ตอนที่แล้วGE434 กระบี่ไห่ถาง [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE436 ภัยพิบัติของเผ่าหกปีก [ฟรี]

GE435 เจตจำนงค์ขั้นสมบูรณ์แบบ กระบี่พรากความทรงจำ [ฟรี]


นิกายกระบี่แดงตั้งอยู่ในแคว้นระดับล่างของโลกแห่งนี้ และเป็นนิกายกระบี่อันดับหนึ่งของแค้นแห่งนั้นที่นั่น

ยามนี้หนิงฝานอยู่ตีนเขาของนิกายกระบี่แดง ข้างกายมีจื่อเฮ่อที่กำลังเดินเที่ยวชมทิวทัศน์รอบข้างอย่างมีความสุข

ตั้งแต่ที่มู่ไห่ถางกลายเป็นจื่อเฮ่อ วันเวลาผันผ่าน นิสัยของนางก็ยิ่งเหมือนจื่อเฮ่อเข้าไปทุกที

แม้จะรู้ว่าโลกใบนี้คือภาพลวง แต่หนิงฝานก็จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายจื่อเฮ่อเด็ดขาด

หนิงฝานที่อยู่ในร่างซัวเฉินยามนี้อายุ 16 ปี ระดับพลังอยู่ในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 3 นับว่าอ่อนแอเป็นอย่างมาก

หนิงฝานไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนในโลกแห่งความจริง วิชาใดๆก็ไม่ได้ติดตัวมาด้วย มีเพียงความเข้าใจในเจตจำนงค์เท่านั้น

หนิงฝานหลับตา หิมะสีดำทมิฬปรากฏบนฝ่ามือชิ้นแล้วชิ้นเล่า

พลังที่เกิดจากเจตจำนงค์นี้ ต่อให้หนิงฝานอยู่เพียงขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 3 แต่เขาก็ทรงพลังมากพอจนไร้ผู้ต้านในแคว้นระดับล่างแบบนี้

ในแคว้นระดับล่าง ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจะอยู่เพียงของเขตแก่นทองคำ พวกมันไม่มีทางต้านทานเจตจำนงค์ของเขาได้อย่างแน่นอน

“มีข้าอยู่ ไม่ว่าผู้ใดก็ทำร้ายจื่อเฮ่อไม่ได้… เท่าที่ข้ารู้ โลกพิรุณมีแคว้นอยู่ทั้งหมด 800 แห่ง ซัวเฉินน่าจะเคยเดินทางไปเยือนแคว้นต่างๆมาแล้วมากมาย”

“เพลงกระบี่แรกของซัวเฉินมีนามว่าโศกาในชีวิตและความตาย… เงื่อนไขในการทำลายเพลงกระบี่ขอ

งมัน คือการเอาชีวิตรอดโดยไม่ทำให้เกิดความโศกเศร้าเสียใจ นั่นหมายความว่า ข้าจะต้องปกป้องจื่อเฮ่อ ไม่ปล่อยให้นางเศร้าใจ!”

เมื่อคิดได้ดังนั้น หนิงฝานก็พาจื่อเฮ่อมุ่งไปยังยอดเขา

ภูเขาของนิกายกระบี่แดงนั้นสูงมาก เต็มไปด้วยอันตรายจากอสูรมากมาย ในสายตาของคนทั่วไป ภูเขาแห่งนี้ไม่สมควรเหยียบย่างเข้าไป

มู่ไห่ถางเป็นเพียงคนธรรมดา ร่างกายอ่อนแอ นางใช้เวลาเดินขึ้นเขาครึ่งวัน ได้ระยะทางเพียงพันจ้าง นางก็เหนื่อยหอบจนไม่อาจไปต่อ

หนิงฝานจ้องมองนาง สีหน้านางดูเหนื่อยอ่อน เหงื่อกายไหลริน เอนกายพึงหลังหนิงฝาน

แต่ในขณะที่นางพิงหนิงฝานอยู่นั้น จู่ๆแววตานางกลับเปลี่ยนไป ราวกับสำนึกรู้บางสิ่ง

“พี่ฝาน… เมื่อครู่ข้าฝัน!” จู่ๆมู่ไห่ถางก็กล่าวราวกับนางเป็นจื่อเฮ่อ ดูเหมือนตัวตนของจื่อเฮ่อจะเข้ามาแทนที่นางโดยสมบูรณ์แล้ว

“เจ้าตื่นแล้วเหรอ?” หนิงฝานกล่าวกับนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

ความฝันเป็นสิ่งที่ลึกลับ แม้สิ่งที่เกิดในความฝันจะดูราวกับเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อตื่นมาทุกสิ่งกลับว่างเปล่า

แต่นั่นก็ทำให้หนิงฝานตั้งมั่นมากขึ้นว่า จะต้องปกป้องนางให้พ้นจากอันตรายให้ได้

“พี่ฝาน ข้าคิดถึงท่านมาก...”

“ข้ารู้… เจ้าเพิ่งตื่น พักก่อนเถอะ ข้าจะพาเจ้าเดินทางต่อเอง” หนิงฝานมีคำกล่าวมากมายที่อยากจะกล่าว แต่เขาทำได้เพียงยิ้ม ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเข่นฆ่าศัตรูไปมากมายเพื่อเป้าหมายที่ตนจะได้กลับไปอยู่กับจื่อเฮ่ออีกครั้ง แต่ยามนี้เรื่องราวต่างๆยังไม่คลี่คลาย ทำให้เขายังกลับไปหาจื่อเฮ่อไม่ได้

เมื่อพักจนหายเหนื่อย หนิงฝานก็พาจื่อเฮ่อเดินขึ้นไปบนยอดเขา ยามนี้เขานิ่งเงียบ มีเพียงจื่อเฮ่อที่พูดคุยตลอดทาง แม้ระหว่างทางจะมีอสูรโผล่ออกมาขวาง แต่หนิงฝานแค่มอง พวกมันก็หวาดกลัวและหนีไป

ผ่านไปครึ่งวันทั้งสองก็ขึ้นไปถึงยอดเขา ยามนี้เป็นยามราตรี จันทราสาดแสง ดาราเปล่งประกายระยิบระยับ หมอกขาวรอบกายต้องแสงจันทร์ ขับส่งให้ทิวทัศน์รอบข้างดูงดงาม

แม้ทิวทัศน์รอบข้างจะงดงาม แแต่จื่อเฮ่อไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย ยามนี้นางกำลังเข้าสู่นิทราด้วยความเหนื่อยอ่อน

“พวกเจ้าหยุดก่อน!”

ศิษย์นิกายกระบี่แดง 6 คนปรากฏตัว ขวางทางไม่ให้หนิงฝานไปต่อ พวกมันส่วนใหญ่อยู่ขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 7 ที่แผ่นหลังมีกระบี่ที่สร้างจากวัสดุชั้นดี

พวกมันจ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาเรียบเฉย แต่เมื่อเห็นเห็นจื่อเฮ่อที่อยู่หลังหนิงฝาน ดวงตาพวกมันกลับเบิกกว้าง

นางงดงามมาก!

“ข้าหยูเว่ย ศิษย์นิกายกระบี่แดง เจ้าเป็นใคร! เหตุใดถึงพานางมาที่นี่!”

ผู้ที่กล่าวคือหัวหน้าของคนทั้ง 5 อยู่ในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 8... มันแผ่แรงกดดันเข้าหาหนิงฝานเพื่อข่มขู่

“ข้ามีนามว่าซัวเฉิน”

หนิงฝานพับแขนอาภรณ์ ใบหน้าเรียบเฉย แรงกดดันที่หยูเว่ยแผ่เข้าใส่สลายไป แต่พวกมันทั้งหมดกลับรู้สึกราวกับถูกบางสิ่งกระแทกอย่างแรงจนถอย กระอักโลหิตคำโต สีหน้าตกตะลึง

แม้หนิงฝานในยามนี้จะอยู่เพียงขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 3 แต่เขาไม่ได้หวาดกลัวพวกมันแม้แต่น้อย เหตุที่ต้องทำให้พวกมันกระอักโลหิตก็เพราะลงโทษที่พวกมันมองจื่อเฮ่อด้วยสายตาแบบนั้น

พวกมันคาดไม่ถึงว่าผู้ที่มาคือซัวเฉิน แม้จะอยู่เพียงขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 3 แต่ก็ต้านทานแรงกดดันขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 8 ได้ ทั้งยังทำให้พวกมันทั้งหมดกระอักโลหิต... นับว่าแข็งจนยากที่พวกมันจะจินตนาการ

“ที่แท้เป็นสหายเต๋าซัวเฉิน พวกข้าเสียมารยาทแล้ว… ประมุขนิกายได้มีคำสั่งให้รับท่านเข้าเป็นศิษย์คนสำคัญของนิกายเรา… ท่านยังสั่งอีกว่า หากท่านมาแล้ว ให้ท่านเข้าเก็บตัวฝึกฝนยังศาลากระบี่เมฆา เพื่อทำความเข้าใจกับเต๋าแห่งกระบี่ 10 ปี หากท่านสำเร็จวิชา ท่านสมควรแข็งแกร่งอันดับ 1 ใน 10 ของนิกายเรา และท่านจะเข้านอกออกในนิกายได้อย่างอิสระ”

หยูเว่ยจ้องมองหนิงฝานด้วยสายตาที่หวาดกลัว พวกมันไม่ได้หวาดกลัวในศักดิ์ฐานะ แต่หวาดกลัวในความแข็งแกร่ง ดังนั้น จึงไม่มีผู้ใดกล้ามองจื่อเฮ่ออีก หากพวกมันยังทำ คงถูกหนิงฝานสังหาร

“อย่าได้ทำแบบนั้นอีก” หนิงฝานกล่าวก่อนจะพาจื่อเฮ่อเข้าสู่นิกาย

เมื่อเหล่าศิษย์ที่อยู่ภายในเห็นหนิงฝาน พวกมันต่างคารวะด้วยความเคารพ เพราะหยูเว่ยได้บอกศิษย์เหล่านั้นว่าหนิงฝานเป็นผู้ใด… ไม่นานหนิงฝานก็ไปถึงยังศาลากระบี่ ที่นั่นมีหมอกหนาปกคลุม มีปราณหนาแน่น

ภายในศาลามีศิษย์นิกายเฝ้าอยู่ด้วยกัน 12 คน แต่ละคนอยู่ในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 5 ซึ่งนับเป็นศิษย์ชั้นยอด และรับหน้าที่มาดูแลหนิงฝาน

ตั้งแต่เข้าสู่โลกแห่งความฝัน ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นประมุขนิกายกระบี่แดงยังไม่เคยปรากฏตัวสักครั้ง ซัวเฉินได้ถูกเทียบเชิญเป็นศิษย์ด้วยวิธีการพิเศษ จึงไม่จำเป็นต้องเข้ารับการทดสอบเหมือนคนอื่นๆ

“คารวะศิษย์พี่ซัวเฉิน! ท่านประมุขได้สั่งว่า หากท่านมาถึงให้พักก่อน พรุ่งนี้ประมุขจะมาชี้แนะท่านที่นี่ด้วยตัวเอง!” แม้ท่าทางคนทั้งสิบสองจะดูเคารพหนิงฝาน แต่ลึกๆก็แฝงไว้ด้วยความเกลียดชัง

“ข้ารู้”

“มีสิ่งหนึ่งที่ข้าลืมบอกท่าน… เรามีกฏอยู่ว่าห้ามไม่ให้คนนอกเข้ามายังศาลากระบี่แห่งนี้ ดังนั้น ท่านจึงพานางไปด้วยไม่ได้” คนทั้งสิบสองหันมองจื่อเฮ่อ

“นางคือภรรยาข้า… การที่ข้าพานางมาด้วยไม่ถือเป็นเรื่องแปลก และไม่ขัดกับการฝึกฝนของข้า แต่หากเจ้ายังยืนกรานแบบนั้น ก็อย่าหาว่าข้าไร้มารยาท!” หนิงฝานกล่าวพลางแผ่ปราณสังหารจนทำให้พวกมันไม่กล้ากล่าวต่อ

พวกมันไม่เข้าใจว่าเหตุใดขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 3 ถึงได้มีปราณสังหารที่น่ากลัวขนาดนั้น

เหตุการณ์ที่เข้าสู่นิกายและได้รับการฝึกฝน 10 จะเป็นสิ่งที่ทำให้ซัวเฉินภาคภูมิใจ แต่เมื่อถึงยามนั้น เมื่อยามที่มันได้รู้ว่าคนที่มันรักถูกสังหาร ความภาคภูมิทั้งหมดจะกลายเป็นความเศร้าโศกสุดประมาณ...

หนิงฝานพาจื่อเฮ่อเข้าห้องพัก ให้นางนอนบนเตียง ส่วนเขาก็นั่งสมาธิฝึกฝนอยู่ข้างๆเพื่อคอยปกป้องนาง

เขาสัมผัสได้ถึงเจตจำนงค์กระบี่ที่รายล้อมศาลาแห่งนี้ เพียงแต่เป็นเจตจำนงค์กระบี่ที่ไม่สมบูรณ์ ราวกับประมุขนิกายพยายามจะสร้างเจตจำนงค์กระบี่เป็นของตน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

มีข่าวว่าประมุขนิกายกระบี่แดงคือผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม การที่ได้สัมผัสถึงเจตจำนงค์กระบี่ด้วยขอบเขตพลังระดับนี้นับเป็นเรื่องที่ท้าทานสวรรค์มากแล้ว ดังนั้นความล้มเหลวในการสร้างเจตจำนงค์กระบี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลก

เจตจำนงค์กระบี่ที่หนิงฝานสัมผัสได้นั้น มีลักษณะคล้ายกับหมอกควัน ซึ่งกระบี่จะก่อตัวขึ้นมาจากหมอกควันเหล่านั้น

เขาชูนิ้วชี้ขึ้นเล็กน้อย แสงสลัวราวกับหมอกควันสว่างขึ้นที่ปลายนิ้วอย่างช้าๆ เวลาล่วงผ่าน หนิงฝานก็ค่อยๆเข้าใจในเจตจำนงค์กระบี่ที่สัมผัส

เจตจำนงค์กระบี่นี้คล้ายคลึงกับเจตจำนงค์ของซัวเฉินมาก นั่นหมายความว่า ในอนาคตซัวเฉินสมควรบรรลุมัน

หากในช่วงเวลา 10 ปีสามารถฝึกฝนได้โดยไร้ซึ่งความเศร้า ซัวเฉินสมควรมีอนาคตที่ดี

แต่ในขณะที่หนิงฝานกำลังนั่งสมาธิอยู่นั้น กลับมีเสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น

“ซัวเฉิน... ถึงเจ้าจะมีอาจารย์ แต่อาจารย์ของเจ้าก็ช่วยให้ผ่านเคาระห์กรรมไม่ได้… วันนี้จะเป็นวันตายของมู่ไห่ถาง ข้าจะฆ่านางเพื่อดับอนาคตของเจ้า!”

บุรุษในอาภรณ์ดำ แผ่นหลังสะพายกระบี่ลอบเข้ามาในศาลา ก่อนจะตรงเข้าหาจื่อเฮ่อที่กำลังหลับ พร้อมง้างกระบี่หวังฟาดฟันนาง

หนิงฝานขมวดคิ้ว ดูเหมือนบุรุษผู้นี้คือผู้ที่เป็นต้นเหตุแห่งความเศร้าโศกของซัวเฉิน

“รนหาที่ตาย!” หนิงฝานเอื้อมมือไปเบื้องหน้ากระบี่ก่อตัวขึ้นจากความว่างเปล่า ตรงเข้าสังหารบุรุษผู้นั้นจนกลายเป็นหมอกโลหิต

แม้มันจะตายไปแล้ว แต่มันก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 3 ถึงได้ทรงพลังในขนาดที่สังหารผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณอย่างมันได้ในพริบตา

แม้มันอยากจะขอความเมตตา แต่หนิงฝานไม่เปิดโอกาสแม้แต่น้อย

เมื่อสังหารเสร็จ หนิงฝานโบกมือเบาๆ คราบและกลิ่นโลหิตถูกลบหายไปอย่างไร้ร่องรอย

แผ่นป้ายชีวิตของบุรุษผู้นั้นแตกหักโดยไม่มีผู้ใดรู้ว่าหนิงฝานเป็นผู้สังหาร

ในเมื่อสังหารมันได้ มู่ไห่ถางก็ไม่ต้องตาย และซัวเฉินก็ไม่ต้องเศร้าใจ

วันถัดมา ประมุขนิกายกระบี่แดงได้มาหนิงฝานที่ศาลากระบี่ พร้อมกับโอสถและวิชาอีกมากมาย จากนั้นจึงเร่งจากไปเพื่อสืบหาสาเหตุการตายของรองประมุข

ซัวเฉินมีอาจารย์ที่ดี ความตายของอาจารย์ เป็นหนึ่งในเรื่องที่ทำให้ซัวเฉินโศกเศร้า

ในช่วง 10 ปีนี้ หนิงฝานอาศัยอยู่ในศาลากระบี่เพื่อปกป้องจื่อเฮ่อ ไปพร้อมๆกับการฝึกฝนให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น

เขาใช้โอสถที่ได้มา ศึกษาวิชาที่ได้มาจนหมด… หนิงฝานไม่เคยฝึกฝนกระบี่อย่างจริงจังมาก่อน และเท่าที่เขารู้ ในช่วง 10 นี้ซัวเฉินทุ่มเทฝึกฝนวิชากระบี่อย่างหนัก

ยามนี้แรงกดดันของหนิงฝานบรรลุถึงขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูง ส่วนจื่อเฮ่อที่หลับไหลก็ค่อยๆเลือนหายไปจากโลกแห่งความฝัน เพราะตัวตนของหนิงฝานค่อยๆเข้ามาแทนที่ตัวตนของซัวเฉินอย่างช้าๆ

ในช่วง 10 ปีนี้ หนิงฝานปกป้องจื่อเฮ่อเป็นอย่างดี ไร้ซึ่งผู้ใดล่วงเกินนาง ไร้ซึ่งผู้ใดทำร้ายนาง ไร้ซึ่งความเศร้าโศกเสียใจใดๆ

ความทรงจำเดิมของซัวเฉิน หลังจากมันผ่านการฝึกวิชามา 10 ปี มันกลายเป็นมือกระบี่อันดับหนึ่งในนิกาย และได้เดินทางกลับไปยังหุบเขาที่ตนเองอยู่

แต่เมื่อไปถึง มันกลับพบว่าคนรักของมันถูกสังหารไปเมื่อ 10 ปีก่อน นั่นคือจุดพลิกผัน และจุดเริ่มต้นของความโศกเศร้า!

สิ่งที่หลงเหลืออยู่ให้มันได้คิดถึงคนรัก คือต้นไห่ถาง จึงได้หักกิ่งของต้นไห่ถาง นำมาทำเป็นกระบี่ แล้วเก็บตัวฝึกฝนอย่างหนักอีก 100 ปีเพื่อเฝ้ารอการล้างแค้น...

ยามนี้หนิงฝานฝึกฝนจนครบกำหนดเวลาแล้ว เขาจึงมุ่งทะยานออกจากนิกาย กลับไปยังหุบเขาแห่งนั้น

ระหว่างทางที่หนิงฝานกลับไป โลกแห่งความฝันเริ่มพังทะลาย เมื่อไปถึงหุบเขา โลกแห่งความฝันที่ดำเนินมาถึง 10 ปีก็ได้มาถึงจุดสิ้นสุด!

หุบเขาในยามนี้ยังปลอดภัยดี ไร้ซึ่งการเข่นฆ่าสังหาร ไร้ซึ่งความโศกเศร้า นั่นหมายความว่า หนิงฝานสามารถเอาชนะเจตจำนงค์กระบี่โศกาในชีวิตและความตายได้!

แม้กาลเวลาในโลกแห่งความฝันจะล่วงเลยไปถึง 10 ปี แต่ที่โลกภายนอกกลับผ่านไปเพียงชั่วพริบตา

การฝึกฝนวิชากระบี่ 10 ปีในโลกแห่งความฝัน ทำให้รากฐานในเต๋าแห่งกระบี่ของหนิงฝานเพิ่มมากขึ้น

“เจตจำนงค์กระบี่แรกของท่านทำอะไรข้าไม่ได้!”

“ว่าไงนะ!” สามชายชราในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นที่อยู่นอกศาลาตกตะลึง การที่หนิงฝานลืมตาขึ้นและทำลายเจตจำนงค์กระบี่ของซัวเฉิน เป็นสิ่งที่พวกมันและหงยี่คาดไม่ถึง

ไม่ว่าจะเป็นขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางหรือขั้นสูง จิตใจย่อมปั่นป่วนเพราะเจตจำนงค์กระบี่ของซัวเฉิน และบางคนไม่อาจเอาชีวิตรอดออกกลับมาได้

แต่หนิงฝานกลับรอดพ้น และตื่นจากการสะกดของเจตจำนงค์กระบี่ได้

ซัวเฉินจ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาที่นับถือ ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ผู้ที่ตื่นจากเพลงกระบี่แรกของมันได้มีอยู่เพียง 3 คนเท่านั้น นั่นคือหยุนเทียนเฉว กษัตริย์กระบี่แห่งโลกกระบี่ และผู้เชี่ยวชาญจจากแดนสวรรค์ผู้หนึ่ง และยามนี้ หนิงฝานกลายเป็นคนที่สี่แล้ว

หากชายชราเข้าใจไม่ผิด หนิงฝานคือมือกระบี่ที่มากพรสวรรค์จนไม่อาจหาผู้ใดเทียบเคียงได้ง่ายๆ ที่สำคัญ เต๋าแหงกระบี่ของหนิงฝานยังเหนือกว่าตนด้วย

“เพลงกระบี่ของข้าแบ่งออกเป็น 4 กระบี่… แม้เจ้าจะตื่นจากเพลงกระบี่แรกได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าเอาชนะเพลงกระบี่ข้าได้ เพราะข้ายังไม่ได้ทุ่มเต็มกำลัง”

ชายชราแค่คิดจะประลองกับหนิงฝานเท่านั้น ไม่ได้คิดจะต่อสู้เพื่อสังหารหรือหวังผลแพ้ชนะ

หนิงฝานพยักหน้าเป็นเชิงให้ชายชราได้ใช้เพลงกระบี่เต็มที่ เพราะหนิงฝานต้องการเรียนรู้เจตจำนงค์กระบี่ของชายชรา

ชายชราตวัดกระบี่ ความเศร้าหมองถาโถมใส่จิตใจของหนิงฝาน

“เมื่อตอนที่ข้าอายุได้ 16 ปี ข้าเข้าร่วมนิกายกระบี่แดง ทอดทิ้งไห่ถางให้อยู่เพียงลำพัง แต่อยู่มาวันหนึ่ง สวรรค์ราวกับกลั่นแกล้งข้า ให้ปีศาจชั่วช้าสังหารนาง… ข้าไม่รู้ว่ามีผู้คิดปองร้ายนางมาก่อน แต่กว่าจะรู้ก็ปาเข้าไป 10 ปีให้หลัง… ข้าเฝ้ารอทุกเมื่อเชื่อวันว่าจะได้กลับไปหาอีกครั้ง อยากจะอยู่ร่วมกับนางอีกครั้ง แต่สุดท้าย...นางก็ตาย เพลงกระบี่แรกนี้ คือเพลงกระบี่ที่รวบรวมความโศกเศร้าทั้งชีวิตข้าเอาไว้ เป็นเศร้าที่ไม่อาจเยียวยารักษา และเพลงกระบี่นี้… ทรงพลังที่จะสังหารขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นได้ในพริบตา!”

เจตจำนงค์กระบี่ของชายชราแผ่ไปทั่วศาลาอัสนี สามผู้อาวุโสที่สัมผัสได้ล้วนสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

หนิงฝานยืนนิ่ง ปล่อยให้เจตจำนงค์กระบี่เข้าจู่โจมจิตใจ

ความโศกเศร้าถาโถมใส่จิตใจของหนิงฝาน เป็นความเศร้าที่ไม่อาจปกป้องคนที่ตนรักเอาไว้ได้

หนิงฝานสัมผัสได้ว่าชายชราโศกเศร้าอย่างสุดหัวใจเป็นเวลาร่วม 10 ปีเต็ม และหลังจากนั้น ความเศร้าที่ถูกความเย็นชาเข้าแทนที่ สะกดพวกมันเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ

“ทำลาย!” เจตจำนงค์กระบี่ของชายชราไม่เป็นผลกับหนิงฝานเป็นครั้งที่สอง เขาอ้าปากดูดกลืนเอาเจตจำนงค์กระบี่ของชายชราเข้าไปทั้งหมด

จากการฝึกฝนและทำความเข้าใจในเต๋าแห่งกระบี่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาในโลกแห่งความฝัน ทำให้หนิงฝานมีความเข้าใจที่เพิ่มมากขึ้น และเข้าใจในความหมายของคำกว่า กระบี่อ่อนแอ เจตจำนงค์แข็งแกร่งอย่างถ่องแท้

“ข้าก็ใช้เพลงกระบี่ของท่านได้เหมือนกัน” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย แต่นั่นกลับทำให้ชายชราและสามผู้อาวุโสตกตะลึง

หนิงฝานยังคงรอดจากเจตจำนงค์กระบี่ของชายชราได้! นอกจากนี้ เขายังเรียนรู้เจตจำนงค์กระบี่ของชายชราได้

“เต๋าแห่งกระบี่ของเด็กนี่อยู่ระดับไหนกันแน่ เหตุใดถึงรอดจากเจตจำนงค์กระบี่ได้ง่ายๆ”

พวกมันไม่รู้ว่าเหตุใดหนิงฝานถึงหลุดรอดจากเจตจำนงค์กระบี่ได้ ที่เขาหลุดรอดได้เป็นเพราะเข้าใจในเจตจำนงค์กระบี่ขอชายชราเป็นอย่างดี

หงยี่เองก็ประหลาดใจในสิ่งที่เกิดขึ้น หนิงฝานแข็งแกร่งเกินกว่าที่นางคาดเอาไว้อีกครั้ง

ในเมื่อเพลงกระบี่แรกเอาชนะหนิงฝานไม่ได้ ก็ต้องใช้เพลงกระบี่ที่ 2

“ข้าเข้าร่วมนิกายกระบี่แดง ทุ่มเทฝึกฝนอยู่ 10 ปีจนบรรลุขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 10 แต่เมื่อได้รู้ว่าคนรักของข้าตาย และผู้ที่สังหารคือของเขตประสานวิญญาณ ข้าจึงเก็บตัวฝึกฝนอย่างหนัก 100 ปี แต่ละวันที่ผันผ่าน

หนิงฝานแหงนหน้ามองท้องนภา เมื่อได้ฟังคำกล่าวของชายชรา เขาก็ชูขึ้นไปบนท้องฟ้า เจตจำนงค์กระบี่ก่อตัว

ไม่ว่าจะเป็นความเศร้า หรือความโดดเดี่ยว เขาล้วนต้องประสบกับมัน เพียงแต่ความโดดเดี่ยวของเขาและของชายชรานั้นต่างกัน ชายชราโดดเดี่ยวเพราะต้องเสียคนรัก แต่หนิงฝานต้องโดดเดี่ยวและเผชิญหน้ากับเส้นทางการฝึกฝนที่เต็มไปด้วยโลหิต

แววตาหนิงฝานในยามนี้เปล่งประกาย ความเข้าใจในเจตจำนงค์กระบี่เพิ่มพูน

“กระบี่ที่ 3 ของข้า… พันปีไม่อาจแยกจาก และกระบี่ที่ 4 ของข้า หมื่นปีไม่อาจพลัดพราก! นางคงอยู่ในใจข้ามาโดยตลอด ดวงจิตของนางยังห่วงหาข้า จนนางกลายมาเป็นกระบี่ของข้า! ข้าจะไม่ยอมพลัดพรากจากนาง!”

“เหตุที่ข้าไม่อาจบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูง ไม่ใช่เพราะเจตจำนงค์ของข้ายังไม่บรรลุ แต่เป็นเพราะข้าไม่อาจตัดใจจากนาง แม้ว่าการทอดทิ้งนางจะทำให้ข้าทะลวงระดับได้ แต่หากให้ทิ้งนาง ข้าขอทำลายพลังของข้าทิ้งเสียยังดีกว่า!”

ชายชรากล่าวด้วยแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความเศร้าใจ หากชายชราไม่ยอมทิ้งมู่ไห่ถาง ชายชราก็ไม่อาจยกระดับพลังได้

แต่ถึงอย่างนั้น ชายชราก็ยังไม่ยอมแพ้ และไม่ทอดทิ้งนางเช่นกัน

ความเศร้าของชายชราที่แผ่เข้าสู่จิตใจของหนิงฝาน ยิ่งทำให้จิตใจของหนิงฝานเข้มแข็งขึ้น

ตอนนี้เขาเข้าใจความเศร้าของชายชราแล้ว เขาหลับตา ซึมซับเอาความเศร้าของชายชราพร้อมกับความทรงจำตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน

แต่ที่น่าประะหลาดใจคือหนิงฝานไม่ได้ตกอยู่ในห้วงความเศร้า เพราะความเศร้าเหล่านั้น ถูกเจตจำนงค์แห่งความทรงจำของเขาดูดซับไปทั้งหมด

หนิงฝานแบมือ เกร็ดหิมะสีดำก่อตัวบนฝ่ามือ ยิ่งหิมะเหล่านั้นเพิ่มจำนวน รูปร่างที่พวกมันก่อตัวก็เริ่มเด่นชัด จนกลายเป็นกระบี่เล่มเล็กเล่มหนึ่ง

กระบี่เล่มนี้เกิดจากเจตจำนงค์กระบี่ของชายชรา และทำให้เจตจำนงค์แห่งความทรงจำของหนิงฝานยกระดับไปอีกขั้น

“10 ปีแห่งความโศกเศร้า… 100 ปีแห่งความอ้างว้าง… 1000 ปีแห่งการยึดติด… 10000 ปีแห่งการผูกพัน… จากความทรงจำของท่าน ช่วยให้ข้าสร้างกระบี่เล่มนี้ขึ้นมาได้… นั่นคือ ‘กระบี่พรากความทรงจำ’! บางที ข้าอาจจะช่วยให้ท่านบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงได้... ในเมื่อท่านไม่ต้องการพรากจากนาง ทางเดียวที่จะช่วยท่านได้ คือเก็บนางไว้ในความทรงจำของท่าน ให้ท่านรับรู้ว่านางยังอยู่กับท่านเสมอ!”

หนิงฝานชูมือขึ้น กระบี่เล่มเล็กสีดำพุ่งออกจากฝ่ามือ ตรงเข้ากลางหน้าผากของชายชรา!

กระบี่เล่มนั้นมุ่งเข้าสู่ทะเลสติ เข้าฟาดฟันความทรงจำที่โศกเศร้าทั้งหมดของชายชราไปทีละความทรงจำ

*ตึง*

ชายชราทรุดเข่าลงกับพื้น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง

หนิงฝานทำความเข้าใจในเพลงกระบี่ทั้ง 4 ของชายชรา สร้างเป็นกระบี่เล่มหนึ่งออกมา เพื่อตัดความทรงจำของชายชราโดยเฉพาะ

ความโศกเศร้าและเปล่าเปลี่ยวของชายชรามาจากความทรงจำในอดีต หากไร้ซึ่งความทรงจำเหล่านั้น ชายชราก็ไม่ต้องเจ็บปวดอีก

“ท่านแพ้แล้ว!”

หนิงฝานจ้องมองซัวเฉิน ถอนกระบี่กลับออกมาจากทะเลสติของชายชราแล้วกลืนเข้าไปในร่างเช่นเดิม

กระบี่เล่มนี้ของหนิงฝานมีความสามารถอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือการตัดความทรงจำ อีกหนึ่งคือตัดเจตจำนงค์ของอีกฝ่าย

“กระบี่เล่มนั้นมันอะไรกัน เหตุใดถึงได้ได้ตัดเจตจำนงค์ของผู้อาวุโสสามได้!”

“ข้าก็ไม่เข้าใจ รู้แค่ว่ามันลึกล้ำจนยากหยั่งถึง!”

“ข้ารู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยเห็นมาจากตำราโบราณ แต่ข้าจำชื่อของมันไม่ได้”

สามผู้อาวุโสพูดคุย แต่หงยี่กลับดวงตาเบิกกว้างและกล่าวขึ้น “นั่นมัน… อาวุธที่เกิดจากเจตจำนงค์! ตำราโบราณกล่าวว่า มีเพียงผู้ที่ก้าวจากขั้นที่ 2 ของเขตจำนงค์ ไปสู่ขั้นที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น ถึงจะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้!”

“ว่าไงนะ! กระบี่เล่มนั้น คืออาวุธที่เกิดจากเจตจำนงค์! นี่… ซัวหมิงบรรลุเจตจำนงค์ขั้น 3 สร้างสิ่งลวงให้กลายเป็นจริงแล้วเหรอ!”

“หากจะนับในโลกพิรุณ ผู้ที่บรรลุเจตจำนงค์ขั้นสองยังหาได้ยาก ต่อให้เป็นแดนสวรรค์ เหล่าเซียนที่บรรลุเจตจำนงค์ขั้นนี้มีเพียงแค่หยิบมือ”

“ขอบเขตสมบูรณ์แบบ! อย่างต่ำต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นสูงเท่านั้นที่จะสัมผัสถึงมันได้ แต่หากผู้ใดที่บรรลุมันได้ อนาคตย่อมกว้างไกลไร้ประมาณ” สามผู้อาวุโสตกตะลึง

ซัวเฉินที่นั่งคุกเข่า ความเศร้าเริ่มจางหายจากใจ แววตากลับมากระจ่างใสเช่นเดิม

“นอกจากเจ้าจะรับกระบี่ข้าได้ เจ้ายังทำลายเจตจำนงค์ข้าได้… ข้าแพ้แล้ว ข้าจะนำสมุนไพรแสนปี 40 ชนิดมาให้เจ้า แต่ก่อนนั้น ขอข้าตัดแขนตนเอง เพื่อชดเชยเรื่องที่ข้าขัดคำสั่งของคุณหนูก่อน”

“ไม่จำเป็น รีบไปเอาสมุนไพรมาได้แล้ว!” หงยี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่แววตาของนางไม่ได้เย็นชาเหมือนก่อน

“นี่...” ชายชราสงสัย หากผู้ใดที่ขัดคำสั่งนาง นางจะสังหารทันที แต่ยามนี้นางกลับไม่ทำเช่นนั้น ช่างน่าแปลก

“คุณหนู...เปลี่ยนไป” ชายชราเองก็หวังให้นางเป็นคนที่อ่อนโยนมากขึ้น

หนิงฝานถอนหายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เขากลืนกินความเศร้าของชายชรา แล้วให้กำเนิดกระบี่เล่มหนึ่ง

“เด็กคนนี้ควรค่าที่จะได้สมุนไพรแสนปี ในอนาคต ข้าต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อเอาชนะเขาให้ได้!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด