ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0687 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0689 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0688 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 688 : ชัยชนะอันลึกลับ

หานอี้หล่ายไม่คิดสนใจ เขาเพียงคิดว่าแก่นเต๋าของฉินหยุนประหลาดไปบ้าง มันถูกปกคลุมด้วยรากไม้ เขายังพยายามคว้าจับที่แก่นเต๋าของฉินหยุนต่อ

อย่างกะทันหัน เขาได้เห็นบางสิ่งเล็กจิ๋วสีดำบินผ่านด้วยความเร็วสูงล้ำ มันกัดเข้าที่ข้อมือของเขา เป็นอสรพิษสีดำตัวน้อย

สิ่งนี้คือวิญญาณยุทธ์อสรพิษที่ฉินหยุนดูดกลืนไปก่อนหน้านี้

เมื่อได้เห็นหานอี้หลายสัมผัสที่แก่นเต๋าฉินหยุน เจี้ยนรั่วหยานถึงกับสบถคำรามเสียงดัง

นางไม่อาจเข้าใจ ว่าเหตุใดเชี่ยวเย่ว์หลานไม่ยอมออกปากให้ฉินหยุนยอมรับความพ่ายแพ้

ทางด้านฮูจิงเซียนก็ไม่ต่างกัน นางยืนอยู่ด้านหลังเชี่ยวเย่ว์หลาน พยายามส่งเสียงสื่อสารบอกต่อนางหลายครั้งเพื่อให้นางได้เกลี้ยกล่อม

เปาเฉิงโฉ่วยังใช้ถ้อยคำดุร้ายต่อเนื่องกล่าวข่มขู่ต่อหานอี้หล่ายและหุบเขาเซียนโอสถ กระนั้นพวกเขาหาได้หวั่นเกรงไม่

ขณะทุกคนได้เห็นว่าแก่นเต๋าฉินหยุนกำลังจะถูกนำออก หานอี้หล่ายคล้ายมีโทสะ เขาต่อยที่หน้าท้องซึ่งเปิดออกของฉินหยุน เป้าหมายคือแก่นเต๋า!

ตู้ม!

ฉินหยุนร่างกระเด็นกระแทกม่านพลัง

“ตัวบัดซบ ให้ข้าได้สังหารเจ้า!” แขนของหานอี้หล่ายสั่นเทิ้ม เขาตระหนักได้แล้วว่าตนเองถูกล่อลวง

ฉินหยุนถ่มโลหิตออกจากปากลงพื้นขณะหัวเราะดัง “ตัวบัดซบเช่นเจ้า เหตุใดไม่นำเอาแก่นเต๋าของข้าออกมาเสียให้เร็วกว่านี้ ทำให้ข้ารอนานเกินไปแล้ว!”

ก่อนหน้านี้ครั้งฉินหยุนถูกทุบตี เขาไม่อาจใช้งานวิญญาณยุทธ์อสรพิษได้

ด้วยเหตุนี้ ก็มีแต่ต้องรอให้หานอี้หล่ายหยุดโจมตีดังเช่นเมื่อครู่ และเข้ามาใกล้กับแก่นเต๋า นั่นคือโอกาสดีที่สุดที่เขาจะได้ใช้วิญญาณยุทธ์อสรพิษทำให้อีกฝ่ายติดพิษ

แม้หานอี้หล่ายต่อยแก่นเต๋าของฉินหยุนรุนแรง กระนั้นมันหาได้สะเทือนใดไม่ เพราะมันคือแก่นเต๋าตะวันทมิฬ

แก่นเต๋าตะวันทมิฬคือสิ่งประหลาดที่สุดในโลกหล้า มันสามารถดูดกลืนพลังงานใดที่โจมตีเข้ามาได้หมดสิ้น

“เจ้า... แก่นเต๋าเจ้าสมควรต้องถูกข้าทำลายแล้ว ยังจะมีอะไรให้ยิ้มยินดีอีกหา!” หานอี้หล่ายมีโทสะเป็นล้นพ้นขณะก้าวเดินเข้ามา

ที่ทำเอาผู้คนรู้สึกแปลกประหลาด คือหานอี้หล่ายที่เดินออก ขาคู่นั้นกลับสั่นไปมา

นี่ก็เพราะอีกฝ่ายติดพิษ!

พิษนี้นามพิษเหน็บกระดูกอ่อนกล้ามเนื้อ มันสามารถทำให้กล้ามเนื้อและกระดูกผู้คนสามารถเหน็บชาและอ่อนแรง

หานอี้หล่ายเพียงฝึกฝนโลหิตเซียน กล้ามเนื้อและกระดูกของเขายังไปไม่ถึงขอบเขตเซียน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่เขาจะต้านรับพิษนี้เอาไว้ได้

ฉินหยุนเวลานี้ค่อยทราบ ว่าพิษของวิญญาณยุทธ์อสรพิษร้ายแรงเพียงใด! เขากระทั่งใช้งานมันจัดการหานอี้หล่ายได้ อีกฝ่ายติดพิษอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

หานอี้หล่ายไม่คิดว่าตนเองติดพิษ เขาเชื่อว่าเป็นฉินหยุนปลดปล่อยพลังสั่นไหวรุนแรงออกมา

นั่นก็เพราะก่อนหน้านี้ เขารับรู้ถึงแรงสั่นไหวรุนแรงแทรกเข้าในร่าง

ครั้งฉินหยุนควบคุมวิญญาณยุทธ์อสรพิษให้กัดที่ข้อมือหานอี้หลาย เขาได้ผสานพลังสั่นไหวเข้าไปเพื่อเร่งกระจายพิษ

เชี่ยวเย่ว์หลานที่ได้เห็นสถานการณ์บนลานประลอง นางค่อยถอนหายใจโล่งอก สีหน้าของนางวางใจลงได้มาก เพราะนางได้ทราบแล้วว่าฉินหยุนพบวิธีสวนกลับคู่ต่อสู้

หานอี้หล่ายก้าวเดินเข้าหาฉินหยุนอย่างยากลำบาก ทุกก้าวเดินของเขา พิษจะยิ่งกระจายมากขึ้น เมื่อถึงตรงหน้าฉินหยุน เขาถึงกับต้องคุกเข่าลงกับพื้น

ครึ่งเซียนจากหุบเขาเซียนโอสถพอได้เห็นถึงกับอึ้ง เขาเร่งร้อนตะโกนดัง “อาหล่าย เจ้าเป็นอะไรไปแล้ว? เร่งรีบลุกขึ้น!”

ฉินหยุนยังคงนอนกับพื้น หานอี้หล่ายคุกเข่ากับพื้นข้างกาย ดวงตาทั้งสองนั้นลืมเพียงครึ่ง อีกฝ่ายคล้ายพร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อ

ภาพฉากที่เห็นให้ความรู้สึกแปลกประหลาดจนเกินไป!

เมื่อครู่ หานอี้หล่ายยังคงมีกำลังวังชาและชีวิตชีวา แต่แล้วตอนนี้กลายเป็นแมวป่วยตัวหนึ่งในพริบตา

และฉินหยุนยังไม่ได้ทำอะไรแม้เพียงนิด เป็นหานอี้หล่ายเกิดอาการเอง!

ครึ่งเซียนและศิษย์ทั้งหลายเบื้องล่างลานประลองยุทธ์ต่างคิ้วขมวดหารือกันอย่างสงสัย

“หยุนเอ๋อ!” ฉินหยุนตะโกนดังภายใน

ตู้ม!

หลิงหยุนเอ๋อควบคุมแก่นเต๋าตะวันทมิฬ ปลดปล่อยพลังแรงโน้มถ่วงมหาศาลสะกดลงมา

หานอี้หล่ายร่างกระแทกพื้นส่งเสียงดัง เห็นได้ชัดว่าเขาคิดร้องออก กระนั้นกลับไม่อาจร้อง เพราะกระดูกและกล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างไร้สิ้นเรี่ยวแรงอย่างสิ้นเชิง

สภาพฉินหยุนเลวร้ายกว่า กระดูกส่วนใหญ่ในร่างหัก เขาไม่อาจเคลื่อนไหว จึงได้แต่ต้องนอนกับพื้น

“อาหล่าย เร่งรีบลุกขึ้น เจ้าสมควรยังมีพลังอีกมากมายให้จัดการมัน!” ครึ่งเซียนจากหุบเขาเซียนโอสถเข้ามาถึงด้านข้างลานประลองยุทธ์พร้อมตะโกน

พอได้เห็นอีกฝ่ายตะโกน ร่างฉินหยุนจึงค่อยลุกขึ้นยืนอย่างชวนอัศจรรย์

เขาใช้พลังจิตต้นกำเนิดอันทรงพลัง ควบคุมร่างกายตนเองให้ยืนขึ้นตรง

แม้ยืนได้ กระนั้นก็ต้องโอนเอนไปมาไม่น้อย

“ฉินหยุน นี่เจ้าทำอะไร? เจ้าใช้วิชามารอันใดกัน?” ครึ่งเซียนจากหุบเขาเซียนโอสถคำรามร้องกราดเกรี้ยว

“ศิษย์ร่างอสูรและร่างมารต่างเข้าร่วมการแข่งขัน แม้ข้าใช้วิชามาร แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้?” ฉินหยุนหัวเราะดัง ร่างกายเขาพลันปลดปล่อยหมอกสีดำลอยฟุ้งออกมา

ม่านพลังเป็นตัวแบ่งกั้น ทำให้ไม่อาจมองเห็นได้ว่าภายในเกิดเรื่องราวใดขึ้น

ฉินหยุนและหานอี้หล่ายถูกปกคลุมด้วยหมอกพลังงานสีดำ ผู้อื่นจึงไม่อาจสัมผัสหรือพบเห็นว่าภายในเกิดเรื่องราวใดขึ้น

ฉินหยุนที่ปลดปล่อยม่านหมอกสีดำ เขาจึงล้มลงที่ตัวของหานอี้หล่ายพร้อมกล่าว “หยุนเอ๋อ เอาเลย!”

หลิงหยุนเอ๋อเดิมคิดว่าฉินหยุนจบสิ้นแล้ว กระนั้นตอนนี้นางค่อยเกิดความประทับใจในตัวอีกฝ่าย เขาใช้ความอ่อนด้อยกว่าเข้ากำราบอีกฝ่ายที่ประมาทได้อย่างยอดเยี่ยม

“พลังงานโลหิตเซียนของหานอี้หล่ายมีประโยชน์แก่เจ้ามหาศาล แต่ด้วยสภาพเจ้าตอนนี้ ทางที่ดีคืออย่าเพิ่งได้ขัดเกลา ให้ข้ากักเก็บมันเอาไว้ในแก่นเต๋าตะวันทมิฬก่อน!”

หลิงหยุนเอ๋อควบคุมวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ เริ่มทำการดูดกลืนพลังจากหานอี้หล่าย

กระบวนการกลืนกินรวดเร็วยิ่ง และที่เบื้องล่างลานประลองยุทธ์ ผู้คนของหุบเขาเซียนโอสถต่างตะโกนร้องกันไม่หยุด

ก่อนหน้า เป็นคนของนครเซียนยุทธภัณฑ์ที่ร้องคำราม กระนั้นเวลานี้ กลับเป็นคราวของหุบเขาเซียนโอสถ

เรื่องราวที่พลิกกลับด้านกะทันหันเพียงนี้ เป็นสิ่งที่แม้แต่เปาเฉิงโฉ่วและเจี้ยนสือเทียนยังพบว่ายากจะเข้าใจได้

ม่านหมอกสีดำเลือนหาย ร่างกายฉินหยุนยังคงมีพลังจิตควบคุม เป็นการลอยยืนตรงอยู่เหนืออากาศอย่างแปลกประหลาด

หลังเสร็จสิ้นกระบวนการดูดกลืน หานอี้หล่ายมีสภาพไม่ต่างอะไรกับคนตาย

“ข้าได้กล่าวไปแล้ว ต้องการจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว ชะตาคือต้องตาย!”

ฉินหยุนกล่าวคำจบ หลิงหยุนเอ๋อพลันปลดปล่อยพลังแรงโน้มถ่วงรุนแรง มันมาพร้อมอัคคีเพลิงสีดำเข้าปะทะที่ร่างของหานอี้หล่าย

ตู้ม!

เสียงระเบิดดังกึกก้อง แก๊สสีดำรุนแรงกระจายทั่วทิศทาง ร่างกายของหานอี้หล่าย ได้กลับกลายเป็นเถ้าธุลีไปหมดสิ้นแล้ว

ฉินหยุนมองความตายของหานอี้หล่าย ภายในย่อมยินดี เมื่อครู่ เขาไม่เพียงได้โลหิตเซียนของหานอี้หล่าย แต่ยังได้ความสามารถเทวะและวิญญาณยุทธ์ทรมานของอีกฝ่ายมา

เป็นเขารู้สึก ว่าโดนทำร้ายจนสภาพย่ำแย่เพียงนี้คือสิ่งคุ้มค่า!

ฉินหยุนได้รับชัยชนะ!

ทุกอย่างผิดแผกแปลกจนเกินไป กระทั่งครึ่งเซียนยังไม่อาจทราบว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขากระทั่งจะบอกว่าฉินหยุนโกงยังไม่อาจพูดกล่าวได้!

ม่านพลังรอบลานประลองยุทธ์สามารถตรวจจับการใช้อาวุธและสิ่งอื่น

หากฉินหยุนใช้งานอาวุธ ม่านพลังย่อมตอบสนอง

ดังนั้นแล้ว ฉินหยุนจึงไม่มีทางใช้อาวุธลับหรืออะไรทำนองนั้นได้อย่างเด็ดขาด

คลื่นเสียงแห่งความสับสนดังระงมทั่วทั้งลานกว้าง

ยามเมื่อครึ่งเซียนจากหุบเขาเซียนโอสถได้เห็นความตายของหานอี้หล่าย ดวงตาของเขาแดงก่ำเพราะโทสะ แรงกดดันชวนขนลุกระเบิดออกจากร่างนั้น ทว่ากลับต้องถูกสะกดลงด้วยครึ่งเซียนจากตำหนักเซียนดาบ

ม่านพลังรอบลานประลองที่เลือนหาย เปาเฉิงโฉ่วและเจี้ยนสือเทียนต่างเร่งรีบเข้ามาคุ้มกันฉินหยุนไว้

“กระดูกแตกหักแทบหมด อาการร้ายแรงไม่น้อย ก่อนรอบต่อไปไม่น่าหายได้ทัน! สาเหตุที่สามารถยืนขึ้นได้ก็เพราะใช้พลังจิตควบคุมร่างกาย!” เปาเฉิงโฉ่วตรวจสอบอาการบาดเจ็บของฉินหยุน สีหน้าเวลานี้ยิ่งหนักอึ้ง

เจี้ยนรั่วหยานและหลงเฉียวเฟิงต่างมองที่เชี่ยวเย่ว์หลาน ก่อนที่พวกนางจะร่วมถอนหายใจกันอย่างนึกเสียดาย พวกนางทราบแล้วว่าเหตุใดเชี่ยวเย่ว์หลานจึงเป็นภรรยาฉินหยุน นั่นก็เพราะทั้งสองคนต่างเข้าใจกันและกันดีอย่างมากล้น

ฮูจิงเซียนยังต้องทึ่ง ต่อความเข้าใจและไว้ใจกันและกันระหว่างเชี่ยวเย่ว์หลานและฉินหยุน

เชี่ยวเย่ว์หลานมองฉินหยุนถูกเปาเฉิงโฉ่วพาตัวไป นางค่อยหัวเราะเบาบอกต่อฮูจิงเซียน “ขอบคุณพี่สาวจิ้งจอกที่ห่วงหาเขา เมื่อครู่ข้าก็ร้อนรนไม่น้อย!”

“เจ้านี่นะ!” ฮูจิงเซียนเผยยิ้มเล็กน้อยแสร้งโกรธเคืองตอบรับ

ถัดจากนั้น เชี่ยวเย่ว์หลานค่อยยิ้มบางส่งมอบให้แก่หลงเฉียวเฟิงและเจี้ยนรั่วหยาน

เจี้ยนหนันหู่มองที่ฉินหยุน ผู้ซึ่งถูกนำพาไปก่อนถอนหายใจยาว “ฉินหยุนผู้นี้มีไม้เด็ดเก็บไว้ไม่หมดไม่สิ้น ไม่ว่าจะมองอย่างไร หานอี้หล่ายก็ตายได้ประหลาดเกินไป กล่าวตามตรง หากเป็นตัวข้าเอง ก็เกรงว่าจะไม่อาจเอาชนะหานอี้หล่ายได้!”

“พี่หู่ ท่านเห็นหรือไม่? ร่างเซียน ร่างอสูร และร่างมารทั้งหลายที่เข้าร่วมต่างถอนหายใจกันโล่งอก! ในสายตาพวกเขา หานอี้หล่ายคือภัยคุกคามร้ายแรงอย่างถึงที่สุด!” เจี้ยนรั่วหยานยิ้มบางกล่าว “พี่หยุนได้สังหารหานอี้หล่าย พวกเขายิ่งผ่อนคลายกันได้มากขึ้นไปอีก!”

ขั้วอำนาจเช่นตำหนักโทเทม ตำหนักจารึกเทวะ และอีกหลายแห่งต่างยินดีอยู่ภายใน เพราะคราแรกเป็นพวกเขาได้เห็นฉินหยุนถูกทรมาน และจากนั้นจึงได้เห็นร่างเซียนที่หุบเขาเซียนโอสถภาคภูมิถูกสังหาร สำหรับพวกเขา เหตุการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นยินดีควรค่าแก่การฉลองด้วยซ้ำ

ตราบเท่าที่ผู้ตายไม่ใช่ศิษย์อันเลิศล้ำของพวกเขา ทั้งหมดทั้งมวลคือเรื่องน่ายินดี โดยเฉพาะกับร่างเซียนดังเช่นหานอี้หล่ายที่ฝึกฝนโลหิตเซียน พวกเขาปรารถนาให้อีกฝ่ายตกตายโดยเร็ววันด้วยซ้ำ

ก่อนหน้านี้พวกเขาชื่นชมการกระทำของหานอี้หล่าย กระนั้น พวกเขาก็กังวลว่าหานอี้หล่ายจะลงมือสำเร็จจนได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว

ครึ่งเซียนจากหุบเขาเซียนโอสถแทบปรารถนากลืนกินฉินหยุนทั้งเป็น กระนั้นเขาไม่มีกำลังพอให้ลงมือได้

หากมีผู้ใดกล้าลงมือ ผู้นั้นย่อมต้องถูกครึ่งเซียนที่แข็งแกร่งของตำหนักเซียนดาบสังหาร

ฉินหยุนถูกนำตัวไปยังสถานที่ปลอดภัย เขาจะมีเวลาได้พักหนึ่งชั่วยามเพราะยังมีศึกรอบบ่าย

นัดประลองรอบบ่ายสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเมื่อชนะผ่านรอบนี้ เท่ากับเขาได้รับอันดับหนึ่งของกลุ่ม จากนั้นจึงค่อยเป็นการแข่งขันรอบสุดท้าย!

“ฉินหยุน เจ้าคิดสู้ในรอบบ่ายด้วยสภาพเช่นนี้หรือ? เจ้าควรปล่อยและให้รั่วหยานได้สานต่อ! กำลังของนางเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล นางย่อมต้องคว้าเอาอันดับหนึ่งของกลุ่มมาได้ สำหรับนครเซียนยุทธภัณฑ์ของเรา นั่นถือว่าดีมากแล้ว!” เปาเฉิงโฉ่วยิ้มกล่าว “ตราบเท่าที่เจ้าไม่เป็นไร ทุกสิ่งล้วนยังดีอยู่!”

“จ้าวสำนัก ข้าคิดสู้ในรอบบ่าย!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “ไม่ใช่พวกท่านคิดหรือว่าข้าต้องพ่ายแพ้แก่หานอี้หล่ายแต่แรกเริ่ม? แต่ผลลัพธ์คือข้าเอาชนะมาได้!”

“ก็ได้ ก็ได้ เจ้าอยากทำอะไรจงทำ แต่เจ้าต้องจำเอาไว้ อย่าได้อวดโอ่จนนำผลร้ายมาสู่ตน!” เปาเฉิงโฉ่วส่ายศีรษะอย่างเสียมิได้

“จ้าวสำนัก ชีวิตเล็กจ้อยของข้านี้เป็นสมบัติยิ่งกว่าที่ท่านคิด ข้าเองย่อมหวาดเกรงความตาย หากข้าคิดว่าต้องตายแน่แล้ว เช่นนั้นข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่อิดออด!” ฉินหยุนหัวเราะเบา

เปาเฉิงโฉ่วยิ้มเชิงต่อว่าขณะออกจากห้องฉินหยุนไป

จากนั้น จึงเป็นเจี้ยนรั่วหยานและหลงเฉียวเฟิงเดินเข้ามา

“พี่หยุน ท่านเป็นไรบ้างแล้ว? จะดีขึ้นทันบ่ายหรือไม่?” เจี้ยนรั่วหยานมองฉินหยุนด้วยสีหน้ารวดร้าว นางสัมผัสที่ร่างนั้นพลางใช้พลังช่วยรักษา

“ข้าไม่เป็นไร รอบบ่ายยังสามารถสู้ได้!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว

“ฉินหยุน ให้รั่วหยานไปสำเร็จงานแทน ตอนนี้นางแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย!” หลงเฉียวเฟิงช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บแก่ฉินหยุนระดับหนึ่ง นางได้ถ่ายเทพลังมังกรและหงส์อมตะช่วยรักษา

“ขอบคุณที่เป็นห่วง ขอข้าพักสักระยะ!” ฉินหยุนกล่าว

“ได้!” เจี้ยนรั่วหยานหยุดโคจรพลังสู่ร่างฉินหยุน ก่อนจะออกจากห้องไปพร้อมหลงเฉียวเฟิง

หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะดัง “เสี่ยวหยุน ให้พวกนางนอนข้างกายเจ้าแล้วลองให้พวกนางเป็นฝ่ายนำดู นี่ถือเป็นโอกาสอันดีอย่างน่าสนใจนัก!”

“เจ้ามันจิตต่ำทราม!” ฉินหยุนสบถออก “หยุนเอ๋อ ข้าสามารถใช้วิญญาณยุทธ์ทรมานได้หรือไม่?”

“ใช้ได้ แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์ตอนนี้ ตาเฒ่ามากมายต่างจับตามอง หากพวกมันพบว่าเจ้าดูดกลืนความสามารถเทวะผู้อื่น พวกนั้นย่อมระเบิดโทสะกันออกมาแน่!” หลิงหยุนเอ๋อเผยยิ้มตอบคำ

ฉินหยุนหลับตาลง ร่างกายของเขาบาดเจ็บร้ายแรง เขาไม่มีทางรักษาให้หายดีได้ในระยะเวลาอันสั้น ตอนนี้ มีแต่ต้องคิดหากลยุทธ์เพื่อใช้รับศึกในรอบบ่ายเพียงอย่างเดียวแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด