ตอนที่แล้วGGS:บทที่ 325 - คุณค่าของเสียงดนตรี  (2) (ตอนฟรีชดเชยที่ข้าม)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGGS:บทที่ 325 - คุณค่าของเสียงดนตรี (4) (ตอนฟรี ชดเชยที่ข้าม)

GGS:บทที่ 325 - คุณค่าของเสียงดนตรี (3)(ตอนฟรีชดเชยที่ข้าม)


GGS:บทที่ 325 - คุณค่าของเสียงดนตรี (3)

ไม้หวงฮวาหลีมีราคาแพงมาก โดยเฉพาะถ้าเป็นไม้สภาพดี ก็มีราคาที่สูงถึงหลายแสนไปจนถึงหลายล้านหยวน ไม้ชนิดนี้มีค่ามากกว่าทองคำ เมื่อเทียบกับไม้จันทร์แดงแล้ว ไม้หวงฮวาหลีถือว่ามีราคาสูงกว่าหลายเท่า

“พระเจ้าช่วย โซฟาตัวนี้นอกจากทำจากไม้หวงฮวาหลีแล้ว ยังมีรอยแผลเป็นอีก” ชายชราไม่ทราบชื่ออุทานออกมา

“ว่าไงนะ” ในขณะเดียวกันนั้น เฉินฮงถลาเข้าไปดูด้วยความตกใจ ไม่กี่นาทีต่อมา ก็แสดงสีหน้าตื่นเต้นสุดชีวิต

“รอยแผลเป็นอะไรครับ แบบนี้จะได้ราคาหรือเปล่า?” ซูจิ้งถามด้วยความไม่เข้าใจ

“ยิ่งกว่าได้ราคาอีก สภาพสมบูรณ์แบบนี้...บ้าไปแล้ว” ชายชราไม่ทราบชื่อตื่นเต้นเกินไปจนพูดผิดๆ ถูกๆ หลังจากที่สูดหายใจลึกๆ ตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง ก็อธิบายให้ซูจิ้งฟังว่า ไม้หวงฮวาหลีที่มีรอยแผลเป็นนับเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่หายากมากที่สุด รอยแผลเป็นบนเนื้อไม้เหล่านี้ถูกยกย่องให้เป็น “สุดยอดแห่งความสวยงาม” ในอุตสาหกรรมงานไม้

แผลเป็นบนต้นไม้จะเกิดขึ้นจากการที่เนื้อไม้ถูกตัดหรือหลุดลอกออกไป และต้นไม้ไม่สามารถสร้างเซลล์ขึ้นมาทับบนที่เดิมได้ กลไกการป้องกันตัวของต้นไม้จึงต้องสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาเป็นผนังปิดล้อมแผลเป็นที่เกิดขึ้นบนลำต้น และด้วยความที่ไม้หวงฮวาหลีมีเนื้อไม้ไม่เหมือนใคร มันจึงกลายเป็นของหายากไปโดยปริยาย มีนักสะสมจำนวนมากต้องการครอบครองไม้หวงฮวาหลีที่มีรอยแผลเป็น ยิ่งมีแผลมากเท่าไหร่ ราคาก็ยิ่งสูงเท่านั้น ราคาที่ขายกันตามท้องตลาดอยู่ที่ 30,000 ถึง 100,000 หยวน และว่ากันว่าในอดีตเคยมีคนขายไม้หวงฮวาหลีที่มีรอยแผลเป็นได้ราคาสูงถึง 300,000 หยวนก็มีมาแล้ว

ไม้หวงฮวาหลีเป็นไม้ยืนต้นอายุเก่าแก่ นอกจากจะมีรอยแผลเป็นแล้ว เนื้อไม้ยังดูแข็งแรงสมบูรณ์ดี แถมมันยังถูกนำมาทำเป็นโซฟาที่มีความยาวเกือบสองเมตรอีกด้วย!

“โซฟาที่ทำจากไม้หวงฮวาหลี ใครจะไปคิดไปฝัน!” เฉินฮงเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“โซฟาตัวนี้จะขายได้เท่าไหร่ครับ?” ซูจิ้งถาม

“ประเมินค่าไม่ได้” เฉินฮง ผู้เฒ่าซงและชายชราไม่ทราบชื่อตอบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ยืนยันว่างานไม้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานี้ ไม่สามารถประเมินราคาได้จริงๆ

นอกจากไม้ที่นำมาทำเป็นโซฟาจะมีรอยแผลเป็น ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้มีราคาสูงมากขึ้นแล้ว พวกเขายังไม่เคยเห็นใครนำไม้หวงฮวาหลีมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ขนาดใหญ่เท่านี้มาก่อน ดังนั้น เรื่องราคาจึงแพงกว่าที่ผู้คนจะจินตนาการได้ และที่สำคัญก็คือ โซฟาตัวนี้ชำรุดแค่เล็กน้อยเท่านั้น หากนำไปซ่อมแซมอีกนิดหน่อยก็สามารถขายให้กับมหาเศรษฐีได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านหยวนโดยไม่ต้องปั่นราคาด้วยซ้ำ

“ว่าแต่นายไปได้เก้าอี้กับโซฟาพวกนี้มาจากที่ไหนกันเนี่ย” เฉินฮงไม่อาจทำใจเย็นได้อีกต่อไป ผู้เฒ่าซงและชายชราหันหน้ามามองซูจิ้งอย่างรอคอยคำตอบด้วยเช่นกัน ถ้าได้รู้แหล่งที่มา พวกเขาก็อาจจะออกไปตามหาบ้าง เกิดสวรรค์เข้าข้างได้มาครอบครองสักชิ้นสองชิ้น ก็ถือว่าเป็นวาสนาของชีวิตแล้ว

“ผมไปรับซื้อมาจากครอบครัวหนึ่งที่เขาร้อนเงิน เห็นว่าสภาพมันค่อนข้างเก่า ผมก็เลยจ่ายไปแค่ไม่กี่ร้อยหยวน ดูเหมือนแบบนี้ผมจะโชคดีอีกแล้วล่ะสิ” ซูจิ้งแกล้งยิ้มอย่างไร้เดียงสา

“...” เฉินฮง ผู้เฒ่าซงและชายชราไม่ทราบชื่อรู้สึกอยากจะฆ่าซูจิ้งให้ตายคามือยิ่งนัก ถ้าเป็นอย่างที่ชายหนุ่มว่าจริงๆ นี่ไม่ใช่แค่โชคดีธรรมดาแล้ว แต่ถือเป็นอภิมหาโคตระโชคดีจากสวรรค์ ชายชราทั้งสามคนไม่เข้าใจจริงๆ ว่า ทำไมสวรรค์ถึงได้มอบแต่ของดีๆ ให้ชายหนุ่มคนนี้ไม่ขาดมือ คิดไปคิดมาพวกเขาก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมาแล้ว

ความจริง ซูจิ้งอยากจะบอกว่าซื้อมาในราคาที่สูงกว่านั้นเหมือนกัน แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผล การซื้อของเก่ามาในราคาสูงๆ ดูไม่น่าเชื่อถือ ในเมื่อผู้ซื้อยอมจ่ายแพงตั้งแต่แรก ก็ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจว่าของที่จ่ายเงินไปเป็นของมีราคา ดังนั้น การบอกไปว่าซื้อมาในราคาถูกๆ และแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว จึงดูแนบเนียนมากกว่า

“ลุงเฉินไม่สนใจจะซื้อมันบ้างเหรอครับ?” ซูจิ้งถามพร้อมกับยิ้มกว้าง

“มีแต่ของดีแบบนี้ ฉันต้องยอมแพ้นายจริงๆ ถามบ้างไหมว่าฉันมีปัญญาซื้อหรือเปล่า?” เฉินฮงไม่ได้โกรธ มีใครบ้างที่จะไม่อยากซื้อเก้าอี้และโซฟาพวกนี้? เขาอยากซื้อมันแทบตาย แต่โชคร้ายที่ไม่ได้มีเงินมากพอ เฉินฮงมีเงินไม่พอแม้แต่จะซื้อขาเก้าอี้สักข้างด้วยซ้ำ

“เมื่อกี้เห็นบอกว่าประเมินค่าไม่ได้ แต่ช่วยลองประเมินแบบหยาบๆ ให้ผมฟังหน่อยสิ” ซูจิ้งขอร้อง

“ฉันจะอธิบายแบบนี้ก็แล้วกันนะ เคยมีไม้หวงฮวาหลีถูกนำไปประมูลอยู่บ้างเหมือนกัน มันเป็นเก้าอี้ที่ทำจากไม้ไม้หวงฮวาหลีที่ถูกใช้ในศาลพิจารณาคดีของราชวงศ์หมิง เรียกได้ว่าเป็นของระดับสะสมในพิพิธภัณฑ์ เพราะฉะนั้น มันจึงถูกประมูลไปด้วยราคา 69 ล้านสี่แสนสี่หมื่นหยวน นั่นคือของจากยุคราชวงศ์หมิงนะ ส่วนเก้าอี้ไม้หวงฮวาหลีจากศตวรรษที่ 17 ถูกขายไปในราคา 60 ล้านหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหยวน แล้วก็มีถาดน้ำชาจากสมัยราชวงศ์ฉิง นั่นก็ถูกประมูลไปด้วยราคา 56 ล้านสามแสนเก้าหมื่นหยวน ถ้าคุณนำของพวกนี้ออกไปประมูล ราคาก็จะสูงมากกว่าที่ฉันพูดมาทั้งหมด ถึงแม้ว่าของที่คุณมีอยู่ในมือจะอยู่ในสภาพที่ชำรุด แต่มันต้องมีราคาแพงมากกว่าของพวกนั้นแน่นอน ตราบใดที่มีคนอยากซื้อมัน ราคาก็สามารถพุ่งสูงได้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วแบบนี้คุณจะให้พวกฉันประเมินราคาที่แน่นอนได้ยังไง?” ผู้เฒ่าซงตอบอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

“แบบนี้นี่เอง” ในหัวของซูจิ้งเต็มไปด้วยภาพแห่งความสุข ดูเหมือนว่าเก้าอี้ขาหักและโซฟาเก่าๆ พวกนี้จะมีราคาสูงกว่าที่คิดเยอะทีเดียว มิติแห่งนี้ไม่เหมือนใครจริงๆ เพียงแค่ทิ้งขยะลงมาไม่กี่ชิ้น มันก็กลายเป็นของล้ำค่าไปทันที

เมื่อลองคิดดูแล้ว ดูเหมือนว่ามิติแห่งDesolate Eraจะเป็นโลกแห่งความมหัศจรรย์ที่แท้จริง ในมิตินั้นมีอยู่ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นอาวุธเวทย์มนต์ สัตว์ประหลาดและสิ่งประดิษฐ์ที่มีราคามหาศาล เมื่อเทียบกับสภาพแวดล้อมบนโลกแล้ว ที่นั่นคงเป็นเหมือนดินแดนแห่งเทพนิยาย ไม้หวงฮวาหลีอาจจะเป็นสิ่งดาษดื่นธรรมดาที่พบได้ทั่วไปในโลกใบนั้น ไม่แน่ว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในมิตินั้น อาจจะนำไม้ชนิดนี้มาตัดทำฟืนด้วยซ้ำไป

“ผมต้องขอโทษจริงๆ ที่รบกวนพวกคุณ แต่ไหนๆ เก้าอี้พวกนี้ผมก็ซ่อมไม่ได้แล้ว มันมีอยู่สามตัว ผมยกให้พวกคุณคนละตัวก็แล้วกัน” ซูจิ้งยกเก้าอี้ขาหักสามตัวออกมาวางอยู่ตรงหน้า

“พูดจริงหรือเปล่าเนี่ย?” เฉินฮง ผู้เฒ่าซงและชายชราดวงตาสดใสขึ้นมาทันที

“พูดจริงสิครับ แต่ถ้าไม่เอาก็ไม่เป็นไรนะ” ซูจิ้งตอบ

“นายอุตส่าห์ใจดียกให้ทั้งที พวกฉันจะปฏิเสธได้ยังไง” เฉินฮงรีบพูด และลงมือด้วยความรวดเร็ว กระโดดเข้าจับเก้าอี้ที่ตัวใหญ่ที่สุด ผู้เฒ่าซงกับชายชราไม่ทราบชื่อจึงต้องเลือกอีกสองตัวที่เหลือแทน แต่ถึงอย่างนั้น ชายชราทั้งสามคนก็หัวเราะลั่นด้วยความเบิกบาน ถ้าเกิดมีใครสักคนเดินผ่านมาเห็นภาพนี้เข้า ก็คงคิดว่าชายชราสามคนนี้เสียสติ เนื่องจากคงไม่มีคนปกติที่ไหนแสดงความดีใจออกมาสุดขีด เมื่อได้รับเก้าอี้ขาหักแบบที่พวกของเฉินฮงกำลังแสดงออกอยู่ในตอนนี้แน่ๆ

หลังจากนั้น เมื่อซูจิ้งออกปากว่าตนเองมีงานยุ่งต้องไปสะสาง เฉินฮง ผู้เฒ่าซงพร้อมด้วยชายชราไม่ทราบชื่อก็ขอตัวกลับทันที แต่ก่อนที่จะกลับไป เฉินฮงยังไม่วายแอบตะล่อมถามเรื่องสัตว์เลี้ยง ซูจิ้งยังคงยืนยันคำเดิมว่าเขาไม่ขาย สุดท้ายเฉินฮงก็ต้องยอมแพ้กลับไปเหมือนเคย

“สงสัยคงต้องเก็บเก้าอี้กับโซฟาพวกนี้เอาไว้ก่อนแฮะ” ซูจิ้งคิดอยู่ในใจ ตอนนี้เขายังไม่มีสภาวะเงินขาดมือ ของล้ำค่าแบบนี้เก็บสะสมเอาไว้จะดีกว่า โดยเฉพาะพวกมันเป็นของที่ซื้อหาด้วยเงินไม่ได้ เกิดช่วงไหนเงินขาดมือขึ้นมาจริงๆ ค่อยปล่อยขายทีหลังก็ยังไม่สาย และความเป็นไปได้ที่เฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณหายากแบบนี้จะขายไม่ออก มันก็มีน้อยมาก

ที่สำคัญก็คือ ซูจิ้งพบข้อมูลในอินเตอร์เน็ตว่าไม้หวงฮวาหลีมีความแข็งแรงคงทนเป็นอย่างมาก เหตุผลที่ทำให้มีราคาแพงไม่ใช่เพราะความสวยงามหรือความโด่งดัง แต่เป็นเพราะความแข็งแรงนี่เอง ไม้หวงฮวาหลีมีโครงสร้างที่ไม่เหมือนใครในพันธุ์ไม้ตระกูล Dalbergia odorife เนื้อไม้สามารถนำมาทำเป็นยาจีนได้ ช่วยเรื่องการบำรุงกำลังร่างกาย เก้าอี้ไม้และโซฟาเหล่านี้ทำขึ้นด้วยวัสดุเก่าแก่ที่ยากจะหาได้พบในรอบหลายพันปี ความเก่าแก่ของมันเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นไม่ได้ นอกจากต้องปล่อยให้เป็นไปตามกาลเวลาเท่านั้น

“เห็นทีต้องหาช่างไม้มาช่วยซ่อมเก้าอี้พวกนี้ซะแล้ว” ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถหาช่างไม้มาซ่อมแซมเก้าอี้กับโซฟาพวกนี้ได้ แต่ซูจิ้งก็รู้ดีว่าคงซ่อมแซมออกมาได้ไม่สมบูรณ์แบบแน่ๆ ถึงอย่างไรก็ต้องพบตำหนิอยู่เสมอ นั่นเป็นสิ่งที่ซูจิ้งและบรรดานักสะสมของเก่าไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่สำหรับของเก่าจำพวกโต๊ะกับเก้าอี้มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถึงอย่างนั้น เฟอร์นิเจอร์พวกนี้ก็อาจมีราคาหลายสิบล้านหยวน จึงสมควรซ่อมแซมออกมาให้ดูดีมากที่สุด

แต่อย่างไรก็ตาม ซูจิ้งไม่ได้รีบร้อนในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก เขาเดินลงบันไดมาที่ชั้นหนึ่งและเดินเข้าไปทำความสะอาดกองขยะต่อ กองขยะกองนี้ชายหนุ่มได้พบทั้งหนู กระดาษเปล่า ภาพวาดและพิณ ดังนั้น รอบนี้เขาจึงทำความสะอาดอย่างตั้งอกตั้งใจมากขึ้น

“เฮ้ย!” ซูจิ้งพบสิ่งของบางอย่างที่มีรูปร่างทรงกลมเหมือนลูกปิงปองสามลูก เมื่อหยิบขึ้นมาดูจึงรู้ว่าเป็นลูกท้อ ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายแจ่มใสขึ้นทันที นี่คงจะเป็นลูกท้อจากมิติDesolate Eraแน่นอน บางทีผู้ที่ทิ้งมันมาอาจจะเป็นพวกผู้ฝึกตนก็เป็นได้ แต่เหตุผลที่ทำให้ทิ้งมาคืออะไรล่ะ หรือว่าพวกมันจะไม่อร่อย?

ซูจิ้งเห็นว่าลูกพีชลูกหนึ่งมีสภาพค่อนข้างสกปรก เนื้อในบางส่วนกลายเป็นของเหลวไหลเยิ้มออกมาส่งกลิ่นรุนแรง คงเอาไปทำอย่างอื่นไม่ได้แล้ว ซูจิ้งไม่รู้จะทำยังไง อยากลองชิมสักคำก็ใจไม่กล้าพอ ซูจิ้งนำลูกพีชพวกนี้ไปล้างน้ำจนสะอาด ก่อนที่จะเรียกนกแก้วให้มาลองกินดู เมื่อกินไปแล้วคำหนึ่ง พวกมันก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากรีบกินส่วนที่เหลืออยู่อย่างเอร็ดอร่อยจนหมดเกลี้ยง หลังจากนั้นถึงได้ส่งเสียงขึ้นว่า “อร่อย อร่อยมาก เอาอีก”

“อร่อยมากแค่ไหน?” ซูจิ้งถาม

“อร่อยที่สุดเลย”

“อร่อยมากกว่าปลาเขี้ยวหยกอีก”

เมื่อได้รับฟังคำตอบของนกแก้วแล้ว ซูจิ้งก็ถึงกับงงงันไปพักใหญ่ ลูกพีชพวกนี้อร่อยมากกว่าปลาเขี้ยวหยกจริงหรือ?

ถึงอย่างนั้น นกแก้วนับเป็นสัตว์กินพืชอยู่แล้ว แน่นอนว่าคงชอบลูกพีชมากกว่าเนื้อปลาเป็นทุนเดิม จึงไม่แปลกที่พวกมันจะบอกว่าลูกพีชมีรสชาติอร่อยมาก

ซูจิ้งนำแกนที่เหลืออยู่ของลูกพีชกลับขึ้นไปที่ชั้นสาม ก่อนโยนลงไปในกระถางต้นไม้เล็กๆ สามกระถาง และเติมดินวิญญาณตามลงไปจนเต็ม ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะรอให้มันเติบโตกว่านี้ แล้วค่อยขุดไปปลูกที่นอกชั้นสามอีกที