บทที่ 162 ราชานักปรุงยา
ปัง!
ประตูห้องของเจ้าอ้วนเฉียนว่านก้วนถูกเจียงอี้ถีบอย่างแรง เจ้าอ้วนที่กำลังงีบหลับอยู่สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เมื่อเขาเห็นฟันขาวของเจียงอี้ถูกชโลมไปด้วยเขม่าสีดำ เขาก็กล่าวออกมา
“ลูกพี่ เจ้าเกือบทำข้าหัวใจวายตายแล้ว มีอะไรให้ข้าช่วยงั้นรึ?”
“ฮิฮิ!”
เจียงอี้หัวเราะอย่างมีเลศนัยและยื่นขวดหยกให้กับเฉียนว่านก้วน “ไปหาปรมาจารย์นักปรุงยาแล้วให้เขาประเมินเม็ดยานี้ที”
“เม็ดยา?”
ใบหน้าอันอวบอ้วนของเฉียนว่านก้วนเต็มไปด้วยความสงสัย เขาหยิบขวดหยกขึ้นมาและเอ่ยถาม
“ลูกพี่ เจ้ากลั่นเม็ดยาได้นานแค่ไหนกันเชียว? แล้วเจ้าต้องการเชิญปรมาจารย์เม็ดยาระดับไหน?”
ในความคิดของเฉียนว่านก้วน เจียงอี้เพิ่งจะกลั่นเม็ดยาได้ไม่นาน อย่างมากสุดเม็ดยาที่เขากลั่นออกมาได้ก็คงเป็นเพียงแค่เม็ดยาระดับมนุษย์ขั้นกลางเท่านั้น
แต่หลังจากที่ดึงฝาขวดหยกออก สีหน้าของเจ้าอ้วนเฉียนว่านก้วนก็แปรเปลี่ยนไป เขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เฉียนว่านก้วนรีบหยิบยาเม็ดหนึ่งขึ้นมาพร้อมกับจ้องมองด้วยความหลงใหล จากนั้นก็กล่าวอย่างตะกุกตะกัก "มะ เม็ดยาระดับสวรรค์?! อีกทั้งยังมีลวดลาย? ลูกพี่ เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้ากลั่นมันด้วยตัวเอง? หากเจ้ากล้าพูดเช่นนั้น ข้าจะกินอึตัวเอง!”
“ทำไมไม่กินของข้าซะล่ะ? เหอะ เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว!”
เจียงอี้กลอกตาและกล่าวด้วยความไม่พอใจ “เจ้าไปถามใครก็ได้ ข้าเอาหัวเป็นประกันเลยว่าไม่มีใครกลั่นเม็ดยาได้แบบนี้มาก่อน”
“แล้วก็จำไว้นะ อย่าให้ใครรู้ว่ามันเป็นผลงานของข้า เข้าใจไหม?!”
หลังจากที่กล่าวจบ เจียงอี้ก็หันหลังกลับและไปชำระร่างกายก่อนที่จะเข้าสู่การบ่มเพาะพลัง หลังจากที่กลั่นเม็ดยาสำเร็จแล้ว เขาก็รู้สึกราวกับว่าได้ยกภูเขาออกจากอกและเหลือเพียงแค่รอผลประเมิน
เมื่อเห็นว่าเจียงอี้มั่นใจในตัวเองมากขนาดนั้น เฉียนว่านก้วนก็ไม่ได้เอ่ยถามอีกต่อไป เขารีบมุ่งหน้าสู่เมืองจิตอสูรและตรงไปยังศูนย์การค้าขนาดใหญ่ของตระกูลเฉียน ในนั้นมีปรมาจารย์นักปรุงยาระดับสามประจำการอยู่
เพราะความร้อนใจ ทำให้เฉียนว่านก้วนขอร้องให้ผู้อาวุโสหลิวพาเขาเหาะลงจากเขาและใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้นก่อนถึงเมืองจิตอสูร เขาก็ตรงไปยังร้านขายเม็ดยาและตะโกน “เชิญผู้อาวุโสเฉินออกมา ข้ามีเรื่องจะถามเขา!”
เมื่อผู้จัดการร้านได้ยินดังนั้น เขาก็รีบส่งคนไปเชิญผู้อาวุโสเฉินในทันที จากนั้นก็เชิญเฉียนว่านก้วนไปยังห้องรับรองที่ถูกตกแต่งอย่างสวยหรู
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ที่ถูกเรียกว่าผู้อาวุโสเฉินก็เดินออกมา แม้ว่าเขาจะเป็นถึงปรมาจารย์นักปรุงยาระดับสามและมีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเฉียนว่านก้วนผู้ซึ่งอาจจะกลายเป็นผู้นำตระกูลเฉียนในอนาคต เขาก็ไม่กล้าที่จะแสดงความหยิ่งผยองใดๆออกมา
อย่างไรก็ตามภายในใจของผู้อาวุโสเฉินก็คิดว่าเฉียนว่านก้วนคงจะนำเม็ดยาธรรมดาๆมาให้เขาประเมินเท่านั้น แต่เขาก็ฉลาดพอที่จะไม่ปริปากและลงมือประเมินทันที
นะ นะ นี่มัน!
แต่เมื่อผ่านไปเพียงไม่กี่ลมหายใจ สีหน้าอันเฉยเมยของผู้อาวุโสเฉินก็แปรเปลี่ยนไปและเผยให้เห็นความตกใจสุดขีด จากนั้นเขาก็เดินเข้ามาใกล้เฉียนว่านก้วนและถามด้วยความใคร่รู้
“ประมุขน้อย ข้าขอเรียนถามท่านได้ไหมว่าใครคือผู้กลั่นเม็ดยาเม็ดนี้? ชายชราผู้นี้อยากพบเขาเหลือเกิน”
คิ้วของเฉียนว่านก้วนขมวดเข้าหากันขณะผายมือ “ท่านไม่สามารถพบคนผู้นี้ได้และไม่ต้องถามใดๆทั้งสิ้น ข้าเพียงแค่ต้องการรู้ผลประเมินของมันเท่านั้น?”
“แน่นอนว่าต้องเป็นระดับสวรรค์!”
ผู้อาวุโสเฉินกล่าวโดยไม่ต้องคิด “มันคือเม็ดยาระดับสวรรค์ขั้นต่ำไม่ผิดแน่และยังเป็นเม็ดยาที่มีลวดลาย มูลค่าของมันสูงยิ่งกว่าเม็ดยาจิตวิญญาณสวรรค์เสียอีก แต่สำหรับผลลัพธ์ของมัน ข้ายังไม่ได้ทดสอบ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉียนว่านก้วนก็รีบเอ่ยถามกลับไปด้วยความกระวนกระวาย “ยังไม่ได้ทดสอบ? แล้วท่านออกมาทำไม? ท่านรีบเอากลับไปทดสอบเลยนะ”
“ข้า…”
ผู้อาวุโสเฉินแสดงความลำบากใจออกมา หากคนตรงหน้าไม่ใช่เฉียนว่านก้วน เขาคงจะทำทุกวิธีเพื่อเค้นคำตอบจากอีกฝ่ายไปแล้ว เมื่อยืนควบคุมสติอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็อธิบายออกมาอย่างอดทน
“เหตุผลที่ข้าต้องการจะพบผู้กลั่นเม็ดยาเหล่านี้ เป็นเพราะว่าวิธีการการกลั่นเม็ดยาของคนผู้นั้นเหมือนกับข้าไม่มีผิด แต่ข้าไม่มั่นใจว่าเขาเพิ่มวัตถุดิบบางอย่างลงไปหรือใช้คาถาลึกลับจึงเปลี่ยนให้เม็ดยามังกรปฐพีกลายเป็นเม็ดยาระดับสวรรค์ขั้นต่ำเช่นนี้ อีกทั้งยังเพิ่มลวดลายให้มัน…”
“หืม?”
เฉียนว่านก้วนตกอยู่ในภวังค์ เม็ดยามังกรปฐพีที่เขาให้เจียงอี้นั้นแท้จริงแล้วถูกปรุงโดยผู้อาวุโสเฉินคนนี้ เหตุผลที่เฉียนว่านก้วนสามารถทำกำไรได้มากมายภายในสำนักจิตอสูร ทั้งหมดก็เป็นเพราะผู้อาวุโสเฉินด้วยเช่นกัน
แต่เขาก็ไม่คาดคิดเลยว่าเจียงอี้จะนำเม็ดยามังกรปฐพีไปเพิ่มกระบวนการบางอย่างจนมันถูกยกระดับได้สำเร็จ
ความจริงแล้วแม้แต่ตัวของเฉียนว่านก้วนก็แทบจะไม่เชื่อในสายตาตัวเอง เขาทราบดีว่าเจียงอี้แข็งแกร่งมาก แต่ก็มีจุดด้อยที่พลังวิญญาณ อีกอย่างเขาเพิ่งเรียนรู้การกลั่นเม็ดยาได้ไม่กี่วัน มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เขาปรุงเม็ดยาระดับสวรรค์ขึ้นมาได้?
แต่ไม่นานนักเฉียนว่านก้วนก็กำจัดความคิดเหล่านี้ทิ้งไปและกล่าวต่อ “ผู้อาวุโสเฉิน ท่านไม่ต้องถามให้มากความ รีบไปทดสอบผลของยาเหล่านี้ก่อนเร็วเข้า!”
แม้ว่าเจียงอี้จะกลั่นเม็ดยาระดับสวรรค์ออกมาได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่ามันจะมีสรรพคุณเทียบเท่ากับเม็ดยาสวรรค์จริงๆหรือไม่ นอกจากนี้ หากว่ามันมีผลข้างเคียงที่เลวร้าย ต่อให้มันเป็นถึงเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ก็ไร้ประโยชน์
ผู้อาวุโสเฉินพยักหน้าและรีบออกไปอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากที่เขาจากไปได้ไม่นานนัก ข้ารับใช้ตระกูลเฉียนผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบและกล่าวรายงาน
“ประมุขน้อย จ่างซุนอู๋จี้มาที่นี่ขอรับ อีกทั้ง… เขายังมาพร้อมกับองค์ชายสามด้วยขอรับ! ตอนนี้ พวกเขาทั้งหมดได้เข้าไปในโถงวรยุทธแล้ว”
“องค์ชายสาม?”
สีหน้าของเฉียนว่านก้วนดูเคร่งเครียดในทันที แน่นอนว่าในเมืองจิตอสูรย่อมต้องมีสาขาของโถงวรยุทธตั้งอยู่ แต่สำนักจิตอสูรเองก็มีห้องบ่มเพาะพลังเป็นของตัวเอง ดังนั้นศิษย์ส่วนมากจึงไม่ได้มาที่นี่ ในตอนนี้สุ่ยเชียนโหรวคือผู้ที่มีสถานะสูงส่งที่สุดที่ฝึกอยู่ในโถงวรยุทธ
“ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาซะแล้ว…”
เฉียนว่านก้วนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้กลัวจ่างซุนอู๋จี้ ถึงอย่างนั้นเขาไม่สามารถประมาทองค์ชายสามผู้นี้ได้ เฉียนว่านก้วนรู้ว่าคนผู้นี้ไม่มีหวังที่จะได้ขึ้นครองบัลลังก์แต่สถานะของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่จะลบหลู่ได้
เหตุผลที่จ่างซุนอู๋จี้เชิญองค์ชายสามมาที่เมืองจิตอสูรก็เพื่อให้มาเกี้ยวพาสุ่ยเชียนโหรวและใช้เขาเพื่อจัดการกับเจียงอี้
“ยังไม่ต้องทำอะไร องค์ชายสามไม่สามารถเข้าไปในสำนักได้ ส่งคนไปจับตาดูพวกเขาไว้ หากพบอะไรผิดปกติก็ให้รีบกลับมารายงานข้าทันที!”
จากนั้นเฉียนว่านก้วนก็ส่งสัญญาณให้ข้ารับใช้ผู้นั้นออกไป
แม้ว่าองค์ชายสามจะเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ แต่เขาก็ไม่ได้กลัวคนผู้นี้ เขาเพียงแค่ไม่ต้องการจะยั่วยุผู้มีอิทธิพลโดยไม่จำเป็นเท่านั้น
นอกจากนี้องค์ชายสามยังได้ชื่อว่าเป็นหมาบ้าที่พร้อมจะกัดทุกคนที่ทำให้เขาขุ่นเคือง
หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ผู้อาวุโสเฉินก็เดินออกมาพร้อมกับสีหน้าอันชื่นมื่น “ประมุขน้อย เม็ดยานี้มีสรรพคุณทางยาที่บริสุทธิ์มากแต่ก็อ่อนด้อยกว่ายาระดับสวรรค์ขั้นต่ำทั่วไปอยู่เล็กน้อย แต่เป็นเพราะลวดลายเม็ดยาทำให้มันมีมูลค่าเทียบเท่ากับเม็ดยาระดับสวรรค์ขั้นต่ำไม่ผิดแน่ ผู้ที่กลั่นมันได้อย่างน้อยก็จะต้องเป็นถึงระดับราชานักปรุงยา!”
“ร้ายกาจจริงๆ!”
ใบหน้าของเฉียนว่านก้วนเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เบิกบานราวกับดอกไม้ เขารู้อยู่แล้วว่าเจียงอี้ไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่คิดว่าจะผิดมนุษย์มนาเช่นนี้
ผู้อาวุโสเฉินกลั่นเม็ดยามาตลอดทั้งชีวิตและเม็ดยาระดับสูงสุดที่เขากลั่นได้ก็คือเม็ดยามังกรปฐพี หากไม่สามารถทะลวงคอขวดและพัฒนาฝีมือ เกรงว่าทั้งชีวิตของเขาก็คงเป็นได้เพียงปรมาจารย์นักปรุงยาระดับสาม
ในขณะเดียวกัน เจียงอี้ที่เป็นมือใหม่กลับสามารถสร้างเม็ดยาระดับสวรรค์ขึ้นมาได้ หากผู้อาวุโสเฉินรู้ความจริงข้อนี้ขึ้นมา เขาจะไม่กระอักเลือดจนตายด้วยความคับข้องใจเลยหรือ?
แต่ด้วยท่าทางของผู้อาวุโสเฉินตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆและเลือกที่จะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ประมุขน้อย จะเป็นไปได้ไหมที่ท่านจะขอให้ปรมาจารย์ผู้นั้นให้คำแนะนำข้าสักอย่างสองอย่าง ข้าขอสัญญาว่าตราบเท่าที่ข้าสามารถกลั่นเม็ดยาระดับสวรรค์ขึ้นมาได้ ข้าจะทำงานให้ท่านโดยไม่รับรางวัลใดๆเป็นเวลาสิบปี!”
“เราจะพูดเรื่องนี้กันทีหลัง!”
เฉียนว่านก้วนบอกปัด จากนั้นเขาก็กล่าวต่อ “ข้าจะกลับไปถามเขาให้ แต่จำไว้นะ… ท่านห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปเป็นอันขาด”
หลังจากที่กล่าวจบ ผู้อาวุโสหลิวก็คว้าร่างอันอ้วนท้วนของเฉียนว่านก้วนและพากลับสำนักอย่างรวดเร็ว ตลอดทาง เฉียนว่านก้วนราวกับตกอยู่ในห้วงความฝัน
“ลูกพี่ต้องเป็นสัตว์ประหลาดแน่ๆ! ด้วยความสามารถที่เขามี หนึ่งร้อยล้านตำลึงทองก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป แม้ว่าเขาจะไม่ทำอะไรเลยและมุ้งเน้นไปที่การกลั่นเม็ดยาเพียงอย่างเดียว เขาก็จะสบายไปทั้งชาติ”
“เป็นไงล่ะผู้อาวุโสหลิว ท่านไม่คิดว่าศาสตร์ลับแห่งการตัดสินของข้านั้นยอดเยี่ยมหรือ? คราวนี้พวกตาเฒ่าในตระกูลจะได้หุบปากเสียที ฮ่าฮ่า”