ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0683 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0685 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0684 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 684 : อยากแข็งแกร่งขึ้นหรือ?

ตำหนักโทเทม ตำหนักจารึกเทวะ และสำนักอสูรต่างคิดว่าศิษย์ของพวกตนสามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ง่ายดาย

กระนั้นเวลานี้ พวกเขาค่อยตระหนักได้ว่าสำนักอื่น ต่างก็มีพยัคฆ์ซ่อนเร้นมังกรหลบซ่อนคงอยู่

เดิมพวกเขาเป็นกังวลต่อกำลังของเจี้ยนหนันหู่ ครานี้พละกำลังที่ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานเผยออก มันแข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกเขาเคยคาดคิด

หากเป็นเช่นนี้ ศิษย์ของพวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูอันร้ายกาจถึงสามคน!

ฉินหยุนที่เอาชนะไป๋ตูสื่อมาได้ ศิษย์อื่นในกลุ่มที่สิบห้าต่างต้องสั่นกลัว เพราะพวกเขาไม่มีทางแข็งแกร่งทัดเทียมไป๋ตูสื่อและเหลิงหวน

หากเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาสุดท้ายก็ต้องเผชิญหน้ากับฉินหยุน แม้ว่าไม่ตาย แต่หากคิดสู้ ผลลัพธ์คงต้องอเนจอนาถเกินคาดคิด

ฉินหยุนยังไม่เข้าสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลาง กระนั้นพละกำลังที่ครอบครองกลับเหนือล้ำจนทำผู้คนขนหัวลุก

ผู้คนก่อนหน้านี้ที่เชื่อมั่น ว่าฉินหยุนใช้เล่ห์กลจึงสังหารศิษย์ร่างเซียนที่เกาะยุทธ์อสูร กระนั้นเวลานี้ หลังได้เห็นการต่อสู้ พวกเขาค่อยเชื่อว่ามันเป็นเพราะฉินหยุนเอาชนะได้ด้วยตนเอง

เรื่องนี้ทำเอากลุ่มผู้อาวุโสจากหลายสำนักต่างต้องทึ่งอย่างไม่อาจหาคำอธิบายแก่ตนเอง

เพราะฉินหยุนหาได้ครอบครองร่างเซียน นอกจากนี้แล้ว อีกฝ่ายยังอยู่เพียงขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้น กระนั้น พละกำลังกลับเกินกว่าที่ร่างเซียนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูงจะสามารถทำได้ด้วยซ้ำ

เรื่องนี้มันผิดปกติเกินไป!

ฉินหยุนยังคงอยู่ในห้องลับเพื่อล้างพิษ ขณะที่ภายนอก ผู้คนต่างหารือพูดคุยถึงเรื่องราวของฉินหยุน

“เจ้าฉินหยุนนั่น สมควรมีสายเลือดราชสีห์สวรรค์แล้ว ร่างกายนั้นแข็งแกร่งเกินไป เดิมก็มีสองวิญญาณยุทธ์ แต่หลังจากทำการตรวจสอบกลับพบเพียงหนึ่ง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

เส้นผมสีม่วงของตูเทียนตี้ที่เสียทรงเพราะโทสะ เขายังไม่คิดสางมัน ขณะนี้เขากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“เหมือนว่าเขาจะเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาพิเศษที่ทำให้ร่างกายสามารถทรงอำนาจขึ้นมาได้ เป็นที่ทราบกันว่าในพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์มีเซียนตัวจริง นอกจากนี้แล้ว เซียนผู้นั้นยังให้การปกป้องแก่ฉินหยุนอย่างออกหน้า”

“ตามข้อมูลที่ได้รับมา ฉินหยุนบ่อยครั้งจะเข้าไปยังตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ เพื่อรับการสอนสั่งจากเซียนผู้นั้น!”  ผู้จัดการอาวุโสเยี่ยแห่งตำหนักจารึกเทวะเผยความริษยามากล้ำยามพูดกล่าวถึงเรื่องนี้

ได้รับการชี้นำจากขอบเขตเซียน มันคือสิ่งที่พวกเขาใฝ่ฝันคะนึงหา หลายคนต่างต้องติดอยู่ที่ขอบเขตครึ่งเซียนมานานนับ และไม่อาจก้าวพ้นจากที่ตรงนี้ ด้วยเหตุนั้น การชี้แนะของเซียนจึงสำคัญเป็นล้นพ้นต่อพวกเขา

นอกจากนี้แล้ว เปาเฉิงโฉ่วยังให้การปกป้องฉินหยุนอย่างดีเยี่ยม เขาย่อมทราบ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉินหยุนและปิงชิงไม่ใช่ธรรมดา

เวลานี้ ศิษย์จากทั้งหลายสำนักต่างเชื่อ ว่าฉินหยุนครอบครองโทเทมและสายเลือดราชสีห์สวรรค์ กระนั้น พวกเขาก็ไม่เคยได้เห็นฉินหยุนปลดปล่อยพลังเหล่านั้นออกมาแต่อย่างใด

เรื่องนี้ทำเอาหลายคนต้องอุทานร้องภายใน เพราะฉินหยุนยังมีกำลังซุกซ่อนเอาไว้อีกมากมายนัก

“ฉินหยุนถูกพิษร้ายนั่นเข้าแล้ว ชะตามีแต่ต้องตาย สายเลือดราชสีห์สวรรค์มีไปจะช่วยอะไรมันได้!” จ้าวสำนักหุบเขาหมื่นพิษสบถเสียงเบา “ตัวบัดซบที่สังหารไป๋ตูสื่อ มันต้องตายอย่างไม่อาจอนาถไปกว่านั้นได้อีก!”

เปาเฉิงโฉ่วพอได้ฟัง เขาจึงแค่นเสียงดังกล่าวคำ “ไป๋ตูสื่อต่างหากจึงตายอย่างน่าสมเพช ผู้ใดใช้ให้มันคิดข่มขู่ฉินหยุน? ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าล้วนทราบสถานการณ์ดีหรือไร?”

“หากพวกเจ้าคิดอยากได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว ก็จงไปหาตัวหยางฉีเย่ว์ด้วยตนเอง! หากคิดอยากได้รับมันผ่านฉินหยุน เช่นนั้นสิ่งเดียวที่จะได้รับกลับคือความตาย!”

คำกล่าวของเปาเฉิงโฉ่ว ทำเอาขั้วอำนาจทั้งหลายเกิดหัวใจกระตุกวูบ

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เหล่าขั้วอำนาจที่คิดจับตัวฉินหยุน พวกเขาต้องประสบความสูญเสียหนักหนากันไม่หยุดหย่อน

“หยางฉีเย่ว์ผู้นั้น นางไปได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวได้อย่างไร? กับพวกเราที่เป็นยอดฝีมือ ไม่ว่าด้วยวิธีการอันใด พวกเราก็ต้องคว้ามันมาให้จงได้!” จ้าวสำนักหุบเขาหมื่นพิษประกาศเสียงกร้าว

“เช่นนั้นก็เตรียมตัวรับความตายที่คืบคลาน!” เปาเฉิงโฉ่วกล่าว

ทันใดนี้เอง ฉินหยุนและเจี้ยนหนันหู่ค่อยกลับมาถึง

ฉินหยุนดูสบายดีหาได้มีอันใดผิดปกติ เขาเปลี่ยนมาสวมใส่ชุดสีขาวสะอาดเดินยิ้มแย้มเข้ามา

ที่เขาเผยอารมณ์ดีเพียงนี้ ก็เพราะผสานรวมวิญญาณยุทธ์อสรพิษได้สำเร็จ ตอนนี้เขาสามารถใช้พิษมากมายในภายหน้าได้แล้ว

ยามจ้าวสำนักหุบเขาหมื่นพิษได้เห็นฉินหยุน เขาถึงขั้นตื่นตระหนกพร้อมโทสะลุกโชน!

พิษของไป๋ตูสื่อถูกรักษาได้!

บรรดาศิษย์จากหุบเขาหมื่นพิษต่างรู้สึกว่าเรื่องนี้เกินกว่าจะเชื่อได้ พวกเขาล้วนทราบว่าพิษของไป๋ตูสื่อร้ายแรงเพียงใด

ด้วยไม่มีครึ่งเซียนช่วยเหลือ ฉินหยุนยังสามารถรักษามันได้ด้วยตนเอง เรื่องนี้ผิดสามัญสำนึกจนเกินไป

ได้เห็นฉินหยุนยังอยู่สุขสบาย เปาเฉิงโฉ่วจึงโล่งใจได้มาก

“ฉินหยุน แม้เจ้าชนะมาได้ ทว่าก็อย่าได้ใจเกินไปนัก! เมื่อใดพบข้า เจ้าต้องได้ลิ้มรสของความพ่ายแพ้แน่!” เจี้ยนหนันหู่หัวเราะดัง เขาได้เห็นว่าฉินหยุนไม่ใช่อ่อนด้อย ดังนั้นเวลานี้จึงรู้สึกยินดียิ่ง

ก่อนหน้านี้เขายังกังวล ว่าฉินหยุนจะพ่ายแพ้ ตอนนี้เขาค่อยวางใจได้แล้ว

หลายลานประลองยุทธ์ การต่อสู้ยังคงดำเนินอยู่

เจี้ยนรั่วหยานก็ผ่านเข้ารอบมาได้ กระนั้นก็เป็นชัยชนะที่ยากลำบาก ยิ่งเข้าถึงรอบใกล้สุดท้าย ความยากจึงยิ่งมากขึ้น

“น้องหยาน ดูเจ้าตอนนี้แล้ว ข้าเกรงว่าคงไม่อาจรับศึกพรุ่งนี้เช้าได้กระมัง!” เจี้ยนหนันหู่ที่ได้เห็นเจี้ยนรั่วหยานบาดเจ็บ เขาจึงขมวดคิ้วกล่าว

“ยังไปได้อีกสักรอบ ไม่ว่าจะด้วยอะไร นครเซียนยุทธภัณฑ์ของพวกเราก็ยังมีฉินหยุน!” ในตอนนี้ เจี้ยนรั่วหยานยอมรับชะตาของตนเองแล้ว นางได้แต่ยอมรับถึงข้อเท็จจริงที่บ่งชี้ชัด

นางอยู่กลุ่มที่สิบสาม และรอบถัดไปที่นางต้องเผชิญ ทั้งหมดคือร่างเซียน ร่างอสูร และร่างมาร ชนะสองรอบวันนี้มาได้ ก็กล่าวได้ว่าดีมากแล้ว

หลังศึกรอบบ่ายจบลง ครึ่งหนึ่งของผู้เข้าร่วมในแต่ละกลุ่มต่างถูกคัดออก

ฉินหยุนอยู่กลุ่มที่สิบห้า ยังคงมีร่างมารและร่างเซียนอีกสองคนรอคอยเขาอยู่ หากให้เทียบเปรียบ ต้องกล่าวว่าร่างมารนั้นค่อนข้างไม่อาจเทียบเท่าร่างเซียนได้

ในช่วงเย็น ขั้วอำนาจแต่ละฝ่ายต่างนำศิษย์ตนเองกลับไปพักผ่อน

“พี่หยุน พรุ่งนี้ที่ได้พบรอบเช้าคล้ายเป็นศิษย์ร่างมาร!” เจี้ยนรั่วหยานกล่าว “มันผู้นั้นหลายรอบที่ผ่านมาเอาชนะมาได้ง่ายดายนัก!”

ฉินหยุนได้สนทนากับเจี้ยนรั่วหยานและคณะในห้องโถง วันนี้พวกเขาได้ช่วยเหลือสืบข้อมูลคู่ต่อสู้กันมาไม่ใช่น้อย

“ทางด้านเจี้ยนหนันหู่เล่า?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “ข้าไม่อาจได้ไปรับชมศึกที่เขาลงแข่ง!”

“แข็งแกร่งเหมือนเช่นเคย คู่ต่อสู้ทั้งหมดพ่ายแพ้ในสิบกระบวนท่า กระทั่งว่าเป็นร่างเซียนก็ไม่มีข้อยกเว้น!” เย่ว์ผูเฟิงเอ่ยคำ

เปาเฉิงโฉ่วหัวเราะ “ฉินหยุน นครเซียนยุทธภัณฑ์ของเราจะได้รับต้นกำเนิดเซียนที่สองหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!”

หากฉินหยุนได้รับอันดับหนึ่ง เขาย่อมได้รับความสามารถเทวะเป็นรางวัล นอกเหนือจากนั้น ยังมีต้นกำเนิดเซียน นั่นคือสิ่งที่ล้ำค่ายิ่งกว่าความสามารถเทวะ

“พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนเสีย การประลองรอบเช้าวันพรุ่งนี้คงหนักหนากว่าวันนี้มากนัก!” เปาเฉิงโฉ่วกล่าว

ต่างคนต่างกลับห้องพักตนเอง ห้องของเจี้ยนรั่วหยานอยู่ข้างฉินหยุน นางจึงเดินมาทางเดียวกัน

ระหว่างเดินมา นางก้มหน้าลงตลอดทางด้วยท่าทีคล้ายอับจน

“น้องหยาน เหตุใดดูห่อเหี่ยวเพียงนั้น?” ฉินหยุนหัวเราะถาม

“ข้าถือเป็นผู้อ่อนแอที่สุดแล้ว การแข่งขันวันพรุ่งนี้รอบเช้า ข้าแทบไม่มีโอกาสหลงเหลือ!” เจี้ยนรั่วหยานบุ้ยปากพลางถอนหายใจ “คู่ต่อสู้เป็นใครไม่สำคัญ แต่เป็นข้าไม่อาจทุ่มเทสุดตัวได้!”

“นั่นไม่จริง สาเหตุหลักก็เพราะระดับการฝึกฝนของเจ้าออกจะน้อยไปบ้าง!” ฉินหยุนกล่าว

“ระดับการฝึกฝนท่านน้อยกว่าข้าด้วยซ้ำ กระนั้นยังแข็งแกร่งกว่าข้ามากมายนัก” เจี้ยนรั่วหยานพอคิดถึงเรื่องนี้ ยิ่งทำนางห่อเหี่ยวมากมาย

ฉินหยุนคล้ายนึกวิธีการอะไรขึ้นมาได้ ดวงตาพลันเผยประกายกล่าวพลางยิ้ม “น้องหยาน ข้ามีวิธีช่วยให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้น! แต่ข้าไม่อาจรับปากว่าจะสำเร็จ หากไม่อาจสำเร็จ ให้ถือว่าเป็นการทดลองดูก็ไม่เสียหาย!”

“วิธีการอันใด?” เจี้ยนรั่วหยานขมวดคิ้วกล่าวถาม

“ไปคุยกันในที่ส่วนตัวกว่านี้!” ฉินหยุนกล่าวเสียงเบา ก่อนจะหันมองรอบด้าน

“มาที่ห้องข้า!” เจี้ยนรั่วหยานคิดอยู่ครู่ ก่อนจะเร่งรีบดึงฉินหยุนกลับเข้าห้องนาง

ฉินหยุนยิ้มกล่าว “หากผู้อื่นพบว่าข้าอยู่ในห้องเจ้า และเรื่องราวนี้กระจายไป ข้าคงแย่แล้ว!”

เจี้ยนรั่วหยานแค่นเสียง “ยังมีอันใดให้หวาดกลัว? เร่งรีบบอกต่อข้า อะไรที่จะทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นได้?”

“มีอันตรายอยู่บ้าง และข้าก็ไม่เคยทดลองมาก่อน!” ฉินหยุนกล่าว

“เร่งรีบพูดออกมาได้แล้ว!” เจี้ยนรั่วหยานยิ่งร้อนใจ

“เป็นวิญญาณยุทธ์เจ้า ข้าจะแกะสลักโทเทมดาบที่วิญญาณยุทธ์ของเจ้า ไม่เพียงเท่านั้น มันยังต้องแกะสลักอักขระโทเทมบนแขนของเจ้าด้วย หากพวกเรามีเวลา ดีที่สุดคือแกะสลักอักขระโทเทมลงที่กระดูกเจ้า!” ฉินหยุนเผยสีหน้าจริงจัง “ข้าคาดเดาถึงสาเหตุที่เจี้ยนหนันหู่ได้รับร่างเซียนอย่างกะทันหัน นั่นสมควรเป็นเพราะโทเทมดาบอย่างแน่นอน!”

เจี้ยนรั่วหยานพอได้ยิน นางเผยอาการตื่นตะลึง “พี่หยุน นี่ท่านเชี่ยวชาญโทเทมดาบด้วยอย่างนั้นหรือ?”

“เป็นเช่นนั้น!” ฉินหยุนยิ้มตอบ

“เหตุใดจึงครอบครองโทเทมมากมายเพียงนี้?” ด้วยฐานะคนของตระกูลเจี้ยน เจี้ยนรั่วหยานย่อมทราบเป็นอย่างดี ว่าอักขระโทเทมดาบเป็นสิ่งหาได้ยากมากล้ำ และยากยิ่งแก่การเชี่ยวชาญ

กระทั่งในตำหนักเซียนดาบและตระกูลเจี้ยน ก็มีอาจารย์จารึกเพียงน้อยคนที่สามารถแกะสลักอักขระโทเทมดาบ

โทเทมดาบของฉินหยุนเป็นสิ่งที่ได้รับจากดาบเต๋าของเจี้ยนหนันหู่ ภูติน้อยโมโมได้ช่วยเหลือเขาคัดลอกง่ายดายจนทำให้ฉินหยุนเชี่ยวชาญได้

ระหว่างที่อยู่ในมิติกาลอวกาศตะวันจันทรา เขายังมีเวลาได้ทำความคุ้นชินกับอักขระโทเทมดาบไม่ใช่น้อย

“น้องหยาน เจ้าสมควรมีมรดกสายเลือดแห่งดาบ และวิญญาณยุทธ์ดาบ สิ่งเดียวที่เจ้าขาดแคลนคือโทเทมดาบ หากทุกสิ่งราบลื่น ด้วยสามสิ่งนี้รวมเข้าด้วยกัน เจ้าย่อมต้องก่อเกิดเป็นร่างดาบลึกล้ำ หลังจากนั้น เจ้าจะสามารถดูดกลืนพลังเซียนจำนวนมหาศาลเพื่อขัดเกลาร่างกายสู่ร่างเซียนได้!”

“คิดลองดูหรือไม่?”

ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนได้ทดลองกับร่างกายของหลงเฉียวเฟิงไปแล้ว  ทำให้นางสามารถรู้และเข้าใจวิชายุทธ์มังกรสวรรค์ได้สำเร็จ

ครานี้ เป็นอีกครั้งที่เขาจะมีโอกาสได้ทดลอง

หากเขาสามารถทำให้เจี้ยนรั่วหยานแข็งแกร่งขึ้นได้ เช่นนั้นแนวคิดที่เขามีก็ถือว่าสามารถใช้งานได้จริงแท้

“พี่หยุน เหตุใดจึงดูตื่นเต้นยิ่งกว่าข้า? อย่าได้บอกว่าคิดให้ข้าเป็นหนูทดลอง?” เจี้ยนรั่วหยานเอ่ยถาม

“กล่าวเช่นนั้นก็ได้! หากสำเร็จ ข้าจะได้มีความรู้ตรงส่วนนี้เพิ่มขึ้นด้วย!” ฉินหยุนถูไถมือไปมาพร้อมยิ้มกล่าว “หากเจ้าตกลง เช่นนั้นก็เริ่มงานกันได้ ดีที่สุดหากมันสำเร็จทันพรุ่งนี้เช้า”

“งั้นก็เริ่มเลย!” เจี้ยนรั่วหยานกัดฟันรับคำ

ฉินหยุนเร่งรีบนำเอาปากกาลึกล้ำสะท้อนจิตออกมา เขาเกลียดความจริงที่ว่าตนเองไม่มีจารึกวิญญาณโทเทม หากมี การแกะสลักอักขระโทเทมคงเป็นเรื่องง่ายดาย

โชคยังดี ที่เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับโทเทมดาบไม่ใช่น้อย

“น้องหยาน เจ้าต้องการแกะสลักโทเทมดาบไว้ที่ทุกส่วน หรือแค่ที่วิญญาณยุทธ์?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ความแตกต่างคือ?” เจี้ยนรั่วหยานเวลานี้ยังค่อนข้างตื่นเต้น นางปรารถนาต่อโทเทมดาบมายาวนานมากนัก

เพื่อให้ได้รับโทเทมดาบที่แกะสลักโดยตระกูลเจี้ยน หนึ่งคือต้องรอคอย อาจารย์จารึกจะเพียงช่วยเหลือศิษย์ผู้หนึ่งแกะสลักโทเทมดาบทุกหนึ่งปี หากอาจารย์จารึกผู้นั้นมีกิจอื่นต้องทำ เช่นนั้นก็อาจต้องใช้เวลารอคอยหลายปี

สำหรับเจี้ยนรั่วหยาน การรอคอยของนางแทบจะยาวนานถึงสองร้อยปี

“แกะสลักทุกสัดส่วน หมายความถึงที่ภายใต้ผิวหนัง เนื้อ และกระดูก ร่างกายและโทเทมดาบของเจ้าจะผสานกันเป็นหนึ่ง นี่จะยิ่งทำให้เจ้าสามารถฝึกฝนร่างลึกล้ำได้สำเร็จได้ง่ายดายขึ้น!”

แต่แล้ว ฉินหยุนครานี้กลับกล่าวออกอย่างเคอะเขิน “แต่มันก็จำเป็นต้องให้เจ้าถอดชุด... มองที่สายตาอันเที่ยงธรรมของข้าและเชื่อมั่น ข้าหาได้คิดฉวยโอกาสใดต่อเจ้าไม่!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด