ตอนที่แล้วบทที่ 172 หุบเขาชิงวิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 174 คนผู้นี้ไม่ได้มีเจตนาดี

บทที่ 173 คนป่าเถื่อน


"นี่มันสัตว์อสูรชั่วร้ายแบบไหนกันที่ทำเสียงแบบนี้? ทำไมข้าถึงถูกเสียงนี้ทำให้ต้องอยู่ในมนต์สะกด?"

เมื่อมองไปดูที่ก้นเหวลึกของหุบเขาที่มองไม่เห็นก้นเหว เจียงอี้ก็รู้สึกว่าเลือดของเขาเย็นลง หากไม่ได้การป้องกันจากไข่มุกวิญญาณไฟเขาคงจะตกลงไปในเหวลึกนี่แล้ว

สิ่งที่แปลกคือเมื่อเขากลับมามีสติ เสียงแปลกๆก็หายไป เขามองไปรอบๆและพบเพียงความสงบ แต่เสียงแปลกๆนั้นไม่ได้เปล่งออกมาอีก เมื่อเขากลับไปที่ถ้ำและพร้อมที่จะนอนหลับเสียงแปลกๆนั่นก็ดังขึ้นอีกครั้ง มีความคิดมากมายที่กระตุ้นให้เขาเดินเข้าไปในหุบเขา

"นี่มันชั่วร้ายเกินไป! จะต้องมีสัตว์อสูรที่น่ากลัวในหุบเขาลึกแห่งนี้และมันก็เชี่ยวชาญในการควบคุมจิตวิญญาณด้วย!"

เจียงอี้เกิดความหวาดกลัว เขาไม่ลังเลที่จะเรียกหมาป่าจันทราสีเงินออกมาเพื่อพาเขาไปให้ไกลจากที่นั่น หุบเขานั้นลึกมาก แต่เสียงนั้นยังคงดังกึกก้องอยู่ในจิตวิญญาณของเขาและล่อลวงให้เขาเดินไปหาความตายในหุบเขา ด้วยสัตว์อสูรประเภทวิญญาณที่อยู่แถวนี้ เจียงอี้ก็ไม่กล้าที่จะอยู่ที่นั่นต่อ

"ถ้าหุบเขาชิงวิญญาณนี้มีสัตว์อสูรที่น่าเกรงขาม เปลวเพลิงอเวจีที่อยู่ในนั้นคงจะต้องน่ากลัวยิ่งกว่าที่คิดไว้ มันน่าเสียดายที่ตอนนี้ข้าไร้ความสามารถ รอให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ก่อนเถิดและข้าจะกลับมาเอาเพลิงอเวจีแน่!"

เจียงอี้มองไปที่หุบเขาลึกอันห่างไกลด้วยความเสียใจ ในไม่ช้าก็มองไม่เห็นหุบเขาอีกต่อไป เจียงอี้ไม่ได้หาที่พักเพื่อนอนหลับและจดจ่ออยู่กับการอ้อมพงไพรแห่งบาปเพื่อเข้าสู่ดินแดนของอาณาจักรเสินหวู่ก่อนที่จะเข้าไปในเมืองหลวง

...

ณ เมืองหลวงเต็มไปด้วยความคึกคักและความตื่นเต้นที่เกิดจากสงครามราชอาณาจักร เหล่าอัจฉริยะทั้งหมดของอาณาจักรเสินหวู่ได้มารวมกันในเมืองหลวง มีคุณหนูหลายคนที่ไม่ได้มาที่นี่เพียงเพื่อเข้าร่วมสงครามราชอาณาจักร แต่ยังรวมตัวกันไปที่เมืองหลวงพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญหลายคน เมื่อบรรดานายน้อยและอัจฉริยะมารวมตัวกันที่นี่ มันจึงเป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับพวกนางที่จะเลือกสามี

องค์รัชทายาทเซี่ยอู๋หุ่ยกลับมาอย่างรวดเร็วจากสำนักมังกรเวหาและเชื้อเชิญนายน้อยและคุณหนูหลายคนมาร่วมงานเลี้ยงที่ตำหนักของพระองค์รัชทายาทแทบทุกวัน องค์หญิงที่สวยที่สุดของอาณาจักร องค์หญิงหกเซี่ยเฟยหยูก็กลับมาจากสำนักฮวาเหลี่ยงแล้วเช่นกัน นางจะปรากฏตัวในงานเลี้ยงเป็นครั้งคราว ทำให้นายน้อยหลายคนตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก

สิบวันต่อมา กองกำลังของสำนักจิตอสูรก็มาถึง และทำให้ทั่วเมืองหลวงมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น

ผู้เข้าร่วมจากสำนักมีจ้านอู๋ซวง หยุนเฟย เสินอิง อาหนี และเหล่านายน้อยและคุณหนูอีกหลายคนที่มีสถานะเป็นที่นับหน้าถือตา ครานี้ องค์หญิงหยุนเฟยไม่ได้กลับไปอาณาจักรของนางแล้วมาร่วมกองกำลังของสำนักแทน นี่เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนมากมาย

รองเจ้าสำนักฉีและรองเจ้าสำนักอีกเจ็ดคนถูกคุ้มกันไปภายในราชอาณาจักรเป็นการส่วนตัวโดยแม่ทัพหลงเจี๋ยง พวกเขาได้รับการต้อนรับจากพระราชาแห่งอาณาจักรเสินหวู่

รองเจ้าสำนักฉีเตรียมการให้อาจ่ารย์และศิษย์สำนักพักในโรงเตี๊ยมมังกรซ่อนเร้น ซึ่งเป็นโรงเตี๊ยมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเมืองหลวง พวกเขาจะได้พักผ่อนที่นั่นและค่อยรวมตัวกันอีกสองวันข้างหน้า จากนั้นพวกเขาจะถูกส่งไปยังเมืองหลวงของจักรวรรดิเพื่อเริ่มสงครามราชอาณาจักร

มีนายน้อยและคุณหนูมากมายจากตระกูลต่างๆที่พักอยู่ที่โรงเตี๊ยมมังกรซ่อนเร้นนี้ ทำให้ที่นี่ดูมีชีวิตชีวามาก จ้านอู๋ซวง หยุนเฟย เสินอิงและคนอื่นที่เหลือล้วนแต่อยู่ในสนามหญ้าเล็กๆที่มีคนแวะเวียนไปมาเสมอ ซูรั่วเสวี่ยได้รับคำเชิญกว่าสิบครั้งในหนึ่งวัน แม้แต่องค์รัชทายาทเซี่ยอู๋หุ่ยยังส่งบัตรเชิญไปยังซูรั่วเสวี่ยเป็นการส่วนตัว

ซูรั่วเสวี่ยไม่สนใจคำเชิญทั้งหมดเหล่านี้และนั่งอยู่ในลานเล็กๆกับจ้านอู๋ซวง ขนคิ้วที่สวยงามของนางขมวดเข้าหากันและแสดงถึงความกังวล

จ้านอู๋ซวงสังเกตซูรั่วเสวี่ยที่กำลังนั่งอยู่ในสวนของเขาตลอดทั้งวัน เขาค่อนข้างกังวลพร้อมเขากัดฟันและพูดว่า "อาจารย์ซู ท่านสามารถกลับไปพักก่อนได้ หากข้ามีข้อมูลใดๆ ข้าจะแจ้งให้ท่านทราบเป็นคนแรกเลย!"

ซูรั่วเสวี่ยหลุดจากความคิดของนาง นางวางถ้วยน้ำชาลงและจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาและพูดด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด "ทำไม? ข้านั่งที่นี่ไม่ได้? ข้าไม่อยากกลับไป ห้องพักของข้ามีพวกแมลงหวี่แมลงวันเยอะเกินไป"

"ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น!"

จ้านอู๋ซวงหัวเราะอย่างขมขื่นและไม่รู้จะอธิบายเช่นไร องค์รัชทายาทส่งคำเชิญมาให้นางแต่นางไม่ได้ไปเข้าร่วมและกลับมานั่งที่นี่แทน หากข่าวนี้ไปถึงหูขององค์ชาย เขาคงไม่สามารถอธิบายสิ่งใดได้แม้ว่าเขาจะมีร้อยปาก ยิ่งไปกว่านั้นเขามีสิ่งที่จะต้องทำ เพราะมันก็นานแล้วที่เขาไม่ได้กลับมาที่เมืองหลวงและเขาต้องพบปะกับนายน้อยและคุณหนูหลายคนเพื่อสร้างสัมพันธ์กับพวกเขาเช่นกัน

"พี่ใหญ่อู๋ซวง ทำไมเจ้าไม่ไปหาองค์หญิงหยุนเฟย? อย่าปล่อยให้ใครแย่งนางไปก่อนสิ!"

ในขณะนั้นเสียงอันหยาบคายและน่าสังเวชดังก้องขึ้นมา ดวงตาของจ้านอู๋ซวงและซูรั่วเสวี่ยส่องสว่างทันที พวกเขายืนขึ้นและเห็นเจ้าลูกชิ้นกำลังกลิ้งมา ซูรั่วเสวี่ยเครียดทันทีและถามว่า "เฉียนว่านก้วนทำไมเจ้ามาที่นี่? เจียงอี้อยู่ที่ไหน?"

จ้านอู๋ซวงก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันและพูดว่า "เจ้าอ้วนเฉียน เจ้ามาที่เมืองหลวงอย่างเงียบๆ? ทำไมหน่วยลับตระกูลข้าถึงไม่สังเกตเห็นเจ้า? เจียงอี้ก็อยู่กับเจ้าหรือ?"

เมื่อเจียงอี้ออกจากสำนักจิตอสูร จ้านอู๋ซวงรู้ข่าวทันทีและแจ้งซูรั่วเสวี่ย ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ หน่วยลับของจ้านอู๋ซวงไม่มีข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเจียงอี้เลย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ซูรั่วเสวี่ยอยู่ในภาวะวิตกกังวล

“พวกเจ้าทุกคนออกไปแล้วและข้าก็พบว่าตัวข้าเองนั้นเบื่อที่จะอยู่ที่สำนัก ดังนั้นข้าจึงขอให้ผู้อาวุโสหลิวพาข้ามาที่นี่ เฮ้อ มันช่างเหนื่อยอะไรเช่นนี้!”

เฉียนว่านก้วนไม่ได้สนใจใดๆต่อทั้งสองคนและเข้าไปนั่ง เขานั่งจิบชาก่อนพูดว่า "อย่ามองข้า หากคนของจ้านอู๋ซวงไม่รู้ว่าลูกพี่อยู่ที่ไหน ข้าจะรู้ได้อย่างไร? เมื่อเขาออกไปแล้ว ข้าเดาว่าเขาคงจะไปที่อาณาจักรต้าเซี่ยจากนั้นก็เข้าสู่อาณาจักรเซิ่งหลิงและสุดท้ายก็เข้าสู่เมืองหลวงจากทางตะวันตก แต่จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่ได้รับข้อมูลใดๆจากทางตะวันตกเลย"

"ไม่น่าแปลกใจ!"

จ้านอู๋ซวงพยักหน้า ตระกูลเฉียนและตระกูลจ้านมีหน่วยลับอยู่ในทุกเมือง ถ้าเจียงอี้เดินทางภายในอาณาจักรเสินหวู่ พวกเขาจะทราบที่อยู่ของเจียงอี้แน่นอน

"อาณาจักรต้าเซี่ย? อาณาจักรเซิ่งหลิง? เขาเดินทางไปไกลเช่นนี้? เขาจะสบายดีหรือไม่กันนะ?"

"อาจารย์ซู ทำไมข้าไม่เห็นท่านกังวลเรื่องของลูกพี่ก่อนหน้านี้ล่ะ?"

ตาเล็กๆของเฉียนว่านก้วนหันไปในขณะที่เขาหัวเราะคิกคัก "ข้าจำได้ว่าเมื่อลูกพี่ไปดูพวกเจ้าทุกคน ท่านไม่ได้แลมองเขาแม้แต่นิดเดียว ... "

"ไสหัวไปซะ!"

ซูรั่วเสวี่ยอายและจ้องเขม็งด้วยดวงตาลูกใหญ่ของนาง นางพูดด้วยความโกรธเคือง "หากเจ้ากล้าที่จะนินทาอีกครั้ง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่สามารถเฉือนไขมันบนร่างกายของเจ้าได้หรือ?!"

"ข้าขออภัย มาเถอะ ให้ข้าได้ดูแลเจ้าสองคนด้วยมื้ออาหารที่โรงเตี๊ยมบุหลันเลื่อนลอยเพื่อขอขมาเถิด!" ร่างของเฉียนว่านก้วนเด้งออกมาและไม่กล้าพูดสิ่งใดอีกต่อไปในขณะที่ยิ้มอย่างขอโทษขอโพย

"โรงเตี๊ยมบุหลันเลื่อนลอย! ดี!"

ดวงตาจ้านอู๋ซวงส่องสว่าง นั่นคือสถานที่ที่หรูหราที่สุดในเมืองหลวงและไม่มีสิ่งใดสามารถเทียบได้

ซูรั่วเสวี่ยรู้สึกเบื่อหลังจากมาพักที่สนามนี้ตลอดทั้งวัน นางพยักหน้าและสวมผ้าคลุมหน้า จ้านอู๋ซวงเรียกจ้านหลินเอ๋อร์ที่กำลังฝึกฝนอยู่ในห้องและทั้งสี่คนก็เดินออกไปด้วยกัน

ระหว่างทางมีคนมากมายที่ทักทายจ้านอู๋ซวงและเฉียนว่านก้วน ไม่มีใครเป็นบุคคลสำคัญเท่าไหร่และทั้งสองก็พยักหน้าอย่างเฉยเมย เมื่อพวกเขามาถึงด้านหน้าของโรงเตี๊ยมมังกรซ่อนเร้น พวกเขาประหลาดใจและสังเกตเห็นความปั่นป่วนนอกประตู ดูเหมือนว่าผู้รักษาการณ์ของโรงเตี๊ยมกำลังจะปะทะกับใครบางคนอยู่

"เจ้ากล้าทำตัวโหดเหี้ยมเช่นนี้ได้อย่างไรในเมื่อเจ้าเป็นเพียงไอ้สวะ? เจ้าไม่เห็นหรือว่าที่นี่เป็นเช่นไร? ขอทานเช่นเจ้าสมควรเข้ามาได้หรือ? เจ้าอยากโดนโบยหลังหรือยังไง? เหอะ! ข้าว่าเจ้ามันพวกชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยน ตีมันซะ! "

ยามเฝ้าประตูเจ็ดถึงแปดคนใช้ไม้ฟาดและล้อมคนป่าเถื่อนผู้หิวโหยที่สวมหน้ากากและเต็มไปด้วยหนวดเครา บริกรด้านข้างก็สบถอย่างไม่หยุดหย่อน ผู้คนมากมายที่ผ่านไปมาและนายน้อยและคุณหนูที่อยู่ในโรงเตี๊ยมล้วนพากันมุงดูและมีสีหน้าเย้ยหยัน

ชายป่าเถื่อนที่ถูกล้อมรอบมีดวงตาที่เหนื่อยล้าและดูเหมือนว่าเขากำลังจะหมดแรงได้ทุกเวลา เขามองทุกคนที่ดูถูกเขาเหมือนสุนัข เมื่อเขาเห็นว่ามีทหารกำลังจะฟาดไม้มาที่เขา เขาไม่ได้พูดอะไรและยกขาของเขาขึ้นมาเพื่อส่งทหารนั่นปลิวออกไปด้วยเท้าเดียว จากนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างเย็นชา "ขอให้เจ้าของโรงเตี๊ยมของพวกเจ้าออกมา! นายน้อยผู้นี้จะซื้อโรงเตี๊ยมนี้!"

"ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟั่บ!"

เฉียนว่านก้วนและทั้งสามซึ่งแต่เดิมเพิ่งจะมองดูและเตรียมที่จะเดินออกไปที่ประตูอื่น เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงนี้พวกเขาก็พากันสั่น ดวงตาทั้งสี่คู่กวาดไปที่ชายป่าเถื่อนผู้นั้น จ้านอู๋ซวงและเฉียนว่านก้วนพุ่งไปทันที พวกเขาหยิบเก้าอี้สองตัวขึ้นมาและไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียวแล้วทุบมันไปที่หัวของยามที่กำลังจะขยับ

ซูรั่วเสวี่ยและจ้านหลินเอ๋อร์ยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาที่สวยงามของพวกนางมองไปที่ร่างของชายป่าเถื่อนและรูปร่างหน้าตาคล้ายขอทานที่มีร่างกายที่บอบบาง พวกนางไม่สามารถหยุดสั่นเทาได้ จมูกของพวกนางสั่นและน้ำตาก็ไหลอาบลงมาตามใบหน้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด