ตอนที่แล้วตอนที่ 45 ได้เป็นหัวหน้าห้องในที่สุด!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 47 ท้าดวล!

ตอนที่ 46 เลี่ยงหลบภัยพิบัติด้วยเงิน!


ในคืนราตรีที่เงียบสงบ เมื่อศีรษะของป๋ายเสี่ยวเฟยถึงหมอนเขาก็หลับลึกราวทุกสิ่งทุกอย่างในโลกไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับเขา

“พี่ใหญ่เฟย! ได้เวลาตื่นแล้ว!!!”

สุ้มเสียงคุ้นเคยดังกังวานอีกครา ป๋ายเสี่ยวเฟยรีบกระโดดเหยงขึ้นจากเตียงเพราะ ‘คาบเรียนเสริม’ เมื่อวานยังตราตรึงอยู่ในจิตใจ!

หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย พวกป๋ายเสี่ยวเฟยวิ่งเข้าไปในห้องเรียนก่อนที่ระฆังจะดัง เมื่อเขานั่งลงก็พลันถอนหายใจโล่งอกออกมา

การไม่ถูกลงโทษเป็นลาภอันประเสริฐ

“หืม ไม่เลว ไม่มีใครมาสาย”

เสวี่ยอิ่งดูราวกับเป็นอสูรร้ายต่อหน้านักเรียนทั้งสิบหกขณะที่นางยืนอยู่ที่แท่นวางหนังสือใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“เป็นเช่นไร? เมื่อยขาหรือไม่?”

เมื่อครั้นได้ยินคำถาม นักเรียนทั้งหมดเผยสีหน้าเจ็บปวดเพราะขาทั้งสองไม่เพียงแค่เมื่อย ตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาตื่นนอนพวกเขาเพียงหวังอยากสลับขาของตนกับผู้อื่นเหลือเกิน

“พี่หญิงเสวี่ย ท่านบอกว่าวันนี้จะไม่วิ่ง!”

เสียงบ่นโอดครวญดังจากปากโม่ข่าเปิดเผยให้เห็นความในใจของทุกคน อาจต้องมีคนเจ็บตายกันบ้างหากต้องวิ่งอีกในวันนี้...

“แน่นอน ข้ารักษาคำพูด อีกอย่างข้าไม่ใช่คนที่จะสอนพวกเจ้าในคาบเช้า อาจารย์ประวัติศาสตร์จะมาสอนแทน ถึงแม้มันจะน่าเบื่อ แต่อย่าให้ข้าจับได้ว่ามีใครไม่ตั้งใจเรียน!”

เสวี่ยอิ่งเอ่ยเสียงเย็นชา ในใจทุกคนระรื่นชื่นมื่นขึ้นมาทันที เพราะเพียงพวกเขาไม่ต้องวิ่งพวกเขายินดีทำทุกสิ่ง!

หลังจากนางเอ่ยจบ ชายชราหนวดขาวพลันเดินเข้ามาในห้องก่อนจะทักทายเสวี่ยอิ่งภายใต้สายตาคาดหวังของศิษย์นักเรียนทุกคนในห้อง

“ข้าคืออาจารย์รับผิดชอบสอนประวัติศาสตร์ หูซานตัว หวังว่าพวกเราจะเข้ากันได้ดีในระหว่างสามเดือนนี้”

หูซานตัวเอ่ยตามมารยาทก่อนจะเริ่มการสอน แต่เพราะชื่อเสียงของห้องเรียนคนเถื่อน เขาไม่มีมุมมองที่ดีเกี่ยวกับนักเรียนสิบหกคนพวกนี้นัก มารยาทของเขามาจากหน้าที่การงาน

แต่เขาก็ต้องตกใจ เพราะไม่มีใครสักคนในหมู่สิบหกคนที่ไม่ตั้งอกตั้งใจฟังเขาสอน สายตาของพวกเขาที่ราวกับจ้องมองผู้มีพระคุณช่วยชีวิตยิ่งทำให้เขาประหลาดใจกว่าเดิม

“อาจารย์หู มีบางสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจเกี่ยวกับสงครามระหว่างหลิงเฟิงกับสื่อจิง”

ป๋ายเสี่ยวเฟยยกมือขึ้นขัดการสอนของชายชรา แต่หูซานตัวกลับไม่ได้รู้สึกไม่พอใจแต่อย่างใด เพราะเมื่อมีศิษย์ถามคำถามหมายความว่าอย่างน้อยก็มีคนสนใจเรียน...

“พูดมา”

“เทือกเขาไร้ขอบเขตกีดกั้นระหว่างหลิงเฟิงและสื่อจิงเอาไว้ไม่มีทางที่พวกเขาจะเดินทางผ่านมาได้ มีเส้นทางเดียวคือหุบเขาวีรบุรุษที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลางเทือกเขาไร้ขอบเขต แต่ข้าได้ยินว่าที่นั่นเป็นเขตหวงห้ามมานานแรมปีจึงเป็นไปไม่ได้ที่ทหารจำนวนมากจะผ่านทางนั้น พวกเขาสู้รบกันอย่างไร?”

สีหน้าประหลาดใจของป๋ายเสี่ยวเฟยไม่มีร่องรอยเสแสร้งแม้แต่น้อย แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาได้ยินมาเพราะความเข้าใจเกี่ยวกับหุบเขาวีรบุรุษของเขาล้ำลึกกว่าทุกคนในที่นี้แน่นอน

“ทางทะเล หลิงเฟิงค้นพบเส้นทางปลอดภัยในทะเลมรณะ พวกเขาเดินทางผ่านอาณาจักรพันเกาะในทะเลมรณะ ยึดครองอาณาจักรเล็กน้อยบางแห่งแล้วจึงเริ่มสงคราม”

ป๋ายเสี่ยวเฟยนั่งลงหลังจากได้รับคำตอบ บรรยากาศในห้องสดชื่นขึ้นทันทีเมื่อได้เขาเป็นผู้นำ คำถามมากมายหลังจากนั้นทำให้หูซานตัวอดไม่ได้ที่จะยิ้มแก้มแทบปริเพราะเรื่องเช่นนี้แทบไม่เกิดขึ้นใน ‘บริเวณคนรวย’

คาบเรียนช่วงเช้าไม่อาจเรียกได้ว่าสั้นหรือยาว ศิษย์จากห้องคนเถื่อนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการถกเถียงเรื่องราวต่างๆ หลังจากพวกเขาได้รับการ ‘ฝึกสอน’ จากเมื่อวานช่วงเช้าแล้ว คาบเรียนประวัติศาสตร์ที่น่าเบื่อสำหรับใครหลายคนไม่ต่างอันใดไปจากคำอวยพรจากสรวงสวรรค์

ในอีกด้าน ภาพลักษณ์ของห้องเรียนคนเถื่อนในใจหูซานตัวเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อเขาเดินออกจากห้อง

“พี่ใหญ่เฟย จะดีแค่ไหนหากเราได้เรียนเช่นนี้ทุกเช้า!”

โม่ข่าอดทอดถอนใจไม่ได้ขณะที่พวกเขาจับกลุ่มอยู่รอบๆ ป๋ายเสี่ยวเฟย ทั้งหวู่จื๋อและสือขุยเอ่ยเห็นด้วยแทบจะทันที

“หากเจ้าเอาแต่เรียนแค่ประวัติศาสตร์ เจ้าไม่กลัวกลายเป็นเหมือนอาจารย์หูซานตัวในอนาคตรึ?”

ป๋ายเสี่ยวเฟยเหลือบมองโม่ข่าอย่างเหยียดหยามก่อนจะลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นเสวี่ยอิ่ง

“อาจารย์หูซานตัวชื่นชมพวกเจ้ามากและข้าเป็นคนที่ให้รางวัลคนดีทำโทษคนผิด เพราะฉะนั้นพวกเราจะไปกินมื้อเที่ยงที่บ้านร้อยรสกัน!”

เสียงโห่ดีใจดังทั่วห้องเมื่อนางกล่าวจบ

ทางสถาบันมีอาหารแจกให้แต่เมื่อเทียบกับอาหารที่ต้องจ่ายเงินแล้วมันช่างต่างราวฟ้ากับดินชนิดที่อาหารพวกแรกแทบจะกลืนไม่ลง อย่างไรก็ตามหากไร้ทรัพย์ก็ต้องอดทนกันไป นอกจากฟางเย่ไม่มีใครในห้องคนเถื่อนที่ร่ำรวยสักคน

ทุกคนจึงตอบตกลงทันทีเมื่อมีคนเลี้ยงมื้ออาหาร

“ข้าขอใช้โอกาสนี้ป่าวประกาศแต่งตั้งป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นหัวหน้าห้อง และเพื่อเป็นการขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนเขา ป๋ายเสี่ยวเฟยขออาสาเป็นเจ้ามือเลี้ยงทุกคน”

วินาทีแรกป๋ายเสี่ยวเฟยมีรอยยิ้มเต็มหน้า วินาทีต่อมาเหลือเพียงใบหน้าซีดไร้สีเลือด

เขาคิดไว้ว่าจะกินให้เยอะเพื่อสะสมพลังงานสำหรับเคล็ดวิชากลืนโลกา แต่ความจริงช่างโหดร้าย ไม่เพียงเขาไม่อาจกินอาหารโดยไม่ต้องจ่าย เขายังต้องเสียเงินชนิดแทบกระอักเลือด

แต่เขาไม่อาจหาเหตุผลมาโต้แย้งเสวี่ยอิ่งได้...

ภายใต้ข้อเสนอแนะของเสวี่ยอิ่ง ป๋ายเสี่ยวเฟยนำทางกลุ่มใหญ่ไปยังบ้านร้อยรสอย่างไม่เร่งรีบเพราะสถานที่อย่างบ้านร้อยรสไม่มีทางคนเต็มแน่นอน

ป๋ายเสี่ยวเฟยทอดถอนใจอยู่ภายในเมื่อกลับมายังที่คุ้นเคย แตกต่างจากเสี่ยวเอ้อที่ตื่นเต้นสุดขีดในอ้อมแขนเขา

“เจ้าเห่าอะไร? หากเจ้ากินเยอะในมื้อนี้อย่าหวังว่าจะมีอาหารสุนัขให้เจ้าเดือนหน้า!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยตบเสี่ยวเอ้อเข้าที่ศีรษะทำลายฝันหวานของมัน

“สวัสดี พวกท่านมาทั้งหมดกี่คน?”

หลังจากเดินเข้าไปในบ้านร้อยรส ดรุณีน้อยงามเยิ้มเดินมาต้อนรับ ผู้ที่สามารถมาทำงานที่นี่ได้มีเพียงนักเรียนในสถาบัน กล่าวได้ว่านี่เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของสถาบันชิงหลัว ศิษย์นักเรียนสามารถทำงานภายในสถาบันเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนได้

แถมยังไม่ต้องเคารพนบนอบศิษย์พี่ในสถานที่เช่นนี้...

“สิบเจ็ดคนกับหมาหนึ่งตัว”

ป๋ายเสี่ยวเฟยยืนอยู่ข้างหน้าเลือดแทบไหลรินจากหัวใจขณะกล่าว ศิษย์พี่ผู้นั้นตกตะลึงเมื่อเห็นหน้าผู้มาเยือน

“เจ้าคือคนเมื่อวันก่อนที่...!”

ศิษย์พี่หญิงกลืนคำพูดที่เหลือลงคอ เพราะในมื้อนั้นที่ฉินหลิงหยานเป็นคนจ่าย มันไม่ได้มีแค่ฉินหลิงหยานที่หมายหัวเขาไว้ กระทั่งบริกรก็ยังจดจำเขาไม่ลืม

เป็นเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นหรือได้ยินคนที่สามารถเขมือบอาหารได้มากขนาดนั้น...

“พวกเราไม่ได้มากินเยอะเช่นวันนั้น ไม่ต้องกังวลว่าพวกท่านจะเหนื่อย”

หลังจาก ‘ปลอบ’ ศิษย์พี่หญิง ป๋ายเสี่ยวเฟยเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวภายใต้การนำทางของนาง เสวี่ยอิ่งทำตัวราวเจ้าบ้าน มือหยิบยื่นรายการอาหาร ปากพูดสั่งชื่อมากมายหลากหลายโดยไม่ยั้งคิด...

“เอาล่ะ เมื่อสั่งอาหารเสร็จแล้วก็เข้าเรื่องกันเลย”

ใบหน้าเสวี่ยอิ่งพลันแปรเปลี่ยนเป็นขึงขัง ทุกคนในห้องสังหรณ์ใจไม่ดีทันที

ป๋ายเสี่ยวเฟยกลืนน้ำลายอึกใหญ่กล่าวถามแทนทุกคน

“อะไรหรือ?”

“เรื่องช่วยเหลือเจ้าจากภัยพิบัติ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด