ตอนที่แล้วตอนที่ 22 ตีฝ่าวงล้อม  สุนัขยักษ์ !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 24 ทะเลาะ  สถานการณ์ยากลำบาก!

ตอนที่ 23 พลังเหนือมนุษย์ที่ฟื้นตื่นขึ้น


ตอนที่ 23 พลังเหนือมนุษย์ที่ฟื้นตื่นขึ้น

  

“หลิวซิน !”

เมื่อเห็นหลิวซินถูกสุนัขตัวนั้นพุ่งเข้าใส่ ฮวางซางที่กำลังจ้องเขม็งจนปวดหัวอย่างรุนแรง ก็ได้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธเคือง เพราะอยากออกไปช่วย แต่มันก็สายเกินไปซะแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะมีพละกำลังและปฏิกิริยาตอบสนองเร็วกว่านี้ก็ตาม แต่เขาก็ไปช่วยคนที่อยู่ภายใต้ปากของสุนัขยักษ์ตัวนั้นไม่ทัน

ความตายของหลิวซิน ดูเหมือนจะมาถึงวาระแล้ว!

“อ่า!!!!”

และในเวลาเดียวกัน ปากใหญ่ๆของสุนัขยักษ์ที่อยู่เบื้องหน้าของหลิวซินตัวนั้น  ใกล้มากจนขนาดที่หลิวซินเห็นเศษเนื้อที่ติดอยู่ในฟันแหลม ๆของสุนัขยักษ์ตัวนั้น ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งลมหายใจเหม็นคาวที่พวยพุ่งออกมาจากปากของมันยังส่งกลิ่นเหม็นจนอยากจะอาเจียนอีกด้วย!

หลิวซินที่ไม่เคยใกล้ความตายเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้เขาเหมือนกับเห็นเคียวแหลม ๆของพญายมกำลังโบกไปมาต่อหน้าต่อตาเขา การเผชิญหน้ากับความตายที่น่ากลัวเช่นนี้ ทำให้ร่างกายของเขายิ่งอยู่ยิ่งเย็นขึ้นเรื่อย ๆ เย็นขึ้นเรื่อย ๆ!

สุดท้าย ความเย็นยะเยือกแบบนี้ก็ถึงขีดสุด ในที่สุดหลิวซินก็กรีดร้องอย่างหวาดกลัวอย่างบ้าคลั่งออกมา!

และในเวลานี้   การกลายพันธุ์ก็เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด!

หวือ!

ในขณะที่หลิวซินกำลังตะโกนกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งนั้น ดูเหมือนบางอย่างที่พันธนาการร่างกายของเขาไว้ได้ฉีกขาดออกอย่างโหดเหี้ยม หลังจากนั้นแสงอันเย็นยะเยือกสีฟ้าสลัวๆก็ได้ระเบิดออกมาจากตัวของเขา   ลมหนาวดังอยู่ในเขตขั้วโลกเหนือก็ได้พุ่งไปกลืนสุนัขที่ดุร้ายตัวนั้นโดยตรง

พริบตาเดียว ภาพที่หาดูได้ยากยิ่งภาพนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว!

ซู่ ซู่ ซู่!

ตามมาด้วยเสียงของเหลวที่ถูกแช่แข็งอย่างฉับพลันก็ดังขึ้น  เมื่อมองไปแล้วก็เห็นแค่เพียงสุนัขยักษ์ที่ต้องการคร่าชีวิตของหลิวซินได้ถูกแสงสีฟ้านั้นปกคลุมจนตัวแข็งไป หลังจากนั้นพื้นผิวภายนอกร่างกายก็ปรากฏผลึกน้ำแข็งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันถูกแช่แข็งอย่างแน่นหนา จนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไปโดยปริยาย!

และในเวลานี้  เสียงกรีดร้องของหลิวซินไม่ได้หายไปแต่อย่างใด!

เมื่อเห็นภาพนั้น ไม่ว่าฮวางซางหรือว่าหลิวซินก็อึ้งตกใจไปเช่นกัน

“อ่า!”

ไม่นาน หลิวซินที่กระโดดหนีจากความตายมาได้ก็กลับมามีสติอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ร้องจะโกนออกไป ก่อนที่มือขวาจะผลักสุนัขยักษ์ที่กลายร่างเป็นรูปปั้นแช่แข็งตัวนั้นออกไป

หลังจากนั้น สุนัขที่ถูกแช่แข็งจนเป็นรูปปั้นตัวนั้นก็ล้มลงไปบนพื้น แล้วแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นซากปรักหักพังที่ถูกแช่แข็งเศษเล็กเศษน้อยไป  ในเวลาเดียวกันกับที่แสงสีฟ้าอ่อนๆนั้นได้พุ่งออกมาจากซากปรักหักพังนั้น ผสานเข้าไปในร่างกายของหลิวซิน

ภาพนี้ แทบจะเหมือนกับตอนที่ที่ฮวางซาเก็บพลังเหนือธรรมชาติได้หลังจากฆ่าซอมบี้อย่างไรอย่างนั้น!

“ฮ่อง....ฮ่องเต้....”

ในขณะที่มองสุนัขยักษ์ตัวนั้นกลายเป็นซากศพชิ้นเล็กชิ้นน้อย  หลิวซินที่สัมผัสได้ถึงพลังที่ทั้งเย็นและแปลกประหลาดที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย ได้เผยสีหน้าแห่งความสงสัยออกมาในเวลาเดียวกัน

“นี่....นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? !”

“ยินดีด้วย ถ้าฉันเดาไม่ผิดละก็ พลังเหนือมนุษย์ของนายได้ฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว!”

และในเวลาเดียวกัน ในที่สุดฮวางซางก็เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหลิวซิน  หลังจากนั้นก็เผยรอยยิ้มบางๆออกมา ก่อนจะออกแรงที่มือขวาอย่างแรงและเร็ว กวัดแกว่งสุนัขที่อยู่ในมือตัวนั้นไปมา แล้วใช้สุนัขที่ถูกเขาทุบด้วยซอมบี้ไปก่อนหน้านั้นทุบเข้าไปบนหัวอย่างโหดเหี้ยม

แผละ!

หลังสิ้นเสียงที่ดังขึ้น สุนัขที่พยายามโจมตีและลุกขึ้นมาอีกครั้งได้ถูกฮวางซางทุบลงไปบนหัวจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เป็นเวลาเดียวกับที่มันสมองของสุนัขตัวนั้นที่อยู่ในมือของเขาได้ทะลักออกมาตามรอยแตกนั้น ก่อนจะแน่นิ่งไป

หลังจากจัดการเจ้าตัวปัญหาสองตัวนี้ได้แล้ว  ฮวางซางจึงได้หันมาพูดกับหลิวซินว่า

“ก่อนหน้านั้นฉันเคยอ่านโพสต์อีกโพสต์หนึ่งบนเว็บไซต์ ในโพสต์นั้นได้เขียนไว้ว่า ถึงแม้ว่าพลังเหนือฟ้าดินในตอนนี้จะกำเนิดสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวขึ้นมา และนำพาภัยพิบัติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มาสู่ตัวมนุษย์ก็ตาม แต่ในเวลาเดียวกันก็นำมาซึ่งโอกาสที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแก่มนุษยชาติเช่นกัน คนที่มีคุณสมบัติที่ดีส่วนหนึ่ง จะสามารถใช้โอกาสนี้มาเปิดความสามารถซ่อนเร้นที่อยู่ภายในของตัวเอง  ดังนั้นจึงได้ความสามารถที่แข็งแกร่งหลากหลายรูปแบบเกิดขึ้นมา”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ฮวางซางก็อดมองไปทางหลิวซินด้วยแววตาอิจฉาไม่ได้

“เห็นได้ชัดเจนว่า นายคือหนึ่งในนั้น”

พลังเหนือมนุษย์ได้ฟื้นตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วทั้ง ๆ ที่หลิวซินไม่เคยบำเพ็ญฝึกฝนยุทธการจู่โจมใดๆมาก่อน  ร่างกายนี่ก็ได้พิสูจน์ความน่ากลัวทางด้านสติปัญญาของเขาแล้ว   คนประเภทนี้เกรงว่าคงจะเป็นอัจฉริยะหนึ่งในล้าน ที่มีในยุคเทพเจ้าและภูตผีในโบราณกาล

เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการบำเพ็ญฝึกฝนวิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งขั้นบรรลุแล้ว มันกลับเทียบไม่ได้กับคนที่ยังค้นพบพลังเหนือธรรมชาติของตัวเองไม่เจอมากทีเดียว

จนกระทั่ง หากไม่ใช่เพราะได้รับโอกาสการสืบทอดจากระบบแล้ว  ก็คงจะต้านทานภัยพิบัติครั้งแรกด้วยคุณสมบัติของตัวเองไม่ได้อย่างแน่นอน

“พลัง...พลังเหนือมนุษย์?”

ตอนนี้หลิวซินรู้สึกงุนงงอยู่ไม่น้อย เขามองไปที่มือทั้งสองของตัวเอง หลังจากนั้นก็ออกแรงกวัดแกว่งไปมาภายใต้จิตสำนึก

หวือ!

พริบตาเดียว แสงสีฟ้าอ่อนๆก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือของเขาอีกครั้ง ไม่เพียงแต่อุณภูมิในอากาศที่ต่ำลงไม่น้อยเท่านั้น   แม้กระทั้งหยดน้ำที่ร่วงหล่นมาบนมือของเขาก็แข็งตัวจนกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง ก่อนจะร่วงหล่นลงพื้นไป

“พระเจ้า นี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย!”

เมื่อเห็นภาพนี้ ในที่สุดหลิวซินก็มั่นใจกับเรื่องที่ตัวเองพบเจอเมื่อสักครู่ ว่าทุกภาพที่เขาสัมผัสได้นั้นไม่ใช่เรื่องโกหก  พลังความเย็นที่อยู่ในร่างกายของเขาก็ยังคงดำรงอยู่อย่างแท้จริง หลังจากนั้นเขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาในที่สุดไม่ได้

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า  ฉันมีพลังเหนือมนุษย์แล้ว นี่มันโครตเจ๋งไปเลย!”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวซินก็หันหน้ากลับมามองฮวางซางอย่างฉับพลัน ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแห่งความตื่นเต้นและจริงจังว่า

“พี่ ตอนนี้เป็นตาของผมที่จะปกป้องพี่แล้ว!”

“หือ นายคิดว่าแสงที่อยู่ในตัวนายตอนนี้จะทำให้นายเก่งขึ้นแล้วอย่างนั้นเหรอ? งั้นนายลองไปปราบเจ้าไทแรนท์กับเจ้าลิกเกอร์ดูไหมละ?”

เมื่อเผชิญหน้ากับหลิวซินที่กำลังรู้สึกประหลาดใจและฮึกเหิมนี้  ฮวางซางกลับราดน้ำเย็นใส่เขาเพื่อดึงสติ

“บอกอีกครั้ง ถึงนายจะมีพลังเหนือมนุษย์ก็จริงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่านายจะไม่ตายนะ ตอนนี้นายยังมีเลือดเนื้อ ไม่ว่าจะถูกซอมบี้กัดจนบาดเจ็บ หรือถูกปืนยิง  นายก็ตายได้เหมือนกัน”

“เอ่อ......”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง หลิวซินนิ่งไปในทันที หลังจากนั้นก็เผยสีหน้าลำบากใจออกมา  ก่อนพูดขึ้นว่า

“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น.....”

เมื่อพูดถึงตรงนี้  หลิวซินกลับเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หลังจากนั้นก็มองไปทางฮวางซาง แล้วถามขึ้นว่า

“พี่  พี่ก็เปิดพลังเหนือมนุษย์ออกมาแล้วใช่ไหม ไม่งั้นพี่คงไม่สามารถใจเย็นได้แบบนี้หรอก อีกอย่างฝีมือที่แสดงออกมาเมื่อสักครู่ก็ไม่ใช่คนทั่วไปที่จะทำมันได้ แม้กระทั่งผู้รักษาความปลอดภัยของพ่อฉันก็ยังสู้พี่ไม่ได้”

“ฉันก็มีพลังเหนือมนุษย์มั้งไม่ได้เหรอ?”

ฮวางซางไม่ได้ตอบคำถามของหลิวซินโดยตรง อีกทั้งยังมองไปทางซอมบี้ที่ยิ่งเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆที่อยู่ห่างออกไปอีกด้วย  ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า

“เอาละ อย่ามัวเสียเวลาเลย เดินทางต่อเถอะ ตอนนี้สุนัขกลายพันธุ์แบบนี้ก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว ต่อไปไม่รู้ว่าจะมีอะไรปรากฏตัวขึ้นมาอีก”

“อื้อ”

เมื่อนึกถึงความเร็วอันน่ากลัวที่ปรากฏขึ้นมาของสุนัขยักษ์เมื่อสักครู่ หลิวซินก็รู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมาในใจ  หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นถือปืนพก  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้ววิ่งตามฮวางซางออกไปยังทิศทางของกองบัญชาการนั้นต่อไป

หลังจากที่พลังเหนือมนุษย์ฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว  ร่างกายของหลิวซินก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  ความเร็วก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก บวกกับเขายังสามารถดูดซับพลังของฝนที่ตกกระหน่ำลงมาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในกับตัวเอง แม้กระทั่งยังสามารถเก็บพลังจากการฆ่าซอมบี้เหมือนกับฮวาวซางได้อีกด้วย ดังนั้น ตลอดทางที่พุ่งออกไป  เขาไม่เพียงแต่จะไม่มีอาการอ่อนเพลียแม้แต่น้อย กลับยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาแทนอีกด้วย

เมื่อเป็นอย่างนี้ ท่างกลางสายฝนที่ทั้งสองคนมุ่งหน้าออกไป พวกเขาพยายามหลบหลีกซอมบี้เหล่านั้นอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเกิดหลบหลีกไม่ได้จริง ๆก็จะลงมือฆ่าราวกับสายฟ้าฟาดทันที สุดท้ายพวกเขาก็มองเห็นอาคารกองกำลังทหารสนับสนุนที่อยู่ด้านหน้าในที่สุด

แต่สิ่งที่ทำให้ในใจของพวกเขาเคร่งขรึมขึ้นมาคือ ภายนอกของอาคารกองบัญชาการนั้นมีซอมบี้หลายร้อยตัวรวมตัวกันอยู่ด้านนอก อีกทั้งยังมีซอมบี้อีกจำนวนมากกำลังห้อมล้อมอาคารกองบัญชาการไปทั่วทุกทิศทางอีกด้วย  ดูเหมือนว่าภายในของอาคารหลังนี้กำลังมีอะไรบางอย่างดึงดูดพวกมันไว้!

“เหี้ย ทำไมซอมบี้ถึงได้เยอะขนาดนี้!”

ถึงแม้หลิวซินจะทีพลังที่แข็งแกร่งขึ้นก็ตาม  แต่เมื่อเห็นกองทัพซอมบี้ที่หนาแน่นแบบนั้น  เขากลับอดที่จะรู้สึกชาที่หัวขึ้นมาไม่ได้

“พี่ พวกเราจะเข้าไปข้างในได้ยังไง?”

“บุกเข้าไป!”

ฮวางซางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก็หยิบลิ้นขาดที่ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกอีกชั้น  ภายในกระเป๋าโน้ตบุคขึ้นมา เขาเปิดถุงนั้นขึ้นมา พร้อมกับหันไปพูดกับหลิวซินว่า

“จริงๆแล้วก่อนหน้าฉันโกหกนายไปเรื่องหนึ่ง ฉันไม่เพียงแต่เห็นลิกเกอร์เท่านั้น แต่ฉันยังได้สู้กับมันไปรอบหนึ่ง ....นี่คือลิ้นของมัน?”

“อะ....อะไรนะ?”

หลิวซินมองไปที่ลิ้นขาดที่อยู่ในมือของฮวางซางด้วยความตกตะลึงอ้าปากค้าง  ซึ่งในตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี

มิน่าหล่ะ...ก่อนหน้านั้นที่ฮวางซาง  เห็นพลังเหนือมนุษย์ของตัวเองฟื้นตื่นขึ้นมา  เขายังคงดูสงบได้อยู่ ที่แท้พลังของเจ้าหนุ่มนี้ก็มีความเข้มแข็งเพียงพอที่จะต่อสู้กับเจ้าลิกเกอร์ได้แล้ว!

“เอาละ ตอนนี้ไม่มีเวลามาอธิบายแล้ว แค่นายต้องอยู่ประชิดตัวฉันไว้ก็พอ!”

เมื่อเห็นหลิวซินอยู่ในอาการตื่นตกใจ ฮวางซางก็ส่ายหน้า ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

“กลิ่นอายของเจ้าลิกเกอร์ยังมีอยู่ในลิ้นขาดนี้ เพียงพอที่จะสามารถทำให้ซอมบี้เหล่านั้นเหวาดกลัว ไม่กล้าโจมตีเข้ามา แต่ประสิทธิภาพของมันมีขีดจำกัดเพียงแค่ 5 เมตรเท่านั้น ดังนั้นนายห้ามออกห่างจากฉันเกิน 5 เมตรเด็ดขาด ไม่งั้นฉันก็ช่วยนายไม่ได้นะ!”

เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ฮวางซางก็หยิบลิ้นขาดนี้ออกมา ถึงอย่างไรในเมือง  C  ตอนนี้ก็ถูกเหล่าซอมบี้ยึดครองไปแล้ว  ถ้าหากว่าไม่พึ่งกำลังของทหาร ถึงแม้ว่าจะมีลิ้นขาดๆอันนี้ก็ตาม เขาเพียงคนเดียวก็คงจะไม่สามารถฆ่าซอมบี้ที่ล้อมเมือง C หลายร้อยตัวนี้ได้หมดหรอก

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลิวซิน....

“ฉันรู้แล้ว  พี่!”

ในขณะที่ฮวางซางกำลังแสดงท่าทางเคร่งเครียดแบบนั้น หลิวซินก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะพยักหน้า

“ไป!”

ต่อจากนั้น ฮวางซางก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับถือลิ้นที่อยู่ในมือข้างหนึ่งไว้แน่น และกระโดดพุ่งออกไปด้านหน้า  พุ่งตรงไปยังอาคารกองบัญาการทันที

ส่วนหลิวซินเองก็ไม่กล้าลังเลสิ่งใดอีก ได้วิ่งตามฮวางซางไปติดๆ ไม่ห่างแม้เพียงนิ้วเดียว !

โฮก โฮก โฮก!

ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมานั้น ประสาทรับกลิ่น  ประสาทได้ยิน แม้กระทั่งประสาทการมองเห็นของซอมบี้ก็แข็งแกร่งมากขึ้น ดังนั้นเมื่อฮวางซางและหลิวซินวิ่งพุ่งออกไปบนถนนใหญ่ ซอมบี้ที่ล้อมอาคารกองบัญชาการไว้เหล่านั้นก็เห็นร่องรอยของพวกเขาทั้งสองคน หลังจากนั้นก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขา  พร้อมกับส่งเสียงคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง  ราวกับกลุ่มสุนัขบ้าคลั่งที่กระหายเลือด!

“ลุย!”

สนามที่มีซอมบี้รวมตัวอยู่หลายร้อยตัวนี้สร้างความรู้สึกบีบรัดกดดันอย่างมาก เมื่อเห็นกลุ่มแรกที่พุ่งเข้ามาราวกับกระแสน้ำที่ทะลักเข้ามา อีกทั้งกลุ่มซอมบี้เหล่านั้นยังส่งเสียงคำรามออกมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย  ฮวางซางที่มีจิตใจเข้มแข็งและทรหดเกินกว่าจะหาสิ่งใดเปรียบได้  ก็ยังอดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้

แต่เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วเขาจะถอยหลังกลับไปอีกไม่ได้แล้ว  ทำได้เพียงกัดฟันกรอด  ตัดสินใจ แล้วพุ่งเข้าไปหาซอมบี้กลุ่มนั้น!

สิ่งที่ยังถือว่าโชคดีคือ  ถึงแม้ว่ากลิ่นอายของลิ้นที่เป็นของเจ้าลิกเกอร์จะไม่ได้สดใหม่และเข้มข้นแล้ว  แต่ซอมบี้เหล่านั้นที่เข้าใกล้ลิ้นนี้ในระยะ 5 เมตรก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ยังหลงเหลืออยู่ในลิ้นอันนี้  แต่กลิ่นอายอันน้อยนิดนี้ยังคงสร้างความหวาดกลัวถึงขีดสุดให้กับซอมบี้ทั่วไปได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อ ไป  ตอนที่ซอมบี้เหล่านั้นอยู่ห่างจากฮวางซางไม่ถึง 5 เมตร ดูเหมือนว่าพวกมันจะสัมผัสได้ถึงอันตรายที่น่ากลัวอย่างรุนแรง   จนร่างกายแข็งทื่อไปทั้งตัว หลังจากนั้นก็หยุดลง  ไม่แม้แต่จะกล้าขยับตัว

เมื่อเป็นอย่างนี้ ทำให้ซอมบี้ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงฝั่งด้านหลังก็ได้ชนเข้ากับร่างกายของพวกมันอย่างรุนแรง ส่งผลให้ซอมบี้ที่ยืนเป็นระเบียบที่นำมาก่อนหน้านั้นเกิความวุ่นวายล้มระเนระนาดลงไปกองกับพื้น

ฮวางซางและหลิวซินจึงถือโอกาสนี้เพิ่มความเร็วขึ้น  แทรกเข้าไปในกลุ่มของซอมบี้ที่กำลังวุ่นวายโกลาหลอยู่  พุ่งตรงไปยังปประตูใหญ่ของอาคารกองบัญชาการอย่างรวดเร็ว

เอี๊ยด !

สถานการณ์ด้านนอกได้สร้างจุดสนใจให้กับคนภายใน ดังนั้นเมื่อฮวางซางและหลิวซินมาถึงหน้าประตูใหญ่  ประตูใหญ่ที่ถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนาก็ถูกเปิดออกอย่างฉับพลัน ทหารที่ติดอาวุธครบมือ 4- 5 คนก็ออกมายืนอยู่ข้างประตู  ก่อนเล็งปากกระบอกปืนไปที่ซอมบี้ที่ไม่ได้ล้อมอยู่ด้านนอก  หนึ่งในนั้นได้ส่งเสียงตะโกนขึ้นมาเรียกพวกเขา

“เข้าไปข้างในเร็ว!”

เรื่องความเป็นความตาย หลิวซินและฮวางซางไม่กล้าแม้แต่จะลังเลแต่อย่างใด จึงได้พุ่งตรงเข้าไปในประตูใหญ่ หลังจากนั้นทหาร2 -3 คนนั้นก็รีบปิดประตูทันที  แล้วล๊อกมันไว้อย่างแน่นหนา !

แต่ทว่า ยังไม่ทันที่ฮวางซางและหลิวซินจะได้ผ่อนคลายลง ทหารที่ทำการล็อกประตูใหญ่นั้น 2-3 คนก็ได้ยกอาวุธที่อยู่ในมือขึ้นมา แล้วเล็งปากกระบอกปืนไปที่ฮวางซางและหลิวซินทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด