ตอนที่แล้วบทที่ 60 ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ คำขอบคุณจากหัวหน้าเสี่ยวหยาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 62 เป้าหมายใหม่ หัวหน้าหลิวหัว!

บทที่ 61 คะแนนโหวตสำคัญ คว้าไว้ได้แล้ว!!


บทที่ 61 คะแนนโหวตสำคัญ คว้าไว้ได้แล้ว!!

ผู้แปล loop

ในวันถัดมา.

“ซูบิน! นายมาถึงแล้วหรอ?”

“ซูบิน! เมื่อวานนายทำได้ดีมากเลย”

“สมชื่อฉายานักผจญเพลิงจริงๆเลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ .”

เมื่อดงซูบินมาถึงที่ทำงาน เขาก็ทำตัวตามปกติ แต่วันนี้แตกต่างออกไป สิ่งที่เห็นได้ชัดแจนที่สุดจากความแตกต่างนี้คือเพื่อนร่วมงาจากแผนกอื่นๆ หลายคนได้ทักทายเขาระหว่างที่เขาเดินขึ้นไปที่สำนักงาน บางคนเป็นเพื่อนร่วมทีมของเขาที่เล่นในการแข่งขันสองนัดล่าสุด และบางคนก็เป็นคนแปลกหน้า ทุกคนยิ้มและทักทายเขาอย่างเป็นมิตร

โดยดงซูบินเองก็ตอบกลับอย่างสุภาพ เขารู้สึกว่าเขาประสบความสำเร็จในการสร้างความประทับใจให้กับทุกคนในสำนัก

จนกระทั้งดงซูบินเดินขึ้นมาถึงที่สำนักกิจการทั่วไป "อรุณสวัสดิ์ทุกคน. จ้วงจื่อขาของนายเป็นอย่างไร?”

จ้วงจื่อพยักหน้า ‘ตื่นเช้ามามันก็ดีขึ้นบ้าง’

“ตัวของเขาออกจะใหญ่ จะเจ็บขนาดไหนเชียว” ต้าหลินเหม่ยหัวเราะและมองไปที่ดงซูบิน “ซูบิน! ฉันบอกแม่ของฉันว่านายทำประตูได้อย่างไรเมื่อวานนี้ แค่ช่วงสองสามวินาทีสุดท้ายของการแข่งขัน แต่เชื่อมั้ยว่าแม่ของฉันไม่เชื่อที่ฉันพูดเลย เธอบอกว่าฉันโกหก เธอยังบอกด้วยว่าถ้านายเก่งเรื่องฟุตบอลจริง ทำไมนายถึงจะต้องมาเป็นข้าราชการ? นายไม่ไปเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพเลยละ!”

ดงซูบินเองก็หัวเราะ จริงแล้วป้าหมายของเขาคือการเป็นข้าราชการระดับสูง อีกทั้งนักฟุตบอลไม่มีอะไรเทียบกับข้าราชการระดับสูงได้เลย

อีกด้านหนึ่งของสำนักงาน ฉางจ้วงพร้อมรอยยิ้มที่เย้ายวนใจ เธอแสดงให้เห็นภาพวาดดินสอสีไปที่ดงซูบิน มันเป็นภาพของเด็กชายพร้อมกับฟุตบอล “ลูกชายของพี่วาดสิ่งนี้มา เขาบอกว่าเขาต้องการเป็นนักฟุตบอลเมื่อเขาโตขึ้น ฮิฮิ ……  เมื่อลูกชายของพี่โตขึ้น น้องซูบินช่วยสอนเขาเกี่ยวกับการเล่นฟุตบอลหน่อยนะ”

ดงซูบินตอบว่า:“พี่จ้วง, ผมก็ไม่ได้เล่นเก่งขนาดนั้น ถ้าพี่ไม่รังเกียจที่ผมก็ยินดี”

ฉางจ้วงหัวเราะ:“ดูสิ! ตอนนี้เขาก็ยังคงสุภาพเรียบร้อยเหมือนเดิม”

ประตูสำนักงานเปิดออก ฉางจี้เดินเข้ามาในสำนักงานและเห็นดงซูบินกับคนอื่นๆที่กำลังสนทนากันอยู่ เขาขมวดคิ้วและถามว่า:“เกาแพนเหว่ยอยู่ที่ไหน? ทำไมเขาไม่อยู่ในที่สำนักงานล่ะ?”

ดงซูบินเองรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไร ‘นายไม่ใช่หัวหน้าของเราและมันจำเป็นด้วยหรอที่พวกเราต้องบอกนายเมื่อคนๆหนึ่งในสำนักงานมาสาย’

ฉางจ้วงมองดูนาฬิกาของเธอ “ฉันก็ไม่รู้ บางทีอาจจะรถติดอยู่”

“จริงๆเขาหน้าจะออกเดินทางมาที่นี้ก่อนที่การจราจรจะติดอย่างงี้! นี้มันเวลาทำงานแล้ว!”

เมื่อฉางจี้พูดเสร็จแล้วก็มีเสียงเท้าที่ดังขึ้นจากข้างนอกและเกาแพนเหว่ยก็มาถึงที่ทำงาน เขามองไปที่ฉางจี้แล้วเย้ยหยันทันทีว่า “แม้ว่าฉันจะมาสาย แต่นายมีสิทธิอะไรที่ตำหนิฉัน นอกจากนี้นายเองก็เพิ่งมาถึงไม่ใช่หรือยังไง”

ฉางจี้ไม่สนใจคำพูดของเขา เขาคิดภายใจเพียงว่า ‘ฉันอยากจะรู้จริงๆว่านายจะสามารถทำตัวเย่อหยิ่งต่อไปได้หลังจากการประชุมคณะกรรมการฝ่ายสำนักงานสาขาในสัปดาห์หน้าไหม! นายคงคิดสินะจะสามารถแย่งตำแหน่งรองหัวหน้าสำนักงานไปจากฉันได้? นายประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว!’

สำหรับตอนนี้ยังมีเวลาเหลืออยู่ที่ทั้งคู่พยายามเอาชนะกันและกันให้ได้!

ดูเหมือนว่าไม่มีใครรู้ว่าดงซูบินเองก็ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าเช่นกัน

ดงซูบินเริ่มคิดกับตัวเอง ถ้าหัวหน้าสำนักหยานอาจลืมเขาไปแล้วก็ได้ แต่หลังจากคิดไปครู่หนึ่งเขาก็สรุปได้ว่า มันควรจะเป็นระดับสูงกว่าที่รู้เกี่ยวกับการเสนอชื่อของเขา และพวกเขาควรรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับข้าราชการใหม่เช่นเขาที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง การเสนอชื่อเขาก็แค่ให้เห็นว่ามีตัวเลือกมากกว่าสองคนเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้ว่าการการเมืองโจวและผู้อำนวยการปางไม่ได้บอกฉางจี้ และเกาแพนเหว่ยเกี่ยวกับการเสนอชื่อของเขา ดงซูบินรู้ดีว่าเขาไม่มีคุณสมบัติที่เป็นคู่แข่งของสองคนนั้นได้

ตอนนี้เองดงซูบินก็รู้สึกท้อแท้ การประชุมจะจัดขึ้นสัปดาห์หน้าและเขาไม่สามารถรอได้อีกต่อไป ถ้าฉางจี้จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งจริงๆและเขาคงจะแก้แค้นดงซูบินอย่างแน่นอน! เขาควรทำอย่างไร ขอความช่วยเหลือจากเสี่ยวหยานหรอ ถ้าเสี่ยวหยานปฏิเสธที่จะช่วยเขาล่ะ เขาไม่สามารถบอกเสี่ยวหยานได้ว่าเขาต้องการอะไรแบบตรงๆได้ นอกจากนี้เขาเพิ่งได้ใกล้ชิดกับเสี่ยวหยานเท่านั้น ถ้าเขารีบไปขอความช่วยเหลือจากเธอจะเกิดอะไรขึ้น? เธอจะคิดอย่างไร แต่ถ้าเขาไม่ขอความช่วยเหลือจาก เสี่ยวหยาน เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาต้องการเป็นรองหัวหน้า?

ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเกิดขึ้นกับดงซูบิน ‘นี่เป็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกสินะ!’

ดงซูบินเป็นเพียงข้าราชการใหม่และสิ่งเหล่านี้ใหม่สำหรับเขามาก เขายังไม่มีประสบการณ์และไม่รู้จะทำอย่างไร เขาต้องการขอคำแนะนำจากใครบางคน แต่เขาไม่สามารถถามต้าหลินเหม่ยได้ เพราะเธออายุน้อยเกินไป ส่วนฉางจ้วง และ พี่หยางถึงจะมีประสบการณ์ แต่พวกเขาคงเก็บความลับเรื่องนี้ไว้ไม่ได้อย่างแน่นอน ดงซูบินจึงตัดสินใจที่จะไม่ถามพวกเขา

ดงซูบินไตร่ตรองที่โต๊ะทำงานของเขานานกว่าหนึ่งชั่วโมง เขายังหาทางออกของปัญหานี้ไม่ได้

แหวน, แหวน, แหวน เสียงโทรศัพท์จากสำนักงานกิจการ

ต้าหลินเหม่ยเธอรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและวางสายหลังจากนั้นไม่นาน เธอหันไปหดงซูบิน:“ซูบิน! หัวหน้าเสี่ยว ต้องการเอากุญแจสำหรับห้องการเมืองไปให้พี่เฉินไปหาเธอหน่อย”

ดงซูบินตกใจกับคำสั่งนั้น:“กุญแจอยู่ไหน?”

“เดี๋ยวก่อน ฉันหามันเดี๋ยวเดียว”  ต้าหลินเหม่ยหยิบกุญแจและเปิดตู้ข้างกำแพง เธอมองเข้าไปในลิ้นชักที่สองและหยิบซองสีน้ำตาลออกมา เธอส่งซองจดหมายไปที่ดงซูบินในนั้นมีมีกุญแจสำรองอย่างน้อยสองถึงสามดอก

ระหว่างทางขึ้นไปชั้นบน ดงซูบินพยายามจัดระเบียบคำพูดของเขา เขาต้องการพูดให้ตัวเองดูดีขึ้น

ก๊อก! ก๊อก!. ดงซูบินเคาะประตูสำนักงานของรองหัวหน้าเสี่ยว

“เข้ามา!” ดงซูบินเข้าไปในสำนักงานและเห็นเสี่ยวหยานในชุดสูทสีดำนั่งจิบชาอยู่ เธอนั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์มองดูรายงานบางอย่าง

ดงซูบินยื่นซองสีน้ำตาลด้วยมือทั้งสองข้าง “หัวหน้าเสี่ยว! นี่คือกุญแจที่หัวหน้าต้องการครับ”

เสี่ยวหยานพยักหน้าแล้วชี้ไปที่โต๊ะทำงานมันเป็นสัญญาณที่บอกว่าให้ดงซูบินวางซองไว้ตรงนั้น “เมื่อวานนี้นายใช้แรงไปเยอะมาก อาการบาดเจ็บของนายเป็นอย่างไรบ้าง”

ดงซูบินตอบกลับไปด้วยความถ่อมตัว "ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ ผมสบายดี“‘ฉันควรถามเธอดีไหม พรุ่งนี้คือวันเสาร์ ถ้าฉันไม่ถามตอนนี้ฉันจะไม่มีโอกาสถามอีก’” ……หัวหน้าเสี่ยว ผม……“ดงซูบินเห็นเสี่ยวหยานกำลังมองมาที่เขา มันทำให้เขาเปลี่ยนคำพูดทันที”เอ่อ ... หัวหน้าหลิวจากฝ่ายการเงินยังคงลางานอยู่ ของขวัญที่มอบให้สำหรับวันหยุดวันชาติยังคงอยู่ในสำนักงานของเรา เราควรนำมันไปที่แผนกการเงินเลยจะดีไหมครับ?”

‘เวรล่ะ! ฉันกำลังพูดเรื่องโง่ๆออกไป!’

"ไม่จำเป็น. เอาไว้ที่สำนักงานของนายก่อน”

“ครับ” ดงซูบินถอนหายใจอยู่ภายในใจ “อย่างงั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

“ได้เลย” ในขณะนั้นเสี่ยวหยานก็จำบางสิ่งบางอย่างได้ในขณะที่ดงซูบินกำลังเดินจากไป “โอ้! ฉันได้ยินจากผู้อำนวยการหลี่ชิง นอกเหนือจากฉางจี้ และ เกาแพนเหว่ย นายยังเป็นคนหนึ่งในผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าด้วยสินะ”

ดงซูบินรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที

แต่ก่อนที่เขาจะตอบอะไรกลับไปเสี่ยวหยานก็โบกมือไล่เขา "กลับไปทำงาน. ฉันจะพยายามช่วยนายเอง แต่นี้ไม่ใช่สัญญานะ”

‘อา?’

ดงซูบินเองก็รอที่จะให้เสี่ยวหยานพูดแบบนี้ออกมา!

เขาขอบคุณเธอทันที!

‘ฮ่าฮ่าฮ่า!’

ดงซูบินเขาเหมือนพึงได้รับคะแนนโหวตที่สำคัญจากหัวหน้าของเขา “เสี่ยวหยาน”!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด