ตอนที่แล้วตอนที่ 50 มุ่งหน้าสู่เทือกเขาไร้ขอบเขต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 52 อ่างยากับคนทรยศ

ตอนที่ 51 วิริยภาพของโม่ข่า!


กระถางยามหึมาแทบจะเต็มปริ่มหลังจากทั้งสิบหกคนเทน้ำเข้าไป เป็นอีกครั้งที่ทุกคนสับสนฉงนสงสัยเมื่อเสวี่ยอิ่งเรียกให้พวกเขาขนส่วนผสมยาใส่ไปในกระถาง

‘นางจะผสมยา? ยาอะไรที่ใช้น้ำมากมายขนาดนี้? นางทดลองวิธีใหม่หรือ?’

ทฤษฏีต่างๆ นานาผุดขึ้นมาในหัวทุกคน ไม่มีอันใดเลยที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เสวี่ยอิ่งคิด

“โม่ข่า ถึงเวลาเจ้าแสดงฝีมือแล้ว ต้มน้ำ!”

ตาทั้งคู่ของโม่ข่าเบิกกว้างแทบถลนออกมาเมื่อได้ยิน

“ต้ม? ข้าคนเดียว?”

โม่ข่ารู้สึกราวกับได้ยินสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดในโลก เป็นเพราะหุ่นเชิดกระถางยามิอาจเพิ่มอุณหภูมิได้โดยไฟ หากแต่เป็นปราณกำเนิด! ไม่ต้องพูดถึงต้มน้ำให้เดือดเลย แค่อุ่นกระถางใหญ่ขนาดนี้ก็ทำปราณกำเนิดเขาแห้งเหือดแล้ว!

“ไม่ต้องกังวล เจ้ามีตัวช่วยในด้านปราณกำเนิด”

เสวี่ยอิ่งเรียกหินชิงหลัวที่นางริบจากคนอื่นออกมาก่อนจะจัดตั้งค่ายกลง่ายๆ ข้างหน้ากระถางยา

“ค่ายกลรวบรวมกำเนิดจะช่วยให้เจ้าฟื้นคืนปราณกำเนิด เราจะใช้หินชิงหลัวพวกนี้ส่งผ่านปราณกำเนิดเข้าไปในกายเจ้า เจ้ามีงานแค่อย่างเดียว ใช้ปราณกำเนิดพวกนั้นต้มน้ำ”

สุ้มเสียงผ่อนคลายของนางไม่อาจช่วยให้สีหน้าของโม่ข่าดูดีขึ้นได้

ด้วยวิธีนี้เขาไม่ต่างอันใดไปจากตัวกลางส่งผ่านปราณกำเนิด อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยเห็นใครใช้หินชิงหลัวเป็นแหล่งพลังงานมาก่อน เป็นเพราะปราณกำเนิดจากหินชิงหลัวคือสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกและมันไม่ค่อยจะสบายตัวสักเท่าไหร่...

“อะไร? เจ้ามีปัญหา? มีอะไรอยากพูดก็พูดมาตรงๆ”

น้ำเสียงของเสวี่ยอิ่งเปลี่ยนเป็นเย็นชา ท่าทีของนางราวกับจะสังหารเขาเสียหากเขากล้าตอบว่ามีปัญหา... โม่ข่าอยากร้องไห้แทบตาย แต่เขาไม่มีแม้แต่น้ำตาให้ร้อง! เขาไม่กล้าปฏิเสธจึงทำได้เพียงยกขาหนักๆ ของตนไปยังตรงกลางค่ายกล

‘หากข้าถูกลิขิตให้ตายวันนี้ เช่นนั้นก็เอาเถิด!’

ด้วยจิตใจมุ่งมั่นที่ราวกับเผชิญหน้าความตายอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ โม่ข่าเริ่มกระบวนการต้มน้ำอันยาวนาน...

“ด้วยที่เงินทุนของเรามีจำกัด มีบางอย่างที่พวกเจ้าต้องจัดการเอง”

เสวี่ยอิ่งเรียกทุกคนมาแจกแจงหน้าที่ใหม่

“ข้อแรกคือปัญหาด้านเสบียง ความต้องการทางอาหารของพวกเจ้าจะเยอะเทียบเท่ากับตารางการฝึก น่าเสียดายที่พวกเราไม่มีเงินเหลือพอจะซื้อส่วนประกอบทำอาหาร หากมองในแง่ดีเทือกเขาไร้ขอบเขตนี้เป็นดั่งทรัพยากรเสบียงอันไร้ขีดจำกัด”

หัวใจของทุกคนแทบทะลักออกมาทางปากเมื่อได้ยิน

‘นางจะให้พวกเราไปล่าสัตว์ป่า? สัตว์ป่าในเทือกเขาไร้ขอบเขต...’

พวกเขาทุกคนพลันเข้าใจความรู้สึกของโม่ข่าทันที นอกเหนือจากหลินหลีที่งุนงงกับปฏิกิริยาตอบสนองของคนอื่น

“ข้อสองคือปัญหาด้านความปลอดภัย ถ้าแม้ข้าจะโปรยผงไล่สัตว์ป่าไปรอบๆ ค่ายพักแล้ว แต่ยังคงมีสัตว์ป่าหน้าโง่เดินเข้ามาอยู่ดี บวกกับสถานที่ที่พวกเราอยู่ออกจะพิเศษอยู่บ้าง จึงจำเป็นต้องมียามรักษาการณ์ในระหว่างที่คนอื่นหลับ”

พูดให้เข้าใจง่ายคือนี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นตายของพวกเขา ไม่ว่าจะดูอย่างไรเสวี่ยอิ่งก็ไม่มีทีท่าจะช่วยเหลือแม้แต่น้อย นางคาดหวังให้พวกเขาพึ่งพากันและกันเพื่อเอาตัวรอด

“ข้อสุดท้ายและเป็นข้อที่สำคัญที่สุดคือเนื้อหาการฝึกของพวกเจ้า”

เสวี่ยอิ่งหยุดชั่วครู่ ทุกคนเงี่ยหูตั้งใจฟังทันที

“ข้าจะพาพวกเจ้ากลับสถาบันเพื่อวิ่งรอบจัตุรัสทุกเที่ยง เวลาที่เหลือจะใช้ไปกับการทำภารกิจในอันดับชิงหลัว!”

ทุกคนได้แต่เหม่อมองอย่างโง่งมหลังจากฟังนางเอ่ย

ไม่ต้องพูดถึงการวิ่ง แต่ภารกิจในอันดับชิงหลัวจำกัดไว้เพียงศิษย์ปีหนึ่งขึ้นไปเท่านั้นที่จะรับภารกิจได้ อีกอย่างภารกิจที่ต้องทำในเทือกเขาไร้ขอบเขตขอบเขตล้วนเป็นระดับความยากปานกลาง มีเพียงศิษย์ปีสองเท่านั้นที่จะเลือกทำภารกิจเช่นนี้ และพวกเขาเป็นแค่ศิษย์ใหม่...

“ไม่ต้องห่วง ข้าได้แจ้งท่านเจ้าสถาบันไปแล้ว พวกเจ้าทุกคนได้รับอภิสิทธิ์ในการรับภารกิจ และหินชิงหลัวกับแต้มคุณูปการจะถูกจัดสรรเป็นรางวัลให้ตามปกติ”

คำอธิบายของเสวี่ยอิ่งไม่ช่วยปัดเป่าความกังวลในใจของพวกเขาแม้แต่น้อย นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขากังวลด้วยซ้ำ!

‘อาจารย์ ท่านแน่ใจว่าท่านไม่ได้ทำเช่นนี้เพียงเพราะอยากใช้พวกเราหาหินชิงหลัว!?’

ทุกคนบ่นพึมพำในใจ แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าพูดออกมา ในขณะนี้พวกเขาก็ไม่ต่างอันใดจากลูกไก่ในกำมือนาง พวกเขามีแต่ต้องทำตาม

“แต่พี่หญิงเสวี่ย ร่างกายของพวกเราคงทนไม่ได้...”

จูนั่วเอ่ยเสียงอ่อน ไม่ต้องพูดถึงภารกิจชิงหลัว แต่วิ่งรอบจัตุรัสก็เพียงพอให้นางเป็นลมแล้ว

“ด้วยมีข้าอยู่ที่นี่ ร่างกายของพวกเจ้าจะไม่เป็นไร!”

ระกายแห่งความคาดหวังแวบผ่านนัยน์ตาของนางขณะมองดูโม่ข่าต้มน้ำ

“พี่หญิงเสวี่ย ข้ามีคำถาม”

ป๋ายเสี่ยวเฟยยกมือขึ้นถาม

“พูด แต่ข้าจะไม่ตอบคำถามไร้สาระ”

“พี่หญิงเสวี่ยเพิ่งมาเป็นอาจารย์ได้ไม่นาน ท่านคิดค้นวิธีการฝึกพิเศษนี้เช่นนี้ได้อย่างไร?”

เมื่อนึกถึงทุกสิ่งที่นางให้พวกเขาทำ ป๋ายเสี่ยวเฟยสังเกตเห็นว่าเสวี่ยอิ่งมีเป้าหมายอันหนักแน่นทุกคราราวกับนางได้ใช้วิธีการเช่นนี้มานานแล้ว ไม่เหมือนกับกำลังทดลองสักนิด

แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยร้อยไม่คิดพันไม่คิดว่าสีหน้าเสวี่ยอิ่งจะเปลี่ยนราวกับเป็นคนละคนเช่นนี้ นางไม่ได้เป็นดั่งพี่สาวขี้เล่นข้างบ้านยามพวกเขาอยู่ตามลำพัง และยิ่งไม่ใช่อาจารย์ผู้น่ายกย่องนับถือยามนางสอน แต่นางกลับปลดปล่อยรังสีสังหารอึมครึมออกมาแทน

“ข้าไม่อยากตอบคำถามนี้!”

เสียงเย็นเยียบราวกับเฉือนกระดูกขาดได้ดังออกมา เสวี่ยอิ่งหันหลังกลับปล่อยให้ศิษย์นักเรียนตกตะลึง

“พี่หญิงเสวี่ยนาง...”

สือเฉินที่นั่งข้างป๋ายเสี่ยวเฟยถามเขาด้วยเสียงแผ่วเบา สัญชาตญาณของนางบอกว่ามีบางอย่างผิดไป

“ข้าไม่รู้ แต่นางต้องนึกบางสิ่งออกแน่...”

ป๋ายเสี่ยวเฟยตอบแก้ตัว แต่สิ่งที่ปรากฎขึ้นในใจของเขาคือสีหน้าระลึกความหลังของนาง สีหน้าเช่นนี้มีให้เห็นได้ทั่วไปในหุบเขาวีรบุรุษ เขาจึงคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างมาก

ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบ โม่ข่ายังคงอดทนกับการทรมานต่อไป เขาไม่คาดคิดว่าการเป็นตัวกลางส่งผ่านปราณกำเนิดจะเจ็บปวดขนาดนี้ หลังจากปราณกำเนิดในร่างของเขาถูกใช้จนหมด เขารู้สึกราวกับมีมดนับพันนับหมื่นกัดกินอวัยวะภายในไปทั่ว

กาลเวลาผ่านพ้นพร้อมกับสติของโม่ข่าที่จางหายไปเรื่อยๆ สิ่งที่ทำให้เขาตื่นได้อยู่คือความคิดเดียวในหัว!

‘ข้าเป็นศิษย์ระดับท้ายๆ ในห้อง และนี่คือสิ่งเดียวที่ข้าทำให้ทุกคนได้!’

ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ โม่ข่าอดทนจนกระทั่งเขาสลบจากความเจ็บปวด แต่ก่อนที่เขาจะหมดสติ เขาได้ยินเสียงน้ำเดือดภายในกระถางยา เป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาเผยรอยยิ้มจากใจออกมา...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด