ตอนที่แล้วGE435 เจตจำนงค์ขั้นสมบูรณ์แบบ กระบี่พรากความทรงจำ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE437 อนุสรณ์ปีศาจ [ฟรี]

GE436 ภัยพิบัติของเผ่าหกปีก [ฟรี]


ซัวเฉินนำสมุนไพรแสนปีมาให้หนิงฝาน ส่วนเขาเองก็มอบใบไผ่อัสนีทองคำดำอีก 5 ใบให้หงยี่

ยามนี้ตระกูลซัวเต็มใจที่จะหนุนหลังเขา แต่ก็ต้องแลกกับการยอมช่วยหงยี่อีก 1 เรื่อง

สิ่งที่นางให้เขาทำนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่และอันตรายมากนักแค่ต้องรออีก 10 ปี เพื่อเข้าร่วมงานประลองตระกูลซัว แล้วชิงเหรียญตราเพื่อเข้าสู่สุสานมาให้ได้

แต่ถึงหนิงฝานไม่สามารถชิงเหรียญตรามาได้ หงยี่จะเป็นคนมอบให้ด้วยตัวเอง เพราะสำหรับหนิงฝานแล้ว เขาแข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งในหมู่ขอบเขตตัดวิญญาณด้วยกัน

การที่หนิงฝานทำลายเจตจำนงค์กระบี่ของซัวเฉินได้ ทำให้สถานะในตระกูลซัวของหนิงฝานสูงส่ง เทียบได้กับตัวตนระดับสูงคนหนึ่งของตระกูล ไม่ต่างกับที่วิหารพิรุณให้ความสำคัญกับเขา

ยามนี้ หนิงฝานมีเรื่องให้ต้องกังวลเพียงเรื่องเดียวคือปราณกษัตริย์ เขาต้องระวังไม่ให้เรื่องปราณกษัตริย์เปิดเผย ส่วนเรื่องอื่นเขาไม่ต้องกังวล เพราะหากมีอันตรายใด เขาสามารถมาอาศัยตระกูลซัวได้

เมื่อเสร็จสิ้นเรื่องราวทั้งหมด หนิงฝานกล่าวขอสมุนไพรห้าหมื่นปีเพิ่มเติมก่อนจะกล่าวลา หงยี่เองก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร

เรื่องที่สำคัญสำหรับนางจะเกิดขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ยังมีอีกหลายเรื่องให้นางต้องทำ อย่างเช่นการรักษาตัว

เมื่อออกมาจากเกาะไผ่อัสนีได้ 10 ล้านลี้ หนิงฝานแวะบนเกาะที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยทราย เขาสร้างถ้ำที่นั่นเพื่อเตรียมการรักษาเยว่หลิงคงและศพนางสวรรค์

ใบไผ่อัสนีทองคำต้องใช้สมุนไพร 5 หมื่นปีในการลดทอนอานุภาพ หนิงฝานต้องหมดสมุนไพรไปไม่น้อย เพื่อผสมเป็นโอสถสีทองได้นับสิบขวด

แต่ละขวดอัดแน่นด้วยพลังที่ใช้รักษาดวงจิต หนิงฝานใช้โอสถทั้งหมดที่ผสมได้เพื่อรักษาดวงจิตของเยว่หลิงคงจนหาย แต่หากมีโอสถถึงร้อยขวด น่าจะทำให้นางกลับมาแข็งแรงได้ในทันที

หนิงฝานให้ศพนางสวรรค์และหลิงคงรออยู่ภายในถ้ำ ส่วนหนิงฝานเข้าสู่โลกหยินเพื่อรักษาหลั่วโยว่

หนิงฝานไม่รู้ว่านางใช้วิชาอะไรถึงได้ทำให้ดวงจิตของนางเสียหายมากขนาดนี้ แต่ที่นางทำไปทั้งหมดก็เพื่อจะช่วยเขา

เขาจ้องมองใบหน้าที่ซีดขาวของนางด้วยความปวดใจ เขาทุ่มสมุนไพรแสนปีทั้งหมดกับใบไผ่อัสนัทองคำดำแปดใบ แต่ตัวนางในยามนี้อยู่ในอาการหมดสติขั้นร้ายแรง ซึ่งไม่อาจกินโอสถได้ด้วยตนเอง

ดังนั้นหนิงฝานจึงต้องใช้วิธีป้อนโอสถให้นางด้วยปากอย่างช้าๆ เพื่อค่อยๆให้โอสถไหลเข้าไปในร่างนาง

หลังจากป้อนโอสถให้นางจนหมด ดวงจิตของนางก็ฟื้นฟูขึ้นมาก ระดับพลังฟื้นคืนขอบเขตไร้แบ่งแยกที่ 1

จากผลของการรักษา ดูเหมือนใบไผ่อัสนีจะได้ผลดีกับการรักษานางมาก หากเขามีสมุนไพรแสนปีมากพอ อาจทำให้นางบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงที่ 2

แต่น่าเสียดายที่สมุนไพรแสนปีไม่ได้หาได้ง่ายๆ ต่อให้ซัวเฉินใช้เวลาหาถึงหมื่นปี ก็หาได้แค่ 100 ชนิด นั่นหมายความว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่หนิงฝานจะหาสมุนไพรแสนปีได้เช่นกัน

หนิงฝานจ้องมองหลั่วโยว่ที่กำลังหลับด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ เขาดีใจที่นางดีขึ้น นับว่าความพยายามของเขาไม่สูญเปล่า

ยามนี้จะเหลือก็แค่พาศพนางสวรรค์ไปยังเผ่าหกปีก ใช้ศิลาฟื้นฟูเพื่อรักษาทะเลสติของนาง แต่การรักษาจะสำเร็จหรือไม่นั้น หนิงฝานก็ไม่แน่ใจ แต่ไม่ว่ายังไง มันก็เป็นเพียงความหวังเดียวของเขายามนี้

หนิงฝานรู้ว่าหลั่วโยว่ไม่ได้แกล้งหลับ นางหลับเพราะความเหน็ดเหนื่อย เขาจึงเลือกที่จะไม่รบกวนนาง และกลับออกจากโลกหยินไป

แต่เมื่อกลับมายังถ้ำ เขากลับเห็นเยว่หลิงคงจ้องมองด้วยสายตาแปลกๆ

“แตงกวาน้อย เจ้าไปไหนมา? ข้าได้กลิ่นกายสตรีจากตัวเจ้า!”

“เจ้าอิจฉาเหรอ?” หนิงฝานยิ้มแต่ไม่ตอบนาง

“คิดว่าข้าจะอยากกินเจ้านักหรือไง?” นางจ้องมองหนิงฝานราวกับตำหนิว่าเขาหลงตัวเอง

“ร่างกายของเจ้าเป็นยังไงบ้าง?”

“ถึงจะยังเหลืออาการบาดเจ็บอยู่ แต่ก็สามารถเปิดประตูจันทราได้… ไว้รอถึงยามราตรี ข้าจะให้เจ้าได้เห็นความเร็วในการเดินทาง ที่แม้แต่ขอบเขตไร้แบ่งแยกก็ทำไม่ได้! หากเป็นยามราตรี ประตูจันทราของข้าจะข้ามผ่านระยะทางได้ 300 ล้านลี้ แต่ก็ต้องใช้หยกสวรรค์ 50 ล้าน หากเป็นยามกลางวัน ประตูจันทราจะข้ามผ่านระยะทางได้เพียง 100 ลี้เท่านั้น”

“ทุกครั้งที่เจ้าเปิดประตูจันทรา ต้องใช้หยกสวรรค์มากขนาดนั้นเลยเหรอ?” หนิงฝานประหลาดใจ

เขาจำได้ว่า ครั้งล่าสุดที่นางเปิดประตูจันทรา นางไม่ต้องใช้หยกสวรรค์ แต่เมื่อลองขบคิด ในวันนั้นเหตุที่ไม่ต้องใช้หยกสวรรค์เป็นเพราะมีประตูจันทราอยู่แล้ว

ยามนี้สมควรถึงเวลาที่หนิงฝานต้องเดินทางไปยังเผ่าหกปีก และวิธีการเดียวที่มีคือใช้ประตูจันทรา ยิ่งด้วยปราณของนางในยามนี้ หากไม่ใช้หยกสวรรค์ย่อมเปิดประตูไม่ได้

ความเร็วของขอบเขตตัดวิญญาณคือหมื่นลี้ต่อก้าว ขอบเขตไร้ดัดแปลงแสนลี้ต่อก้าว และขอบเขตไร้แบ่งแยกคือล้านลี้ต่อก้าว

การที่เยว่หลิงคงเปิดประตูจันทราที่ส่งร่างออกไปได้ไกลถึง 300 ลี้ ย่อมหนีจากการตามล่าของขอบเขตไร้แบ่งแยกได้ แต่ด้วยความเร็วและระยะทางขนาดนั้น ย่อมต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนที่ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน

หากจะกล่าวแล้ว เยว่หลิงคงก็เหมือนกับข่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่เคลื่อนที่ได้

“ประตูจันทราของเจ้านับเป็นวิชาชั้นยอด… สนมอสูรชางเยว่สมควรเป็นผู้มีชื่อเสียงในอดีต” หนิงฝานกล่าว

“แน่นอนอยู่แล้ว! แต่ถึงวิชาของข้าจะยอดเยี่ยมขนาดไหน สุดท้ายข้าก็ต้องอยู่ในอาณัติเจ้าอยู่ดี… น่าขายหน้า!” นางตัดพ้อพลางเดินไปเบื้องหน้า เมื่อถึงยามราตรี นางจะเริ่มสร้างประตูจันทรา

เมื่อเดินไปได้ไม่ไกล นางยืนพิงกำแพงเล็กน้อย ยามนี้ร่างกายของนางยังอ่อนแออยู่ แต่นางไม่อยากให้หนิงฝานรู้

นางรู้ว่าหนิงฝานต้องไปยังเผ่าหกปีกเพื่อรักษาศพนางสวรรค์ เพราะศพนางสวรรค์สำคัญกับนางมาก

การที่หนิงฝานยอมเสี่ยงเข้าไปเอาใบไผ่อัสนีมาให้ นางก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว ดังนั้นนางจึงอยากพาหนิงฝานไปยังเผ่าหกปีกให้เร็วที่สุด

แต่ในขณะนั้น หนิงฝานกลับคว้าแขนนางพลางโอบกอดนางแนบกาย

“แตงกวาน้อย เจ้าจะทำอะไร? ให้ข้าเปิดประตูจันทราให้เจ้าก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง!” นางพยายามขัดขืนเล็กน้อย เพราะคิดว่าหนิงฝานอยากร่วมรักกับนางจึงไม่พอใจ

“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเผ่าหกปีก ถึงแม้ตอนนี้จะถึงเวลาที่ตกลงกันไว้ แต่ต่อให้ข้าไปสายบ้าง มันก็ไม่กล้าตำหนิข้าหรอก… เจ้าพักให้หายก่อนแล้วค่อยไป”

“ข้าไม่จำเป็นต้องพักหรอก...”

“หน้าเจ้าดูซีด พักก่อนเถอะ!” หนิงฝานลูบสัมผัสใบหน้าของนางเบาๆ แล้วอุ้มนางกลับไปที่เตียง

การปฏิบัติของหนิงฝานที่นางได้รับ ทำให้สมองของนางว่างเปล่า

“แตงกวาน้อย ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ… เรื่องเหว่ยเหลียงสำคัญกว่า” นางก้มหน้าพลางกล่าว

“ไม่เป็นไร...เชื่อข้า เจ้าพักให้ร่างกายของเจ้าดีขึ้นก่อน… ข้าอยากให้เจ้าตอบแทนข้าด้วยร่างกายที่สมบูรณ์” หนิงฝานกล่าวหยอกล้อนางพลางนำผ้าห่มมาคลุมกายของนางไว้ ก่อนจะพาศพนางสวรรค์ออกไปนอกถ้ำ

“หลิง...คง… บาดเจ็บ” ศพนางสวรรค์หันมากล่าวกับหลิงคง แม้นางจะมีสติอยู่ไม่มาก แต่นางก็รู้ว่าหลิงคงบาดเจ็บ

หลิงคงในยามนี้ทำได้เพียงจ้องมองแผ่นหลังของหนิงฝานที่กำลังเดินจากไปด้วยแววตาที่ซับซ้อน

“แตงกวาน้อย ถ้าเจ้าทำดีกับข้าแบบนี้… ข้ากลัวว่าข้าจะตัดใจจากเจ้าไม่ได้” นางถอนหายใจ

หนิงฝานออกมานอกถ้ำพร้อมกับศพนางสวรรค์ แหงนมองท้องนภาที่ประดับด้วยดาราและจันทราใส

เขาไม่ได้อยากรีบร้อนรักษาศพนางสวรรค์ หากต้องทำให้สตรีคนอื่นบาดเจ็บ

ยามนี้ ความรู้สึกต่างๆมากมายที่ยากจะอธิบายเพิ่มพูน ยากที่จะบอกว่าสิ่งใดถูกหรือสิ่งใดผิด

“เหว่ยเหลียง… หากเจ้าตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าข้ามีสตรีคนอื่นนอกจากเจ้า… เจ้าจะตำหนิข้าหรือเปล่า?” หนิงฝานกล่าวอย่างเหม่อลอย เขารู้ว่าสตรีที่เก่งกาจและมากพรสวรรค์ ย่อมมีความหยิ่งทะนงในตัว เหตุใดพวกนางต้องรักบุรุษที่ไม่ได้รักนางเพียงคนเดียว?

เมื่อชาติที่แล้ว มู่เหว่ยเหลียงเป็นถึงบุตรสาวของจักรพรรดิสวรรค์ นางย่อมมีเกียรติศักดิ์ศรีสูงส่ง

นางยอมตายก็เพื่อรอบุรุษที่นางรักมาเนิ่นนาน หากนางตื่นขึ้นแล้วพบว่าเขาไม่ได้มีเพียงนาง นางจะรู้สึกเช่นใด

“แสง… ข้า… อยู่...” นางยกกมือน้อยๆที่เย็นเฉียบขึ้น สัมผัสใบหน้าของหนิงฝานเบาๆ

“ไม่… เสียใจ...” แม้จะเป็นคำกล่าวเพียงไม่กี่คำ แต่หนิงฝานกลับรู้สึกราวกับถูกมีดกรีดใจ

ไม่เสียใจ… นางกล่าวว่านางไม่เสียใจ

นางไม่เคยเสียใจ ตั้งแต่ยามที่นางได้สติเมื่อคราวที่อยู่ในวังดารา เมื่อยามนั้นนางก็บอกว่าคิดถึงเขามาก

“ข้าสังหารผู้คนไปมากมาย มีสตรีอื่นมากมาย บางทีวันหนึ่งข้าอาจถูกสวรรค์ลงทัณฑ์จนไม่เหลือแม้แต่ซากซพ… ข้าไม่รู้ว่าชีวิตขอบข้าจะยากลำบากขนาดนี้ มีศัตรูที่ทรงพลังมากมายจนข้าแทบไม่อาจพักหายใจได้ทัน… ทั้งหานเนี่ยเทียน ทั้งนิกายปีศาจขาว ทั้งมหาจักรพรรดิเซียนโม๋หลัว ทั้งจักรพรรดิเซียนจ่างฉิงเชียน… พวกมันทั้งหมดล้วนทำให้ข้าต้องก้าวเดินต่อไป หากข้าหวาดกลัว วันหนึ่งข้าจะสูญเสียทุกสิ่ง”

หนิงฝานกลัวว่าศพนางสวรรค์จะทอดทิ้งเขา กลับคืนสู่การเวียนว่าย

ผีเสื้อน้อยครึ่งขาวครึ่งดำที่แสนอ่อนแอ ไม่หวาดกลัวต่อจักรพรรดิเซียนจ่างฉิงเชียน แม้จะต้องตายแต่ก็ไม่ยอมให้ใครทำร้ายมู่เหว่ยเหลียง

หนิงฝานจะไม่ทำตัวเหมือนซัวเฉิน เขาจะไม่ยอมทนดูคนที่ตนรักต้องตาย ไม่ยอมอยู่อย่างเดียวนับหมื่นปี ต่อให้ต้องตาย เขาก็ต้องปกป้องคนที่รักให้ได้

“แสง… โง่...” ศพนางสวรรค์ยิ้มให้หนิงฝาน นางรู้ว่าตนเองรักผีเสื้อน้อยตัวนี้มาก ไม่ว่าผีเสื้อน้อยตนนั้นจะเป็นยังไง นางก็ยังจะรักของนางไม่เปลี่ยนแปลง

หนิงฝานยืนนิ่งเป็นเวลานาน ก่อนจะนำแผ่นหยกที่จักรพรรดิอัสนีไท่ซูมอบให้ออกมา

ในวันที่ได้แผ่นหยกมา หนิงฝานไม่ได้สนใจเพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเยว่หลิงคงและหลั่วโยว่ แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็คลี่คลายแล้ว เขาจึงนำมันออกมาดูอีกครั้ง

ไท่ซูดีกับเขามาาก ถึงกับยอมทำทุกสิ่งเพื่อช่วยชีวิตเขา ทั้งยังมอบพลังให้กับเขา

เมื่อแผ่สัมผัสเทพเข้าไปภายใน หนิงฝานพบคำกล่าวของจักรพรรดิอัสนีไท่ซู และแผนภาพบางอย่าง

จากแผนภาพดูราวกับมันเป็นตำแหน่งของดาราที่อยู่ในแดนสวรรค์ตะวันออก

“หากสหายน้อยได้อ่านข้อความนี้ ตัวข้าคงดับสูญไปแล้ว… ทุกสิ่งที่ข้าทำไปก็เพราะต้องการจะช่วยเจ้า เจ้าอย่าได้ตำหนิตนเองไป ว่าเป็นต้นเหตุให้ข้าต้องดับสูญ”

เมื่อได้อ่านข้อความ หนิงฝานเศร้าใจกับสิ่งไท่ซูกล่าว จักรพรรดิอัสนีผู้ยิ่งใหญ่ แลกชีวิตตัวเองเพื่อช่วยให้เขารอดพ้นจากโม๋หลัว

“ยามนี้ก็ผ่านมา 50 ล้านปีจากยุคสมัยของข้า แม้จะผ่านมาเนิ่นนาน ตัวข้าก็ยังไม่จากเพราะเฝ้ารอที่จะช่วยเหลือเจ้า เพราะตัวเจ้าคือความหวังที่จะช่วยโลกอัสนีของข้า… แผนภาพที่เจ้าเห็นคือแผนที่ในแดนสวรรค์ตะวันออก สิ่งที่กำหนดอยู่ในนั้นคือแผนที่ของโลกอัสนี ที่ถูกผนึกสองปกคลุมอยู่ 2 ชั้น”

“ผนึกชั้นแรก ดาราอัสนีไท่ซูของข้าจะช่วยเจ้าทะลวงผ่านมันไปได้ แต่ผนึกชั้นที่สองคือปัญหาที่แม้แต่ข้าก้ไม่อาจทำลายมันได้ ตระกูลอัสนีของข้าถูกผนึกไว้ในนั้น ประสบกับความทุกข์ยากลำบากเหลือคณา สิ่งที่ข้าอยากขอร้องเจ้า คือหากวันใดที่เจ้าทรงพลังมากพอ ขอให้ไปช่วยปลดปล่อยตระกูลของข้าด้วย”

“ดาราแห่งนั้นคือบ้านเกิดข้า ครั้งหนึ่งข้าเคยพบกับผู้เชี่ยวชาญผู้หนึ่ง เขากล่าวว่าศิษย์ของท่านสื่อเซ่าจะสามารถคลี่คลายปัญหาของตระกูลข้าได้ ข้าจึงเฝ้ารอจนกระทั่งได้พบเจ้า… เจ้าคือศิษย์ของท่านสื่อเซ่า โปรดช่วยตระกูลของข้าด้วย”

“อีกเรื่อง… หากเจ้าไปบ้านเกิดข้า ข้าอยากให้เจ้าตามหา ‘เฟ่ยเฟิง’ บางทีตอนนี้นางอาจจะแต่งงานแล้ว หรือบางทีนางอาจจะตายแล้ว… แต่หากนางยังไม่ตาย ขอให้เจ้าเอาตำรับโอสถนี้ให้นาง มันจะช่วยนางรักษาอาการป่วยเรื้อรังได้ แต่ไม่ต้องบอกว่าข้าเป็นคนมอบตำรับโอสถให้… หากนางตายไปแล้ว ก็ขอให้เจ้าเผาตำรับโอสถนี้ที่หน้าหลุมศพของนาง… แค่นั้นข้าก็พอใจแล้ว”

เมื่อหนิงฝานอ่านจบ แผ่นหยกก็สลายไปก่อนจะแปรสภาพเป็นม้วนคัมภีร์ 2 ม้วน

หนึ่งคือแผนที่ของโลกอัสนี อีกหนึ่งคือตำรับโอสถโบราณ

เมื่อหนิงฝานลองดูตำรับโอสถดีๆ เขาพบว่าตำรับโอสถนี้คือตำรับโอสถผันแปรที่ 9 ที่จัดอยู่ในระดับ ‘โอสถทองคำผันแปรที่ 9’

ในหมู่โอสถผันแปรที่ 9 นั้น จะถูกจัดระดับย่อยออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ระดับ โลหะ เงิน ทองคำ และจักรพรรดิ ดังนั้นตำรับโอสถที่หนิงฝานได้มา จึงนับว่าล้ำค่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

หนิงฝานนิ่งเงียบ แม้จักรพรรดิเซียนผู้ยิ่งใหญ่จะอำลาโลกไป แต่สิ่งที่เขายังไม่ลืมคือบ้านเกิด และคนที่ตนรัก

ผู้ที่ก้าวขึ้นไปยังขอบเขตจักรพรรดิเซียนนั้น ต้องก้าวผ่านชีวิตและความตายมามากมายนับไม่ถ้วน ถึงแม้การก้าวมาถึงจุดนี้จะทำให้หลงลืมความรู้สึก แต่ยังไม่ลืมว่าตนเองมีหัวใจ

สองสิ่งที่จักรพรรดิอัสนีไท่ซูได้ขอเอาไว้ก่อนตาย หนิงฝานจะจำมันไว้ให้ขึ้นใจ เขาต้องหาสตรีที่ชื่อเฟ่ยเฟิงเพื่อส่งมอบตำรับโอสถให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับความยากลำบากขนาดใด หากเขาได้ไปเยือนแดนสวรรค์ตะวันออกเมื่อไหร่ เขาจะทำมันทันที

แต่เรื่องที่ขอให้เขาช่วยโลกอัสนี เขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ เพราะขนาดจักรพรรดิอัสนีไท่ซูยังทำไม่ได้ แล้วเขาจะทำได้ยังไง?

บางทีเมื่อร้อยล้านปีที่แล้ว อาจมีจักรพรรดิเซียนที่แค้นเคืองโลกอัสนี จึงได้ผนึกมันเอาไว้ ไม่ให้ผู้คนได้รู้จัก แม้เวลาผันผ่าน ความแค้นนั้นยังคงอยู่ พันธะนาการคนเหล่านั้นเอาไว้ ทำให้ไร้ซึ่งอิสระ

หนิงฝานได้ชื่อว่าเป็นศิษย์ของเทพเซียนสื่อเซ่า บางทีในอนาคตเขาอาจจะช่วยโลกอัสนีได้ ไว้วันใดที่เขาแข็งแกร่งพอ เขาจะไปช่วยโลกอัสนีทันที...

หนิงฝานพักอยู่ที่เกาะแห่งนี้เป็นเวลา 10 วันจนอาการบาดเจ็บของหลิงคงดีขึ้น จึงพาพวกนางมุ่งหน้าไปยังเผ่าหกปีก

หลิงคงที่ได้พักจนเกือบจะฟื้นฟูเต็มที่ พาหนิงฝานข้ามผ่านประตูจันทรากว่า 20 ครั้ง จนไปถึงเขตของเผ่าหกปีก

หนิงฝานได้ใช้หยกสวรรค์แทบทั้งหมดไปกับการเดินทาง แม้จะเพิ่งได้พวกมันจากตระกูลซัว

ถึงแม้จะต้องสูญหยกสวรรค์ไปมหาศาล แต่หนิงฝานไม่เสียดายแม้แต่น้อย เพราะในอนาคตเขายังหามันได้อีก

หนิงฝานพาศพนางสวรรค์และหลิงคงมุ่งเข้าสู่เขตของเผ่าหกปีก แต่เมื่อเข้าไปในเขตพวกมันได้ล้านลี้ เขากลับได้ยินเสียงการต่อสู้ที่รุนแรงดังมา

ไกลออกไปมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในเกราะดำประมาณ 30 คน ถูกผู้เชี่ยวชาญนับร้อยรุมล้อม คนกลุ่มนั้นล้วนบาดเจ็บและไม่อาจหลบหนี เมื่อสังเกตุดูดีๆ คนกลุ่มนั้นสมควรเป็นคนของเผ่าหกปีก

ในจำนวนคนกลุ่มนั้น ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้น นางบาดเจ็บสาหัส ไม่อาจประครองร่างกายให้อยู่หยัดยืนบนท้องนภาได้อีก

ในหมู่ผู้ที่รุมล้อมแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ในกลุ่มเหล่านั้น มีคนของเผ่าปีศาจอยู่ด้วย

กลุ่มที่ปิดทางตะวันออกเอาไว้มีเนตรกลางหน้าผาก สมควรเป็นคนของเผ่าเนตรปีศาจ

กลุ่มที่ปิดทางตะวันตกเอาไว้มีเขาคู่งอกที่ศีรษะ สมควรเป็นคนของเผ่าเขาคู่

หากมีแค่พวกมัน หนิงฝานคงยื่นมือเข้าช่วยเผ่าหกปีกทันที เพียงแต่ยังมีขุมกำลังอีก 2 แห่งที่เขาเองก็คาดไม่ถึง

กลุ่มที่ปิดทางเหนือเอาไว้ มีเครื่องแต่งกายที่หนิงฝานคุ้นตา หากจำไม่ผิด พวกมันสมควรเป็นคนของวังผนึกอสูร ดูเหมือนพวกมันหวังจะชิงความเป็นใหญ่ จึงยื่นมือเข้าก้าวก่ายการต่อสู้ของ 4 เผ่าปีศาจ

แต่สิ่งที่น่าแปลกกว่านั้นคือกลุ่มคนที่ 4 ที่ปิดทางใต้เอาไว้ พวกมันทุกคนแผ่กลิ่นอายเฉกเช่นกับผู้เชี่ยวชาญฝ่ายธรรมะ

จากชุดและกลิ่นอายของพวกมัน สมควรเป็นหนึ่งในขุมกำลังฝ่ายธรรมะของแคว้นใดแคว้นหนึ่งในโลกพิรุณ

แม้ว่าในหมู่ขุมกำลังทั้ง 4 จะมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตัดวิญญาณเพียง 6 คน แต่การรุมล้อมเช่นนี้ ดูเหมือนพวกมันมีเจตนาจะสังหารคนของเผ่าหกปีก

“น่าสนใจ ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายธรรมะ เผ่าปีศาจ และผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรม ร่วมมือกันจู่โจมเผ่าหกปีก… พวกมันมีเจตนาอะไรกัน?”

หากไม่เพราะมีผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ หนิงฝานก็ไม่เชื่อว่าพวกมันจะร่วมมือกันได้

อย่างน้อยๆหนิงฝานก็รู้ว่า วังผนึกอสูรจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ผลประโยชน์นั้นมา

“แตงกวาน้อย เจ้าจะไปช่วยพวกนั้นหรือเปล่า?” เยว่หลิงคงกล่าวถาม

ศพนางสวรรค์เองก็ไม่ได้สนใจ เพราะการต่อสู้ของคนอื่นเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจสำหรับนาง

“ไม่ต้องทำอะไรก็มีคนมาหาถึงที่แล้ว...” หนิงฝานยิ้มพลางบีบจมูกของหลิงคงเบาๆ

นอกจากขุมกำลังทั้ง 4 ที่รุมล้อมสังหารคนของเผ่าหกปีกอยู่นั้น กลุ่มผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากก็เข้าล้อมหนิงฝานเช่นกัน

“เจ้าเป็นใคร! เผ่าเนตรปีศาจ และเผ่าปีศาจสองเขาของพวกข้ายึดน่านน้ำแถบนี้ไว้แล้ว ไม่อนุญาติให้ผู้ใดเข้ามา แต่ในเมื่อเจ้ายังกล้าล่วงเข้ามาก็เท่ากับรนหาที่ตาย! ฆ่ามัน!”

พวกมันไม่สนใจเหตุผลใดๆ หวังเพียงสังหารหนิงฝานเท่านั้น พวกมันแค่อ้างว่าหนิงฝานฝ่าฝืนกฏของพวกมัน แค่นั้นก็มากพอให้พวกมันลงมือแล้ว

“ถ้าเผ่าหกปีกถูกทำลาย ข้าก็ไม่อาจใช้ศิลาฟื้นฟูได้อีก...” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย ราวกับการสังหารคนเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อย

ในชั่วพริบตาถัดมา สัมผัสกระบี่แผ่ออกจากร่างหนิงฝานไปรอบทิศ สังหารผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดจนโลหิตชโลมไปทั่วฟ้า

จะเหลือก็เพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ 7 คนที่ตกตะลึง พวกมันไม่รู้ว่าหนิงฝานเป็นใคร รู้แค่ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังมาก

แม้ว่าพวกมันจะอยู่ขอบเขตตัดวิญญาณ แต่พวกมันไม่สามารถสังหารขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มหลายร้อยคนในพริบตาได้เช่นนี้

“ซัวหมิง! ท่านซัวหมิง ท่านเป็นแขกของผู้อาวุโสใหญ่! ผู้อาวุโสใหญ่ส่งพวกข้าออกมารอต้อนรับท่าน ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย!”

สตรีที่บาดเจ็บสาหัสนางนั้นกล่าว นางจำหนิงฝานได้ จึงพยายามเปล่งเสียงเพื่อขอให้ช่วย

แต่เมื่อผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณทั้ง 7 ได้ยิน พวกมันกลับหวาดกลัวจนตัวสั่น

“ซะ...ซัวหมิง… มันคือผู้ที่ท่านจ้าววังกล่าวเตือนอยู่เสมอว่าอย่าได้ยั่วยุ!” หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณกล่าวขึ้นด้วยความหวาดกลัว

“ซัวหมิง? ปีศาจแห่งทะเลไร้สิ้นสุดผู้นั้นหน่ะเหรอ?” คนของเผ่าเนตรปีศาจและเขาคู่ เร้นกายอยู่ในทะเลส่วนใน จึงไม่เคยได้เห็นใบหน้าของหนิงฝานมาก่อน จะได้ยินก็แต่ชื่อเสียงที่น่าสะพรึงกลัว

“ซัวหมิง? ผู้อาวุโสคนใหม่ของวิหารพิรุณ?” พวกมันทุกคนหวาดกลัวจนฉี่แทบราด

แม้การที่พวกมันรู้จักกลัวจะถือเป็นเรื่องดี แต่นั่นก็สายเกินไปแล้ว

“อย่าเข้ามา ไม่งั้นข้าจะฆ่านาง!”

พวกมันหวาดกลัวจนไร้หนทาง จึงเลือกที่จะข่มขู่เอาชีวิตคนของเผ่าหกปีก แม้ผู้ที่กล่าวจะแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม แต่ก็อยู่เพียงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง เหตุใดจะเทียบหนิงฝานได้

ผู้ที่กล่าวคือคนของวังผนึกอสูร มันเคยได้ยินชื่อเสียงที่น่ากลัวของหนิงฝานจากปากของลู่เจี่ยเฟินมามากมายหลายครั้ง ดังนั้นมันจึงไม่กล้าสู้กับหนิงฝานโดยตรง จึงเลือกที่จะข่มขู่

แต่หนิงฝานกลับไม่สนใจ ก้าวเท้าไปเบื้องหน้าก่อนที่เงาร่างจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

อันตรายใหญ่หลวงที่ไม่เคยเผชิญหน้ามาก่อนได้เกาะกุมจิตใจพวกมันจนไม่อาจสงบใจได้อีก

“บัดซบ! มันไม่สนใจนาง ข่มขู่ไปก็ไม่ได้ผล… ขนาดจ้าววังยังหวาดกลัว เหตุใดเราจะสู้มันได้ แต่ไม่ว่ายังไง ข้าก็ขอตายไปพร้อมกับนาง!”

ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นทะยานเข้าหาสตรีที่บาดเจ็บสาหัสด้วยความเร็วสูงสุด สตรีนางนั่นชื่อ ‘เฟินซื่อ’

เจตนาสังหารที่รุนแรงขอบศัตรู ทำให้นางไม่คิดว่านางจะมีชีวิตรอดแล้ว

แต่ก่อนที่คนของวังผนึกอสูรจะถึงตัวนาง กลับมาบางคนเข้ามาถึงตัวนางก่อน แม้ว่านางจะไม่เห็นใบหน้าของคนผู้นั้นชัด แต่นางเห็นเส้นแสงสีดำจำนวนมากเข้าพัวพันร่างของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณทั้ง 7 กรีดหั่นร่างของพวกมันจนตายอย่างน่าอนาถ

“เป็นวิชาที่น่ากลัวมาก!” นางสั่นสะท้านด้วยความกลัว แม้นางจะเห็นหน้าผู้ที่มาช่วยไม่ชัด แต่นางรู้ว่าคนผู้นั้นเป็นผู้เยาว์

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเผ่าหกปีก?” หนิงฝานกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา จนทำให้นางสั่นเทาไม่หยุด

หากนางโกหก นางคงจะถูกหนิงฝานสังหารทันที

“เขาเป็นคนไร้หัวใจ...” นางหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด