ตอนที่แล้วบทที่ 6  คุณหนูผู้มั่งคั่ง (6)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 คุณหนูผู้มั่งคั่ง(8)

บทที่ 7  คุณหนูผู้มั่งคั่ง (7)


บทที่ 7  คุณหนูผู้มั่งคั่ง (7)

 

นี่เป็นการนั่งรถเมล์ครั้งแรกในชีวิตขอฉู่ถาง  ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ จำนวนผู้โดยสารก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  บนรถจึงเริ่มแออัด จนแทบไม่มีที่ให้ขยับ  เพียงเพราะต้องการจะรักษาภาพลักษณ์  แม้จะรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวขนาดไหน  แต่ฉู่ถางก็ทำสีหน้าราวกับว่าไม่รู้สึกรู้สากับเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่

ฉีเซิงไม่ได้พูดอะไรเยาะเย้ยเขา  แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกสงสารเขาเช่นกัน  ‘เป็นยังไงล่ะ!  อยากจะให้คนขับรถกลับไปก่อนดีนัก!  แล้วจะมีหน้ามาบอกให้เธอจ่ายเงินจ้างคนขับกลับมาอีก!  ไอ้ขี้งกเอ้ย!  ทำไมนายไม่แต่งงานกับเงินเลยละ นายรักมันมากนักนี่!!’  เธอแกล้งพาฉู่ถางเดินวนรอบสวนสาธารณะเสียหนึ่งรอบก่อนจะพาเขาเดินมุ่งหน้ากลับบ้านของเธอ

ณ  จุดๆนี้  ระบบทนดูต่อไปอีกไม่ไหว  มันไม่แปลกใจถ้าหากภารกิจในครั้งนี้จะล้มเหลว....

ฉู่ถางไม่มีวี่แววว่าจะแยกตัวกลับไป  แม้ว่าพวกเขาจะเดินจนใกล้ถึงบ้านของเธอแล้วก็ตามที  เธออดที่จะเอ่ยปากถามเขาไม่ได้ “คุณฉู่  คุณจะไม่กลับบ้านหรือคะ?”

ฉู่ถางยังคงเดินล้วงกระเป๋าตรงไปยังคฤหาสน์ซวีอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร “ตอนนี้ตัวผมถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินของคุณซวี  ดังนั้นเมื่อคุณซวีจะกลับบ้าน ผมย่อมต้องตามคุณกลับไปบ้านด้วย”

‘ตาม...กลับไปด้วย?’

ริมฝีปากของฉีเซิงกระตุก ‘สม๋งสมองของเจ้านี่ยังปกติดีไหมเนี่ย?’

ไม่ว่าสมองของฉู่ถางจะปกติหรือผิดปกติก็ตาม เขายังคงตามเธอกลับบ้านจริงๆ  คุณพ่อซวีซึ่งกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นของครอบครัว จึงพบกับฉีเซิงและผู้ชายแปลกหน้าที่เดินตามเธอมา  หลังจากหายจากอาการตกตะลึง เขาพลันกระโดดขึ้นจากเก้าอี้และตะโกนลั่นบ้าน “ยายหนู!!  กล้าดียังไงถึงพาผู้ชายเข้าบ้านดึกๆดื่นๆห๊ะ!!”

เมื่อตะโกนจบแล้ว  เขาจึงเพิ่งเห็นใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นอย่างชัดเจน ‘เอ๋?  นี่มันคนคนนั้นไม่ใช่เหรอ?  ….ใช่ไหม..นั่นมันฉู่ถางคนนั้นนิ!!’

เมื่อจำได้  นัยน์ตาของคุณพ่อซวีก็เปล่งประกายระยิบระยับ  คุณพ่อซวีตื่นเต้นจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี “นั่นคุณฉู่ใช่ไหมครับ?”

ฉู่ถางยกยิ้มบางเบาให้เขา “ต้องรบกวนประธานซวีแล้ว”

“ไม่...ไม่เลย  ไม่รบกวนสักนิดเลยครับ!   ผมรู้สึกยินดีมากที่คุณฉู่ให้เกียรติมาเยือนบ้านเล็กๆของเรา  นั่งลงก่อนเถอะครับ  ลูกรัก!  รออะไรอยู่?!  ทำไมยังไม่รีบไปชงชามารับแขกอีก!!”

ฉีเซิงจนด้วยคำพูด ‘เมื่อกี้คุณเพิ่งตะโกนใส่หน้าฉันว่าฉันเอาผู้ชายเข้าบ้าน  ทำไมอารมณ์คุณเปลี่ยนไวยิ่งกว่าผู้หญิงวัยทองอีกห๊ะ?!   อีกอย่างนี่คุณเป็นพ่อของฉันจริงๆใช่ไหม?!!’

เมื่อเธอชงชาเสร็จ  เธอออกมาก็พบว่าพ่อของเธอกับฉู่ถางกำลังคุยกันอย่างถูกคอ

เมื่อเธอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับลงมาอีกครั้ง จากที่พ่อของเธอเคยเรียกฉู่ถางว่า ‘คุณฉู่’  เขากลับเปลี่ยนมาเรียกฉู่ถางว่า ‘อาฉู่’  และสิ่งที่ประหลาดไปยิ่งกว่านั้น ‘อาฉู่’ *อะแฮ่ม* ฉู่ถางเขาตอบรับคำเรียกนั้นแต่โดยดี!!

‘เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นตอนที่เธอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ?  พวกเขาดูจะสนิทกันเร็วเกินไปไหม?’

พวกเขาคุยจนเวลาผ่านไปนานโข  หากคุณพ่อซวีจะชวนฉู่ถางคุยต่อไปอีกก็จะดูเสียมารยาทมากจนเกินไป  คุณพ่อซวีจึงสั่งให้เธอเตรียมห้องพักรับรองสำหรับแขกให้กับฉู่ถาง  ราวกับว่าอยากจะผลักเธอขึ้นเตียงฉู่ถางใจแทบขาด  เขาถึงกับกำกับให้เธอดูแลฉู่ถางด้วยตัวเองเลยทีเดียว!

‘เฮ้!  เพื่อนตรงนั้นน่ะ!  ต่อให้ผู้ชายคนนี้มีอำนาจล้นฟ้าหรือเป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยมขนาดไหน  นายก็ไม่จำเป็นต้อง ‘เลหลัง’  ลูกสาวของนายเพื่อผลประโยชน์ขนาดนี้ก็ได้มั้ง?’

“ไปเลยลูกรัก!  พ่อเอาใจช่วย!”  คุณพ่อซวีพูดพลางทำท่า ‘สู้ๆนะ’ ให้กับเธอ

“........................”

#ฉันไม่เข้าใจว่าภายในหัวของคุณพ่อฉันมีอะไรอยู่บ้าง#

ฉีเซิงเดินนำฉู่ถางไปยังห้องพักของแขก เธอเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับเขา “ถ้าคุณพ่อของดิฉันพูดอะไรแปลกๆกับคุณ  ดิฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ”

แม้จะไม่รู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกันแต่เธอสังหรณ์ใจว่า เรื่องที่พวกเขาคุยกันน่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับเธอนัก

“คุณซวีกังวลเกินไปแล้ว”  ฉู่ถางพูดพลางปลดกระดุมบนเสื้อของเขาไปด้วย  “ว่าแต่.....คุณซวียังไม่ออกจากห้องของผม หรือว่าคืนนี้คุณต้องการใช้บริการบนเตียง?”

“ไปตายซะ!!”  ฉีเซิงรีบก้าวยาวๆออกจากห้อง พร้อมปิดประตูและกระแทกอย่างแรง

ฉู่ถางยกยิ้ม  นิ้วเรียวยาวยังคงปลดกระดุมเสื้อต่ออย่างต่อเนื่อง  เผยให้เห็นแผงอกหนาแน่นตึงด้วยกล้ามเนื้ออันสมบูรณ์

“ยายหนู! ทางนี้!  ทางนี้!!”  คนพ่อซวีผู้ซึ่งซ่อนตัวอยู่ตรงหัวมุมใกล้ๆกับจุดที่ยืนอยู่  รีบส่งเสียงและออกท่าทางเรียกเธอเป็นพัลวัน

‘ทำไมคุณต้องทำต่อลับๆล่อๆอย่างกับโจรในบ้านของตัวเองด้วย?’  ฉีเซิงเดินเข้าไปหาเขา “ทำไมคุณพ่อถึงยังไม่เข้านอนอีกคะ?”

“โอ้ว.. ก่อนจะไปนอนพ่ออยากจะถามหนูก่อนว่า หนูมีความสัมพันธ์ยังไงกับคุณฉู่ถางกันแน่?”  พ่อของเธอถามด้วยท่าทางตื่นเต้น เขาดูคึกคักราวกับเพิ่งไปวิ่งมาราธอนมาสัก 5 กิโลก็ไม่ปาน จะยังไงล่ะ ดูซะก่อนนั่นใคร นั่นมันฉู่ถางเลยน่ะ! ฉู่ถางนะฉู่ถาง!! คนที่เป็นเสมือนเทพของวงการธุรกิจ  แค่เขาขยับเท้าเบาๆก็ทำให้ทั้งประเทศสะเทือนได้

น้อยครั้งที่คนอย่างฉู่ถางจะตอบรับคำเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยง หรือให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน  ดังนั้นยิ่งไม่ต้องพูดไปถึงโอกาสที่ว่าเขาจะไปเยี่ยมเยียนบ้านของคนอื่นเป็นการส่วนตัวเลย  แต่ตอนนั้นฉู่ถางคนนั้น กำลังนอนค้างอยู่ที่บ้านของเขา!! แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว!!

ฉีเซิงถึงกับใบ้กินไปชั่วขณะเพราะคำถามของพ่อซวี  ก่อนจะตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า  “ความสัมพันธ์ของเราเป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้จ่ายกับผู้รับ”

เพราะเธอจ่ายเงินไปตั้ง  10 ล้านเหรียญ  เพื่อเช่าตัวฉู่ถางซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆเลย  ไม่ช้าก็เร็วเธอก็ต้องบอกพ่ออยู่ดี สู้บอกตั้งแต่ตอนนี้เสียเลยดีกว่า

คุณพ่อซวีอ้าปากค้าง จนกระทั่งผ่านไปสักพักเขาเพิ่งจะควานหาเสียงของตัวเองเจอ  ท่าทางของเขากลับยิ่งดูตื่นเต้นมากกว่าเดิม “อาฉู่เขากำลังอุปถัมภ์หนูอยู่หรอ?”

‘เฮ้!  คุณพ่อ!  ไม่คิดบ้างหรือว่าการที่คุณมีความคิดแบบนี้ ควรโดนส่งไปปรับทัศนคติน่ะ?’

“เปล่าค่ะ หนูเป็นคนอุปถัมภ์เขา” ฉีเซิงโบกมืออย่าซังกะตาย “คุณพ่อไปนอนก่อนเถอะคะ  ไว้ว่างๆมีเวลาเมื่อไหร่หนูจะมาอธิบายให้ฟังนะคะ  เรื่องมันค่อนข้างจะซับซ้อนน่ะค่ะ  คุณพ่อไม่ต้องห่วงหรอกคะ  หนูสัญญา  หนูจะสอยเขาลงมาให้ได้!”

เธอไม่ลืมที่จะให้ความมั่นใจกับพ่อซวี  เผื่อในกรณีที่เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เธอไปนอนสักที และใช้ประโยชน์ในขณะที่เขากำลังประมวลผล เรื่องที่ฉู่ถางแท้จริงแล้วเป็นอิหนู  ส่วนเธอเป็นอาเสี่ยที่กำลังเลี้ยงดูเขา  ในการหนีกลับเข้าห้อง

ผลที่ตามมาจากการอธิบายให้คุณพ่อซวีรับรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบัน  ก็คือการที่ฉีเซิงเจอเช็คใบหนึ่งสอดอยูใต้ประตูห้องนอนของเธอในเช้าวันถัดมา

มีคุณพ่อผู้ซึ่งสามารถสั่งจ่ายเงินจำนวนมากได้ในทันที โดยไม่แม้แต่จะกระพริบตา ช่างเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่  ที่เธอชื่นชอบเสียจริงๆ

ฉีเซิงจ้องมองเช็คในมือนิ่ง  ในขณะนั้นเองประตูห้องฝั่งตรงข้ามก็เปิดออก  เผยให้เห็นฉู่ถางผู้ซึ่งแต่งกายอย่างปราณีตเรียบร้อย  เขาเลิกคิ้วขึ้นเมื่อสังเกตเห็นเช็คใบหนึ่งในมือของเธอ “คุณซวีต้องการจะต่อเวลาสัญญาของเราออกไปอีกหรือ?”

‘ต่อเวลาสัญญา’  นายกล้าเรียกเรื่องที่นายทำด้วยคำนี้จริงดิ?!

ฉู่ถางดึงเช็คออกมาจากมือของฉีเซิง  ก่อนจะใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางของเขาคีบเช็คขึ้นมามองจำนวนตัวเลขที่อยู่บนเช็ค “ถ้าคุณซวีกระตือรือร้นที่อยากจะเลี้ยงดูผมถึงขนาดนี้  ผมคงไม่สามารถทำให้คุณผิดหวังได้  เมื่อผมรับเช็คใบนี้ไว้ ระยะเวลาของเราถือว่ายืดออกไปเป็นหนึ่งเดือน”

“คุณ......”  ‘ใคร๊!  ใครมันพูดกันว่าฉันจะต่อเวลาห๊ะ!!’

“ผมหิวแล้ว” ฉู่ถางรีบเก็บเช็คแผ่นนั้นลงกระเป๋ากางเกง

ฉีเซิงพูดไม่ออกเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน ‘ฉันเคยเห็นแค่พวกผู้ชายที่ชอบทำตัวเป็นนักเลง  แต่ไม่เคยสักครั้งที่เคยเห็นผู้ชายโปรไฟล์หรูอยากจะทำตัวเป็นอิหนูของเสี่ยขนาดนี้!!’

เธอคิดคำนวณถึงหนทางที่จะแย่งเช็คกลับมาจากเขา  แต่สุดท้ายเธอก็ยอมแพ้  ‘เอาน่า...มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น  อย่างน้อยฉันก็มีเวลาเพิ่มมากขึ้นในการที่จะทำให้เขามาชอบฉัน  ลุย!!’

พวกเขาเดินลงบันไดมาพร้อมกัน ฉู่ถางเดินนำหน้าฉีเซิงเดินตามหลัง  คุณพ่อซวีกำลังนั่งรอพวกเขาอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหาร  สายตาของเขาจ้องไปมาระหว่างฉู่ถางและฉีเซิงอย่างมีเลศนัย

“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพ่อ”  ฉีเซิงเอ่ยพลางนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัวของเธอ  แต่ฉู่ถางกลับยังคงยืนนิ่งอยู่ด้านหลังของเธอ  มุมปากของฉีเซิงกระตุก  สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงลุกขึ้น  และยกที่นั่งของเธอให้กับเขา ‘สวรรค์!  นี่ฉันเพิ่งซื้อบรรพบุรุษกลับมาบ้านเรอะ?  เฮ้!  เจ้าระบบ  นายแน่ใจนะว่าคนอย่างหมอนี่มีคนจีบติดจริงๆน่ะ?’

[ระบบยืนยันว่าจีบได้หากโฮสต์มีความจริงใจ  เมื่อคุณไม่ให้ความจริงใจกับผู้อื่น  คุณก็ไม่มีทางได้รับความจริงใจจากผู้อื่นกลับเช่นกัน]

 

ถ้างั้นลืมมันไปซะเถอะ ฉันจะไปเอาความจริงใจขนาดนั้นมาจากไหนกัน! ถ้าฉันต้องทำภารกิจแบบนี้ทุกครั้งในรื่องที่ฉันต้องไป ทำให้เป้าหมายทุกคนตกหลุมรัก  ถ้าอย่างงั้นชาตินี้ฉันคงไม่ต้องกลับบ้านแล้ว!  ฉันได้เป็นบ้าตายก่อนแน่ๆ!

 

[…ถ้าเช่นนั้น….อย่างน้อยโฮสต์ก็ได้โปรดเสแสร้ง]

‘เสแสร้งบนหัวนายสิ!!’

ฉีเซิงกัดฟันกรอด  ‘ได้  ฉันจะลองทำก็ได้!’  คิดเสียว่าฝึกฝนความสามารถด้านการแสดง  ไม่แน่ว่าตอนที่ได้กลับบ้านฉันอาจจะเป็นนักแสดงก็ได้!  ใครจะรู้!

ฉู่ถางค่อนข้างจะพอใจกับปฏิกิริยาตอบรับของฉีเซิง  เขาจับแก้วนมที่เธอถือเมื้อกี้ขึ้นมาถือ  ก่อนจะผงกหัวและกล่าวทักทานคุณพ่อซวี “อรุณสวัสดิ์ครับ ประธารซวี”

“โอ้   อรุณสวัสดิ์.....อรุณสวัสดิ์   ทำตัวตามสบายนะครับ  ผมเพิ่งจะนึกได้ว่ามีงานค้างอยู่ที่บริษัท  คงต้องขอตัวก่อน  ลูกรัก!  ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีระหว่างที่พ่อกับแม่ไม่อยู่ด้วยล่ะ”  ก่อนจะจากไปแน่นอว่าเขาไม่ลืมทำท่าทาง ‘สู้ๆ นะ’ ให้ฉีเซิงอีกครั้ง

เมื่อคุณพ่อซวีออกไปแล้ว  ฉู่ถางและฉีเซิงผู้ซึ่งถูกทิ้งให้อยู่กันตามลำพัง  ก็จ้องหน้ากันเกือบหนึ่งนาทีเต็ม  แต่ในที่สุดความหิว  ก็ทำให้ฉีเซิงเบนความสนใจไปยังอาหารเบื้องหน้าแทน

นิ้วของฉู่ถางเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ  และราวกับไม่ใส่ใจ  สายตาของเขามองไปยังเด็กสาวผู้ซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับการรับประทานอาหาร  แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างและตกกระทบลงบนตัวเธอ  ส่งผลให้บรรยกาศรอบๆตัวเธอดูสงบบริสุทธิ์และสมบูรณ์แบบ

แน่นอน....เขาย่อมทราบว่านั่นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา  เขารู้ดีว่าเด็กสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ได้ใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนกับภาพลักษณ์ที่เธอแสดงออก  เธอมีกลิ่นไอบางอย่างที่เขาคุ้นเคยดี  กลิ่นไอความมืดและความบ้าคลั่ง

บางทีนี่อาจจะเป็นการสะท้อนตัวตนของคนสองคนก็ได้  ด้วยสิ่งที่เขาเห็นในตัวของฉีเซิงในครั้งแรกที่เจอกัน  มันดูคล้ายกับตัวตนที่เขาเป็นเช่นกัน

หลังจากที่พ่อซวีออกไปได้ไม่นาน  ผู้ช่วยของฉู่ถางก็มารับเขาออกไปทันที  เมื่อรถเคลื่อนออกจากคฤหาสน์ของตระกูลซวี  ผู้ช่วยผู้ขยันขันแข็งก็ถามอย่างเป็นการเป็นงานว่า “นายท่านต้องการให้ผม ไปตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดของตระกูลซวีไหมครับ?”

คำถามนี้ถูกถามขึ้น  เนื่องจากโดยปกติเมื่อมีใครก็ตามที่เข้าใกล้ฉู่ถางและอาจจะมีผลกระทบต่อเขา  คนผู้นั้นจะต้องถูกตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด...ละเอียดขนาดที่ว่าขุดข้อมูลของเป้าหมายยาวไปยัน 18 ชั่วโครตเลยทีเดียว

“ไม่จำเป็น”

ผู้ช่วยของฉู่ถางอดจะประหลาดใจไม่ได้  เขาเผลอมองกลับไปยังประตูของคฤหาสน์ซวีอีกครั้ง ในขณะที่คิดว่า ‘คุณซวีคนนี้เป็นคนพิเศษสำหรับนายท่านหรืออย่างไร?’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด