ตอนที่แล้วตอนที่ 35 : คืน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 37 : คำขอร้องจากอู่เฉิน

ตอนที่ 36 : โบยบิน


ตอนที่ 36 : โบยบิน

"พูดๆไปแล้ว รสชาติของยาขั้นที่ 2 ก็น่าจะอร่อยกว่ายาขั้นที่ 1 รึเปล่านะ?" จางหยูลูบคางพลางคิดในใจอย่างเงียบๆ

บนโลกใบนี้ ไม่มีอาหารชนิดไหนที่โดดเด่นเป็นพิเศษ สำหรับสายกินอย่างเขาแล้ว การไม่มีอาหารอร่อยๆ นับว่าเป็นความทุกข์อย่างแสนสาหัส

แม้ว่ารสชาติของยาขั้นที่ 1 จะพอใช้ได้ แต่ว่าจางหยูก็ยังคิดถึงอาหารอร่อยๆในโลกเก่า อย่างอาหารเสฉวน อาหารกวางตุ้งและอาหารซานตงเป็นต้น โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงอาหารเสฉวนขึ้นมาแล้ว จางหยูก็อดน้ำลายสอด้วยความเปรี้ยวปากไม่ได้!

จางหยูเป็นคนที่ชอบกินมาก นอกจากอาหารทั่วไปแล้ว เขายังศึกษาอาหารแปลกๆอีกด้วย ดังนั้นจางหยูจึงมีความสามารถในการทำอาหารได้หลากหลายชนิด

แต่ที่น่าเศร้าก็คือ หลังจากที่มาถึงทวีปป่า เขากลับไม่พบวัตถุดิบที่นำมาใช้แทนพริกขี้หนู ฮัวเจียวหรือโป๊ยกั๊กได้เลย

"การทดสอบหวงหยวนกำลังจะเริ่มต้นขึ้น บางทีมันอาจจะถึงเวลาสำรวจพื้นที่ด้านในของหวงหยวนแล้ว" เมื่อนึกถึงของกิน จางหยูก็น้ำลายสอขึ้นมา "ข้าไม่เชื่อว่าป่าหวงหยวนที่ใหญ่โตแบบนั้น จะไม่มีวัตถุดิบมาใช้แทนพวกพริกได้!"

"เฮ้อออ เมื่อไหร่วันคืนแบบนี้ จะสิ้นสุดลงสักที!"

จางหยูพึมพำออกมา ก่อนจะถอนหายใจ แล้วหยิบเม็ดยาฉีซวนในถุงผ้าออกมาเทใส่ปากและเคี้ยว

....

สำนักเฉินกวง

ลัวเยว่ซานยังคงปักหลักอยู่ในสำนักเฉินกวงต่ออีก 2 วัน มันไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากกลับไปที่สำนักหยุนซาน แต่เขาไม่กล้า

โจวซุนอยู่ที่สำนักเฉินกวง ดังนั้นลัวเยว่ซานจะรู้สึกปลอดภัยมากกว่า หากอยู่ที่นี่

เขากลัวว่าทันทีที่ออกจากสำนักเฉินกวง จางหยูจะมาฆ่าเขาถึงที่

แม้จะไม่แน่ใจว่าจางหยูทะลวงขอบเขตว่อซวนได้จริงหรือไม่ แต่ลัวเยว่ซานก็ไม่คิดที่จะเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยง ยังไงซะแม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเฉินกวง ก็ยังโดนจางหยูฆ่าเลย เขาที่เป็นเจ้าสำนักหยุนซาน ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก

เวลานี้ ลัวเยว่ซานที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของสำนักเฉินกวง กำลังฟังรายงานจากลูกน้อง หลังจากนั้นสักพัก เขาก็พยักหน้าและพูดขึ้นมาว่า "เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าส่งคนไปจับตาดูสำนักคังเฉียงต่อ หากจางหยูออกจากสำนักคังเฉียงเมื่อไหร่ พวกเจ้าก็ส่งคนมาแจ้งให้ข้าทราบทันที"

"ขอรับ!"

"ดี พวกเจ้าไปได้แล้ว" เขาโบกมือและบอกให้ลูกน้องออกไป

สองวันมานี้ ลัวเยว่ซานใช้ที่นี่เป็นห้องทำงานของตัวเอง ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสำนักหยุนชาน จะถูกจัดการที่นี่ จากนั้นก็มอบหมายให้ลูกน้องไปจัดการต่อ

หลังจากนั้นสักพัก ลัวเยว่ซานก็เดินออกมาจากห้อง เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเคาะประตูห้องทำงานอีกห้อง

" ประตูไม่ได้ล็อค เข้ามาได้" เสียงของหลินไห่หยาดังขึ้นมาจากด้านใน

ลัวเยว่ซานสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง

เมื่อเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของลัวเยว่ซาน หลินไห่หยาก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า "มีเรื่องอะไรรึน้องลัว?"

ลัวเยว่ซานไม่มีอะไรต้องปิดบัง เขาตอบกลับไปว่า "ข้าเพิ่งทราบข่าวว่าตระกูลเติ้ง, ตระกูลสวี่และตระกูลฮั้ว ยอมก้มหัวให้กับจางหยู คนของข้าเห็นกับตาตัวเองว่า สาวน้อยจากตระกูลเติ้งพาชายกลุ่มหนึ่งเข้าไปในสำนักคังเฉียง คาดว่าคงมาคืนทักษะและเคล็ดวิชาที่ปล้นไปเมื่อปีนั้น"

นี่ถือว่าเป็นข่าวร้าย !

" เกิดอะไรขึ้น?" หลินไห่หยาคิ้วขมวด

"ไอ้พวกขี้ขลาดนั่น พอเห็นพวกเราโดนเล่นงาน ก็รีบส่ายหางวิ่งไปหาเจ้านายคนใหม่" ลัวเยว่ซานกัดฟันแน่น ขณะกำหมัดไปด้วย

"ใจเย็นไว้น้องลัว พวกเราทั้งคู่ก็แก่แล้ว ไม่อาจควบคุมทุกอย่างได้" หลินไห่หยาพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น "ที่เจ้าบอกว่าพวกเขาขนทักษะและเคล็ดวิชาคืนให้กับสำนักคังเฉียงนั้น ข้าเชื่อ แต่ข้าไม่เชื่อว่าคนพวกนั้นจะเข้าร่วมกับจางหยูได้เร็วแบบนั้นหรอก"

ลัวเยว่ซานไม่พูดอะไรออกมา แต่กลับจ้องหลินไห่หยาอย่างๆเงียบ

"พวกนั้นอยู่ในเมืองทะเลทรายมาหลายปี มีหูมีตามากมาย ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าท่านโจวอยู่ที่นี่" หลินไห่หยาแสยะยิ้มออกมา "แม้ว่าพวกนั้นจะไม่รู้ฐานะและความแข็งแกร่งของท่านโจว แต่ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้โง่ พวกเขาก็ต้องเดาได้ว่าท่านโจวเป็นนักสู้ขอบเขตว่อซวน! จางหยูอาจจะเป็นนักสู้ระดับว่อซวน แต่ท่านโจวเองก็เช่นกัน ก่อนที่สองคนจะได้พบกัน ตระกูลเติ้ง ตระกูลสวี่และตระกูลฮั้ว คงไม่รีบร้อนแสดงจุดยืนล่วงหน้าหรอกจริงไหม?"

เขามองลัวเยว่ซานด้วยรอยยิ้ม และพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจว่า "คนที่เจ้าเล่ห์อย่างพวกมัน จะทำเรื่องโง่เง่าแบบนั้นได้ยังไง?"

ลัวเยว่ซานก็ยังคงรู้สึกไม่วางใจ "แล้วถ้ามันเป็นแบบนั้นล่ะ? ถ้าหากพวกมันโง่เข้าร่วมกับจางหยูจริงๆ แผนการที่พวกเราวางเอาไว้ ก็คงจะเป็นปัญหา..."

"อืม...สิ่งที่เจ้ากังวลใช่ว่าจะไร้เหตุผล" หลินไห่หยาคิดสักพักและพูดขึ้นมาว่า "งั้นเอาแบบนี้ ข้าจะส่งคนไปบอกพวกเขาสักประโยค พวกเขาเป็นคนฉลาด ต้องเข้าใจว่าพวกเราต้องการจะสื่ออะไร"

เมื่อได้ยินแบบนั้น ลัวเยว่ซานก็โล่งใจและพยักหน้า "แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถึงแม้ว่าพวกนั้นจะไม่เลือกเข้าข้างพวกเรา แต่ก็ไม่เลือกเข้าข้างจางหยูเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ช่วยพวกเรา แต่ก็จะไม่หักหลังพวกเราด้วยเช่นกัน ตราบใดที่พวกเขาไม่ขัดขวางพวกเราในที่ลับ แผนการของพวกเราก็จะไม่มีปัญหา!"

หลินไห่หยาตบไหล่ลัวเยว่ซานแล้วปลอบว่า "วางใจเถอะ ก็แค่ตระกูลชั้นสองเท่านั้น ถ้าหากพวกเขากล้าเข้ามาขัดขวางแผนการของพวกเรา เราจะทำให้พวกมันต้องตอบแทนอย่างสาสม!"

หลังจากที่เงียบอยู่ครู่หนึ่ง หลินไห่หยาก็พูดต่อไปว่า "เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้ก็คือ เตรียมตัวสำหรับการทดสอบหวงหยวนที่จะมาถึง ส่วนเรื่องตระกูลเติ้ง ตระกูลสวี่และตระกูลฮั้ว ไว้รอให้เรื่องนี้จบลงซะก่อน แล้วค่อยคิดบัญชีกับพวกเขาทีหลัง แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งวอกแวกกับเรื่องอื่น"

ท่าทางหนักแน่นของหลินไห่หยา ทำให้ลัวเยว่ซานสบายใจขึ้นมา เขาพูดอย่างเย็นชาว่า "จางหยู ครั้งนี้เจ้าต้องตาย หากเจ้าไม่ตาย ข้าจะไม่ขอเป็นคน!"

จางหยูไม่เพียงแค่ฆ่าลูกชายเพียงคนเดียวของเขา แต่ยังทำให้เขาไม่กล้ากลับไปที่สำนักหยุนซานอีกด้วย ทั้งๆที่กลับมาตั้งนานแล้ว แต่ทว่าจนถึงตอนนี้ เขากลับไม่มีโอกาสได้จัดงานศพให้บุตรชายเลย นี่มันน่าเศร้าเกินไปแล้ว!

"ลูกพ่อ เจ้าวางใจเถอะ พ่อจะล้างแค้นให้เจ้าเอง!" ดวงตาของลัวเยว่ซานแสดงความเศร้าออกมา

....

เวลาไม่เคยหยุดนิ่ง พริบตาเดียวการทดสอบหวงหยวนก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

บริเวณหน้าบ้าน จางหยูได้ปลูกต้นไม้เพิ่มเมื่อไม่กี่วันก่อน

'เสี่ยวเฉียง' ที่นอนหมอบอยู่ที่หน้าประตู ก็หูตั้งคอยฟังการเคลื่อนไหวรอบตัว หางของมันส่ายไปมาอย่างเกียจคร้าน

จางหยูยังคงอยู่ในหอตำราและหมกมุ่นอยู่กับการแก้ไขเคล็ดวิชาแบบลืมกินลืมนอน

สองสามวันมานี้ หลังจากที่สอนศิษย์เสร็จ เขาก็จะขลุกอยู่แต่ในหอตำรา เพื่อที่จะแก้ไขเคล็ดวิชาให้สำเร็จ เวลาส่วนใหญ่จึงถูกใช้ไปกับการแก้ไขเคล็ดวิชา

" สำเร็จ !" ในวันนั้นก็มีเสียงที่ฟังดูตื่นเต้น ดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัดในหอตำรา

จางหยูเดินออกมาจากหอตำราพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส

จางหยูใช้เวลากว่า 1 อาทิตย์ ในการปรับปรุงเคล็ดวิชาเล่มนี้ และในที่สุดเขาก็สามารถสร้างเคล็ดวิชาที่ไร้ข้อผิดพลาดขึ้นมาได้!

ต้องบอกว่าเคล็ดวิชาเล่มนี้นั้น ทำให้จางหยูต้องเสียเวลาและเสียพลังงานเป็นจำนวนมากกว่าจะปรับปรุงขึ้นมาสำเร็จ อาจจะกล่าวได้ว่าการปรับปรุง "ทักษะจี๋อู่"นั้น ยังกินเวลาและพลังงานน้อยกว่านี้มาก

จางหยูจดเนื้อหาเคล็ดวิชาทั้งหมดลงตำรา จากนั้นก็ทำลายกระดาษที่เขาเขียนขึ้นระหว่างปรับปรุงเนื้อหาทิ้ง พร้อมทั้งโยนลงถังขยะที่อยู่ไม่ไกล

[เงาเวหา: ระดับธรรมดาขั้นสูง ข้อผิดพลาด 0 จุด]

เมื่อใช้การมองทะลุตรวจสอบ รายละเอียดของ "เงาเวหา" ก็ปรากฏขึ้นมา มันเป็นประโยคสั้นๆที่มีไม่กี่ตัวอักษรเท่านั้น

แน่นอนว่ามีแค่จางหยูเท่านั้นที่เห็นข้อมูลพวกนี้ได้ !

แม้ว่าจางหยูจะยังไม่ได้ฝึกฝน"เงาเวหา" แต่เขาก็กล้ามั่นใจว่า "เงาเวหา" นี้ สามารถเทียบเท่าได้กับเคล็ดวิชาระดับวิญญาณขั้นสูงอย่างแน่นอน แม้แต่....เทียบได้กับเคล็ดวิชาระดับราชาในตำนาน!

"เคล็ดวิชาระดับราชา" จางหยูเลียปากตัวเอง เขาแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะอยากเห็นพลังของ"เงาเวหา"

จางหยูสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นเขาก็หันไปมองทางห้องเรียน และเห็นว่าเหล่าลูกศิษย์กำลังบ่มเพาะพลังอย่างเงียบๆ จางหยูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินไปยังอีกฝั่งหนึ่งของสำนักคังเฉียง ซึ่งฝั่งนี้ได้เชื่อมต่อกับป่าหวงหยวน หลังจากที่พ้นกำแพงนี้ไป เขาก็เห็นผืนป่าขนาดใหญ่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา จางหยูพยักหน้าอย่างพอใจ "ที่นี่แหละเงียบสงบมาก เหมาะกับการบ่มเพาะจริงๆ"

ป่าแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 3,000-5,000 ตร.ม. ด้านนอกป่านั้นเป็นผาที่เชื่อมต่อกับเหวด้านล่าง

จางหยูโยนยาฉีซวนเข้าปากและเริ่มบ่มเพาะทันที

พลังลึกลับในตัวได้โคจรไปตามเส้นทางในเคล็ดวิชาเงาเวหา ทันใดนั้นลมปราณก็ปะทุออกมา แล้วแผ่ขยายเป็นวงกว้าง จากนั้นร่างของเขาก็กางปีกเหมือนกับนก ที่เตรียมจะโผทะยานขึ้นไปในอากาศ ตอนนี้เองราวกับเกิดพายุที่มองไม่เห็นโหมกระหน่ำขึ้นมา....

เพียงแค่จางหยูสะกิดเท้าเบาๆ ร่างของเขาก็ลอยขึ้นจากพื้นดิน....

" นี่มัน..." จางหยูที่ลอยอยู่ในอากาศราวกับนก ก็เผยสีหน้าตกใจขึ้นมา "บินแล้ว ! ข้าบินได้แล้ว!" แม้ว่าพลังลึกลับในตัวของเขาจะถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย กลับกันยังรู้สึกทึ่งกับผลลัพธ์ของเคล็ดวิชา "เงาเวหา"

เท่าที่เขารู้มา กระทั่งขอบเขตว่อซวนก็ยังบินไม่ได้ มีแค่ขอบเขตตันซวนเท่านั้น ถึงจะสามารถลอยอยู่ในอากาศได้สั้นๆ และถ้าอยากบินอย่างแท้จริง จะต้องทะลวงขอบเขตที่เหนือกว่าระดับตันซวนขึ้นไป

แต่ว่า....

จางหยูในตอนนี้กำลังบินอยู่ !

แม้ว่าเขาจะพึ่งเคล็ดวิชาตัวเบาแทนที่จะเป็นการบ่มเพาะของตัวเองในการบิน แต่บินยังไงก็คือบิน ไม่ว่ามันจะมาด้วยวิธีการใด แต่สุดท้ายก็ไม่อาจจะปฏิเสธผลลัพธ์ได้

จางหยูกดความตื่นเต้นไว้ในใจ และทำการฝึกฝนเคล็ดวิชา "เงาเวหา" ต่อ ร่างเขาราวกับเงาที่ปรากฏตัวอยู่ในอากาศตามที่ต่างๆ เพียงแค่เวลาสั้นๆเงาร่างที่อยู่ในอากาศ ก็ไปปรากฏตัวอยู่อีกที่หนึ่ง ด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง เกรงว่าแม้แต่ขอบเขตว่อซวนก็ยังมองตามแทบไม่ทัน

"เร็วมาก !" ตาของจางหยูแสดงความตื่นเต้นออกมา ขณะเดียวกัน ความดีใจก็เอ่อล้นขึ้นมาในใจจนกดเอาไว้ไม่อยู่ "ไร้เทียมทาน ไร้เทียมทาน ! "

" ฮ่าฮ่า.... อ๊ากกก ตกแล้ว !"

เพิ่งหัวเราะได้ไม่นาน สีหน้าของจางหยูก็เปลี่ยนไป เขากรีดร้องออกมาเสียงหลง ก่อนจะร่วงลงสู่พื้นดินอย่างจัง

"ตู้มมม!"

จางหยูที่หน้ากระแทกพื้น ก็หมดหล่อในพริบตา จมูกของเขาบวมเปล่งขึ้นมา

โชคดีที่เขาบินไม่สูงนัก ไม่อย่างนั้น ตอนที่ร่วงลงมา คงไม่ได้มีแค่จมูกแน่ๆที่บวม

" นี่..." จางหยูถอนหายใจออกมา ก่อนจะพยายามลุกขึ้นจากพื้น ร่างของเขาเซไปมาราวกับคนเมา

เขาตบหัวตัวเองอย่างแรง และค่อยๆเริ่มได้สติ จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น "มันนานแค่ไหนกัน? 1 นาทีใช่ไหม? แค่หนึ่งนาทีปราณในตันเถียนข้าถูกใช้ไปจนหมด ไม่มีเหลือ..."

ผลลัพธ์ของ "เงาเวหา" นี้ช่างแข็งแกร่งมาก แต่ความเร็วในการลดลงของพลังลึกลับก็น่ากลัวเช่นกัน ยามที่ใช้เงาเวหา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด