ตอนที่แล้วตอนที่ 72 ฟ้าดินไร้ปราณี ปฏิบัติคล้ายดั่งสรรพสิ่งเป็นหุ่นฟาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 74 โศกนาฏกรรมของโรงพยาบาลกับมือปืนที่น่ากลัว

ตอนที่ 73 ภัยอันตรายในโรงพยาบาล


ตอนที่ 73 ภัยอันตรายในโรงพยาบาล

  

เนื่องจากมีหัวกะโหลกของเจ้าไทแรนท์ ที่แขวนอยู่ที่เอวของฮวางซาง จึงสร้างความหวากลัวให้กับซอมบี้ทั่วไปเป็นอย่างมาก ดังนั้นตลอดทางฮวางซาง แทบจะไม่เจอการขัดขวางของซอมบี้แม้แต่ตัวเดียว ไม่นานเขาก็กลับมาถึงตำแหน่งของหลิวซินและพรรคพวกอยู่

ในตอนนี้ ในบริเวณรอบ ๆของหลิวซินและพรรคพวก ได้ตกอยู่ในวงล้อมของซอมบี้เป็นจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าตอนที่ฮซางซางพึ่งจากไปนั้น ซอมบี้เหล่านี้ก็โจมตีใส่หลิวซินกับพรรคพวกทันที

แต่ยังถือว่าเป็นความโชคดีอยู่ก็คือ หลังจากที่หลิวซินและพรรคพวก ได้สังการซอมบี้ที่โจมตีใส่ไปบางส่วนแล้ว กลิ่นอายของเลือดศพในบริเวณนี้ ก็ค่อยปกคลุมเลือดสดของจางเฟิ้งและเด็ก ๆเหล่านี้  บวกกับความหวดกลัวต่อกลิ่นอายของเจ้าไทแรนท์อีก ทำให้ซอมบี้บริเวณรอบ ๆจึงได้กลับมา “ดูสงบลง” อีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะไม่สลายตัวจากไปก็ตาม แต่ก็พวกมันก็ไม่กล้าเข้ามาโจมตีพวกเขาอีก แต่อย่างใด

เพียงแค่ ฮวางซางฝ่าวงล้อมจากด้านนอกเข้ามา หลังจากมาถึงตัวของหลิวซินและพรรคพวกแล้ว กลับสร้างความตกใจอย่างฉับพลัน

เพราะว่าจางเฟิ้งที่ล้มลงไปกองกับพื้นนั้น ไม่มีโอกาสรอดแล้ว  อีกทั้งบนหัวของเธอ ยังมีบาดแผลฉกรรจ์ ที่ทั้งลึกทั้งแคบอีกด้วย

“มันเกิดอะไรขึ้น? !”

เมื่อเห็นจางเฟิ้งมีใบหน้าที่แปรเปลี่ยนเป็นสีดำ ไร้พลังชีวิตแล้ว รวมถึงบาดแผลฉกรรจ์ ที่ทะลุเข้าไปถึงหัวกะโหลกของเธอ ฮวางซางก็อึ้งงันไป

หลังจากที่วาระสุดท้ายของโลกมาถึง เขาก็ต้องพบเจอกับซอมบี้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นในตอนที่เห็นใบหน้าสีเทาที่แปรเปลี่ยนเป็นซอมบี้ของจางเฟิ้ง  เขาก็รู้ว่าจางเฟิ้งนั้นได้ติดเชื้อไวรัสซอมบี้ จนกลายเป็นซอมบี้แล้ว

และเนื่องจากเป็นเช่นนี้ เขาจึงถูกคนใช้กริชคร่าชีวิต เหลือทิ้งไว้เพียงบาดแผลฉกรรจ์ที่ทะลุถึงหัวกะโหลกเท่านั้น

แต่ปัญหาก็คือก่อนหน้านั้น ตอนที่จางเฟิ้งและเด็กๆคนอื่นได้รับบาดเจ็บ เขาได้ใช้พลังแห่งชีวิตภายในร่างกาย รักษาจางเฟิ้งและเด็กๆเหล่านั้นไว้แล้ว ซึ่งพลังแห่งชีวิตของเขานั้น แข็งแกร่งและล้ำลึกมาก พูดตามหลักเหตุผลแล้ว อาการบาดเจ็บของจางเฟิ้งน่าจะทำให้ฟื้นคืนกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งถึงจะถูกต้อง

แต่ทำไมเธอถึงตายละ?

“โฮสต์ ตอนที่จางเฟิ้งถูกยิง กระสุนได้พุ่งทะลุจุดสำคัญของเธอ บวกกับกระสุนอีกหลายนัดได้ยิงทะลุใส่ตัวของเธอ พร้อมกับด้วย ทำให้เลือดของเจ้าไทแรนท์ที่ทาอยู่บนเสื้อผ้าด้านนอกของเธอ แทรกซึมเข้าไปในร่างกาย  ดังนั้นในความเป็นจริง จางเฟิ้งได้ตายไปในขณะที่ถูกยิงแล้ว”

ทันใดนั้น เสียงของระบบก็ดังขึ้นมาหัวของฮวางซางอีกครั้ง  “ในตอนนี้ระดับพลังแห่งความเป็นความตายหยินหยางของผู้อาศัยนั้นถือว่ายังอ่อนเกินไป ถึงแม้ว่าจำทำการรักษาคนที่บาดเจ็บสาหัสได้ก็ตาม แต่กลับไม่สามารถฟื้นคืนชีวิตคนตายขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงช่วยชีวิตเธอไม่ได้”

“แม่งเอ๊ย!”

เมื่อได้ยินคำตอบของระบบ  ฮวางซางก็ได้มองไปทางจางเฟิ้ง ที่มีใบหน้าซีดเผือดและไร้ลมหายใจอีกครั้ง ก่อนจะกำหมัดของตัวเองไว้แน่น

ถึงแม้ว่าเขาและจางเฟิ้งจะรู้จักกันได้ไม่นาน และไม่ได้คุยอะไรจนเกิดมิตรตภาพต่อกันก็ตาม แต่เขากลับรู้สึกดีและเคารพผู้หญิงเข้มแข็ง ที่สามารถฝ่าวงล้อมพาเด็กๆเหล่านั้นมาถึงที่นี่คนนี้

แต่ใครจะไปคิดว่า เพียงแค่ละสายตาไป ผู้หญิงที่คอยดูแลเด็กๆมาตลอดคนนี้ ก็ได้จบชีวิตลงเนื่องจากภัยพิบัติที่ไม่คาดคิดมาก่อนแบบนี้....

ความไม่แน่นอนของชีวิตและความตาย.....ดูเหมือนคำๆนี้จะเป็นเรื่องที่โหดร้าย และพบเจออยู่บ่อยครั้งท่ามกลางวันสิ้นโลกเฮงซวยในตอนนี้

“พี่ ครูจางตายแล้ว!”

และในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นฮวางซางกลับมา หลิวซินก็กัดฟันกรอดพร้อมพูดขึ้นว่า “สรุปเป็นใครกันที่รอบทำร้ายพวกเรา? พี่จับตัวมันไว้ได้ไหม?”

“คนที่ลอบทำร้ายพวกเราคือนักโทษกลุ่มหนึ่ง

ฮวางซางตบไปบนบ่าของหลิวซิน  แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า

“คนเหล่านั้นฉวยโอกาสในช่วงเวลาแห่งหายนะ ภายใต้ความวุ่นวายเช่นนี้  ฆ่าทหารและผู้คุมที่ควบคุมพวกเขา แล้วแย่งอาวุธของทหารและผู้คุมเหล่านั้นมา สร้างอำนาจขึ้นมา”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮวางซางก็หยุดไป จากนั้นก็พูดต่อว่า

“เท่าที่ฉันรู้  คนเหล่านี้กำลังเสาะหาผู้มีพลังเหนือมนุษย์ทุกวิถีทาง  เพื่อนำมาใช้ประโยชน์  ครั้งนี้พวกเขาทำเพื่อจูเก๋อโหย๋วหลงเช่นเดียวกัน ที่ลอบทำร้ายฉันก่อนหน้านั้น แล้วหลังจากนั้นก็ระเบิดประตูใหญ่ของโรงยิม รวมถึงการลอบยิงจางเฟิ้งเมื่อกี้ด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเจ้าเด็กนี้คนเดียว

“ไอ้ระยำเอ๊ย!”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง  จูเก๋อโหย๋วหลง ก็กำหมัดทั้งสองข้างขึ้นมาทันใด จากนั้นก็กัดฟันกรอด  แล้วตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่เกลียดชัง

“มันเป็นคนทำลายทั้งหมดนี้ ฉันจะไปฆ่าพวกมัน!”

“ไม่ต้องหรอก คนที่ลอบยิงพวกเราเหล่านั้น ได้ถูกฉันฆ่าตายไปหมดแล้ว”

ในขณะที่มองไปทางใบหน้าที่แสดงความเกลียดชัง และแววตาสังหารของจูเก๋อโหย๋วหลง ฮวางซางก็ส่ายหน้า แล้วพูดขึ้นว่า

“แต่เบื้องหลังของคนเหล่านั้น ยังมีนักโทษและผู้มีพลังเหนือมนุษย์อีกเป็นจำนวนมากนะ  พวกเขาครอบครองเรือนจำแห่งหนึ่ง ในเมืองเหลียนเอาไว้  และสร้างเรือนจำนั้นเป็นกองบัญชาการใหญ่ของพวกเขา”

เมื่อนึกถึงคำพูดทั้งหมดของชายหัวล้านคนนั้น ดวงตาของฮวางซางก็ฉายแววเคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย

“ตอนนี้ฉันฆ่าคนของพวกเขา ไม่นานพวกเขาจะต้องตามมาล้างแค้นฉันแน่ๆ  ดังนั้นฉันขอแนะนำให้พวกเรารีบออกไปจากที่นี่เป็นดีที่สุด พาเด็กๆเหล่านี้กลับไปยังโรงพยาบาล จัดที่จัดทางให้พวกเขาซะก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

ถึงแม้ว่าพลังความแข็งแกร่งของฮวางซางในตอนนี้จะมีพลัง “เกราะกาสาวพัสตร์” และเสื้อเกราะกันกระสุนป้องกันตัวเอง  แม้แต่ปืนไรเฟิลก็ไม่สามารถสร้างภัยคุกคามให้กับเขาได้ก็ตาม แต่ปัญหาก็คือคนอื่นๆ กลับไม่มีความสามารถเช่นเดียวกับเขา

ถ้าหากคนที่อยู่เบื้องหลังของชายหัวล้านคนนั้น ต้องการล้างแค้นจริงๆละก็  ในกรณีที่เกิดการต่อสู้กันขึ้น เด็กๆเหล่านั้นก็จะต้องตกอยู่ในอันตรายไปด้วยอย่างแน่นอน

ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้พวกเขาจะต้องกลับไปยังโรงพยาบาลก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อนำเด็กๆเหล่านี้ไปอยู่ในที่ปลอดภัย

“ไปกันเถอะ เด็กดื้อ”

และในเวลาเดียวกัน ตั้วลั่วก็ลูบไปบนหัวของจูเก๋อโหย๋วหลงเบาๆ จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า

“ในวันสิ้นโลกแบบนี้ มีวันไหนบ้างที่ไม่มีคนตายละ นายน่าจะต้องชินกับเรื่องนี้สักหน่อยนะ...หึ  การลาจาก นายต้องทำใจให้คุ้นเคยกับมัน แล้วนายก็จะได้ชินกับมัน”

เมื่อพูดจบ  ตั้วลั่วก็ส่ายหน้า แล้วเดินนำไปข้างหน้า

เพียงแต่มันแตกต่างจากท่าทางที่ไร้ทำนองคลองธรรม หัวเราะอย่างมีความสุขก่อนหน้านี้ ดูเหมือนตั้วลั่วในเวลานี้กลับเกิดความรู้สึกอ้างว้างและเสียใจ  การตายของจางเฟิ้งต่อหน้าเขาจะทำเขาหวนคิดถึงอะไรบางอย่างลึกๆขึ้นมาได้...

“ผมขอนำครูจางกลับไปได้ไหม....”

เมื่อได้ยินคำพูดของตั้วลั่ว จูเก๋อโหย๋วหลงก็เงียบลง  จากนั้นก็หันไปมองทางฮวางซาง และเอ่ยปากขึ้นว่า

“ผมไม่อยากให้เธอถูกทิ้งไว้ที่นี่....”

“ได้”

เมื่อเผชิญหน้ากับคำร้องขอนี้ของจูเก๋อโหย๋วหลง  ฮวางซางก็ตอบรับทันที

“ไปหาของที่สามารถใส่ศพของเธอมา  แต่รีบหน่อยนะ ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดอีก”

“ขอบคุณครับ พี่ฮวาง!”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง  จูเก๋อโหย๋วหลงก็รีบพยักหน้า จากนั้นก็ปาดน้ำตา แล้ววิ่งไปในห้องชั้นล่างที่อยู่ไม่ไกลนัก จากนั้นก็ดันรถสามล้ออัตโนมัติออกมา  แล้ววางร่างของจางเฟิ้งลงไปบนรถสามล้อนั้นอย่างระมัดระวัง

หลังจากที่นำร่างของจางเฟิ้งวางไว้ดีแล้ว ฮวางซางและพรรคพวกก็รีบเดินทางไปบนถนนใหญ่  ตรงไปยังโรงพยาบาลในเมืองทันที

ถึงแม้ว่าฝนที่ตกลงมาในตอนนี้จะลดลงไม่น้อยแล้วก็ตาม  แต่ท้องฟ้าก็ยังมืดครึ้มอยู่ดี พวกเขาจำเป็นต้องกลับไปให้ถึงโรงพยาบาล เพื่อการที่หลบซ่อนตัวก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดลง  ไม่งั้นละก็หากท้องฟ้ามืดลงแล้ว อาจจะมีภัยอันตรายที่มากมายเกิดขึ้นในป่า ที่ปกคลุมเมืองเหลียนผืนนี้ก็เป็นได้

ถึงอย่างไรตาม เนื้อเรื่องของหนังเรื่อง คิงคอง และ คอง มหาภัย เกาะกะโหลกทั้งสองเรื่องนี้  สัตว์ประหลาดมากมายในเกาะกะโหลก ก็เป็นสัตว์กลางคืนเป็นส่วนใหญ่ หากท้องฟ้ามืดลงแล้ว สัตว์ประหลาดเหล่านี้จะต้องออกมาอย่างแน่นอน

แต่ทว่า ฮวางซางและพรรคพวกไม่รู้ก็คือ  ในขณะที่พวกเขากำลังรีบกลับไปในโรงพยาบาล หวังเพื่อจะได้กลับไปหลบภัยในโรงพยาบาลก่อนฟ้ามืดอยู่นั้น ภัยอันตรายขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่ง กลับค่อยๆคืบคลานเข้าไปในบริเวณของโรงพบาบาลในเมืองแล้ว!

ในตอนนั้น กลางป่าที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลนัก   กองทัพที่จำนวนกว่าหนึ่งร้อยคนกำลังรุกล้ำเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

ดูเหมือนคนที่อยู่ภายในกองทัพนี้ จะมีความกล้าหาญมาก หลายคนในที่นี่มีร่ายกายที่แข็งแรง  ดวงตาโหดเหี้ยม  คนเหล่านี้สวมใส่เสื้อผ้าหลากหลายสีสัน  อีกทั้งอาวุธที่อยู่ในมือก็ครบครันไม่ขาดตกบกพร่องสักนิด พวกเขาก็ถือปืนไรเฟิลใหม่เอี่ยม แต่มีบางพวกถืออาวุธที่ไม่ได้ใช้งานนานแล้ว หรือแม้แต่อาวุธที่ทำขึ้นมาเอง  มองดูแล้วเหมือนกับกองทัพที่ผสมปนเปกันมั่วไปหมด

นอกเหนือจากนี้  คนเหล่านี้ดูเหมือนกองทัพที่ไร้ระเบียบวินัย ทุกคนต่างพูดคุย สูบบุหรี่ หรือแม้แต่กระทั่งนำเบียร์กระป๋องขึ้นมายกซดอึกสองอึก ในกองทัพนี้เกิดเสียงพูดคุยดังจอแจ เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาอยู่ตลอดเวลาด้วย

นี่เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่ง แต่กลับเป็นกองทัพที่ไร้ระเบียบวินิยอย่างมาก มองดูแล้วเหมือนกับกลุ่มโจรที่ขี่ม้าออกปล้นไม่ก็โจรบนภูเขาในสมัยโบราณอย่างไรอย่างนั้น!

แต่ช่วงเวลาที่กองทัพเหล่านี้กำลังตั้งถิ่นฐานพูดคุยกัน สูบบุหรี่ กินเบียร์ และสามารถทำอะไรตามอำเภอใจอย่างเห็นได้ชัดในที่แห่งนี้อยู่นั้น   ก็มีผู้ชายรูปร่าง ใบหน้าซีดขาว  เหมือนคนป่วยเป็นโรคอะไรสักอย่าง สวมเสื้อดำกางเกงสีดำคนหนึ่งกลับพุ่งออกมาจากทิศทางของโรงพยาบาลแห่งนั้น ราวกับถูกลมพัดปลิวออกมาอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อเห็นผู้ชายชุดดำคนนั้นออกมา ชายรูปร่างใหญ่ที่กำลังหัวเราะเฮฮา พูดคุย กินเบียร์อย่างไร้กฎเกณฑ์อยู่นั้น ก็ได้ปรากฏสีหน้าแห่งความหวาดกลัวขึ้นมาทันที  ไม่เพียงแต่จะเงียบลงอย่างฉับพลันเท่านั้น อีกทั้งแยกออกเป็นซ้ายขวา เพื่อเปิดทางให้กับชายชุดดำผอมบางคนนั้นอีกด้วย

หลังจากนั้น ดูเหมือนชายชุดดำคนนี้ จะมองไม่เห็นชายรูปร่างสูงใหญ่เหล่านี้  รีบเดินไปข้างในกลุ่มของคนเหล่านั้น เมื่อมาถึงด้านในสุดของกองทัพ  ตรงเบื้องหน้าชายวัยกลางคนที่ดูไม่เหี้ยมโหดสักนิด  ท่าทางธรรมดาๆทั่วไปหมือนคุณอา  ใส่แว่นตา ที่ดูแตกต่างจากชายรูปร่างสูงใหญ่ที่อยู่บริเวณรอบๆ  แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า

“พี่ ฉันกลับมาแล้ว”

“เป็นไงบ้าง อาเป้า  สถานการณ์ด้านหน้าเป็นไงบ้าง”

เมื่อเห็นชายหนุ่มชุดดำกลับมา ชายวัยกลางคนที่ถือแผนที่ของเมืองเหลียนในมือ ก็เงยหน้าขึ้น ก่อนยิ้ม แล้วถามขึ้น

“โรงพยาบาลเบื้องหน้า มีกองกำลังจำนวนกว่า100คนประจำการณ์อยู่ที่นั้น พร้อมอาวุธหนักเบา แต่ไม่มีรถหุ้มเกราะอะไรประเภทนั้น   สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ก็เห็นแค่เพียงปืนกลไม่กี่กระบอกเท่านั้น”

ชายหนุ่มชุดดำพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า

“นอกเหนือจากนี้ ก็ยังมีผู้รอดชีวิตส่วนหนึ่งด้วย  ของที่พี่ใหญ่ต้องการน่าจะอยู่ในนั้น”

“ทำได้ดีมาก อาเป้า ลำบากแกหน่อยนะ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่มชุดดำ ดวงตาที่หลบซ่อนอยู่หลังกรอบแว่น ของชายวัยกลางคนก็ฉายแววเด็ดเดี่ยวขึ้นมา หลัง จากนั้น ก็ยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า

“จริงสิ  งั้นถ้าหากรอให้แกไปจัดการปืนกลเหล่านั้น ให้เรียบร้อยก่อน ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”

“ไม่มีปัญหาครับ!”

ชายหนุ่มชุดดำคิดสักพัก จากนั้นก็พยักหน้าพร้อมพูดขึ้น

“งั้นก็ดี ฉันให้ปืนกลเหล่านั้นกับแก”

ชายวัยกลางคนหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นก็เก็บแผนที่นั้นให้เรียบร้อย ก่อนยืนขึ้น แล้วหันไปพูดกัยชายหนุ่มชุดดำ

“อื้อ งั้นฉันไปก่อนนะ!”

ชายหนุ่มชุดดำพยักหน้า จากนั้นก็กระโดดพุ่งพรวดไปข้างหน้า ออกห่างจากกองทัพแห่งนี้ไปอย่างรวดเร็ว  หลังจากนั้นก็หายไปในเงามืดของป่าแห่งนี้

“เอาละ พี่น้องทุกคน  เตรียมพร้อมเดินทางได้”

ในขณะที่มองไปทางชายหนุ่มชุดดำที่ลับตาไป  ชายสวมแว่นนั้นก็หันกลับมา แล้วพูดกับชายรูปร่างสูงใหญ่เหล่านั้นว่า

“ยังมีอีกเรื่อง ฉันหวังว่าพวกเราจะทำได้ดีเช่นกัน ถ้าทำผลงานได้ดี ฉันจะมีรางวัลให้  ด้วยการจัดหาสาวงามมาให้อย่างดี  แต่ถ้าใครกล้าหลบหนีไปละก็  ต่อให้เป็นพี่น้อง ฉันก็จะไม่เว้น สำหรับคนแบบนี้ ต่อให้ฉันหลงซานอารมณ์ดี ฉันก็จะไม่ปล่อยมันไปเด็ดขาด”

“เข้าใจแล้ว พี่หลง!”

“วางใจเถอะพี่หลง  พวกเราไม่ทำให้พี่ผิดหวังอย่างแน่อน!”

“ไม่ผิด  ถึงตอนนั้นถ้าหากมีใครรักตัวกลัวตาย  ข้าจะจัดการมันเป็นคนแรก!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ครั้งนี้จะจัดการได้สักกี่คนกัน รอให้เข้าไปก่อน ข้าจะยิงให้กระจุยเลย!”

……

เมื่อได้ยินคำพูดของชายสวมแว่นตา  ชายรูปร่างสูงใหญ่เหล่านั้นก็ทยอยกันส่งเสียงออกมา  ดูเหมือนจะมีขวัญกำลังใจที่สูงมาก

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ออกเดินทางกัน!”

ในขณะที่มองไปยังท่าทางที่ดูมีขวัญกำลังใจของลูกน้อง  ชายสวมแว่นตาก็พยักหน้า แล้วก็โบกมือไปมา จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า

“ทำงานเสร็จพวกเราจะกลับบ้านไปฉลองความสุขกัน!”

“ลุย!”

“”ฆ่า!

“ฆ่าพวกมัน!”

เมื่อได้ยินคำพูดของชายสวมแว่น  ขายรูปร่างใหญ่กลุ่มนั้นก็ทยอยกระโดดพุ่งไปข้างหน้า ตรงไปยังทิศทางของโรงพยาบาลทันที

“แปลก มีอะไรอยู่ในโรงพยาบาลกัน  ถึงทำให้ลูกน้องของฉันพวกนี้ฮึกเหิมและคาดหวังมากขนาดนี้......”

ในขณะที่มองไปทางลูกน้องที่พุ่งตรงไปทางโรงพยาบาล  ดวงตาจองชายสวมแว่นคนนี้ก็ปรากฏแววตาสงสัยขึ้นมาอย่างฉับพลัน

แต่วินาทีต่อจากนั้น เขาก็ส่ายหน้า  ก่อนจะปรากฏรอยยิ้มออกมาแทน

ไม่ว่าสิ่งนั้นมันจะคืออะไร ในเมื่อคนของเขาอยากได้  เขาก็จะเอื้อมไปให้ถึงให้ได้  ถ้าหากทุกคนได้สิ่งของเหล่านั้น  จนสามารถทำให้ลูกสมุนเหล้านั้นเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น  ศักยภาพของกลุ่มพวกเขาก็จะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

เมื่อคิดได้เช่นนี้  ชายสวมแว่นก็ย่างเท้าออกไป  ตามชายรูปร่างสูงใหญ่เหล่านั้นตรงไปยังโรงพยาบาลทันที

สวบสวบสวบสวบสวบ!

หลังจากที่ชายใส่แว่นคนนี้เคลื่อนไหวแล้ว  ข้างกายของเขา ก็ปรากฏเงาสีเลือดตัวหนึ่งพุ่งทะลุออกมาจากป่า  ก่อนเดินตามชายสวมแว่นนั้นไป พุ่งตรงไปทางโรงพยาบาลนั้นเช่นเดียวกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด