ตอนที่แล้วตอนที่ 2: วิกฤตสัมบูรณ์ แต่…
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4: การกลับมา (2)

ตอนที่ 3: การกลับมา (1)


ตอนที่ 3: การกลับมา (1)

คิมมินชอล ประธานบริษัทธุรกิจบันเทิงแห่งหนึ่งยังคงทำตัวเฉกเช่นทุก ๆ วันซึ่งคือการนำความเครียดของตัวเองไปลงกับเหล่าลูกน้องในบริษัท เขาเป็นเจ้านายที่เป็นเหมือน “กึ่ง ๆ อันธพาล” ที่ไม่ใช่อันธพาลแบบเต็มตัวแต่ก็ไม่ใช่พลเมืองธรรมดาแบบทั่ว ๆ ไป เขามักจะเรียกหาเพื่อนร่วมงานคนอื่นอยู่บ่อย ๆ เพื่อกลั่นแกล้งและกวนประสาท บางครั้งก็แกล้งเด็กฝึกงานที่เพิ่งจะอายุเพียง 20 ปีโดยการดูถูกและคุกคามและบางครั้งก็ถึงขั้นแอบคุกคามทางเพศกับพนักงานผู้หญิง

หลาย ๆ คนคงตั้งคำถามว่าทำไมถึงยังมีการล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นอยู่อีกในเมื่อการล่วงละเมิดทางเพศได้ถูกจัดเป็นอาชญากรรมร้ายแรงอย่างหนึ่ง สืบเนื่องจากในปี 2020 ทางเกาหลีใต้ประสบปัญหาการว่างงานสูงเป็นประวัติการณ์อันเนื่องมาจากภาวะถดถอยระยะยาว จากมุมมองของคนทำงาน พวกเขาต้องจำยอมและอดทนต่อการโดนคุกคามเพราะไม่ต้องการเสียงานประจำไป

คิมมินชอลเป็นคนที่ฉลาดแกมโกงและเล่ห์เหลี่ยมจัดในการจะก่อเหตุคุกคามใด ๆ สิ่งที่เขาทำมันจะคลุมเครืออย่างมากจนไม่อาจกล่าวหาอย่างเป็นทางการได้ จนทุกวันนี้เขาได้เลื่อนขั้นไปเป็นมืออาชีพทางการคุมคามแบบเต็มตัว

และเป้าหมายของคิมมินชอลในวันนี้ก็คือพนักงานฝึกงานที่ทำงานที่นี่มาแล้ว 10 เดือน

พนักงานฝึกงานที่น่าสงสารที่ทางบริษัทยังไม่รับประกันตำแหน่งทำงานให้ต้องอดทนต่อการกระทำของคิมมินชอลที่พยายามหาข้อผิดพลาดจากงานที่เขาทำ ทุก ๆ ครั้งเขาต้องยกความอดทนทั้งหมดที่มีเพื่อข่มอารมณ์ตัวเองและรอให้อารมณ์ของคิมมินชอลดีขึ้น

ตัวเลือกในการยอมทนของเขาเป็นที่เข้าใจได้ในทั่วไป เขาใช้เวลาเกือบหนึ่งปีไปกับการฝึกงานที่บริษัทแห่งนี้จึงยอมทนทุกอย่างเพราะไม่สามารถปล่อยให้เวลาที่ผ่านมาจบสิ้นไปอย่างเสียเปล่าได้

“คนแบบนายจะไปเป็นพนักงานประจำได้ยังไงถ้ายังทำงานแบบนี้น่ะห๊ะ? นายมีเวลาฝึกงานเหลืออีกเท่าไหร่? 1 หรือ 2 เดือนเท่านั้นใช่ไหม? ไม่อยากเข้ามาเป็นพนักงานประจำใช่ไหมหรือยังไง?”

ความพิเศษของคิมมินชอลคือการจัดการกับลูกน้องด้วยจุดอ่อนที่พวกเขามีได้อย่างตรงจุด

หากเป็นคนที่ต้องรอพินิจเพื่อให้ผ่านช่วงทดลองงานก็จะถูกคุกคามโดยอ้างถึงเรื่องสูญเสียช่วงทดลองงานตลอดที่ผ่านมา ผู้ที่โดนถอดจากการทำงานไปแล้วจะถูกคุกคามโดยอ้างว่าจะไม่ได้รับเงินค่าสนับสนุนดูแล ส่วนผู้ที่ทำงานเป็นพนักงานประจำอยู่จะถูกอ้างโดยการสูญเสียหน้าที่การงานไป

“นายกำลังทำให้มันยุ่งยากถ้ายังทำแบบนี้อยู่รู้ตัวไหม! มีคนอีกตั้งเยอะแยะที่สามารถทำงานแบบนี้ได้ดีกว่านาย! … ถ้าฉันสมัครเข้ามาเป็นพนักงานตอนนี้คงมีบริษัทตอบรับอย่างน้อย ๆ ก็ 50 ที่ได้ นายก็รู้ใช่ไหม?”

คิมมินชอลส่งยิ้มน่ารังเกียจขณะข่มขู่พนักงานที่น่าสงสารในขณะที่พนักงานคนอื่น ๆ แสร้งทำเป็นยุ่งอยู่กับงานของตัวเองด้วยเพราะความกลัวว่าคิมมินชอลจะหันมาเล่นงานพวกเขาเป็นรายต่อไป

หากพวกเขาทำพลาดอะไรไปแม้แต่นิดเดียววันนั้นมันอาจกลายเป็นวันนรกสำหรับพวกเขาก็เป็นได้

“ฉันเลือกนายเข้ามาแม้นายจะมีเกรดเฉลี่ยที่ต่ำเพราะฉันรู้สึกแย่แทนนายกับเรื่องพวกนั้น”

แต่ก่อนที่คิมมินชอลจะเริ่มการคุมคามต่อก็เป็นอันต้องหยุดไปเพราะคำพูดไม่คาดคิดที่ออกมาจากปากของพนักงานทดลองงาน

“โง่เง่า, โง่เขลา, โง่บรม…”

คัมชอลอิน พนักงานทดลองงาน 10 เดือนยิ้มเยาะขณะพึมพำ

ทันใดนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมไปทั่วทั้งชั้น

“เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ?”

“ฉันได้ยินผิดไปใช่ไหมเนี๊ย?”

พนักงานหญิงสองคนที่ได้ยินคำพูดนั้นหันหน้าเข้าหากันเพื่อซุบซิบนินทา

“วะ...ว่าไงนะ? เห้ย คังชอลอิน! เมื่อกี้แกพูดว่าอะไร? โง่เง่า โง่เขลางั้นหรอ? อยากตกงานนักหรือไง?!”

คิมมินชอลคำราม เลือดไหลเวียนขึ้นใบหน้าและลำคอเพื่อแสดงว่าตอนนี้เขากำลังโกรธจัดมากเพียงใด

“โอ้?”

คังชอลอินดูประหลาดใจที่เห็นคิมมินชอลกำลังโกรธจัดแบบนี้ราวกับว่าเขาเพิ่งสังเกตเห็นได้

“โอ้? ไอ้เวรนี่ เมื่อกี้พูดว่า…?”

“หุบปากสักที! … อ๊าก หัวฉัน”

คังชอลอินกุมมือไว้ที่ศีรษะด้วยความเจ็บปวดก่อนจะออกจากออฟฟิศไปโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองคิมมินชอลที่กำลังโวยวายอยู่เลยแม้แต่น้อย

“อะ อะไรกัน? ไอ้เวรนั่นมันเป็นอะไร!!!?”

เสียงของคิมมินชอลดังก้องภายในออฟฟิศที่คังชอลอินเดินออกไป พนักงานคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันและกันด้วยความกังวล

คังชอลอินที่ออกจากออฟฟิศกำลังมุ่งตรงไปที่ห้องน้ำ

“โอ๊ย!”

เขาเกิดอาการปวดหัวขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรงราวกับมีใครบางคนกำลังใช้ขวานเจาะศรีษะเขาซ้ำไปซ้ำมาไม่ยอมหยุด เขาเหมือนจะมีอาการอาเจียนร่วมด้วยจึงรีบไปที่อ่างล้างหน้าและเปิดก๊อกน้ำ

คังชอลอินพยายามใช้น้ำเย็นสาดหน้าตัวเองเพื่อบรรเทาอาการปวด เมื่อน้ำที่เย็นพอ ๆ กับก้อนน้ำแข็งเริ่มไหลออกจากก๊อกคังชอลอินก็เลื่อนใบหน้าของเขาลงไปใกล้อ่าง

“โอ๊ย!”

เขาส่งเสียงครวญครางอีกครั้ง สัมผัสความเย็นเมื่อสักครู่ชวนให้เขารู้สึกเหมือนใบหน้าจะแตกแยกออกเป็นเสี่ยง ๆ แต่เขาไม่สนใจความรู้สึกนั้นและยังคงทำต่อไปเพื่อให้อาการปวดบรรเทา

ความเจ็บปวดของเขาเริ่มลดลงหลังผ่านไปสิบนาที แต่นั่นยังไม่ใช่จุดจบ

อาการคลื่นไส้ที่กำลังปั่นป่วนอยู่ภายในกำลังจะระเบิดออกมา คังชอลอินรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ หยั่งมือไว้บนผนังทั้งสองด้านจากนั้นทุกอย่างก็ระเบิดออก

เขาอาเจียนแบบนั้นอีกครั้งและอีกครัง

และเมื่อไม่มีอาหารอะไรให้ต้องเอาออกอีกต่อไปสิ่งที่ออกมาก็คือน้ำกรดในกระเพาะอาหารที่แสนขม

เขาทุรนทุรายอยู่ในห้องน้ำนานร่วมชั่วโมงจนในที่สุดก็กลับมายืนได้อีกครั้ง

“เห้อ”

เมื่อคังชอลอินถอนหายใจและมองเข้าไปในกระจก ใบหน้าของชายหนุ่มวัย 28 ปีที่กำลังซีดจาง

เป็นใบหน้าเดียวกันกับเมื่อ 10 ปีก่อนที่เคยเกิดขึ้น

คังชอลอินฉายรอยยิ้มบิดเบี้ยวขึ้นบนใบหน้า จะไม่มีพนักงานทดลองงานน่าสงสารที่ต้องทุกข์ทนต่อการโดนคุกคามอีกต่อไป

สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือ “จอมราชันย์นักล่า” ผู้เป็นใหญ่เท่านั้น

คังชอลอิน ผู้หมายจะครอบครองแพนเจียทั้งทวีปที่ทำให้ศัตรูต้องหวาดกลัวและยำเกรง

“เวลานี้เองสินะ”

ใบหน้าของคังชอลอินเต็มไปด้วยความพอใจขณะที่เขาตรวจสอบวันที่บนสมาร์ทโฟน

วันนี้คือวันที่ 6 เดือนพศจิกายน ปี 2020 สองเดือนก่อนการอัญเชิญครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น เขาได้ย้อนเวลากลับมายังในอดีต

ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ว่าเขาย้อนกลับมายังอดีตซะทีเดียว

เรียกว่าเป็นการสำรองวิญญาณจะถูกเสียกว่า

การสำรองวิญญาณเป็นทักษะหนึ่งที่เมื่อเขาตายเขาจะสามารถโอนความทรงจำที่เกิดขึ้นในปัจจุบันกลับสู่อดีตได้ เป็นเอกสิทธิ์พิเศษสำหรับเขาในฐานะจอมราชันย์

การ “ฟื้นคืนชีพ” ผ่านการสำรองวิญญาณทำให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงช่วงเวลา “ขัดแย้ง” และได้รับโอกาสในการเปลี่ยนแปลงอนาคต

‘จากนี้ไปเราต้องระวังตัวทุกฝีก้าว จะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองอีกต่อไป ถ้าเราตาย ทุกอย่างคือจบ’

คังชอลอินย้ำเตือนตัวเองซ้ำ ๆ

การสำรองวิญญาณเป็นทักษะที่สามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากเป็นความสามารถที่ใช้ได้มากกว่าหนึ่งครั้งนั่นจะไม่ใช่การสำรองวิญญาณแต่เป็นการวนซ้ำแทน อย่างไรก็ตามตราบใดที่เขาเลือกจะใช้การสำรองวิญญาณเพียงหนึ่งครั้งนี้นั้นเท่ากับทุกอย่างจะจบลงทันทีถ้าเขาตายขึ้นมาอีกครั้ง พลังนี้จะไม่สามารถใช้ได้อีกและจะหายไปตลอดกาล

ถึงอย่างไรในตอนนี้ใบหน้าของคังชอลอินก็เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างมาก

แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นประโยชน์

เขาเคยมีประสบการณ์จากอนาคตมาแล้วดังนั้นคังชอลอินจะกลับมาเกิดใหม่ในฐานะจอมราชันย์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมจากประสบการณ์และความผิดพลาดที่เขาได้เผชิญมา การทดลองและข้อผิดพลาดต่าง ๆ เช่นเดียวกับการโดนคุกคามจนถึงแก่ความตายจะไม่มีอีกต่อไป และความผิดพลาดร้ายแรงบางอย่างของเขาเช่นความสะเพร่าที่ไม่สนใจบุคคลสำคัญรวมถึงความประมาทเลินเล่อของเขาเกี่ยวกับข้อมูลและสติปัญญาก็จะไม่ถูกกระทำขึ้นซ้ำอีก

‘เราจะต้องเป็นจอมราชันย์ที่ไม่มีใครมาหยุดยั้งเราได้ จะมีแต่ความสมบูรณ์แบบและไร้ข้อผิดพลาด’

ขณะที่คังชอลอินกำหมัดและตั้งมั่นกับตัวเอง กองไฟแห่งความแค้นและความเจ็บปวดได้ลุกลามอยู่กลางใจเขา เขากุมมือไปที่หน้าอกของตัวเองแล้วขบกรามด้วยความแค้นเคือง

“รอสต์ไชลด์ ไอ้แมลงสาบ…”

ต้นกำเนิดของความเจ็บปวดทั้งหมดมาจากมัน

ร่างกายของเขาคือชายหนุ่มวัย 28 ที่จิตใจของเขายังคงระลึกถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้ ความอัปยศอดสูจากการพ่ายแพ้โดยศัตรูที่เขาคอยกระทืบซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

คอของเขาร้อนไหม้ ความรู้สึกเหน็บหนาวซึมลึกเข้าไปถึงกระดูก

“ฉันจะบดขยี้แกให้มากกว่าที่เคยทำจนแกต้องร้องขอแต่ความตาย”

ดวงตาของคังชอลอินถูกเผาไหม้ไปด้วยไฟแห่งการล้างแค้น

ว่ากันว่าผู้กระทำมักเป็นฝ่ายหลงลืมการกระทำของตนแต่สำหรับผู้ที่โดนกระทำแล้วนั้นจะไม่มีวันลืมสิ่งนั้นไปได้แม้แต่วันเดียว

คังชอลอินก็เช่นกัน

เขาไม่มีทางลืมหน้าศัตรูไปได้และเขาก็พอใจเป็นอย่างยิ่งที่จะส่งการกระที่เลวร้ายยิ่งกว่ากลับไปเป็นสิบเท่าร้อยเท่า ในความคิดของการแก้แค้นที่มีต่อรอสต์ไชลด์ทันใดนั้นก็มีอีกใบหน้าหนึ่งปรากฏขึ้นตามมา นักยุทธศาสตร์ลีกงมยอง

‘ลีกงมยอง … เจ้านั่นจะเลือกอยู่ข้างรอสต์ไชลด์อีกหรือเปล่า?”

ถ้าคราวนี้เขาไม่สามารถได้ตัวลีกงมยองมาล่ะ?

เช่นนั้นเขาก็จะทำลายมันให้ย่อยยับจนกว่าจะไม่มีคนจำได้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นใคร

นั่นคือวิถีของคังชอลอิน

ในขณะที่เขากำลังเอาชนะศัตรูอยู่ในความคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงเรียกเขาเบา ๆ ดังแทรกเข้ามา

“เอ่อ … คุณชอลอินคะ?”

เขาหันหน้าไปมองก่อนจะเห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมงานผู้หญิงที่ชื่อลีแชรินที่กำลังมองมาที่เขาจากตรงประตู

“คุณเป็นอะไรไหมคะ? ดูคุณไม่ค่อยสบายเท่าไหร่”

ใบหน้าของลีแชรินดูกังวลเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นห่วงเขาด้วยใจจริง เพราะหากไม่ใช่เพราะความเป็นห่วงเธอคงไม่ออกมาตามหาเขาถึงที่ห้องน้ำหลังจากที่เขาหายตัวไปร่วมชั่วโมงในตอนที่ไม่มีใครกล้าจะขยับตัวแบบนี้เพราะกลัวคิมมินชอลประธานบริษัทจะเล่นงาน

“ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ”

คังชอลอินตอบกลับด้วยรอยยิ้มสบาย ๆ

“ก่อนอื่นสภาพผมตอนนี้ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะงั้นขอโทษนะครับ ขอเวลาผมสักครู่”

เขาเอ่ยขอตัวอย่างสุภาพก่อนจะถอดเสื้อสูทที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำและสิ่งอาเจียนทิ้งลงถังขยะ จากนั้นเขาก็เดินไปที่อ่างล้างหน้า เปิดก๊อกน้ำเพื่อใช้น้ำล้างหน้าล้างปากแล้วสะบัดผมกลับคืนทรงเดิม เขาถอดเน็คไทแล้วโยนมันทิ้งลงไปด้วยเช่นกันทำให้สภาพโดยรวมของเขาตอนนี้ดูดีขึ้น

“คุณชอลอินคะ”

“ครับ?”

“ท่านประธานโกรธมากเลยนะคะ เขาบอกว่าจะไล่คุณออก…”

“ให้เขาทำอย่างที่เขาต้องการไปเถอะครับ”

“แต่ตลอด 10 เดือนที่ผ่านมาคุณตั้งใจทำงานมากเลยนะคะ! ถ้าคุณไปขอร้อง ท่านประธานก็น่าจะยกโทษ…”

“ไม่ครับ”

คังชอลอินพูดขัดลีแชริน

“เป็นผู้ชายไม่ควรไปก้มหัวขอร้องใคร”

“แต่!”

“นอกจากพ่อแม่ของเขาแล้ว ผู้ชายก็ไม่ควรขอร้องใครอีก ผมไม่มีความตั้งใจที่จะกลับไปก้มหัวให้ใครทั้งนั้น”

“คุณชอลอิน!”

“ผมว่าผมไปเก็บข้าวของและออกจากที่นี่จะดีกว่า”

สายตาของเขาขวานหาสมาร์ทโฟน

“เป็นเวลาที่เหมาะเจาะพอดีเพราะเกือบจะหมดวันแล้ว” คังชอลอินฉายรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาให้ลีแชรินก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป

“ไม่ได้นะคะ! ถ้าคุณเข้าไปตอนนี้…”

“ทำไมงั้นเหรอครับ?”

“ท่านประธานกำลังรอคุณอยู่พร้อมกับไม้กอล์ฟน่ะสิคะ! เขาบอกว่าเขาจะฆ่าคุณทันทีที่คุณกลับเข้าไป!”

คิมมินชอลที่เคยอยู่ร่วมกับอันธพาลมาได้ระยะหนึ่งมีนิสัยชอบสร้างบรรยากาศน่ากลัวด้วยไม้กอล์ฟเมื่อเขารู้สึกโกรธ

“โอ้ อย่างนั้นเหรอ?”

คังชอลอินหัวเราะ

หมูอ้วนที่ในท้องมีแต่เบียร์และวัน ๆ ก็เอาแต่คุกคามพนักงานกำลังรอเขาอยู่ด้วยไม้กอล์ฟ ช่างเป็นเรื่องตลกที่เกินจะจินตนาการได้จริง ๆ

“อย่างน้อยก็ไม่น่าเบื่อดี”

“อะไรนะคะ? คุณชอลอิน เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรหรอคะ? คุณจะเจ็บตัวเอาได้นะ! คุณก็รู้ว่าเขาเป็นยังไง!”

“หยุด… ผมจะจัดการเองเพราะงั้นพอได้แล้วครับ”

คังชอลอินกล่าวอย่างมั่นใจกับลีแชรินด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะเดินผ่านเธอไปอย่างใจเย็นเพื่อเดินกลับเข้าไปที่ออฟฟิศ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด