ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0684
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0686

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0685


ตอนที่ 685 : ร่างดาบลึกล้ำ

ทันทีที่เจี้ยนรั่วหยานได้ฟังคำของฉินหยุน จิตใจของนางพลันต้องโลดแล่น นางถึงขั้นนึกสภาพที่ฉินหยุนแกะสลักอักขระโทเทมแก่กายนาง

“น้องหยาน หากเจ้าไม่อาจรับเรื่องราว เช่นนั้นพวกเราเพียงแกะสลักที่แขนและวิญญาณยุทธ์ได้!” ฉินหยุนเร่งรีบกล่าวเมื่อพบเห็นว่าเจี้ยนรั่วหยานครุ่นคิด

“มั่นใจหรือว่ามันจะช่วยเหลือข้าฝึกฝนร่างลึกล้ำ?”

เจี้ยนรั่วหยานคือสตรีที่จิตใจกล้าแกร่ง หากนางไม่อาจได้อันดับหนึ่งของกลุ่มครั้งนี้ นางคงได้กลายเป็นที่ขบขันของตระกูลเจี้ยนและตำหนักเซียนดาบเป็นแน่

โดยเฉพาะผู้ที่คิดสร้างปัญหาแก่นาง คำถามจะประดังเข้ามา พร้อมจะเย้ยหยันที่นางเลือกเข้าร่วมกับนครเซียนยุทธภัณฑ์

นางไม่อาจยอมรับให้เกิดเรื่องราวเช่นนั้น นอกจากนี้แล้ว ศึกที่ใกล้มาถึง นางยังต้องพบศิษย์ร่างเซียนของตำหนักเซียนดาบ

“นี่เป็นเพียงสิ่งที่ข้าคิด ข้าไม่อาจรับประกันว่าเจ้าจะได้ร่างลึกล้ำหรือไม่!” ฉินหยุนกล่าว “ข้าเพียงรับปากว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น! สาเหตุที่ข้าแข็งแกร่งขึ้นได้ ก็เพราะโทเทมราชสีห์สวรรค์”

เจี้ยนรั่วหยานทราบเรื่องราวของงานประลองยุทธ์ครั้งนี้ดี คู่ต่อสู้ของนางทั้งหมดเป็นร่างเซียน ร่างอสูร ไม่ก็ร่างมาร โดยเฉพาะกับศิษย์จากตำหนักโทเทม พวกเขาเหล่านั้นครอบครองโทเทมชวนสะพรึงทั่วทั้งร่างกาย

แม้นางมีสองดาบ กระนั้นก็ยังอ่อนด้อยกว่า

“น้องหยาน อักขระโทเทมที่ข้าแกะสลักบนกายเจ้า ย่อมไม่ใช่ฉูดฉาดดังเช่นของตำหนักโทเทม! อักขระโทเทมของข้าจะผสานกับกายเนื้อและกระดูก มันจะเลือนหายไม่ปรากฏที่พื้นผิว!” ฉินหยุนกล่าวพร้อมยิ้มภาคภูมิ “นี่เป็นสิ่งที่มีแต่ผู้มีเคล็ดวิชาเหนือล้ำและพรสวรรค์มากล้นจึงสามารถทำได้!”

เจี้ยนรั่วหยานยังคงไตร่ตรอง นางมองที่ฉินหยุนและถาม “พี่หยุน ท่านเคยทำเช่นนี้มาก่อนหรือ? ผลลัพธ์เป็นเช่นไร?”

“กล่าวต่อเจ้าตามตรง ข้าได้แกะสลักโทเทมมังกรที่วิญญาณยุทธ์ของหลงเฉียวเฟิง ทำให้นางได้รับวิชายุทธ์โทเทมมังกร! ตอนนี้นางแข็งแกร่งขึ้นมา กระนั้นเพื่อไม่ให้ตระกูลหลงพบเห็นและสงสัย นางจึงเลือกไม่ลงสู้ในครั้งนี้!” ฉินหยุนยิ้มเก้กังบอกกล่าว

“เหอะ ข้าควรทราบแต่แรกว่าพวกท่านมีเรื่องน่าละอายซุกซ่อนเอาไว้!” เจี้ยนรั่วหยานแค่นเสียง

“ข้าเชื่อใจ ว่าเจ้าสามารถเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ที่จะตามมาคือความตายของเฉียวเฟิง!” ฉินหยุนกล่าวเตือนนางด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ข้าย่อมไม่ใช่ผู้หญิงปากมาก!” เจี้ยนรั่วหยานถอนหายใจยาว “ข้าจะยอมให้ทดลองดู แต่หากทำอะไรส่งเดชระหว่างขั้นตอน เหอะ ภรรยาท่านต้องได้รู้!”

ฉินหยุนพอได้ยิน เขาฝืนยิ้มกล่าว “เป็นคำขู่ที่น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

เจี้ยนรั่วหยานยังไม่คิดเริ่มทันที เป็นนางเลือกไปชำระกายก่อน

“ชะรำกายอันใด? เร่งรีบเริ่มงานกันได้แล้ว!” ฉินหยุนร้องโพล่ง

“ข้าจะอาบน้ำชำระกาย ข้าไม่คิดให้ผู้อื่นกล่าวหาว่าข้าเป็นสตรีมีกลิ่นไม่พึงประสงค์!” เจี้ยนรั่วหยานกลับห่วงเรื่องนี้ ที่นางเลือกไปอาบน้ำในเวลานี้ ก็เพื่อจะได้มีโอกาสผ่อนคลายจิตใจด้วย

เจี้ยนรั่วหยานที่อาบน้ำเสร็จ นางหาได้สวมใส่ชุดใดพร้อมเดินตรงออกมานอนที่บนเตียง

ดวงตาฉินหยุนเฉยชาประหนึ่งมองธรรมชาติ กระนั้นหัวใจกับเต้นรัวแทบตายแล้ว

“ฉินหยุน หน้าอกข้าเล็กกว่าหลงเฉียวเฟิงใช่หรือไม่!?” เจี้ยนรั่วหยานเอ่ยถามเสียงเย็นขณะนอนบนเตียง

“หน้าอกก็ล้วนเหมือนกันหมด! อย่าได้พูดกล่าวมากความแล้ว เจ้าทำข้าเสียสมาธิ!” ฉินหยุนเบ้ปากกล่าวคำ “น้องหยาน มองที่ดวงตาของข้า มันมีเจตนาร้ายใดหรือไม่ เป็นข้าไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น!”

“ข้าทราบว่าเจ้าไม่กล้าแน่!” เจี้ยนรั่วหยานยิ้ม “หากเจ้ากล้า ภรรยาเจ้ารู้ เมื่อนั้นคือความตายเจ้าแล้ว!”

ฉินหยุนต้องสบถต่อเจี้ยนรั่วหยานภายใน เขาไม่คาดคิดว่านางจะอาฆาตข่มขู่เขาถึงเพียงนี้

“น้องหยาน ให้ข้ากล่าวเตือนก่อน อย่าได้ใช้เรื่องนี้ข่มขู่ข้าในภายหน้า! ข้าช่วยเจ้าให้แข็งแกร่งมากขึ้น ดังนั้นอย่าได้รังแกผู้บริสุทธิ์เช่นข้า!”

ฉินหยุนถือปากกาลึกล้ำสะท้อนจิตในมือ เผยสีหน้าคร่ำเคร่งทำการแกะสลักโทเทมดาบที่ร่างของเจี้ยนรั่วหยาน

เจี้ยนรั่วหยานได้เห็นท่าทีเคร่งเครียดของฉินหยุน นางต้องลอบชื่นชมต่อเจตนาของอีกฝ่าย

แม้นางไม่ทราบเรื่องการจารึกมากนัก กระนั้นนางก็ยังทราบว่าอาจารย์จารึกจะต้องตั้งใจอย่างยิ่งยามเมื่อแกะสลักโทเทม

และสถานการณ์เช่นตอนนี้ ฉินหยุนสามารถแกะสลักโทเทมได้โดยไม่เสียสมาธิใด!

ภายในมิติมายาของฉินหยุน หลิงหยุนเอ๋อยิ้มกระหยิ่มกล่าวคำ “เสี่ยวหยุน เด็กสาวผู้นี้เจ้าสามารถฉกฉวยได้! นี่ถือเป็นโอกาสอันดี อย่าได้พลาดไป!”

“หยุนเอ๋อ เจ้าเลิกให้กำลังใจข้าทำเรื่องเลวทรามได้แล้ว!” ฉินหยุนกล่าวเคร่งเครียด “ข้าคือฉินหยุน ผู้เป็นบุรุษที่เที่ยงธรรม!”

“อันที่จริง... เอาเถอะ น่าเสียดายก็ช่าง! เจี้ยนรั่วหยานผู้นี้ได้ยอมรับเจ้าจากก้นบึ้งของหัวใจจึงให้เจ้าลงมือเพียงนี้ ไม่เช่นนั้น นางคงไม่มีทางเผยเรือนร่างทั้งหมดแก่เจ้าแน่!” หลิงหยุนเอ๋อแค่นเสียงกล่าว “ข้าพบเห็นเรื่องราวมากมาย สตรีเช่นนี้ข้าหรือจะไม่เคยพบเห็นมาก่อน?”

ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนจึงต้องเพ่งสมาธิตลอดทั้งค่ำคืน เขาง่วนกับการแกะสลักโทเทมดาบแก่เจี้ยนรั่วหยาน จนกระทั่งเขาก็ไม่ทราบว่าตนเองได้แกะสลักไปมากมายเพียงใด

โดยสรุปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการ คือให้โทเทมดาบได้ผสานรวมกับทุกสัดส่วนร่างกายของเจี้ยนรั่วหยาน

โทเทมดาบสามารถแกะสลักที่วิญญาณยุทธ์ง่ายดาย ทว่าไม่ใช่ที่ร่างกาย

ฟ้าสาง ฉินหยุนค่อยเสร็จงาน เขานั่งหมดแรงกับพื้น

เจี้ยนรั่วหยานค่อยเชื่ออย่างแท้จริงในเวลานี้ ว่าฉินหยุนหาได้มีเจตนาร้ายใดต่อนางไม่

เพราะฉินหยุนไม่สัมผัสกายนาง เขาเพียงใช้ปากกาลึกล้ำสะท้อนจิตสัมผัสที่ผิวหนังของนางเพียงเท่านั้น

เจี้ยนรั่วหยานคว้าเสื้อผ้าขึ้นมาพลางมองฉินหยุนที่นั่งกับพื้น นางยิ้มเย็นกล่าวคำ “พี่หยุน ท่านลงแรงตลอดทั้งคืนเพียงนี้ย่อมไม่มีโอกาสได้สำรวจมอบ อย่างนั้นให้โอกาสนี้พิจารณาให้ดีเป็นไร?”

ฉินหยุนพลันหลับตากล่าวคำ “ข้าคิดไปพักแล้ว เจ้าไปทำความเข้าใจกับโทเทมดาบเจ้าเสีย!”

“ท่านช่างเป็นบุรุษที่หวาดกลัวภรรยาเกินไปแล้ว!” เจี้ยนรั่วหยานหัวเราะเบาก่อนจะใส่เสื้อ จากนั้นนางจึงค่อยสัมผัสที่ใบหน้าฉินหยุน “พี่หยุน ข้าชักชอบท่านขึ้นมาบ้างแล้ว! หากภายหน้ามีโอกาส ไว้ข้าไปสอบถามเชี่ยวเย่ว์หลานว่านางจะรับข้าได้หรือไม่!”

“เจี้ยนรั่วหยาน ข้าไม่นึกว่าเจ้าเองก็มีด้านนี้!” ฉินหยุนไม่คาดคิดว่าสตรีดุร้ายเย็นเยือกเช่นนาง จะกลับพุ่งตรงกล่าววาจาความต้องการในตัวบุรุษเช่นนี้ออกมา

เจี้ยนรั่วหยานนั่งลงที่เตียงพลางกล่าวด้วยอาการตื่นเต้น “ข้ารู้สึกคล้ายได้ฝึกฝนร่างดาบลึกล้ำไปแล้ว ช่างแปลกนัก!”

นางกำหมัดแน่น ปลดปล่อยออร่าดาบจากทั้งร่างออกมา พลังที่เผยออกนี้เหนือล้ำ

“เหมือนที่ข้าคิดจะถูกต้อง!” ฉินหยุนเผยเสียงยินดี

“พี่หยุน ระดับการจารึกของท่านคล้ายเหนือล้ำกว่าบรรดาผู้เฒ่าของตระกูลเจี้ยนเราไปแล้ว!”

เจี้ยนรั่วหยานมั่นใจในเรื่องนี้ นางกล่าว “ภายหลัง ไปแกะสลักให้แก่ร่างของเฉียวเฟิง บางทีอาจทำให้นางสามารถฝึกฝนร่างมังกรลึกล้ำ นั่นจะยิ่งทำให้นางได้แน่วแน่ต่อท่านมากขึ้น!

ฉินหยุนลืมตาขึ้นยิ้มกล่าว “เจ้าพูดถึงเรื่องอะไร?”

“ไม่มีใด!” เจี้ยนรั่วหยานบุ้ยปาก

ตึง ตึง ตึง!

อย่างกะทันหัน คนหนึ่งพลันเคาะประตู

“รั่วหยาน เร่งรีบออกมา ใกล้ได้เวลาไปประลองแล้ว!” เปาเฉิงโฉ่วเผยเสียงดังจากอีกฟากประตู

ฉินหยุนพอได้เห็นเจี้ยนรั่วหยานเดินไปเปิดประตู เขาจึงใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง เร่งรีบผ่านกำแพงกลับห้องตนเองพร้อมเดินออกจากห้อง

“จ้าวสำนัก ท่านมาแต่เช้านัก!” ฉินหยุนยิ้มกล่าวทักทาย

เจี้ยนรั่วหยานไม่คิดว่าฉินหยุนรวดเร็วเพียงนี้ เขาถึงขั้นกลับห้องตนเองในพริบตาพร้อมเร่งรีบออกมากล่าวคำด้านหลังเปาเฉิงโฉ่ว

ฉินหยุนทำเช่นนี้ก็เพราะ เขาไม่ต้องการให้เปาเฉิงโฉ่วพบเห็นตนเองในห้องเจี้ยนรั่วหยาน ไม่เช่นนั้นอาจมีความเข้าใจผิดจนเลยเถิดเกิดขึ้นได้

“เช่นนั้นไปกัน!” เจี้ยนรั่วหยานเดินออกจากห้อง สายตามองที่ฉินหยุน “พักจนพอแล้วหรือ?”

ฉินหยุนใช้เวลาตลอดทั้งค่ำคืนกับนาง พลังงานที่เสียไปไม่ใช่น้อย นางเป็นกังวลว่าฉินหยุนจะมีสภาพไม่ดีพร้อม

“ใช่ เพียงพอแล้ว!” ฉินหยุนกล่าว

เจี้ยนรั่วหยานเวลานี้มีสภาพพร้อมอย่างยิ่ง ทั้งยังตื่นเต้นยินดี โดยเฉพาะเมื่อนางสัมผัสได้ถึงพลังของร่างลึกล้ำ เลือดในกายนางสูบฉีดเดือดพล่าน เป็นนางปรารถนาที่จะได้ห้ำหั่นต่อผู้อื่น

“รั่วหยานสภาพดูเจ้าดูพร้อมนัก หวังว่าผลลัพธ์ของวันนี้คงงดงาม!” เปาเฉิงโฉ่วย่อมพบเห็นว่าเจี้ยนรั่วหยานผิดแผกบ้าง กระนั้นก็เป็นทางที่ดี เขาจึงเผยยิ้ม

“ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง!” ไม่ว่าจะด้วยอะไร เจี้ยนรั่วหยานต้องชนะ ไม่เช่นนั้น เท่ากับนางทำให้งานตลอดทั้งค่ำคืนของฉินหยุนกลายเป็นล้มเหลวแล้ว

เปาเฉิงโฉ่วและคณะต่างมาถึงลานกว้าง

ทันทีเมื่อมาถึง เจี้ยนรั่วหยานจึงกระโดดขึ้นบนลานประลองยุทธ์ นางได้จับสลากเลือกคู่ตั้งแต่เมื่อวานบ่าย วันนี้เป็นนางขึ้นประลองคู่แรก

ศึกในช่วงบ่าย ส่วนใหญ่จะเป็นของกลุ่มที่เหลือกันเพียงสองคน พวกเขาถือว่าเป็นรอบสุดท้ายที่จะตัดสินผู้ชนะของกลุ่ม

ฉินหยุนรอรอบประลองที่สอง ดังนั้นตอนนี้จึงสามารถรับชมกำลังของเจี้ยนรั่วหยานได้เต็มที่

เชี่ยวเย่ว์หลานเข้ามาใกล้ นางส่งเสียงสื่อสารพูดคุยกับฉินหยุน “เสี่ยวหยุน กำลังของเจี้ยนรั่วหยานเพิ่มพรวดอย่างกะทันหันนัก! นี่เกิดอะไรขึ้นกัน?”

ฉินหยุนยิ้มตอบ “ข้าแกะสลักโทเทมดาบให้นางอยู่ทั้งคืน!”

ถัดจากนั้น เขาจึงบอกเล่าต่อเชี่ยวเย่ว์หลานถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนโดยไม่ปิดบังใด

เชี่ยวเย่ว์หลานพอได้ยินจึงหัวเราะคิกคัก “เสี่ยวหยุน ภายหน้าเจ้าคงมีชะตาพัวพันกับนางแล้ว”

“เย่ว์หลาน เจ้าไม่หึงใช่หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างกระอักกระอ่วน

“ยังมีใดให้หึง?” เชี่ยวเย่ว์หลานยิ้มบาง “เจ้ากลัวว่านางจะใช้เรื่องนี้ข่มขู่เจ้าเพื่อบอกต่อข้าหรือ?”

“เย่ว์หลาน กำลังของนางตอนนี้เจ้าคิดเห็นเช่นไร?” ฉินหยุนเองก็ยังไม่อาจมองเห็นถึงพละกำลังของเจี้ยนรั่วหยาน

“แข็งแกร่งมาก! โดยละเอียดข้าไม่ทราบนัก” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว “หากมีโอกาส ข้ายังคิดอยากได้ประมือกับนาง”

เวลานี้ คู่ต่อสู้ของเจี้ยนรั่วหยาน ศิษย์ร่างเซียนของตำหนักเซียนดาบจึงมาถึง

ศิษย์ร่างเซียนผู้นี้ ก็เป็นผู้ฝึกตนดาบที่ครอบครองดาบต้นกำเนิด

กระนั้น เขาหาได้ใช่คนของตระกูลเจี้ยน นามคือซุนไท่ข่าย ถือกำเนิดขึ้นพร้อมร่างลึกล้ำ และค่อยวิวัฒนาการเป็นร่างเซียนในภายหลัง

อย่างไรแล้ว ก็เป็นครึ่งเซียนของตำหนักเซียนดาบที่ร่วมมือกันก่อเกิดร่างเซียนให้แก่อีกฝ่าย

“น้องหยาน บิดาเจ้ากล่าวว่าตราบเท่าที่เอาชนะเจ้าได้ ข้าจะได้แต่งงานกับเจ้า!” ซุนไท่ข่ายยิ้มกล่าวคำ

ซุนไท่ข่ายร่างค่อนข้างสูงกว่าเจี้ยนรั่วหยาน เขาสวมใส่ชุดขาว ใบหน้าหล่อเหลา เป็นชายผู้มีพรสวรรค์และดูอบอุ่นผู้หนึ่ง

กระนั้น เจี้ยนรั่วหยานย่อมพบเห็นเจตนาร้ายในดวงตาอีกฝ่าย

เมื่อคืน นางจับจ้องดวงตาฉินหยุนอยู่ตลอด เป็นนางไม่ได้เห็นเจตนาร้ายใดเลยแม้เพียงนิด

ทว่าซุนไท่ข่ายตรงหน้านางผู้นี้ ได้เห็นนางสวมใส่ชุดรัดรูป เผยส่วนโค้งเว้าอันวิจิตร เจตนาร้ายเผยออกอย่างไม่ปิดบัง มันทำเอานางนึกรังเกียจ

หากให้เทียบเปรียบ เรื่องนี้ยิ่งทำนางนับถือฉินหยุนมากยิ่งขึ้น

“นั่นเป็นคำของบิดาข้า! หากเจ้าเอาชนะข้าได้ เช่นนั้นให้บิดาข้าตบแต่งกับเจ้า ข้าย่อมไม่คิดเล่นด้วย!” คำกล่าวของเจี้ยนรั่วหยาน ทำเอาหลายคนที่นี้ต่างระเบิดเสียงหัวเราะดัง

“จะบอกว่าเจ้าไม่ชอบข้าหรือ? ข้าคือร่างเซียน มีสตรีจำนวนมากต้องการแต่งงานกับข้า กระทั่งว่าไม่ถึงหนึ่งหมื่น อย่างน้อยก็สมควรสักแปดพัน!” ซุนไท่ข่ายเผยเสียงมีโทสะ

“แล้วเหตุใดเจ้าไม่ไปตบแต่งกับสตรีเหล่านั้นกัน?!” เจี้ยนรั่วหยานถามเสียงเย็น

“เข้าใจแล้ว เจ้าคงโดนฉินหยุนมันล่อลวงไปแล้ว!” เขาหันมองทางฉินหยุนผู้ซึ่งยืนอยู่เบื้องล่างลานประลอง

เจี้ยนหนันหู่พลันเร่งรีบกล่าว “เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร? น้องหยานและฉินหยุนถือเป็นศัตรูร่วมสาบานต่อกัน! ซุนไท่ข่าย หากเจ้าคิดอยากให้น้องหยานตกหลุมรักต่อเจ้า เช่นนั้นก่อนอื่นก็จงเอาชนะนางให้ได้เสียก่อน!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด