ตอนที่แล้วตอนที่ 27 หายนะด้านตะวันออก  กองทหารแบ่งกลุ่ม!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 29 สงครามเลือด สังหารหมู่!

ตอนที่ 28 เซรุ่ม  ดีชั่ว  ยึดมั่นในคุณธรรม!


ตอนที่ 28 เซรุ่ม  ดีชั่ว  ยึดมั่นในคุณธรรม!

  

สัตว์ประหลาดรูปร่างบิดเบี้ยวนั้น  มีความสูงราวๆ2.5 เมตรตัวหนึ่ง  ได้ปรากฏตัวออกมาจากพุ่มไม้ สาเหตุที่รูปร่างบิดเบี้ยวเช่นนี้ เป็นเพราะว่าร่างกายของสัตว์ประหลาดตัวนี้  เต็มไปด้วยเนื้องอกเล็กใหญ่จำนวนมาก  จนกระทั่งส่งผลให้แขนขาทั้งสี่  และร่างทั้งร่างของมันบวมปูดไปด้วยเนื้องอกเหล่านี้  จนบิดเบี้ยวและน่าอัปลักษณ์จนหาที่เปรียบไม่ได้!

นอกจากร่างกายของมันแล้ว  ใบหน้าซีกซ้ายของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้  ยังมีก้อนเนื้องอกที่ปูดบวมขึ้นมาอีกหลายก้อน จนมองไม่เห็นเค้าโครงเดิม เหลือเพียงบางส่วนที่ไม่ถูกก้อนเนื้องอกเหล่านั้น  ปูดบวมขึ้นมาจนยังพอมองออกว่าเป็นมนุษย์อยู่บ้าง แต่มันเหมือนกับสัตว์ประหลาด  ที่กลายพันธุ์มาจากผลกระทบของเชื้อไวรัส  หรือไม่ก็รังสีบางอย่างในหนังสยองขวัญอย่างไรอย่างนั้น สร้างความหวาดกลัวจนตัวสั่นงันงกอย่างมาก

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ ในเวลานี้เนื้องอก  ที่อยู่บนร่างกายสัตว์ประหลาดรูปร่างบิดเบี้ยวไปทั้งตัวนี้ได้กลายเป็นสีม่วงดำ  อีกทั้งเนื้องอกบางที่ก็เริ่มเน่าเปื่อยขึ้นมา แล้วยังส่งกลิ่นเหม็นเน่าที่เป็นเอกลักษณ์ของซอมบี้  แผ่กระจายออกไปอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าติดเชื้อไวรัสขึ้นรุนแรงแล้ว

แต่ก็ยังมีบางอย่างที่ยังรู้สึกแปลกอยู่พียงนิดเดียว นั่นก็คือเห็นได้ชัดว่าสัตว์ประหลาดรูปร่างบิดเบี้ยวนี้ติดเชื้อไวรัสขั้นรุนแรง แต่นอกจากเนื้องอกที่อยู่เต็มตัวนั้นแล้ว ยังมีร่างกายบางส่วนที่ยังไม่ถูกปกคลุมไปด้วยเนื้องอกนั้น  ยังคงรักษาความเป็นมนุษย์ไว้อยู่  ไม่มีทีท่าว่าจะติดเชื้อแต่อย่างใด แม้กระทั่งใบหน้าซีกขวาที่ไม่ถูกเนื้องอกเหล่านั้นด้วย  ทีมีดวงตาที่ยังคงรักษาแววตาสุขุมเยือกเย็นเอาไว้อยู่ ซึ่งแตกต่างจากตาซ้ายที่แดงฉานเต็มไปด้วยความดุร้ายและความบ้าคลั่ง  !

ทั้งหมดนี้ ดูเหมือนว่าร่างกายที่บิดเบี้ยวภายใน  ของสัตว์ประหลาดตัวนี้จะยังมีพลังงานบางอย่างที่กำลังต่อต้านเชื้อไว้รัสซอมบี้อยู่ เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของเขาเอาไว้!

“นี่มันตัวอะไรกันเนี้ย?”

ในขณะที่กำลังมองสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์  ที่บิดเบี้ยวร้ายแรงแต่กลับยังคงรักษาเอกลักษณ์เฉพาะของมนุษย์ไว้ตัวนั้น  หัวคิ้วของฮวางซางก็ขมวดขึ้นมาทันใด พร้อมกับแววตาแห่งความสงสัยที่ปรากฏขึ้นมาในดวงตาคู่นั้น

เขาสังเกตเห็นว่า สัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นมา  สุนัขกลายพันธุ์ที่เดิมทีตั้งใจจะมาขวางเบื้องหน้าของพวกเขา พร้อมกับส่งเสียงคำรามออกมาไม่หยุด  ราวกับได้เจอเจ้านายของตัวเอง  ไม่เพียงแต่สามารถทำให้หยุดคำรามได้แล้ว อีกทั้งยังกลับไปยืนอยู่ข้างกายของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นอีกด้วย แล้วล้อมรอบเขาไว้

หรือว่าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้จะเป็นคนควบคุมสุนัขกลายพันธุ์เหล่านี้?

เมื่อคิดได้ตรงนี้ ในใจของฮวางซางก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที

สุนัขกลายพันธุ์ 7 – 8 ตัวนี้  บวกกับสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวที่มีพละกำลังที่ไม่อาจรู้ได้ตัวนี้ ถ้าเกิดต่อสู้กับมันไปละก็  เกรงว่าความสามารถในการป้องกันตัวเองของเขา  จะไม่สามารถปกป้องหลิวซินและคนอื่นๆให้ปลอดภัยไว้ได้

และในเวลาเดียวกัน สุนัขกลายพันธุ์และสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้น  ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับหลิวซินและคนอื่นๆในกองทัพอย่างมาก ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาได้เล็งปากประบอกปืนไปทางสุนัขกลายพันธุ์  และสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้แล้วก็ตาม  แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเหนี่ยวไกออกไปสักคนเดียว

ถึงอย่างไรพวกเขาก็สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนภายในใจ หากมีคนเหนี่ยวไกปืนออกไป สุนัขที่น่ากลัวเหล่านั้นและสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวสยองขวัญตัวนั้นก็คงจะรีบเข้ามาโจมตีพวกเขาอย่างแน่นอน

ในช่วงเวลานี้ บรรยากาศรอบตัวของกองทัพเหล่านี้ก็ได้หยุดชะงักไปในทันที

“หัว....หน้าหลิว.....”

แต่ทว่าในเวลานี้ สัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้นกลับมองมาที่ตัวของหลิวชิง แล้วอ้าปากพูดขึ้น

น้ำเสียงที่แหบแห้งจนฟังได้ยากยิ่งเช่นนี้ของเขา  ราวกับกล่องเสียงนั้นได้พังทลายลงไปแล้วของเขา  หลังจากที่ได้ยินเสียงพูดของเขา  ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันที

สัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้น  พูดได้อย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งดูเหมือนจะรู้จักหลิวชิงอีกด้วย?

“นายคือ....โกว๋หวางหลุน?”

เมื่อได้ยินสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้นเรียกชื่อของตัวเอง หลิวชิงก็อึ้งงันไป แต่ไม่นานเขาก็เห็นเงาที่คุ้นเคยของใบหน้าเพียงครึ่งหนึ่งนั้น  ใบหน้าของเขาก็ถอดสีลงทันที  ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจว่า

“ทำไมนายถึงกลายเป็นร่างบ้าๆนี้ละ?”

หลิวชิงรู้จักสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้!

“โกว๋หวางหลุน?”

และในเวลาเดียวกัน เมื่อได้ยินคำว่า “โกว๋หวางหลุน” สามคำนี้ หลิวซินเองก็ตื่นตกใจเช่นกัน หลังจากนั้นก็หันไปพูดกับฮวางซางที่อยู่ด้านข้างว่า

“โกว๋หวางหลุนคือผู้เชี่ยวชาญในการฝึกสุนัขทหารของเขตป้องกันประเทศ ชื่อจริงๆคือหวางหลุน เพราะเขาดูแลสุนัขทหารเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงถูกเรียกว่า โกว๋หวางหลุน”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวซินก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

“คิดไม่ถึงว่า เขาจะกลายร่างเป็นรูปร่างแบบนี้!”

“คืนที่ฟ้าร้อง ... ฉันเป็นห่วงสุนัขมากกลัวมันจะตื่นกลัว....จึงได้ไปยังบ้านสุนัข....”

“คิดไม่ถึงว่า...พวกมัน...จะเข้ามากัดฉัน....”

บางทีนี่อาจจะเพราะได้รับเชื้อไวรัสเข้าไป  ดูเหมือนจิตใจภายในของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้จะยังสับสนและฟั่นเฟือนอยู่ไม่น้อย  เพียงพูดออกมาแค่ 2 ประโยค ก็ดูเหมือนจะได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรง  ก่อนจะระเบิดความโกรธบ้าคลั่งออกมา

“พวกมันกัดฉัน ทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้ อ่า!!!!”

ในเสียงแห่งความโกรธนั้น มือซ้ายที่ถูกปกคลุมไปด้วยเนื้องอกราวกับพวงองุ่นขนาดใหญ่ของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้น  ก็ได้ทุบไปบนหัวของสุนัขกลายพันธุ์ตัวหนึ่ง

บึม !

สิ่งที่ทุกคนคาดหวังไว้ก็คือ ถึงแม้ว่ามือซ้ายของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้จะบิดเบี้ยวอย่างสมบูรณ์ก็ตาม แต่พละกำลังของเขากลับน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้  ก่อนที่เสียงระเบิดอันรุนแรงดังขึ้น  ยังไม่ทันที่สุนัขกลายพันธุ์ตัวนั้นจะได้ส่งเสียงร้องน่าเวทนาออกมาแต่อย่างใด หัวของมันก็แตกกระจายด้วยแรงทุบจากกำปั้นของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้น  แม้กระทั่งร่างกายที่แข็งแรงของมันก็ถูกกำปั้นที่เต็มไปด้วยเนื้องอกของสัตว์ประหลาดตัวนั้นทุบจนกลายเป็นซอสเนื้อ พร้อมกับแรงสั่นเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วพื้นดิน

เมื่อเห็นภาพนั้น สุนัขกลายพันธุ์ตัวอื่น ๆก็ทยอยกันส่งเสียงคำรามด้วยความหวาดกลัว แต่แล้วพวกมันก็ได้รับพลานุภาพบางอย่างหรือไม่ก็การถูกควบคุมบางอย่าง จึงไม่กล้าที่จะหนีจากสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้นไป และยิ่งไม่กล้าแม้แต่จะต่อต้าน

อีกทั้งไม่เพียงแต่สุนัขกลายพันธุ์เหล่านี้เท่านั้น ดูเหมือนซอมบี้ธรรมดาที่กำลังรวมตัวโอบล้อมกันเข้ามาจะได้รับพลานุภาพบางอย่างเช่นกัน จึงไม่กล้าที่จะก้าวเข้ามาแม้แต่เพียงก้าวเดียว

เมื่อเห็นสิ่งนี้ แล้ว คาดการณ์ได้ว่าพลังอำนาจของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้จะต้องสูงกว่าซอมบี้ขั้นสูงอีกหลายเท่า!

“แฮ่ก ... แฮ่ก.....แฮ่ก....”

ดูเหมือนว่าสุนัขกลายพันธุ์ที่ถูกกำปั้นทุบจนตายนั้น มาจากอารมณ์ด้านลบจำนวนไม่น้อยที่แพร่ขยายออกมาจากเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้  ดังนั้นหลังจากหายใจเร็วเพียงไม่กี่ครั้ง  ในที่สุดเขาก็สงบลง

“ระบบ เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นคนหรือว่าซอมบี้กันแน่?”

และในเวลาเดียวกัน ในขณะที่มองไปทางสัตว์ประหลาดที่สูญเสียสติปัญญาไปแล้วนั้น ฮวางซางก็ยิ่งเพิ่มระดับความสงสัยมากขึ้นไปอีก

“จากการวิเคราะห์ของระบบ  สิ่งมีชีวิตตัวนี้น่าจะถูกสุนัขกลายพันธุ์เหล่านั้นโจมตีในขณะที่ยังตื่นตัว ดังนั้นจึงก่อเกิดเชื้อไวรัสขั้นรุนแรง เพียงแต่ว่าพลังงานที่อยู่ภายในร่างกายของเขาคงจะปกป้องสภาพจิตใจภายในของเขาได้ไว้ในระดับหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ครึ่งคนครึ่งซอมบี้ยังไงละ”

หลังจากตื่นขึ้นมาครั้งนี้ หรือพูดได้ว่าฟื้นคืนกลับมาสภาพเดิม ดูเหมือนระบบจะมีความสามารถใน “การสแกน”  บางสิ่งบางอย่างมากขึ้น

“ตอนนี้ระดับการติดเชื้อของเขายังไม่ถึงขั้นลึกมาก แต่น่าจะไม่นานแล้วละที่จะกลายร่างเป็นผีดิบเต็มตัว”

“เป็นอย่างนี้นี่เอง ........”

เมื่อได้ยินระบบอธิบาย ในที่สุดฮวางซางก็เข้าใจ

ตอนแรกเขาเองก็ติดเชื้อซอมบี้จากเจ้าลิกเกอร์ด้วยเช่นกัน ถ้าไม่ใช่เขาอาศัยวิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งในร่างกายของเขา ช่วยกำจัดไวรัสนี้ออกไป ตอนนี้เขาก็คงจะกลายพันธุ์เหมือนกับเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้แล้ว

“เอากล่อง...มาให้ฉัน....”

ในช่วงเวลานี้ สัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวที่ฝืนใจสงบลงนั้นก็ได้มองมายังกล่องที่อยู่ในมือของแม่หลิวซิน ก่อนจะเอ่ยเสียงแหบแห้งนั้นออกมา

“ไม่งั้น...ฉันจะ...ฆ่าพวกนาย!”

แฮ่!

ดูเหมือนระหว่างสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวและสุนัขกลายพันธุ์เหล่านี้กำลังสื่อสารอะไรบางอย่าง เมื่อสิ้นสุดเสียงของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้ สุนัขกลายพันธุ์ที่ล้อมอยู่รอบตัวเขาก็ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างฉันพลัน หลังจากนั้นก็กระจายตัว ราวกับล่าสัตว์ เข้ามาห้อมล้อมฮวางซางและคนอื่นๆไว้

“กล่อง?”

และในเวลาเดียวกัน ฮวางซางก็มีปฏิกิริยาตอบสนองได้อย่างฉับพลัน จากนั้นก็มองไปทางกล่องที่อยู่ในมือแม่หลิวซิน  รูม่านตาหดลง ก่อนจะตะโกนออกไปว่า

“ในกล่องนั้นคือสารละลายเชื้อไวรัสใช่ไหม ?  ถ้าใช่ก็ส่งให้มันไป  ของสิ่งนี้จะดึงดูดซอมบี้ตัวอื่น ๆให้เข้ามา!”

เนื่องจากสถานการณ์ที่ค่อนข้างวุ่นวาย ดังนั้นเขาจึงลืมเรื่องสำคัญที่สุดอย่างสารละลายเชื้อไวรัสไปในชั่วขณะหนึ่ง ถ้าของในกล่องนั้นเป็นสารละลายเชื้อไวรัสจริง ๆ ไม่น่าล่ะสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้จึงได้มาขวางหน้าพวกเขาไว้

ถึงอย่างไรถ้าพูดถึงระดับในตอนนี้ สัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้ก็เหมือนซอมบี้มากกว่าคนซะอีก!

เมื่อเป็นเช่นนี้  ฮวางซางจึงได้เร่งรัดให้แม่ของหลิวซินส่งสารละลายเชื้อไวรัสนั้นออกไป  เพราะของสิ่งนี้ไม่เพียงแต่สัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวเท่านั้นที่อยากได้ ลิกเกอร์และไทแรนท์ก็อยากได้ด้วยเช่นกัน การเก็บไว้ในมือตัวเองก็เท่ากับดึงดูดความตายมาสู่ตัว

“ไม่ได้!”

แต่ทว่า สิ่งที่ฮวางซางคาดการณ์ไว้ก็คือ เมื่อเผชิญหน้ากับพลังของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยว  แม่ของหลิวซิน ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งกลับส่ายหน้า  สีหน้าของเธอซีดเผือด แต่กลับยืนยันพูดขึ้นต่อไปว่า

“สารบริสุทธิ์ที่อยู่ในนี้คือสารละลายเชื้อไวรัส แล้วก็ยังเป็นเซรุ่มไวรัสที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย ของสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของมนุษย์ ถึงแม้ว่าฉันต้องตาย ก็ไม่มีทางส่งให้เด็ดขาด!”

“เซรุ่มไวรัส?”

เมื่อได้ยินแม่ของหลิวซินพูด ทุกคนในที่นั้นก็อึ้งงันไป  แม้กระทั้งพ่อของหลิวซินเองก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี้เช่นกัน

“นักวิจัยคนหนึ่งได้ทำการทดลองกับศพ  แต่ด้วยความไม่ระวังจึงได้ผสมยาทดลองและสารละลายเชื้อไวรัสเข้าด้วยมากเกินไป คิดไม่ถึงว่ายาทดลองที่ผสมกันนั้นกลับก่อเกิดปฏิกิริยาตอบสนองที่พิเศษเช่นนี้ขึ้น มันเป็นเชื้อที่สามารถฆ่าไวรัสได้”

แม่ของหลิวซินพยักหน้า สีหน้าของเธอได้แปรเปลี่ยนเป็นยืนหยัดต่อไป

“เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญ  ดังนั้นหากคิดจะสำรองขึ้นมาอีกจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงแค่ต้องนำเชื้อไวรัสนี้กลับไปทดลองในห้องวิจัยใหม่ สรุปแล้วไม่ว่าจะยังไง ต่อให้ต้องตาย ฉันก็ไม่มีทางส่งเซรุ่มนี้ให้เด็ดขาด!”

“รู้แล้ว!”

ถึงแม้จะรู้ว่าการที่แม่ของหลิวซินทำแบบนี้เท่ากับพาทุกคนไปเจอกับความตายก็ตาม  แต่พ่อของหลิวซินในตอนนี้กลับไม่ขัดขวางแต่อย่างใด  แต่กลับพยักหน้าแทน  สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและเด็ดเดี่ยวขึ้นมา

หลังจากนั้น เขาก็สูดลมหายเข้าลึกๆ ก่อนจะหันไปพูดกับลูกน้องข้างกายด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า

“หน่วยรักษาความปลอดภัยทุกคนฟังคำสั่ง ถ้าหากจะต้องลงมือ หน้าที่หลักในตอนนี้ของพวกนายคือการปกป้องเซรุ่มอันนี้ ต่อให้ฉันต้องตาย ภรรยาของฉันตาย  ลูกของฉันตาย แม้กระทั่งทุกคนไม่ว่าใครตาย  แต่เซรุ่มนี้จะต้องไม่สูญสลายไปเด็ดขาด !”

“ครับ คนตายได้ แต่เซรุ่มต้องไม่สูญหายเด็ดขาด!”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวชิง หน่วยรักษาความปลอดภัยทุกคนจึงตะโกนพร้อมกับกัดฟันออกไป สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นหนักแน่นจนหาที่เปรียบไม่ได้

“คนพวกนี้......”

และในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นภาพนี้  ในใจของฮวางซางราวกับถูกพลังงานบางอย่างเข้าโจมตีออย่างโหดหี้ยม จนตัวแข็งทื่อไป

ในกองบัญชาการก่อนหน้านั้น การปฏิบัติตัวของข้าราชการชั้นสูง  และความเงียบของหลิวชิงทำให้เขารับรู้ได้ถึงความเลือดเย็นและเห็นแก่ตัว แต่ในเวลาเดียวกันก็ทำให้เขาเข้าใจนิสัยด้านมืดและความโหดร้ายลึกๆของมนุษย์มากขึ้น  รู้ว่าว่าอะไรดีอะไรชั่ว

เห็นได้ชัดว่าคนที่เห็นแก่ตัวและเลือดเย็นนั้น กลับเลือกที่จะต่อกรกับสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้  อย่างไม่ลังเลเพื่อมนุษยชาติ  และเซรุ่มไวรัสที่อยู่มือตอนนี้

นี่เหรอ .... คือความขัดแย้งในสันดานมนุษย์และความดีงามในสันดานมนุษย์?

บางที นี่อาจะเป็นทหารที่ยึดมั่นในคุณธรรมก็เป็นได้!

“ไม่ให้...ก็ตาย!”

เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นไม่ยอมส่งกล่องใบนั้นมาให้อย่างแน่นอน ในที่สุดสัตว์ประหลาดร่างบิดเบี้ยวนั้นก็ไม่อาจกดความกระหายเลือดและความโหดร้ายภายในจิตใจได้อีกต่อไป จึงได้ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธเคือง

แฮ่ แฮ่ แฮ่!

หลังจากที่เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดร่างบิดเบี้ยว นั้นดังขึ้น สุนัขกลายพันธุ์อีก 7- 8 ตัวก็ทยอยส่งเสียงคำรามแล้วพุ่งเข้ามาหาฮวางซาง

สงครามนองเลือดที่โหดเหี้ยม ได้เริ่มขึ้นแล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด