันธุ์นี้ มีความหนาแน่น เข้มข้น และมีอานุภาพที่เพิ่มขึ้น!

เนื่องจากเป็นเช่นนี้  เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา  ถึงพลังเหนือธรรมชาติยังหลอมรวมกันไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็ก่อเกิดผลลัพธิ์ที่ดูคล้ายกับ “วิชาเบิกเนตร” จึงกระตุ้นไป๋หลี่หมิงหยู่  จนดวงตาคู่นั้นเกิดความเจ็บปวด น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย

และเนื่องจากพวกเขาทั้งสองคนอยู่ห่างกันมาก   อีกทั้งในฐานะที่ไป๋หลี่หมิงหยู่ ก็เป็นผู้มีพลังเหนือมนุษย์ที่เก่งกาจคนหนึ่ง ดังนั้นจึงได้รับการกระตุ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาละก็ คงถูกพลังของฮวางซางโจมตีเข้าไปแล้ว ถึงตอนนั้นดวงตาของอีกฝ่าย คงจะถูกทำร้ายจนเสียหายเลยก็ว่าได้

แต่หากฮวางซางยังใช้เวลาไปกับการบำเพ็ญ เพื่อวิชาเบิกเนตรบางอย่างนี้อีกครั้งละก็

อานุภาพของวิชาเบิกเนตรนี้ก็จะแปรเปลี่ยนเป็นน่ากลัวเกินขีดจำกัดมากยิ่งขึ้น!

นี่คือความน่ากลัวของ บันทึกความเป็นความตายหยินหยาง  ภายใต้การใช้ยุทธการประเภทนี้  ทำให้พลังทั้งหมดภายในร่างกายของฮวางซาง จะถูกแปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งความเป็นความตายหยินหยาง อย่างช้าๆ ถึงตอนนั้นไม่ว่าเขาจะใช้วิชาลับแบบใดก็ตาม มันก็จะระเบิดพลังที่เหนือกว่าคนอื่นเป็นสิบเท่าออกมา  จนกระทั่งทำลายฝ่ายตรงข้าม หรือแม้แต่จะต่อสู้ข้ามระดับก็ได้!

นี่ก็คือสาเหตุที่บันทึกความเป็นความตายหยินหยาง ถูกเรียกว่าเป็นยุทธการแรกเริ่มในโบราณกาล

หลังจากที่ได้รับรู้ถึงพลังที่เก่งกาจ ของบันทึกความเป็นความตายหยินหยางแล้ว ในใจของฮวางซางก็ยิ่งตื่นเต้นและลิงโลดใจมากยิ่งขึ้น  จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลับตาทั้งสองข้างลงอีกครั้ง แล้วเริ่มเข้าสู่การบำเพ็ญบันทึกความเป็นความตายหยินหยาง เพื่อหวังให้พลังเหนือธรรมชาติภายในร่างกายทั้งหมด ได้แปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งความเป็นความตายหยินหยางโดยเร็วที่สุด

ถึงตอนนั้นเขาก็จะสามารถฝึกฝน บำเพ็ญอิทธิฤทธิ์การต่อสู้เกินขีดจำกัด ในบันทึกความเป็นความตายหยินหยางได้!

“รู้สึกว่าพี่ฮวางจะแข็งแกร่งขึ้นอีก.....”

เมื่อเห็นดวงตาของฮวางซางที่หลับลงไป และเข้าสู่การบำเพ็ญ  ไป๋หลี่หมิงหยู่ก็ขยี้ดวงตาที่รู้สึกเจ็บปวดนั้น ก่อนมองไปทาง ฮวางซางด้วยความซับซ้อน จากนั้นก็ถอดถอนใจออกมา

จริงๆแล้ว ตัวเองนั้นก็ไม่ได้เป็นคนที่พิเศษที่สุด ถึงจะพยายามเต็มที่แต่ก็เป็นได้แค่ตัวประกอบเท่านั้น.......

ถุย ถุย ถุย ตัวประกอบก็ตัวประกอบ ตายก็ตาย  ก็แค่คำพูดพล่อยๆของเด็กคนหนึ่งเท่านั้น ยังไงตัวเองก็ต้องมีชีวิตที่ดีต่อไป...........

(童言无忌คำพูดพล่อยๆ ของเด็ก หมายถึง คำพูดที่ไม่ควรถือสา อาทิเด็กอาจเผลอกล่าวคำไม่เป็นมงคลก็จะไม่ถือเป็นจริงเป็นจัง)

แต่ ถ้าติดตามพี่ฮวางซางไปละก็  น่าจะปลอดภัยขึ้นมาหน่อย......

เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ถึงจะได้ไปแก้แค้นกับไอ้คนน่ารังเกียจเหล่านั้น......

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในหลายวันมานี้  ทำให้ภายในสมองของเด็กผู้ชายที่มีอายุไม่ถึง 20 ปีก่อเกิดความคิดสับสับวุ่นวายมากมายนับไม่ถ้วนขึ้นมา

แต่ในตอนนี้มันกลับค่อยๆผ่านพ้นไปอย่างช้าๆ......

ความสามารถในการฟื้นตัวของผู้มีพลังเหนือมนุษย์นั้นเร็วกว่าคนทั่วไปมาก ดังนั้นเมื่อเวลาตีสี่ หลิวซินที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม ก็ได้ตื่นขึ้นมา แล้วมาผลัดเปลี่ยนเวรกับฮวางซาง

แต่สำหรับฮวางซางแล้ว  การบำเพ็ญคือการพักผ่อนที่ดีที่สุด ดังนั้นเขาจึงให้หลิวซินเปลี่ยนกันเฝ้าระวังกับไป๋หลี่หมิงหยู่ บนยอดตึกแทน  แล้วให้เด็กชายที่เหนื่อยมาทั้งวันไปพักผ่อน

แต่สิ่งที่ถือว่าโชคดีก็คือ  บางทีเมื่อตอนที่ “พี่หลง” และคนอื่นๆมาโรงพยาบาล ได้ทำการจัดการซอมบี้และสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ ที่มีจำนวนไม่เยอะในละแวกนี้ออกไปจนหมด  ดังนั้นทั้งคืนจึงเข้าสู่ความสงบ ไม่มีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นแต่อย่างใด

รุ่งเช้าวันที่สอง ตั้วลั่วก็ได้ทำการทะลวงขั้นบรรลุเสร็จสิ้น!

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

การทะลวงสภาวะคอขวด ทำให้พลังเหนือมนุษย์เกิดการเปลี่ยนแปลง สำหรับตั้วลั่วที่ปรารถนาในพลัง ย่อมเป็นเรื่องที่ทำให้เขามีความสุขและเบิกบานใจ มากกว่าการกินอาหารรสเลิศเสียอีก ดังนั้นหลังจากที่ออกมาจากถ้ำ เขาก็อดหัวเราะเสียงดังออกมาไม่ได้ พร้อมกับเดินไปทางฮวางซางแล้วพูดขึ้นว่า

“ความรู้สึกหลังการทะลวงสภาวะคอขวดมันช่างดีมากจริงๆ ใช่มะ น้องแมลงสาบ?”

หลังจากที่พลังเหนือมนุษย์ของฮวางซางบรรลุ จนทำให้ศักยภาพเพิ่มขึ้นแล้ว  ตั้วลั่วก็ไม่ได้เข้าไปตอแยฮวางซางอีกแต่อย่างใด แต่ตอนนี้เขาเองก็บรรลุขั้นสำเร็จแล้ว แถมยังกล้าเรียก “น้องแมลงสาบ” ได้อย่างเต็มปากอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าเขานั้นมั่นใจในพลังความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างมาก ดังนั้นสันดานเก่าจึงได้กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง

“ดูเหมือนนายจะพัฒนาไม่น้อยเลยนะ....”

ในขณะที่มองไปยังท่าทางตื่นเต้น และมีอารมณ์คึกคักในการเย้าแหย่ของตั้วลั่ว  ฮวางซางก็ส่ายหน้า แล้วถามขึ้นว่า “เป็นยังไงบ้างละ หลังจากที่พลังเหนือมนุษย์เพิ่มขึ้น เกิดการเปลี่ยนอะไรขึ้นบ้าง?”

“ก็แข็งแกร่งขึ้นสิ ยังจะมาถามอีก!”

ตั้วลั่วกระตุกยิ้มมุมปาก จากนั้นก็มองไปทางฮวางซางด้วยท่าทางยั่วยุ ก่อนพูดขึ้นว่า

“พูดจริงๆนะ น้องแมลงสาบ เรามาประลองฝีมือกันดูดีกว่าไหม? เพื่อเป็นการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของนายกับฉัน  ว่าพวกเรานั้นจะได้เข้าใจในพลังความแข็งแกร่งของตัวเองได้ดีขึ้น”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ แววตาของตั้วลั่วก็ฉายแววจริงจังขึ้นมาทันใด

“ถึงอย่างไรต่อไปเราก็ต้องรับมือกับอะไรที่ไม่ใช่พวกไก่อ่อนอยู่แล้ว ถ้าไม่สามารถควบคุมพลังของตัวเองได้อย่างแม่นยำละก็  เราก็อาจจะเจอเรื่องเสี่ยงอันตรายมากมายในระหว่างการต่อสู้ก็เป็นได้”

ในใจของตั้วลั่วรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า พลังความแข็งแกร่งของพวกเขาในตอนนี้ ได้พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของพลังเหนือมนุษย์  ไม่ใช่การบำเพ็ญฝึกฝนที่ต้องก้าวขึ้นไปทีละขั้นอีกแล้ว  ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจึงควบคุมพลังที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วค่อนข้างยาก

แต่ในฐานะที่เคยมีประสบการณ์ การสังหารในสงครามแห่งความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน ตั้วลั่วได้รู้จักว่าอะไรที่เรียกว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” ชัดเจนมากกว่าใครๆ

ถ้าไม่เข้าใจและรู้จักควบคุมศักยภาพร่างกายของตัวเองอย่างแท้จริง พวกเขาก็คงจะพบกับความผิดพลาดมากมาย ท่ามกลางสงครามอย่างแน่นอน ซึ่งความผิดพลาดเหล่านี้ หากรับมือกับผู้อ่อนแอ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากนัก  แต่ถ้าในกรณีที่ต้องรับมือกับศัตรูที่มีความแข็งแกร่ง มากกว่าตัวเองหลายเท่า สิ่งนั้นก็จะกลายเป็นความผิดพลาด ที่สามารถคร่าชีวิตได้

นี่จึงเป็นเหตุผล ที่ตั้วลั่วอยากจะประลองฝีมือ ซึ่งกันและกันกับฮวางซางไว้ก่อน!

“ได้สิ....”

ฮวางซางเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ตัวเองนั้นจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ดังนั้นเมื่อตั้วลั่วยื่นข้อเสนอในตอนนี้ เขาจึงไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด

แต่เพื่อหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่อึกทึกกึกก้อง จนก่อเกิดความเสียหายต่อโรงพยาบาล  และดึงดูดศัตรูผู้แข็งแกร่งเข้ามา ดังนั้นฮวางซางและตั้วลั่ว จึงออกจากโรงพยาบาลไป เลือกสถานที่ ที่ไม่ถือว่าไกลจากโรงพบาลมากนัก  จึงเลือกศูนย์การค้าที่ห่างไปไม่ไกลนั้น กลายเป็นสนามประลองฝีมือของพวกเขา

ในเวลาเดียวกัน ก็ได้พาจูเก๋อโหย๋วหลงเพียงคนเดียว มาร่วมรับชมการประลองฝีมือของพวกเขาในครั้งนี้ด้วย   เท่ากับว่าหลิวซินและไป๋หลี่หมิงหยู่ ต้องอยู่ทำหน้าที่ดูแลเด็กๆ ภายในโรงพยาบาลแทน

สำหรับที่ว่าทำไมต้องเลือกจูเก๋อโหย๋วหลงนั้น  ก็เพราะว่าเขามีมนุษย์สัมพันธุ์ที่พิเศษ ต่อสัตว์กลายพันธุ์เหล่านี้ เมื่อเป็นแบบนี้ หากพวกเราโชคดีถึงขีดสุด ได้พบเจอกับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่ไม่รู้จักพลังของมัน หรือพบเจอกับสัตว์ใหญ่คิงคองตัวนั้น ถึงตอนนั้น พวกเขาก็ยังใช้ประโยชน์จากพลังของจูเก๋อโหย๋วหลง ในการเอาชีวิตรอดได้

ฮวางซางและพรรคพวก เลือกศูนย์การค้าที่ค่อนข้างใกล้กับเมืองมากที่สุด  และเป็นพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดเมื่อครั้งยังไม่เกิดหายนะวันสิ้นโลก  แล้วก็เป็นเขตพื้นที่ที่มีการระบาดของซอมบี้หายนะวันสิ้นโลกร้ายแรงที่สุด  อีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะเคยมีกองทัพของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ขนาดใหญ่ มาทำลายล้างพื้นที่แห่งนี้ด้วย ดังนั้นการพังทลายลงของที่นี่ จึงถือว่าร้ายแรงมาก  อย่าพูดถึงร่องรอยของผู้รอดชีวิตเลย  ซอมบี้และสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์สักตัวก็ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้เห็น

แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่อึกทึก จนดึงดูดศัตรูที่แข็งแกร่งเข้ามา   ฮวางซาง  ตั้วลั่วและจูเก๋อโหย๋วหลง จึงค่อยๆเข้าไปยังศูนย์การค้า ที่ถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์และคราบเลือด อยู่ทั่วทุกหัวระแหง คล้ายกับซากปรักหักพังเข้าไปเรื่อยๆ

“ดีละ ที่นี่ไม่เลวเลย”

เมื่อมาถึงห้องโถงใหญ่ที่ราบเรียบและกว้างขวาง ของศูนย์การค้านั้น ตั้วลั่วก็หยุดก้าวเท้า พร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย

“ขอบอกไว้ล่วงหน้า เพื่อการทดสอบขีดจำกัดของศักยภาพ ดังนั้นฉันจะไม่ออมมือ แต่ความสามารถในการฟื้นตัวของน้องแมลงสาบ  บาดเจ็บเล็กน้อย ก็คงจะไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม?”

“แสดงว่านายมั่นในใจตัวเองมากเลยละสิ...”

ในขณะที่มองไปทางรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของตั้วลั่ว  ฮวางซางก็ยิ้มออกมาทันใดเช่นกัน

“นายแน่ใจนะว่าจะชนะฉัน?”

“แน่นอน!”

การบรรลุในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่า นำพาความเชื่อมั่นในตัวเอง มาสู่ตั้วลั่วเป็นอย่างมาก เขากระตุกยิ้มมุมปาก แววตาฉายแววเด็ดเดี่ยว

“เพราะว่าตอนนี้ฉัน.....แข็งแกร่งขึ้นจริงๆ!”

พอสิ้นเสียง ตั้วลั่วก็กระโดดพุ่งพรวดไปข้างหน้า ชักกริชออกมา แล้วพุ่งไปหมายจะสังหารฮวางซางทันที!

การต่อสู้ เริ่มขึ้นแล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด