ตอนที่แล้วตอนที่ 25 บังคับข่มขู่ และโกรธกริ้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 27 หายนะด้านตะวันออก  กองทหารแบ่งกลุ่ม!

ตอนที่ 26 กองทัพซอมบี้อันน่าตกใจปรากฏขึ้นมาแล้ว!


ตอนที่ 26 กองทัพซอมบี้อันน่าตกใจปรากฏขึ้นมาแล้ว!

  

“ลูกหลิว แกจะทำอะไร?”

เมื่อเห็นฮวางซางจับเจ้าจมูกงอนนั้นกระแทกไปที่หน้าต่างจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ อีกทั้งยังค้างอยู่บนอากาศ ทุกคนจึงได้สติกลับมา เป็นเวลาเดียวกับที่หลิวชิงตำหนิด้วยความโกรธไปทางหลิวซิน

“แกบ้าไปแล้วเหรอ?”

“ไม่ ลูกไม่ได้บ้า ลูกก็แค่ทำเรื่องที่สมควรทำเท่านั้น!”

หลิวซินส่ายหน้า  ถึงแม้ว่าสีหน้าของเขาจะซีดเผือดก็ตาม แต่ดวงตาของเขากลับยังคงยืนหยัดต่อไป

“พ่อ พ่อบอกตลอดไม่ใช่หรือว่าเกิดเป็นคนต้องรู้จักบุญคุณ? ถ้าไม่ใช่เพราะฮ่องเต้ช่วยลูกไว้หลายครั้งลูกคงตายไปนานแล้ว ชีวิตของลูกยกให้เขาไปแล้ว ลูกจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายเขาเด็ดขาด !”

“แก!”

เมื่อเห็นท่าทางที่ทั้งดื้อรั้น  ทั้งยืนหยัดต่อไปของหลิวซิน หลิวชิงก็ระเบิดความโกรธออกมาทันที แต่เนื่องจากเป็นเพราะกังวลเรื่องความโกรธของฮวางซาง จึงไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

ถึงอย่างไรก่อนหน้านั้น  เจ้าจมูกงอนคนนั้นก็เคยพูดว่า เขาเป็นคนเดียวในทุกคน  ที่สามารถขับเครื่องบินลำเลียงรุ่น 5 ได้ ถ้าเขาตาย เฮลิคอปเตอร์ที่จอดอยู่ในลานจอดอากาศยานก็คงจะลำเลียงพวกเขาที่เยอะขนาดนี้ไปไม่ได้

“ปล่อย  รีบปล่อยหวางชาวลงสิ!”

“เจ้าหนุ่มอย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่ามนะ  พวกเราค่อยๆปรึกษาหารือกันก็ได้!”

“ใช่ใช่ใช่ ถ้านายไม่อยากเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ พวกเราก็จะไม่บังคับนายแล้ว แต่นายปล่อยหวางชาวลงก่อนเถอะ!”

“เด็กหน่อย ถ้าหวางชาวเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว วันนี้นายได้ตายจริงๆแน่!”

……

และในเวลาเดียวกัน  คนอื่นๆก็พยายามที่จะ  หลอกล่อ  ขู่เข็ญ  บังคับ  กับฮวางซางสารพัด เพื่อหวังให้เขาปล่อยตัวเจ้าจมูกงอนคนนั้นลงมา

“พวกนายแน่ใจเหรอว่าจะให้ฉันปล่อยเขา?”

ในขณะที่ทุกคนกำลังแสดงท่าทางแข็งนอกอ่อนในอยู่นั้น ฮวางซางกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างมาก จากนั้นก็ยิ้มอย่างเยือกเย็นออกมา  ก่อนที่มือขวาของเขาจะยื่นออกไปข้างนอกอีกเล็กน้อย

“ถ้าแน่ใจแล้วละก็ งั้นฉันปล่อยละนะ!”

“อย่า อย่า!”

“จับไว้!”

“อย่าขยับ!”

……

เมื่อเห็นฮวางซางกำลังทำท่าจะทิ้งเจ้าจมูกงอนนั้นลงไป  ทุกคนถึงกลับตื่นตกใจขึ้นมาทันที

“เอาละ!”

เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว พ่อของหลิวซินจึงได้สูดลมหายใจลึกๆ  พร้อมกลับแสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมา ก่อนพูดว่า

“เสี่ยวฮวางใช่ไหม ฉันรู้ว่าในใจของแกรู้สึกว่าไม่ได้รับเป็นธรรม  แต่เขาคือคนเดียว  ที่สามารถขับเครื่องบินลำเลียงได้ของพวกเรา  หวังว่าแกคงจะเข้าใจว่าเรื่องไหนสำคัญกว่า อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ถ้าหากว่าก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมา  มันไม่ได้ส่งผลดีต่อทุกคนเลยว่าไหม?”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวชิงก็หยุดไปสักพัก หลังจากนั้นก็พูดต่อว่า

“ฉันรับประกัน ถ้าแกยอมปล่อยหวางชาว เราจะไม่บีบบังคับเรื่องที่แกไม่อยากทำอีกแล้ว ล้มเลิกเรื่องก่อนหน้านั้นไป เป็นไง?”

หลังจากนั้น เหมือนหลิวชิงกังวลว่าฮวางซางจะไม่เชื่อในคำพูดของเขา จึงได้พูดเสริมอีกว่า

“แกวางใจได้  เรื่องที่ฉันรับปากแล้วฉันต้องทำอย่างแน่นอน อีกอย่างถึงแม้ว่าแกจะไม่เชื่อฉัน แต่อย่างน้อยก็น่าเชื่อในลูกหลิว?”

“ฮ่องเต้......”

และในเวลาเดียวกัน หลิวซินก็เกิดความลังเลขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นก็พยักหน้า แล้วพูดว่า

“พี่เชื่อพ่ออีกสักครั้งเถอะ ปล่อยเจ้านี้ลงก่อน  ถ้าพวกเขากล้าบีบบังคับพี่อีก ต่อให้ฉันต้องตาย ฉันก็ไม่ปล่อยพวกเขาไว้เด็ดขาด”

ถึงแม้ว่าเขาจะเกลียดเจ้าจมูกงอนนั้นมากแค่ไหนก็ตาม แต่ในใจของเขากลับรับรู้ได้อย่างชัดเจน ถ้าเจ้าจมูกงอนนี้ตาย เกรงว่าคงจะเกิดเรื่องที่ยุ่งยากเกินกว่านี้เป็นแน่

“ได้ ในเมื่อนายพูดถึงขนาดนี้แล้ว งั้นฉันจะไว้หน้านายก็ได้”

เมื่อเห็นท่าทางที่ดูลำบากใจของหลิวซิน ฮวางซางจึงได้ถอนหายใจออกมา หลังจากนั้นก็เตรียมพร้อมที่จะดึงเจ้าจมูกงอนนั้นกลับเข้ามาจากนอกหน้าต่าง

ถึงอย่างไรไม่ว่าเป็นเพราะเรื่องอื่น หรือเรื่องปืนเมื่อสักครู่ เขาก็ไม่สามารถสร้างความลำบากให้กับหลิวซินได้

แต่ในตอนนี้ สิ่งที่แปลกประหลาด  รุนแรง อันตรายที่คุ้นเคยเหล่านี้  กลับปรากฏขึ้นมาในจิตใจของฮวางซาง จากนั้นก็มองไปทางกำแพงรั้วด้านหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป แล้วก็เห็นเงาสีเลือดตัวหนึ่งโผล่ออกมา!

“ลิกเกอร์? !”

ในขณะที่มองไปทางเงาที่คุ้นเคย  ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงจนใหญ่มากยิ่งขึ้นนั้น รูม่านตาของฮวางซางก็หดลงทันที

เมือง C ที่ใหญ่ขนาดนี้  ทำไมเจ้าลิกเกอร์กลับจงใจมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ละ!

แต่ทว่า สิ่งที่สร้างความตื่นตกใจให้เขายิ่งกว่ากลับเป็นต่อจากนั้น !

ครืน!

ช่วงเวลาต่อจากนั้น เสียงระเบิดที่รุนแรงก็ดังขึ้น ราวกับว่ากำแพงที่อยู่ไกล ๆนั้นถูกสิ่งของขนาดยักษ์บางอย่างกระแทกมัน ส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง  และยังเกิดรอยร้าวแตกระแหงนับไม่ถ้วนขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกด้วย

ครืน!

ยังไม่ทันรอให้ฮวางซางมีปฏิกิริยาตอบสนองแต่อย่างใด  เสียงระเบิดอีกเสียงก็ดังขึ้น  หลังจากนั้นกำแพงรั้วที่มีรอยแตกร้าวทั่วทุกพื้นที่นั้น   ก็ได้พังทลายลงมาจนเกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นอย่างคาดไม่ถึง เศษแตกละเอียดนับไม่ถ้วนแตกกระจัดกระจายออกไปทั่วทุกทิศทุกทาง  ฝุ่นจำนวนมากก็ตลบอบอวนไปทั่วทุกพื้นที่เช่นกัน

เมื่อรอให้ฝุ่นเหล่านี้ถูกฝนที่ตกลงมาชำระล้างจนหายไปแล้ว ร่างยักษ์ที่ตัวใหญ่มหาศาลตัวหนึ่งก็ออกมาจากกำแพงรั้วที่พังทลายลงไป ด้านหลังของร่างยักษ์นั้น  เมื่อมองออกไปสุดลูกหูลูกตา ก็เห็นเหมือนกับกองทัพซอมบี้สีดำจำนวนนับไม่ถ้วน!

ลิกเกอร์ ไทแรนท์ รวมไปถึงซอมบี้อีกนับไม่ถ้วน ได้ปรากฏขึ้นมาพร้อมกันอย่างคาดไม่ถึง!

“นี่มันเป็นไปได้ยังไง?!”

เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นตรงหน้า  ทำให้ฮวางซางอึ้งงันไปทันที

ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่เข้าใจ ทำไมเจ้าไทแรนท์และลิกเกอร์ถึงได้ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกันในเขตป้องกันประเทศแห่งนี้หรือว่ามีบางอย่างที่ดึงดูดพวกมันเข้ามา?

“สารละลายเชื้อไวรัส!”

ในเวลานี้ เสียงของระบบก็ดังขึ้นมาในหัวของฮวางซางทันที

“จากการสแกนของระบบ  สารละลายเชื้อไวรัสที่พวกเขาพูดถึง  น่าจะเป็นเชื้อไวรัสที่ถูกเสริมสร้างความแข็งแรง  โดยการนำไวรัสภายในร่างกายของซอมบี้ขั้นสูง  มาผ่านกระบวนการสกัดจนบริสุทธิ์  เชื้อไวรัสที่ถูกเสริมสร้างความแข็งแรงประเภทนี้บริสุทธิ์มาก จึงทำให้มีพลังดึงดูดที่รุนแรงต่อซอมบี้เหล่านี้ในเวลาเดียวกัน”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ระบบก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดต่อว่า

“ซอมบี้ขั้นสูงทั้งสองตัวนั้น  น่าจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสารละลายเชื้อไวรัสตัวนี้   ดังนั้นจึงได้รีบเข้ามาแย่งชิง   เพราะพวกมันต้องการสารละลายเชื้อไวรัสนี้  ไปใช้ในการวิวัฒนาการของมัน  เหมือนกับโฮสต์ที่ตกอยู่ในสถานการณ์คอขวด  จนต้องได้รับความช่วยเหลือจากภายนอกนั้นแหละ”

“เหี้ย!”

เมื่อได้ยินคำพูดของระบบ ฮวางซางก็อดที่จะสบถด่าออกมาไม่ได้

ที่เขามาที่เขตการป้องกันประเทศแห่งนี้  เดิมที่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายและอันตราย  คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายมันกลับสร้างความวุ่นวายมากมายขนาดนี้  นี่มันน่าหดหู่ใจเกินไปแล้วจริงๆ

แต่เมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าจะโกรธเคืองหรือเสียใจไป  ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ช่วงเวลาต่อจากนี้ ฮวางซางได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเก็บมือขวากลับมา แล้วโยนเจ้าจมูกงอนคนนั้นลงไปบนพื้นอย่างแรง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

“ฉันคิดว่าความแค้นของพวกเรานั้นช่างมันเถอะ  ตอนนี้กำแพงรั้วของเขตป้องกันประเทศก็ถูกเจ้าไทแรนท์พังทลายลงแล้ว  อีกทั้งเจ้าลิกเกอร์ก็ยังเข้ามาในพื้นที่มหาวิทยาลัยแล้วด้วย  นอกจากนี้ซอมบี้จำนวนมากก็กำลังทะลักเข้ามาแล้ว ถ้าไม่อยากตายก็รีบหนีออกไปจากที่นี่ซะ”

“อะไรกัน?”

เนื่องจากมีเพียงฮวางซางเท่านั้นที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง  บวกกับท้องฟ้าที่มืดมิดกับฝนที่เทกระหน่ำลงมานั้นทำให้ขัดขวางระดับการมองเห็นของผู้คนเหล่านั้น ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง ทุกคนจึงเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันใด จากนั้นก็หยิบกล้องส่องทางไกลกลางคืนขึ้นมาส่องสำรวจ

ไม่นาน ร่างยักษ์ใหญ่ของเจ้าไทแรนท์ รวมไปถึงกองทัพซอมบี้อันน่ากลัวได้ทะลักเข้ามาในรั้วกำแพงนี้ในขอบเขตการมองเห็นของพวกเขา

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้!”

“พวกเราต้องตายแน่ๆ!”

“เหี้ย เราต้องสู้กับพวกมันแล้ว!”

……

การกลายพันธุ์อย่างฉับพลันนี้ ทำให้คนที่เดิมทีมีความหวังอยู่แล้วกลับสิ้นหวังไป  อย่างว่าแต่ซอมบี้ขั้นสูงที่น่ากลัวสองตัวนั้นเลย  แค่กองทัพซอมบี้ที่ทะลักเข้ามา พวกเขาก็ไม่อาจต้นทานมันไว้ได้แล้ว

ในช่วงเวลานั้น บรรยากาศแห่งความสิ้นหวังและเสียใจก็ได้ปกคลุมไปทั่วกองบัญชาการแห่งนี้

เคล้ง!

แต่ทว่าในตอนนั้นเอง เสียงแตกกระจายของหน้าต่างกลับสร้างความแตกตื่นให้กับทุกคน เมื่อพวกเขามองไปตามเสียงนั้น กลับพบว่าฮวางซางกำลังใช้ขวานด้ามหนึ่งทุบกระจกจนแตกละเอียด  แล้วยังถือมันไว้แน่นอีกด้วย

"ถ้าไม่อยากตายอยู่ที่นี่  งั้นบุกออกไปกับฉัน ฉันจะช่วยพวกนายเปิดทางให้  แต่จะสามารถรอดไปได้ไหมนั้น  ขึ้นอยู่กับพวกนายแล้วละ"

ฮวางซางไม่ใช่คนที่รอความตาย  ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจบุกออกไป

สำหรับทำไมถึงเลือกเปิดทางให้กับคนเหล่านั้น และพาพวกเขาไปด้วยกัน  ไม่ใช่เพราะฮวางซางเห็นใจมากขนาดนั้น  แต่เป็นเพราะเขาขับเครื่องบินไม่เป็น....

แน่นอนว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้  เจ้าลิกเกอร์ได้เข้ามาในเขตมหาลัยแล้ว  อีกทั้งไม่มีใครรู้ว่านักฆ่าที่น่ากลัวตัวนี้ซ่อนตัวอยู่ที่แห่งไหน  ภายใต้สถานการณ์นี้ คนยิ่งเยอะมากเท่าไหร่  แน่นอนว่าจะยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อพูดจบ  ฮวางซางก็ถือลิ้นและขวานนั้นไว้  เพื่อเตรียมพร้อมที่จะฝ่าประตูใหญ่ออกไป

"อย่าขยับ!"

แต่ในช่วงเวลานี้ น้ำเสียงอ่อนแอที่เต็มไปด้วยความผูกอาฆาตพยาบาทก็ดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน

เมื่อฮวางซางหันกลับไป ก็พบกับเจ้าจมูกงอนหัวแตกเลือดไหล  ที่ก่อนหน้าถูกเขาโยนจนลงไปกองกับพื้นได้ถือลูกระเบิดมือ  ที่ไม่รู้ว่าเอามาจากไหนอยู่ในมือแล้ว แถมลูกระเบิดลูกนั้นยังถอดสลักแล้วอีกด้วย  นอกจากนี้ยังถือเครื่องอิเล็กทรอนิกส์เครื่องหนึ่ง ก่อนจะหันมาพูดกับฮวางซางพลางกัดฟันกรอดว่า

“ส่งลิ้นนั้นมาให้ฉัน  ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ตายด้วยกันหมดนี่แหละ”

ในใจของเจ้าจมูกงอนรู้ได้อย่างชัดเจนแล้ว ว่าตัวเองนั้นเพิ่งจะถูกฮวางซางกระแทกจนล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง จนทำให้ร่างกายของเขานั้นได้รับบาดเจ็บไม่ใช่น้อย แม้กระทั่งกระดูกซี่โครงก็น่าจะหักหนึ่งหรือสองท่อนอีกด้วย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ถ้าไม่ฝ่าออกไปละก็  ไม่ว่าจะเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยข้างกายเขาอีกสองสามคนก็ไม่อาจปกป้องเขาไว้ได้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเขาเลือกสู้ไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าหากบังคับให้ฮวางซางส่งลิ้นนั้นมาให้เขาได้ก็จะดีมาก แต่ถ้าไม่ได้ละก็  เขายอมใช้ระเบิดมือตายไปด้วยกัน  ดีกว่าถูกซอมบี้นั้นกัดตายดีกว่า!

“เหี้ย นายจะรนหาที่ตายรึไง!”

เมื่อเห็นเจ้าจมูกงอนนั้นยังสนใจลิ้นขาดอันนั้น  ทั้งที่อยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้  หลิวซินเองก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้ จึงได้เล็งปืนไปที่เจ้าจมูกงอนนั้น

“ฉันบอกให้นายอย่าขยับน่าจะดีกว่า!”

แต่ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับปืนกระบอกนั้นของหลิวซิน เจ้าจมูกงอนกลับยิ้มอย่างเย็นชาออกมาราวกับผู้ชนะเดิมพัน

“ในมือของฉันคือระเบิดมือรุ่น 82 ที่ได้รับการดัดแปลงมาแล้ว  รัศมีการสังหารของมันมีระยะเกินกว่า 8 เมตร อีกอย่างตอนนี้เราก็อยู่ในสภาพห้องปิดกั้นไว้แบบนี้อีก ดังนั้น ถึงแม้ว่านายจะฆ่าฉัน ฉันก็จะลากพวกนายทั้งหมดให้ตายไปด้วยกัน!”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เจ้าจมูกงอนก็มองไปทางฮวางซางอีกครั้ง

“น้องชาย เวลาของทุกคนมีไม่มากแล้วนะ ตัดสินใจได้แล้วรึยัง  จะส่งลิ้นนั้นมาแล้วออกไปต่อสู้ หรือจะตายไปพร้อมกับฉัน?”

“ไอ้เวรเอ๊ย!”

ฮวางซางคิดไม่ถึงว่าเจ้าจมูกงอนจะตัดสินใจทำเช่นนี้

เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าจมูกงอน ดวงตาของเขาก็เย็นยะเยือกขึ้นมาทันใด สภาพแวดล้อมที่ถูกห้อมล้อมไว้ขนาดนนี้ จากการวิเคราะห์ของตัวเอง  คาดว่าคงจะโยนระเบิดมือ ออกไปนอกหน้าต่างก่อนที่มันจะระเบิดไม่ได้อย่างแน่นอน  เพราะเจ้าจมูกงอนนั้นได้เตรียมพร้อมมาอย่างดีแล้ว

ถ้าหากเขากล้าเคลื่อนไหว  ระเบิดในมือนั้นก็จะระเบิดขึ้นมาทันที

ยิ่งไปกว่านั้น ด้านหลังของเจ้าจมูกงอนนั้นก็ยังมีผู้ติดตามอีกสองสามคน ถ้าตัวเองลงมือกับเจ้าจมูกงอนนั้น พวกเขาก็คงจะไม่อยู่เฉยแน่ๆ ถึงตอนนั้นต่อให้ยื้อเวลาออกไปอีก 1-2วินาที ตอนนั้นก็อาจจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่อาจย้อนกลับมาได้

เราทำได้เพียงแค่ใช้ลิ้นฝ่าวงล้อมออกไปเท่านั้นเหรอ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด