ตอนที่แล้วตอนที่ 52 สัตว์ใหญ่ปรากฏตัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 54 อาวุธครบมือ

ตอนที่ 53 ฝังศพ และการคืนชีพ


ตอนที่ 53 ฝังศพ และการคืนชีพ

  

ณ โรงพยาบาลกลางเมืองเหลียน

ภายใต้คืนที่มืดมิด หลิวซินมองไปทางกองดินที่ถูกก่อขึ้นใหม่ด้วยความเศร้าโศก  น้ำตาไหลอาบแก้ม

เมื่อคุณอยากที่จะเลี้ยงดูตอบแทนพ่อแม่ ท่านก็ลาจากโลกนี้ไปแล้ว

ในขณะที่เห็นภาพแม่ของตัวเองถูกฆ่าตาย  อย่างอนาถด้วยตาตัวเอง ไม่เหลือแม้แต่กระดูก  ภาพนั้นได้กระตุ้นให้หลิวซินคิดถึงอดีตขึ้นมา ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ในสถานที่ปลอดภัยชั่วคราว ได้ผ่อนคลายลง  แต่ความทรมานในจิตใจของเขา  ความเสียใจ รวมไปถึงความโกรธแค้น ได้ถาโถมเข้ามาเป็นระรอกคลื่น ราวกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก อารมณ์ความรู้สึกที่หนักหน่วง นั้นมากมาย จนแทบจะทำให้หนุ่มที่เคยร่าเริงมาก่อนคนนั้น กลายเป็นคนซึมเศร้าไปโดยปริยาย

“ ขอแสดงความเสียใจด้วย....”

ในขณะที่มองไปยังท่าทางเจ็บปวดและเศร้าโศกของหลิวซิน ในใจของฮวางซางก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน เขาทำได้เพียงตบไปบนไหล่ของหลิวซินเบาๆ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า

“ถ้าแม่ของนายยังอยู่ ท่านก็คงไม่อยากเห็นนายตกอยู่ในสภาพแบบนี้หรอก”

“พี่.....”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง น้ำเสียงที่แหบแห้งและสั่นเครือของหลิวซินได้ถามขึ้นว่า

“ผมมันไม่ได้เรื่องเลยใช่ไหม  ถึงช่วยแม่ไว้ไม่ได้......”

“นี่ไม่ใช่ความผิดของนาย นายทำดีที่สุดแล้ว ถ้าจะโทษ ก็ให้โทษโลกใบนี้ที่มันโหดร้ายเถอะ”

ฮวางซางเงียบไปสักพัก จากนั้นก็ส่ายหน้า แล้วพูดขึ้นว่า

“คนตายก็ตายจากไปแล้ว แต่คนเป็นก็ยังต้องดำเนินชีวิตต่อไป  ไม่ว่าจะเพื่อตัวนายเอง  หรือเพื่อพ่อของนาย  นายก็ต้องสร้างพลังชีวิตขึ้นมาให้ได้”

“ผมรู้....”

หลิวซินจับหัวของตัวเอง ก่อนพูดขึ้นอย่างสะอึกสะอื้นด้วยใบหน้าที่แสนเจ็บปวดว่า

“แต่ผมทำไมได้ เมื่อผมนึกถึงภาพของแม่ ....ผมก็......”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวซินก็อดกุมหัวตัวเอง แล้วปล่อยโฮออกมา

เขาไม่ใช่ชายฉกรรจ์ที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กไหล และก็ไม่ใช่เครื่องจักรที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก ถึงอยากจะเดินออกมาจากความเศร้า ก็ยากเกินกว่าที่ทำได้

“จริงๆแล้ว...”

เมื่อเผชิญหน้ากับหลิวซินที่ร้องไห้ฟูมฟายอยู่นั้น ฮวางซางก็เกิดความรู้สึกลังเลขึ้นมา จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า

“ทั้งหมดนี้ มันก็ไม่แน่ว่าไม่อาจแก้ไขได้นะ.......”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮวางซางก็หยุดไปสักพัก แล้วจึงพูดต่อว่า

“คนตายไม่อาจฟื้นคืน ประโยคนี้ อาจจะใช้ไม่ได้ในตอนนี้แล้ว”

“อะไรนะ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง หลิวซินก็ตัวสั่นขึ้นมาทันใด  จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปทางฮวางซาง และถามขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า

“พี่ เมื่อกี้พี่พูดว่าอะไรนะ?”

“ฉันพูดว่า ถึงแม้ว่าแม่ของนายจะตายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางฟื้นขึ้นมาได้อีก”

ฮวางซางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า

“อย่าลืมว่า โลกในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว  ซอมบี้ คอง  แม้กระทั่งซาดาโกะ ปีศาจเหล่านี้ได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว  และแน่นอนว่าจะต้องมีเทพเจ้าและเหล่าเซียน ปรากฏขึ้นมาด้วยเช่นกัน สำหรับการดำรงอยู่ของผู้แข็งแกร่งเหล่านี้  การฟื้นคืนชีพของคนๆหนึ่งดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องยาก ”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ดวงตาของฮวางซาง ก็เปล่งประกายปัญญาขึ้นมาแวบหนึ่ง

“แม้กระทั่งปีศาจที่เราพูดถึงเมื่อกี้....ซาดาโกะ ก็มีความสามารถในทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาได้นี่?”

“ใช่!”

คำพูดของฮวางซางเปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดที่ปลุกให้หลิวซินฟื้นตื่นขึ้นมา เขายืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนพูดขึ้นด้วยใบหน้าตื่นเต้นว่า

“ผมจำได้ว่าซาดาโกะในหนังเรื่อง Ring สามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ อีกทั้งในหนังเรืองอื่นๆ ก็ยังมีสิ่งของที่สามารถทำให้ฟื้นชีพได้อีกหลายอย่างด้วย ไม่ว่าจะเป็น  คัมภีร์วิญญาณ  คาถาเรียกวิญญาณกลับคืน  ของเหล่านี้ก็สามารถทำได้!”

“ถูกต้อง ดังนั้นถ้านายอยากจะช่วยเหลือแม่ของนายจริงๆ งั้นก็จงใช้ชีวิตต่อไปให้ดีๆ  จากนั้นก็ทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด  !

เมื่อเห็นหลิวซินที่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ฮวางซางก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย และตบไปบนไหล่ของเขา ก่อนพูดขึ้นว่า

“แล้วถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป สักวันที่หายนะนี้สิ้นสุดลง เราจะกอบกู้ทุกอย่างกลับคืนมา!”

“ผมรู้แล้วครับ ขอบคุณมาก  พี่ชาย!”

หลิวซินพยักหน้าอย่างแรง ใบหน้าของเขาได้ปรากฏแววแห่งความหวังขึ้นมาทันใด

“เหลืออีก 6 วันพวกเราก็จะต้องเจอกับซาดาโกะแล้ว ถึงตอนนั้น..............”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของหลิวซินก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยความตกใจว่า

“บัดซบเอ๊ย  เหลือเพียงแค่ 6 วันเท่านั้น ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะเจอกับซาดาโกะแล้ว เราอาจจะสู้กับกันไม่ไหวนะพี่!”

“ดังนั้น ไม่ว่าจะเพื่อตัวนายเอง หรือเพื่อแม่ของนาย  เราจำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่งให้มากขึ้นภายใน 6 วัน จนกระทั่งสามารถทำให้พลังเหนือมนุษย์ของตัวเองก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น!”

ดวงตาของฮวางซางฉายแบบเด็ดเดี่ยว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

“จริงๆแล้วก็มีเรื่องหนึ่ง ที่ฉันยังไม่เคยพูดกับนายมาก่อนนี้ เพราะมันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไป”

เมื่อพูดถึงตรงนี้  ฮวางซางก็รวบรวมความคิดขึ้นมา แล้วจึงพูดต่อว่า

“ยังจำได้ไหมเมื่อสองวันก่อนที่เราแยกกันบนถนนหลัก    จริงๆแล้วหลังจากนั้นฉันก็เจอกับคนตาบอด  ที่ทำนายดวงชะตาคนหนึ่งระหว่างทาง  เขาลากฉันไป แล้วพูดกับฉันเรื่องที่เกี่ยวกับจุดจบโลก แล้วก็พูดถึงเรื่องซอมบี้.........”

“เมื่อเป็นเช่นนี้  ฉันจึงหยุดฟังเรื่องราวที่เกี่ยวกับจุดจบโลกเหล่านั้น”

“ว่ากันว่า  หลังจากวันสิ้นโลกนั้นมาถึงแล้ว  คนที่มีความสามารถมากส่วนหนึ่ง จะได้พลังเหนือมนุษย์ที่ฟื้นตื่นขึ้นมา  แต่พลังหนือมนุษย์นั้นเป็นเพียงแค่ระดับเริ่มต้น  ถ้าอยากให้ตัวเองแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก ก็ทำได้ เพียงแต่ต้องดูดซับพลังงานอย่างต่อเนื่อง เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง  จนสามารถวิวัฒนาการและบรรลุพลังเหนือมนุษย์ในระดับสูงขึ้น”

“แต่วิธีการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเองนั้นมีประมาณ 3 วิธี.......”

“วิธีที่ 1 เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ก็คือการปล่อยให้พลังเหนือฟ้าดิน ผสานหลอมรวมกันในร่างกายของตัวเอง แต่มันได้ประสทิธิภาพช้าหน่อย  ถ้าอาศัยวิธีการนี้ให้บรรลุพลังเหนือมนุษย์ละก็ เกรงว่าคงจะต้องใช้เวลาราวๆ 30-50 ปีถึงจะสามารถทำได้ ”

“”วิธีที่ 2 ก็คือการบำเพ็ญจากหนังสือฝึกพลังหายากตามตำนาน  เพื่อเร่งการดูดซับพลังของฟ้าดินให้ได้เร็วขึ้น แต่ผลลัพท์ก็ไม่ได้เร็วมากนัก  คาดว่าน่าจะใช้เวลาเร็วที่สุดก็คงจะลดจาก 30-50 ปีลงมาเหลือประมาณ 3-5 ปี  แต่สำหรับพวกเรากลับไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก...

“ส่วนวิธีการสุดท้าย จริงๆแล้วฉันก็เคยมีประสบการณ์โดยตรง ของตัวเองมาก่อน นั้นก็คือการฆ่าซอมบี้ หรือไม่ก็สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์  แล้วดูดซับพลังของพวกมัน  หรือไม่ก็แย่งคริสตัลพลังงาน ภายในร่างกายของพวกมันมาทำการดูดซับ  อย่างเช่นคริสตัลภายในร่างกายของเจ้าลิกเกอร์ตัวนั้น แล้วก็เลือดแมลงทีอยู่ภายในตัวของตั๊กแตนยักษ์ตัวนั้น  ทั้งหมดคือแบบนี้แหละ......”

“ดังนั้น  ยิ่งในสถานการณ์ตอนนี้ของพวกเรา พวกเราจำเป็นต้องล่าซอมบี้เหล่านั้น  และสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ในเวลาที่จำกัดแบบนี้  ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่ต่อจากนั้นเลย หลังจากพ้นคำสาปแช่ง 6 วันไปแล้ว พวกเราก็อาจะไม่สามารถมีชีวิตได้อีกต่อไป!”

จริงๆแล้วส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบการสืบทอดนั้นมีเยอะมาก แต่ฮวางซางไม่อยากเปิดเผยให้ใครรู้  จึงทำได้เพียงเปลี่ยนวิธีการพูดนั้น

สำหรับคนทำนายคนนั้น ...เหอเหอ  ตอนนี้โลกก็วุ่นวายซะขนาดนี้ ใครมันจะไปยืนยันได้ว่ามันจะมีจริงไหม ?

“มิน่าละ  พี่ถึงได้ดูเหมือนเข้าใจจุดจบโลกนี้มากเป็นพิเศษ  แล้วตอนที่พลังเหนือมนุษย์ของผมฟื้นตื่นขึ้นมา พี่ก็แลดูเฉยๆ  ที่แท้ก็เป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง .........”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง หลิวซินก็อึ้งงันไป  จากนั้นใบหน้าของเขาก็ปรากฏสีหน้าแห่งความเข้าใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน  พร้อมกับพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า

“ดี  งั้นรอให้คืนนี้ผ่านพ้นไปก่อน  เมื่อท้องฟ้าสว่างขึ้น   เราออกไปตามล่าสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ในป่าลึกกัน    ด้วยพลังของพวกเราสองคน  เพียงแค่ไม่พบเจอกับคองอะไรนั่น  เราก็สามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้!”

“อื้อ!”ฮวางซางพยักหน้า

“ถ้าเราต้องการความร่ำรวยและเกียรติยศ เราก็ต้องเสี่ยง  หากอยากคิดจะแข็งแกร่ง  เราก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงเช่นกัน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนายไม่สู้จนให้แข็งแกร่งขึ้น  หลังจาก 6 วันไปแล้วคงจะมีแต่เส้นทางแห่งความตายเท่านั้นที่รออยู่”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้  งั้นก็เพิ่มฉันเข้าไปอีกคนไม่ดีกว่าเหรอ?”

แต่ทว่าในตอนนั้นเอง เสียงของตั้วลั่วก็ดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน  จากนั้นเจ้าหนุ่มนั้นก็เดินออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก

“แอบฟังคนอื่นเขาคุยกัน มันเสียมารยาทนะ...”

เมื่อเห็นตั้วลั่วปรากฏตัวขึ้น  ฮวางซางก็อดเบ้ปากไม่ได้

ถึงแม้ว่าตั้วลั่วจะเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาหลายครั้ง แม้กระทั้งพูดได้ว่าร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันก็คงจะไม่เกินไปด้วยซ้ำ  แต่สำหรับเจ้าหนุ่มนิสัยไม่ดีคนนี้  คงยากที่เขาจะแสดงสีหน้าที่ดีให้ได้

“ฉันไม่ได้มาแอบฟังพวกนายคุยกัน  ฉันเพียงแค่มาชิ้งฉ่องเท่านั้น....”

ตั้วลั่วยักไหล่ ก่อนยิ้มพลางพูดขึ้นมาว่า

“หลังจากนั้นก็ได้ยินพวกนายคุยกันโดยไม่ทันระวัง”

“พูดยังกับว่าการฉี่บนพื้นดินมันมีมารยาทอย่างนั้นแหละ  ในโรงพยาบาลไม่มีห้องน้ำรึไง?”

เมื่อได้ยินคำพูดของตั้วลั่ว  หลิวซินก็อดจะพูดแทรกขึ้นมาไม่ได้

“เอาละ  อย่ามัวแต่เล่นลิ้นกับเจ้านี่อยู่เลย”

ฮวางซางพูดตัดบทหลิวซินไป  หลังจากนั้นก็ส่ายหน้า แล้วพูดขึ้นว่า

“นายอยากเข้าร่วมด้วย  พวกเราก็ยินดีต้อนรับ ขอแค่นายจะไม่ลอบกัดพวกเราตอนกำลังต่อสู้กันก็พอ”

“อันนั้นใครจะไปรู้ล่วงหน้าล่ะ แต่ที่แน่ๆถ้าพบเจอกับอันตราย ฉันจะไม่เสียสละตัวเองไปช่วยพวกนาย!”

ตั้วลั่วหัวเราะออกมา และโบกมือไปมาก่อนพูดขึ้นว่า

“แต่อันนั้นหมายถึงสถานการณ์ปกติทั่วไปนะ”

“ฉันเองก็ไม่เคยคาดหวังจะให้นายมาเสียสละตัวเองช่วยพวกเรายู่แล้ว”

ฮวางซางไม่ได้สนใจคำตอบของตั้วลั่วอยู่แล้ว เขาพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า

“จริงสิ  เลือดแมลงนั้นนายใช้มันรึยัง ผลเป็นยังไงบ้าง?”

“ผลลัพธ์ดีมากทีเดียว!”

เมื่อพูดถึงเรื่องเลือดแมลงนั้น  สาตาของตั้วลั่วก็เปล่งประกายคึกคักขึ้นมาทันใด

“ถึงแม้ว่ารสชาติอาจจะแย่เหมือนกับฉี่ที่หมดอายุไปหน่อย  แต่ผลลัพธ์นั้นไม่ต้องพูดถึง  ไม่งั้นนายคิดว่าฉันจะมาหาพวกนายทำไมละ?”

“นาย...ดื่มมันเหรอ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของตั้วลั่ว หลิวซินและฮวางก็อึ้งงันไป จากนั้นก็มองหน้ากัน แล้วแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา

“ใช่นะสิ  ฉันจะทิ้งของดีๆแบบนี้ได้ยังไงกัน   ไม่เพียงแต่จะดื่มหมด จนไม่เหลือไว้สักหยดเท่านั้น ฉันยังเลียขวดน้ำแข็งนั้นอีกรอบด้วย”

ตั้วลั่วพยักหน้า  จากนั้นก็มองมาทางสีหน้าแปลกใจของฮวางซางและหลิวซิน

“เดี๋ยวนะ ทำไมพวกนายถึงแสดงสีหน้านี้ละ ? หรือว่าเลือดแมลงนั้น........”

“……”

“……”

หลิวซินและฮวางซางทำได้เพียงเงียบเท่านั้น

ภายใต้สถานการณ์น่าลำบากใจเช่นนี้  พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี

หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจ  หลิวซินก็อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้

“ที่นายพูดว่า......นายรู้ได้ยังไงว่ารสชาติฉี่หมดอายุเป็นยังไง?  หรือว่านาย...........”

“อ่า!!!!”

“พวกนายทั้งสองมันระยำจริงๆเลย ฉันจะฆ่าพวกนาย!”

วินาทีต่อจากนั้น เสียงตะโกนอันโกรธเคืองของตั้วลั่ว  ก็ดังออกมาจากในโรงพยาบาลทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด