ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0685 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0687 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0686 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 686 : ร่างเซียนพันปี

เจี้ยนรั่วหยานพอได้รับฟัง นางจึงเผยความไม่ยินดีกล่าวคำออก “พี่หู่ กระทั่งว่ามันเอาชนะข้าได้ ข้าก็ไม่มีทางมองมันใหม่! ไม่ใช่ท่านกล่าวเองหรอกหรือ? หากต้องการเป็นผู้แข็งแกร่ง เช่นนั้นก็ต้องเด็ดเดี่ยวใช้ชีวิตเพียงผู้เดียว!”

“ถูกต้องแล้ว เจ้ายังตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ดีถือว่ายอดเยี่ยมนัก!” เจี้ยนหนันหู่กล่าวรับพร้อมหันควับมองทางฉินหยุน เขาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างนึกรังเกียจต่อเรื่องนี้

ซุนไท่ข่ายแค่นเสียง “น้องหยาน บิดาเจ้ารับปากแล้ว นั่นไม่ใช่อะไรที่จะกล่าวโดยพล่อยแล้วไม่นึกถึงผลที่ตามมา! งานวิวาห์ถือเป็นเรื่องจริงจัง ลำพังเจ้าไม่อาจตัดสินใจ!”

ได้ยินเช่นนี้ เจี้ยนรั่วหยานจึงเผยเสียงหัวเราะดังออก “เหตุใดข้าจึงไม่อาจตัดสินใจ? ข้าครอบครองกำลังเหนือล้ำ ตราบเท่าที่เอาชนะเจ้าได้ นั่นจึงเป็นการตัดสินใจของข้า!”

“เจ้ากำลังบอกกล่าวว่า หากข้าเอาชนะเจ้าได้ จะตบแต่งกับข้างั้นหรือ?” ซุนไท่ข่ายเผยความยินดี

“ข้านับถือท่านพ่อ ในเมื่อเขากล่าว ข้าก็คงไม่อาจขัดคำนั้นได้!” เจี้ยนรั่วหยานเผยเสียงเย็น “ดังนั้นข้าจะไม่พ่ายแพ้ต่อเจ้า!”

ซุนไท่ข่ายกลายเป็นยินดี เพราะเขารู้สึกว่าตนเองสามารถเอาชนะนางได้อย่างแน่นอน

ผู้คนล้วนทราบว่าเจี้ยนรั่วหยานหาได้ครอบครองร่างเซียน อาศัยเพียงเรื่องนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับร่างเซียน นางย่อมต้องพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว

แม้ซุนไท่ข่ายเป็นผู้มีพรสวรรค์ และสตรีห้อมล้อมนับไม่ถ้วน เขากลับละความสนใจต่อโฉมงามเหล่านั้นที่พร้อมเข้าสู่อ้อมแขนของเขา มีแต่เจี้ยนรั่วหยานจึงทำให้เขารู้สึกว่าการกำราบนางเป็นเรื่องชวนให้ทดลองได้ทำ

เจี้ยนรั่วหยานย่อมพบเห็นเจตนาชั่วของซุนไท่ข่ายที่คิดกำราบนางผ่านดวงตา นางค่อยเข้าใจว่าอีกฝ่ายนึกคิดอันใด เรื่องนี้ยิ่งทำให้นางเกลียดชังอีกฝ่ายมากมายนัก

นางมองที่ฉินหยุนซึ่งอยู่เบื้องล่างลานประลอง ฉับพลันนางค่อยรู้สึก ว่าฉินหยุนจึงเป็นคนดีผู้หนึ่งอย่างแท้จริง

โดยเฉพาะหลังผ่านเรื่องราวเมื่อคืน เขาใช้เวลาทั้งคืนมองที่เรือนร่างของนางโดยไม่มีเจตนาร้ายใด

อย่างกะทันหัน นางกลับรู้สึกโศกภายในที่ฉินหยุนมีภรรยาแล้ว ทั้งยังเป็นภรรยาที่ยอดเยี่ยมเลิศล้ำ

เจี้ยนรั่วหยานแทบไม่สนใจซุนไท่ข่ายอีก กลับกัน นางหลับตาเพื่อปรับสภาวะอารมณ์เสียใหม่

ผ่านไปครู่ เจี้ยนรั่วหยานและซุนไท่ข่ายค่อยเผยสัญญาณว่าพร้อมแล้ว

ผู้ตัดสินชราบนลานประลองจึงตะโกน “เริ่ม!”

เจี้ยนสือเทียนและคณะครึ่งเซียนของตำหนักเซียนดาบ รวมถึงราชันยุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์ของสำนัก ทั้งหมดต่างมารับชมศึกนี้อย่างจริงจัง

ศึกเริ่มขึ้น หมอกพลังงานสีขาวโคจรรอบร่างซุนไท่ข่าย จากนั้นมันจึงแปรเปลี่ยนเป็นดาบต้นกำเนิดสีทองเจือจาง เสียงคำรามระเบิดดังออก เขาพุ่งทะยานจ้วงแทงดาบเข้าใส่หัวไหล่ของเจี้ยนรั่วหยาน

เรือนร่างงดงามเจี้ยนรั่วหยานพลิ้วไหว หลบเลี่ยงประดุจร่างเบาดั่งขนนกต่อซุนไท่ข่ายที่โหมโจมตีเข้ามา

เรื่องราวน่าทึ่ง คือเจี้ยนรั่วหยานยังไม่ได้นำดาบต้นกำเนิดและดาบเจตจิตออกมา

ฉินหยุนเข้าใจชัดแจ้งแล้วว่าเจี้ยนรั่วหยานคิดอันใดอยู่

หากเจี้ยนรั่วหยานสามารถเอาชนะซุนไท่ข่ายได้โดยไร้ซึ่งดาบ อย่างนั้นเท่ากับนางเผยพลังอันเหนือล้ำออกมา ทั้งนี้ยังเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์นำเอาพลังจากโทเทมดาบออกมาด้วย

“เจี้ยนรั่วหยานได้ร่างดาบลึกล้ำ นี่คือร่างลึกล้ำชนิดที่เกิดความเข้ากันได้ของโทเทมดาบและวิญญาณยุทธ์ดาบ ความแข็งแกร่งถือเป็นที่สุด! เจ้าครอบครองร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำ ดังนั้นสมควรเข้าใจถึงเรื่องราวนี้ดีกว่าผู้ใด” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

“เป็นเช่นนั้น! นางต้องการใช้งานประลองยุทธ์นี้เพื่อเรียกใช้พลังอันเหนือล้ำเหล่านั้นออกมา!” ฉินหยุนยิ้ม

“ไม่เพียงเท่านั้น นางยังสามารถก้าวสู่ขอบเขตที่สูงล้ำกว่านั้น นั่นคือดาบและผู้ใช้ดาบผสานรวมกันเป็นหนึ่ง ส่วนว่าเป็นขอบเขตอันใด ข้าไม่ทราบแน่ชัด!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ข้าเพียงทราบ ว่าหากนางสามารถทำได้ เมื่อนางใช้งานดาบอีกครั้งหนึ่ง นางจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น!”

เจี้ยนรั่วหยานได้รับร่างดาบลึกล้ำ นางจึงควบคุมร่างกายได้ลื่นไหลประหนึ่งควบคุมดาบของนางเอง

ซุนไท่ข่ายเสียดแทงดาบออกไปหลายร้อยครั้งในพริบตา กระนั้นพวกมันทั้งหมดกลับถูกหลบเลี่ยงได้

ลานประลองมีแต่ร่างเงาดาบต้นกำเนิดสีทองอ่อนของซุนไท่ข่ายปรากฏ ราวกับพวกมันได้ห้อมล้อมเจี้ยรั่วหยานเอาไว้ ทว่าไม่อาจทำร้ายนาง

“ท่านปู่ เกิดอะไรขึ้นกับน้องหยาน? เหตุใดข้ารู้สึกว่านางกลับกลายเป็นแข็งแกร่งขึ้นอย่างกะทันหันเพียงนี้!” เจี้ยนหนันหู่ที่ได้เห็น เขาต้องอุทานร้องอย่างตระหนก

“ไม่มั่นใจนัก เพียงทราบว่านี่ไม่ใช่เจี้ยนรั่วหยานที่เราคุ้นเคยด้วย!” เจี้ยนสือเทียนขมวดคิ้วมุ่น “นางแข็งแกร่งขึ้นจริง และยังมีกำลังซุกซ่อนราวกับไร้ก้นบึ้ง!”

ซุนไท่ข่ายกลายเป็นมีโทสะ เพราะเจี้ยนรั่วหยานไม่ใช้งานดาบ เพียงหลบเลี่ยงไปมา จากที่เห็น เคล็ดวิชาตัวเบาของเจี้ยนรั่วหยานเหนือล้ำกว่าเขาไปมากมายแล้ว!

ตามหลัก ผู้ที่ครอบครองร่างเซียนจะมีเปรียบในการควบคุมร่างและการใช้กำลัง

กระนั้น มันก็จำเป็นต้องผ่านการฝึกฝนคร่ำเคร่ง เพื่อให้ก้าวถึงขั้นสุดยอดระดับนั้น มันต้องเป็นกระบวนการอันขื่นขม

และศิษย์ร่างเซียนส่วนใหญ่ กำลังที่พวกเขามีไว้ในครอบครองกล่าวได้ว่าเหนือล้ำกว่าผู้ที่อยู่ระดับเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่หิวกระหายต่อการฝึกฝน

แต่เป็นเจี้ยนรั่วหยานที่ปรารถนาขึ้นไปให้จนถึงจุดสูงสุด ตอนนี้นางได้ฝึกฝนร่างดาบลึกล้ำ และมันยังเข้ากับนางได้โดยสมบูรณ์ ดังนั้นนางจึงสามารถใช้งานร่างดาบลึกล้ำปลดปล่อยพลังออกมาได้

แม้นางยังไม่อาจก้าวถึงจุดสูงสุด กระนั้นก็แข็งแกร่งกว่าซุนไท่ข่ายแล้ว

ซุนไท่ข่ายตะโกนดังกราดเกรี้ยว ดาบสีทองอ่อนของเขาพลันสว่างวูบเป็นแสงสีทอง

“วิชาดาบล้างสวรรค์! วิชายุทธ์สวรรค์!” เจี้ยนหนันหู่เผยสีหน้าเคร่งเครียดในพริบตา “น้องหยานอาจได้รับบาดเจ็บ!”

ดาบของซุนไท่ข่ายพุ่งตรง ปลดปล่อยแสงสว่างสีทอง พลังอันหนักอึ้งและแกร่งกล้าได้ปะทะปกคลุมร่างเจี้ยนรั่วหยาน เป็นผลให้การเคลื่อนไหวของนางเชื่องช้าลงมหาศาล

ได้เห็นดาบของซุนไท่ข่ายโจมตีเข้ามา บรรดาศิษย์ของตำหนักเซียนดาบต่างอุทานชื่นชมกันไม่ขาด

อย่างไรแล้ว นี่ก็เป็นวิชาดาบที่งดงาม!

โดยเฉพาะบรรดารุ่นอาวุโส พวกเขาต่างพยักหน้าชื่นชม พวกเขาเชื่อ ว่าเจี้ยนรั่วหยานต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย

เวลานี้ เจี้ยนรั่วหยานถูกปกคลุมด้วยแสงสีทอง ทำให้นางยากแก่การหลบเลี่ยงได้อีก!

ดาบไร้ปรานีเสียดแทงพุ่งตรง มือของเจี้ยนรั่วหยานตระเตรียมต้านรับ แขนสองข้างยืดออก สองนิ้วคว้าจับที่ปลายดาบของซุนไท่ข่ายเอาไว้!

ครั้งซุนไท่ข่ายปลดปล่อยวิชายุทธ์สวรรค์ เขาต้องควบแน่นพลังอันเหนือล้ำปลดปล่อยไปพร้อมกับดาบโจมตี กระนั้น เจี้ยนรั่วหยานกลับใช้สองนิ้วงดงามของนางคว้าจับรับเอาไว้!

เรื่องนี้แทบทำเอาเขาต้องอ้าปากกรามค้าง!

โดยเฉพาะกับบรรดาศิษย์ของตำหนักเซียนดาบ และบรรดาผู้อาวุโส พวกเขาต่างตระหนักได้ดีถึงกำลังของซุนไท่ข่าย และพลังอันเลิศล้ำของวิชาดาบล้างสวรรค์

กระนั้นเวลานี้ ดาบที่โจมตีออกพร้อมพลังมหาศาลอัดแน่น กลับถูกเจี้ยนรั่วหยานคว้าจับเอาไว้!

“ทลาย!” เจี้ยนรั่วหยานยิ้มภาคภูมิ เสียงโลหะแตกดังขึ้น ดาบต้นกำเนิดของซุนไท่ข่ายแตกออกและร่วงหล่น

“น้องหยาน... นี่... เจ้า...” ดาบต้นกำเนิดซุนไท่ข่ายแตกออก สูญเสียอาวุธ หมายความถึงกำลังของเขาเลือนหายอย่างกะทันหัน

ทันใดนี้เอง เจี้ยนรั่วหยานจึงอัญเชิญดาบสองเล่มสีขาวและดำของนางออกมา!

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

การโจมตีเป็นไปอย่างรวดเร็ว ดาบของนางโจมตีออกได้รวดเร็วกว่าที่ซุนไท่ข่ายคิดโจมตีเมื่อครู่ด้วยซ้ำ

เพียงพริบตา ร่างของซุนไท่ข่ายจึงถูกจ้วงแทงนับสิบครั้ง นอกจากจุดตาย ทุกส่วนถูกเจี้ยนรั่วหยานแทงเข้าใส่ ชุดสีขาวงดงามพลันต้องถูกย้อมแดงด้วยเลือด!

“หากเจ้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ข้าก็ไม่ขอมากมารยาทอีก!” เจี้ยนรั่วหยานเอ่ยคำเสียงเย็น

ซุนไท่ข่ายไม่ยินดียอมรับ เขาเร่งรีบปลดปล่อยพลังเต๋าอันแข็งแกร่งพร้อมพลังเซียนเจือจาง เข้าปกคลุมร่างของเจี้ยนรั่วหยานเอาไว้

“เจ้าบังคับให้ข้าลงมือ!” ดาบทั้งสองของเจี้ยนรั่วหยานสั่นไหว พวกมันระเบิดเอาพลังออกมาพร้อมจ้วงแทงออกซึ่งหน้า

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

แขนทั้งสองข้างของซุนไท่ข่ายถูกตัดออก หัวใจของเขายังต้องถูกแทงเข้าใส่หลายครั้งครา

“ข้า... ข้ายอมแล้ว!” ซุนไท่ข่ายรับรู้จิตสังหารจากเจี้ยนรั่วหยาน เขาเร่งร้อนตะโกนดังออกมา

ผู้คนต่างร่างกายแข็งค้างด้วยความหวาดกลัว!

เพราะเจี้ยนรั่วหยานไร้ซึ่งร่างเซียน กระนั้นนางกลับสามารถเอาชนะร่างเซียนได้ง่ายดาย หลายผู้คนให้ความสนใจกับศึกของนางเมื่อวานไม่น้อย แม้นางชนะ กระนั้นนั่นก็เป็นชัยชนะที่ยากลำบาก

แต่แล้ววันนี้ นางเผชิญหน้ากับซุนไท่ข่าย ผู้ซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าศิษย์สำนักอสูรทั้งสองเมื่อวานนี้ แต่แล้วกลับสามารถเอาชนะได้อย่างเด็ดขาด!

เพียงค่ำคืน กำลังของเจี้ยนรั่วหยานถึงกับมากมายได้เพียงนี้

โดยไม่แม้มองที่ซุนไท่ข่าย เจี้ยนรั่วหยานหันกลับพร้อมออกจากลานประลอง

“ชายผู้นี้ ซุนไท่ข่าย ถึงขั้นเป็นสวะได้เพียงนี้!” เจี้ยนหนันหู่เอ่ยคำอย่างเดียดฉันท์ “พอมาคิดว่าข้าเคยคิดอยากเอาชนะมัน แต่แล้วตอนนี้เรื่องราวกลับกลายเป็นเช่นนี้!”

“รั่วหยาน ให้ข้าได้ดูอาการเจ้า!” เจี้ยนสือเทียนเร่งรีบเดินเข้ามา

“ไม่!” เจี้ยนรั่วหยานเร่งรีบตะโกนตอบ

เจี้ยนสือเทียนหัวเราะ “อย่างนั้นก็ได้! ข้าเองก็ยินดีนักที่เจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้เพียงนี้!”

“ท่านบรรพบุรุษ กระทั่งพี่หู่ก็หาได้ใช่คู่ต่อสู้ข้าไม่!” เจี้ยนรั่วหยานเผยยิ้มมาดมั่น “ตำหนักเซียนดาบของท่าน ไม่มีศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณผู้ใดสามารถเป็นคู่ต่อสู้ให้ข้าได้แน่!”

“เด็กน้อย เจ้าออกจะมาดมั่นเกินไปแล้ว!” เจี้ยนหนันหู่ไม่คิดเชื่อคำกล่าวนี้

“หากไม่เชื่อข้า เช่นนั้นมาสู้!” เจี้ยนรั่วหยานเพิ่งเอาชนะซุนไท่ข่าย นางรับรู้ได้ถึงพลังจากร่างดาบลึกล้ำ เป็นนางรู้สึกราวกับเป็นผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้า

“สู้กันเมื่อมีโอกาสภายหน้า!” เจี้ยนสือเทียนกล่าว “ถึงคราวฉินหยุนขึ้นประลองแล้ว คู่ต่อสู้เป็นร่างเซียนของหุบเขาเซียนโอสถ!”

ความเกลียดชังระหว่างฉินหยุนและหุบเขาเซียนโอสถ ยังคงมากมายลึกล้ำต่อกัน

ตอนนี้ หุบเขาเซียนโอสถค่อยมีโอกาสได้ล้างแค้นต่อฉินหยุน

ร่างเซียนของหุบเขาเซียนโอสถคือชายวัยกลางคน ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำให้ผู้อื่นเกิดความรู้สึกว่าแข็งแกร่ง กระนั้นหลายคนก็สับสน เนื่องด้วยร่างเซียนแม้อายุเยอะไปบ้าง กระนั้นกลับไม่เผยร่องรอยของความชราใดออกมา

“แม้ว่าร่างเซียนอายุนับพันปีจากหุบเขาเซียนโอสถผู้นี้อายุหนึ่งพันปี เขาก็ยังอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ เพราะเขาได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาพิเศษที่แข็งแกร่งเลิศล้ำ!” เจี้ยนหนันหู่กล่าว

ศิษย์ร่างเซียนอายุนับพันปีผู้นี้นามว่าหานอี้หล่าย แม้เป็นชายวัยกลางคน กระนั้นก็ยังหล่อเหลา เขาสวมใส่ชุดสีทองเป็นประกาย ดวงตาภายใต้คิ้วหนานั้นเผยเจตนาฆ่าฟันเด่นชัด

ฉินหยุนที่สัมผัสถึงออร่าของคู่ต่อสู้ได้ เขาพลันต้องเกิดความหนักอึ้ง

“หยุนเอ๋อ ชายผู้นี้เป็นอะไรแล้ว? เหตุใดดูน่ากลัวเพียงนี้?” ฉินหยุนไม่ทราบว่าเพราะอะไร เขาคิดอยากเผ่นหนีเสียที่ตรงนี้

“ชายผู้นี้ฝึกฝนโลหิตเซียน... ไม่แปลกใจเลยที่ไม่อาจเลื่อนระดับได้แม้อายุนับพันปี เป็นเขาทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อฝึกฝนโลหิตเซียน!”

“ร่างเซียนมีหลายขั้น ร่างเซียนส่วนใหญ่คือการฝึกฝนร่างกายให้สามารถดูดกลืนพลังงานเซียน ทว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือโลหิตเซียนและกระดูกเซียน มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถฝึกฝนได้จนกว่าคนผู้หนึ่งจะกลายเป็นจักรพรรดิยุทธ์หรือครึ่งเซียน!”

“ชายตรงหน้าเจ้าฝึกฝนโลหิตเซียน เช่นกัน เขาสมควรต้องเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาบางอย่าง... เจ้าต้องระวัง ชายคนนี้แข็งแกร่งนัก!”

หลิงหยุนเอ๋อยังต้องทึ่ง นางไม่คาดคิดว่าจะมีบุคคลเช่นนี้คงอยู่

ฉินหยุนกลายเป็นต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาล เขารู้สึกว่าด้วยกำลังของชายตรงหน้า ก็สมควรขึ้นเป็นหนึ่งในห้าอันดับแรกของงานประลองยุทธ์ได้

หานอี้หล่ายไม่กล่าวคำใด เขาเพียงมองที่ฉินหยุน

แม้ฉินหยุนหลับตา เขาก็ยังสามารถสัมผัสถึงจิตสังหารจากอีกฝ่าย

เวลาเตรียมตัวผ่านไปอย่างรวดเร็ว!

“เริ่ม!”

หานอี้หล่ายไม่โจมตี แต่เขากำหมัดและยืนนิ่ง พลังงานสีทองปรากฏจากกายของเขา มันอัดแน่นทั่วทั้งลานประลองในพริบตา

ฉินหยุนรู้สึกราวร่างกายถูกทิ่มแทงเจ็บปวดนับไม่ถ้วน ราวกับร่างกายของเขาถูกขนาบรอบทิศด้วยเข็มนับไม่ถ้วนทิ่มแทงเข้าใส่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด