ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 การออกแบบเมค

บทที่ 1 ยุคสมัยแห่งเมค


บทที่ 1 ยุคสมัยแห่งเมค

พวกเขาเรียกยุคนี้ว่า ยุคสมัยแห่งเมค

มันไม่เหมือนว่าเป็นการนำเมคมาแทนที่อาวุธสงครามอื่นๆ ในสงครามกาแล็คซี่กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาวที่พยายามกำจัดมนุษยชาติ ทั้งเรือรบและอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูงก็ยังคงมีบทบาทสำคัญ

แต่ระเบิดนิวเคลียร์นั้นอันตรายเกินไปหากใช้กับมนุษย์ เผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาวสามารถต่อรองได้อย่างง่ายดายหากมนุษยชาติอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องจากเหตุการความขัดแย้งภายใน

สงครามไร้จุดหมายเหล่านี้จะสิ้นสุดลงเมื่อมนุษยชาติรวมกันเป็นปึกแผ่น ผู้มีวิสัยทัศน์หลายคนพยายามที่จะทำเช่นนั้น และประสบความสำเร็จจนถึงจุดจุดหนึ่ง

สงครามไร้จุดหมายเหล่านี้จะสิ้นสุดลงเมื่อมนุษยชาติรวมศักดินาที่แยกต่างหากของมันทั้งหมด ผู้มีวิสัยทัศน์หลายคนพยายามที่จะทำเช่นนั้นและประสบความสำเร็จจนถึงจุดหนึ่ง

สันติภาพไม่เคยเกิดขึ้น

เผ่าพันธุ์มนุษย์มีแนวโน้มที่จะล่มสลาย การรวมกลุ่มกันล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า

ดังนั้นผู้คนจึงคงแยกกันอยู่แต่คงความเป็นพันธมิตรกันอย่างหลวมๆ โดยเกี่ยวพันกันด้วยบรรพบุรุษร่วมกัน สงครามยังคงดำเนินต่อไป แต่ด้วยสนธิสันญาอันซับซ้อนจำกัดการใช้อาวุธทำลายล้างสูง เผ่าพันธุ์มนุษย์เริ่มมีโอกาสที่ดีกว่าในการต่อต้านการรุกรานจากมนุษย์ต่างดาวเมื่อเริ่มหยุดทำลายฐานที่มั่นและเรือของตนเอง

“มันเป็นเรื่องที่ดีและน่ายินดีที่จะพิชิตดาวเคราะห์ของเพื่อนบ้าน อย่างน้อยที่สุดก็อย่านำปืนใหญ่ออกมา และช่วยกรุณาเช่าสิ่งที่มีราคาแพงในพื้นที่เหมือนเดิม”

ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด แต่อย่างใดมนุษยชาติก็ผ่านมันไปอย่างงงงวย

ด้วยการต่อสู้ทางเรือเริ่มลดลง การทำสงครามภาคพื้นดินเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใหม่ ทหารราบ รถถังและปืนใหญ่ได้รับความนิยมอย่างมากในขณะที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนตนเอง

โดยธรรมชาติแล้วการบุกรุกนั้นไม่ได้ง่าย บังคับให้ทำงานบนดินแดนของศัตรูมักนำไปสู่สงครามความขัดแย้ง

แม้ว่าผู้รุกรานจะสามารถเอาชนะศัตรูได้ แต่มันเป็นความพยายามที่คุ้มค่าหรือเปล่า? พวกเขาตระหนักได้ว่าพวกเขาสูญเสียเงินทองมากกว่าสิ่งที่พวกเขาได้รับจากภายในดินแดน

เหล่าผู้อุปถัมภ์ส่วนใหญ่ตระหนักไ้ดว่าสงครามที่ยืดเยื้อเป็นธุรกิจที่สูญเสียเงิน

“เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ไ” ผู้รักสันติคิดขณะตบหลัง สนธิสัญญาดังกล่าวได้ถูกร่างขึ้นอย่างครอบคลุมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เช่นนั้น หากไม่มีเครื่องมือในการข่มขู่ดาวเคราะห์ให้เป็นผู้ยอมแพ้อย่างรวดเร็ว พวกผู้อุปถัมภ์สงครามจะต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่เก่าและไร้ประสิทธิภาพเพื่อที่จะพิชิตดินแดน

มันกลับกลายเป็นว่าเหล่าคนรักสันติภาพเฉลิมฉลองเร็วเกินไป

นับตั้งแต่ตำนานของ แม็ค หลิวก้าวเข้าสู่สนามรบเป็นครั้งแรกด้วยเครื่องจักรฮิวมานอยด์ขนาดยักษ์ที่เรียกว่า เมค สงครามก็ได้เปลี่ยนไปตลอดกาล

มันก้าวเข้าสู่รูปแบบใหม่ทั้งหมด

มันสามารถที่จะแสดงความสามารถได้แม้กระทั่งดาวเคราะห์ที่ไม่เอื้ออำนวยมากที่สุด เมคตัวแรกสร้างคำเยาะเย้ยต่อวิถีสงครามที่ช้าและไม่เปลี่ยนแปลงของกองทัพดั้งเดิม

“ร่างกายมนุษย์เป็นอาวุธที่ดีที่สุดของมนุษย์” หนึ่งในนักประดิษฐ์เมคกล่าวไว้ หลังจากที่เมครุ่นแรกได้พังทลายดินแดนของประเทศขนาดใหญ่ไปกว่าครึ่ง “ทุกคนรู้ว่าทหารราบนั้นมีความยืดหยุ่นแต่เปราะบาง ในขณะที่รถถังนั้นแข็งแกร่งแต่เงอะงะ ดังนั้นวันหนึ่งเราจึงคิดว่าทำไมไม่สร้างอาวุธใหม่ที่คล้ายกับมนุษย์และขยายขนาดของมันขึ้น”

ผลลัพธ์ของมันทำให้เกิดการปฏิวัติที่ดึงดูดผู้คนทั่วทั้งกาแล็กซี่โดยนำเอาอาวุธรูปแบบมนุษย์มาเป็นแรงบันดาลใจ

เร็วกว่าทหารราบ ยืดหยุ่นได้มากกว่ารถถังและสามารถพกพาอาวุธได้หลากหลาย พวกเขายังต้องการทรัพยากรที่น้อยกว่า การขนส่งของมันก็ยังใช้ทรัพยากรที่น้อยกว่า แค่สิ่งนี้ก็ทำให้เมคสามารถมาแทนที่การปฏิบัติงานในรูปแบบอื่นๆ

ยุคสมัยแห่งเมคแผ่ขยายออกไปอย่างงดงาม การเผยแพร่ของเมคได้รับการจดบันทึก มีทั้งเกมออนไลน์และออฟไลน์ทำให้ผู้คนจำนวนมากเข้าใกล้เครื่องจักรที่มีเสน่ห์นี้ ผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ต่างลงทุนในอุตสาหกรรมเมคทำให้เมคเติบโตอย่างรวดเร็ว บริษัทสตาร์ทอัพนับไม่ถ้วนที่ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ดต่างนำเสนอเมคในรูปแบบของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร

ยุคสมัยแห่งเมคดูเหมือนจะเป็นการนำพามนุษยชาติเข้าสู่ยุคทองใหม่

น่าเสียดายมีเพียงชนชั้นสูงเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถก้าวเข้าสู่โลกที่แท้จริงของเมค เมคขั้นพื้นฐานที่สุดยังต้องการสิทธิบัตรหลายร้อยรายการและความรู้ด้านอื่นๆ ก็ยังต้องใช้ต้นทุนมหาศาลในการเข้าถึงใบอนุญาต

ผู้ที่สนใจจะเป็นนักบินเมคยังต้องการยีนที่เหมาะสมร่วมด้วย ด้วยการตอบสนองประสาทสัมผัสของผู้พรสวรรค์เท่านั้นที่จะสามารถขับเคลื่อนมันได้ ผู้ที่เพิกเฉยต่อคำเตือนนั้นผลลัพธ์คือสมองไหม้ได้

การใช้เวลายาวนานสำหรับศึกษาวิจัยได้สรุปสถิติดังนี้ มีเพียง 3.5 % ของมนุษยชาติทั้งหมดที่มีพันธุกรรมที่ถูกต้องในการเชื่อมต่อกับส่วนต่อประสานประสาทกับเมค ชนชั้นสูงที่มีสิทธิพิเศษเหล่านี้ผ่านการทดสอบความเข้ากันได้ตั้งแต่วันเกิดปีที่ 10 ของพวกเขา และพวกเขาจะถูกชื่นชมบูชาจาก 96.5 % ที่ไม่สามารถก้าวเข้าสู่ห้องนักบินได้

และไม่ใช่ 3.5% ที่จะสามารถเข้าสู่ห้องนักบินของเมคได้ แม้แต่ผู้ที่มีศักยภาพต่ำที่สุดจากดาวเคราะห์ที่เป็นสาขาส่วนใหญ่ต่างก็ต้องได้รับการฝึกฝน เมื่อพวกเขามีความสามารถขั้นพื้นฐานในการขับขี่พวกเขาก็จะถูกบรรจุเป็นตัวสำรอง

เวส ลาร์กินสันเกิดมาพร้อมกับความเชื่อมั่นที่เขาจะเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่อยู่ในห้องเครื่องของเมค พ่อของเขาเป็นผู้ควบคุมเมค ปู่ของเขาก็ยังเป็นผู้ควบคุมเมค เขาสามารถนับชื่อบรรพบุรุษอย่างน้อยเก้าคนที่ทำหน้าที่อย่างมีเกียรติในกองทัพเมคที่มีชื่อเสียงของสาธารณรัฐแห่งแสง คุณป้าและคุณลุงของครอบครัวลาร์กินสันส่วนใหญ่ต่างก็มีประวัติอันยาวนานในการเป็นผู้ควบคุมเมค

“พ่อ การเป็นนักบินเป็นอย่างไร?”

“มันอันตราย แต่ในช่วงเวลานั้นมันทำให้เรารู้สึกมีชีวิตชีวา”

วันเกิดปีที่สิบของเขาได้เปลี่ยนชีวิตของเขา โลกทั้งใบคล้ายแตกสลายเมื่อหมอจากสาธารณรัฐประกาศผล พันธุกรรมของเขาระบุว่าเขาเป็นหนึ่งใน 96.5% กล่าวอีกนัยหนึ่งนั่นคือเขาเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ ไม่ว่าจะกล่าวยังไงก็ตาม เวส กลายเป็นคนธรรมดาที่ไม่สามารถเข้าห้องนักบินได้ตลอดชีวิตของเขา

“มันไม่มีอะไรที่น่ารังเกียจเกี่ยวกับการที่เธอมียีนที่แตกต่าง” หมอยืนยันกับเวส เขาบดขยี้ความฝันของเด็กๆ นับไม่ถ้วนแล้ว การเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งไม่ทำให้เขากระทบกระเทือนใดๆ “ไม่มีใครที่เก่งทุกอย่าง ส่วนที่เหลือ 96.5% ต่างผ่านไปได้ด้วยดี ค้นหาความชอบของตัวเธอเอง ไม่ใช่ทุกคนจะถูกกำหนดให้เดินตามรอยเท้าพ่อ”

พ่อของเขา รินโคล ลาร์กินสัน ตบหลังเวสเป็นการปลอบใจแล้วยื่นไอศครีมให้เขา ‘เขาจะทำอะไรได้อีก?’ การต้องออกปฏิบัติหน้าที่ของเขาทิ้งให้เวสต้องอยู่อย่างซึมเศร้าและโดดเดี่ยว

ดังนั้นเวสจึงหันหลังให้กับเด็กชายผู้มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นผู้ควบคุมเมคแล้วกลายเป็นวัยรุ่นที่หมกมุ่นอยู่กับเกมส์และปาร์ตี้ แม่ที่ตายไปแล้วและพ่อที่ไม่สามารถลางานบ่อยๆ ทำให้ไม่มีใครสามารถควบคุมเวสได้ เขาจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมด้วยคะแนนต่ำเตี้ยเรี่ยดิน

"แล้วยังไงต่อ?"

ในที่สุดเวสก็กลับมาเข้ารูปเข้ารอยเมื่อคิดถึงอนาคตของเขา เขาไม่สามารถทิ้งอนาคตไปอย่างนี้ได้ตลอดกาล

“ฉันไม่ใช่นักบิน ฉันไม่เคยสัมผัสห้องเครื่องเลย สิ่งที่ฉันรู้ก็คือเมค ถ้าโชคชะตาของฉันไม่อาจเป็นผู้ควบคุมเมคได้ ฉันก็สามารถทำอย่างอื่นได้ ฉันยังคงเป็นลาร์กินสัน เมคยังคงอยู่ในสายเลือด”

เวสจำกัดเป้าหมายของเขาให้แคบลง หากเขาไม่สามารถควบคุมเมคได้เขาก็จะเป็นคนสร้างมันขึ้นมา

ในยุคสมัยแห่งเมค นักออกแบบเมคเป็นผู้นำการพัฒนาเมค เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกับการเป็นผู้ควบคุมเมค พวกเขามาพร้อมกับการออกแบบนวัตกรรมของเมคและทำให้มันกลายเป็นความจริง นักออกแบบเหล่านี้บางคนมีชื่อเสียงเช่นเดียวกับเหล่าเอซที่ประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อกับกลไกของพวกเขา

นักออกแบบที่มีชื่อเสียงที่สุดบางคนทำงานให้กับผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ พวกเขาสามารถออกแบบชุดต่างๆ ซึ่งขายได้เป็นล้านๆ ชุด

พวกเขาเหล่านี้คือนักออกแบบระดับซูเปอร์สตาร์ซึ่งมีซีอีโอและหัวหน้ารัฐต่าง ๆ ที่กวักมือเรียกให้ไปทำงานด้วย แม้แต่การจามอย่างสบายๆ ก็อาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทที่พวกเขาทำงานด้วยเพราะพวกเขามีอิทธิพลมากเกินไป รัฐขนาดใหญ่หลายแห่งพึ่งพาการออกแบบพิเศษของพวกเขาให้ได้เปรียบในความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับเมค

ชนชั้นกลางของนักออกแบบเมคอย่างน้อยก็มีความเชี่ยวชาญในทุกแง่มุมของสิ่งที่ประกอบเป็นเมคได้ วิศวกรที่มีประสบการณ์เหล่านี้สามารถประกอบชิ้นงานที่เป็นเอกลักษณ์ตามความต้องการของลูกค้าได้ นักออกแบบบางคนมุ่งเน้นไปที่การสร้างกลไกจำนวนมากด้วยต้นทุนที่เหมาะสมที่สุด ในขณะที่บางคนอาจใช้ทั้งชีวิตเพื่อสร้างรูปแบบเดียว

สิ่งที่เหลือคือพวกชั้นล่าง ประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของนักออกแบบทั้งหมดตกอยู่ในประเภทนี้ ซึ่งรวมถึงผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ ผู้ประกอบการที่ล้มเหลว หรือผู้ประกอบการรายเก่าที่มีแต่ความรู้ที่ล้าสมัย พวกเขาไม่สามารถออกแบบอะไรได้ นอกจากลอกเลียนแบบจำลองที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาเหล่านี้ส่วนใหญ่มักทำงานเบื้องหลังเพื่อซ่อมแซมหรือบำรุงรักษากลไกของคนอื่น

ผู้โชคดีบางคนก็ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบเมคโดยการเติมเต็มช่องว่างในการออกแบบและปรับแต่ง พวกเขาใช้กลไกที่มีอยู่และปรับเปลี่ยนมันเล็กๆ น้อยๆ หรือก็ได้รับใบอนุญาตออกแบบอันเก่าที่มีอยู่แล้วและเพิ่มไหวพริบของตัวเองเข้าไปทดแทน การแข่งขันอันรุนแรงในตลาดที่อิ่มตัวอยู่แล้วทำให้หลายคนไม่อาจอยู่ได้นานนัก มีเพียงบางส่วนที่อยู่รอดจากโมเดลธุรกิจนี้

เวสหวังว่าเขาจะเป็นหนึ่งในนั้น ด้วยคะแนนที่ดีพอสมควรของเขาอาจทำให้ลืมไปได้เลยในการจะสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เขาทำได้เพียงแค่เข้าร่วมกับมหาวิทยาลัยริทเทอสเบิร์ก ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับกลางๆ ของสาธารณรัฐแห่งแสง

ทั้งหมดที่เขาได้รับใน 5 ปีต่อมาคือระดับกลางๆ จากมหาวิทยาลัยกลางๆ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เขาไร้ค่าในสายตาของนายจ้าง

แต่ไม่เป็นไร พ่อของเขา รินโคลสนับสนุนเขา เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการรวบรวมทุนเพื่อเริ่มธุรกิจของลูกชาย

พวกเขาทั้งสองคนมีแผน พวกเขาจะเริ่มจากโรงงานอัตโนมัติเล็กๆ ที่คนเพียงคนเดียวก็สามารถประกอบเมคได้ และอนุญาตให้เวสประกอบเมคตั้งแต่เริ่มต้น รินโคลยังแนะนำให้เขารู้จักกับเพื่อนของเขาในงานบริการราคาถูกและปล่อยให้เวสเข้าสู่โลกแห่งการปรับแต่งทีละขั้นตอน และเมื่อเวสสร้างชื่อเสียงแล้วเขาอาจจะสามารถออกแบบชุดของตัวเองได้

แผนการทั้งหมดล้มไม่เป็นท่าเมื่อเวสกลับไปบ้านที่ว่างเปล่าในดาวม่านเมฆ ดาวเคราะห์บ้านเกิดของพวกเขา รินโคลมีเงินเดือนที่ดีในฐานะที่เป็นผู้ควบคุมเมคดังนั้นเขาจึงสามารถซื้อทาวน์เฮาส์ขนาดใหญ่ในเขตชานเมือง เขาเพิ่งขายมันเพื่อจะได้นำเงินมาสมทบสร้างห้องปฏิบัติการโรงงานขนาดเล็กนอกเมือง

ห้องปฏิบัติการแห่งนี้ถูกปรับปรุงใหม่ ทั้งโครงสร้างแบบแยกส่วนสำเร็จรูปเป็นมือสองราวกับว่ามันถูกเก็บกู้จากสนามรบหรือลานเศษซาก ด้วยจำนวนรอยขีดข่วนและรอยสนิมของมันเหมือนเป็นปาฏิหาริย์มากที่มันไม่ถล่มลงมา

เมื่อเวสก้าวเข้าไปข้างในเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก สิ่งจำเป็นยังคงอยู่ครบ ด้านในยังคงสะอาด เครื่องจักรที่มีค่าทั้งหมดที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจยังคงอยู่แม้ว่ามันจะเป็นของมือสองก็ตาม พ่อของเขาอาจไม่รู้สิ่งของเหล่านี้เพราะเขารู้จักคนมากมายที่ทำ

"พ่ออยู่ที่ไหน?"

หลังจากผ่านไปหลายสัปดาห์แห่งความเงียบงันเวสต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าพ่อของเขาหายไป นั่นไม่ควรเป็นสาเหตุของการเตือน พ่อของเขาได้รับมอบหมายให้เป็นทหารประจำการที่ชายแดนระหว่างสาธารณรัฐแห่งแสงและราชอาณาจักรเวเซียคู่สงคราม เพื่อป้องกันเหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจลุกเป็นไฟสงคราม

เมื่อเวสโทรหาเพื่อน ๆ ของพ่อเขาพบว่าเขาไม่เคยกลับไปทำงาน! หลังจากติดต่อกับตำรวจแล้วดูเหมือนว่ารินโคลไม่เคยไม่ได้ปรากฎตัวที่ไหนเลย โทรศัพท์กาแล็คซี่และข้อความอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดที่ส่งถึงพ่อของเขามีแต่ความเงียบงัน ไม่มีใครสามารถค้นหาร่องรอยของการปรากฏตัวของเขาได้เลย

ธนาคารแห่งม่านเมฆมาเคาะประตูอย่างรวดเร็ว มันกลับกลายเป็นว่าเครื่องมือในห้องปฏิบัติการหลายอย่างเช่นเครื่องพิมพ์ 3 มิติถูกซื้อด้วยเงินกู้ เครื่องพิมพ์ 3 มิติเป็นเครื่องที่สำคัญที่เปลี่ยนวัตถุดิบให้เป็นชิ้นส่วนที่มีคุณภาพของเมค

พ่อของเขาได้กู้ยืมเครดิตกว่า 330 ล้านไบรท์เครดิต เพื่อนำเงินไปซื้อสินทรัพย์ ด้วยเงินจำนวนมากขนาดนี้ใครๆ ก็สามารถซื้อเมคชั้นสูงได้กว่าครึ่งโหล

ต่อให้เวสใช้เวลาตลอดชีวิตของเขาทำงานให้กับผู้ผลิตเมคโดยเฉลี่ยแล้วก็ยังไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้จำนวนมหาศาล เขาตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์และความตื่นตระหนกทันทีเมื่อเขาอ่านข้อความของธนาคาร

“ทำไมพ่อของฉันต้องลากฉันเข้าไปในเรื่องยุ่งๆ พวกนี้ด้วย?”

ธนาคารได้ส่งกระดาษจำนวนสามหน้าซึ่งระบุว่าหนี้ทั้งหมดเป็นชื่อของเขา เขาจะต้องมอบห้องปฏิบัติการและเครื่องจักรที่มีค่าทั้งหมดในกรณีที่เขาพลาดการจ่ายดอกเบี้ยรายปีเพียงครั้งเดียว

กล่าวโดยย่อคือเวสต้องจ่ายหนี้ประมาณห้าล้านเครดิตในอีกสามเดือนข้างหน้าเพื่อให้ตรงกับการชำระเงินครั้งถัดไป เขายกอุปกรณ์สื่อสารที่มีรูปทรงคล้ายปลอกแขนขึ้นและเปิดใช้งานหน้าขอขนาดเล็ก บนหน้าจอปรากฎเมนูขึ้น เขาไปที่เมนูบัญชีเครดิตที่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์อย่างสิ้นหวัง

บัญชีของเขามีเครดิตเพียง 1,200 เครดิตเท่านั้น และนั่นคือค่าใช้จ่ายเงินของเขาสำหรับทั้งเดือน

เวสมีวิธีเล็กน้อยในการได้เงินตามจำนวนที่ต้องการ การที่พ่อของเขาหายไปมันทำให้เวสสงสัยว่าเขาจะมีสิทธิ์ได้รับประกันชีวิตและผลประโยชน์อื่นๆ ของพ่อเขา เวสจัดการติดตามเงื่อนไขการประกันของพ่อเขาเพราะเขาต้องการเงินทุกเหรียญที่เขาสามารถบีบจากระบบ

แต่ก็ไม่มีอะไรที่สามารถบีบออกมาได้ บริษัทประกันพวกนี้เขี้ยวลากดินอย่างมาก

เวสกวาดสายตาอ่านข้อความล่าสุดจากธนาคาร "ฉันถังแตก และไม่มีเงินในการซื้อวัตถุดิบที่ฉันต้องการในการประดิษฐ์ชิ้นส่วนใหม่ แล้วฉันจะทำธุรกิจได้ยังไง"

ภายในวันเดียวเขาก็โทรหาธนาคาร บริษัทประกันภัยและรัฐบาล สิ่งที่เขาได้กลับมามันไม่ดีเลย

ธนาคารได้แจ้งเวสเป็นลายลักษณ์อักษร พวกเขาต้องการทั้งห้องปฏิบัติการก่อนที่เวสจะทำพลาดอะไรบางอย่างและลดมูลค่าของมันลง สิ่งเดียวที่มีประโยชน์ที่เขาได้รับจากธนาคารนั่นคือพัสดุที่รินโคลพ่อของเจาเก็บไว้ในธนาคารในกรณีที่ไม่สามารถติดต่อเขาได้

บริษัทประกันภัยอ้างว่ารินโคลเป็นเจ้าพนักงานที่อาจหายตัวไปหลายเดือนหรือหลายปีก็ได้ ดังนั้นเวสจึงไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินนั้นจนกว่าบริษัทจะได้รับหลักฐานยืนยันว่าเขาเสียชีวิต หรือไม่อย่างนั่นก็หลังจาก 5 ปีผ่านไป

รัฐบาลเป็นระบบราชการที่เป็นของตนเอง เวสได้ยินคำศัพท์เข้าใจยากมากมายก่อนที่เขาจะวางสาย เขาไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

เวสอยู่คนเดียว

พ่อของเขาหายไปแล้วสุดท้ายเหลือทิ้งไว้เพียงพัสดุกล่องหนึ่งไว้ให้เวส มีข้อความติดด้านหน้าพัสดุ เขียนเอาไว้ว่า

"ถึงลูกชายของพ่อ เวส ในกรณีที่พ่อไม่อยู่บ้าน"

เมื่อเปิดกล่องพัสดุ เวสรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยพลางหยิบชิปที่ถูกป้องกันไว้ การรับส่งข้อมูลในตอนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบไร้สายทั้งหมด ผู้คนจะใช้ชิปข้อมูลเมื่อพวกเขาต้องการรักษาความปลอดภัยของเนื้อหา

เวสทำการปิดการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ของเขากับกาแล็กซี่เน็ตก่อนที่จะเข้าถึงชิปข้อมูลเก่า

มันใช้เวลาสามวินาทีในการโหลดเนื้อหาซึ่งมีขนาดยาวเป็นพิเศษสำหรับชิปขนาดนี้ ทันใดนั้นภาพเฮโลแกรมจากโปรที่เขาไม่รู้จักก็ปรากฎขึ้น

"เริ่มต้นระบบออกแบบเมค Mech ตรวจพบผู้ใช้ใหม่  เริ่มการสแกนลึกใน 2400 มินิไซเคิล โปรดเตรียมตัว"

"เดี๋ยวก่อน มันอะไรกัน?" เวสถามโปรแกรม แต่ก่อนที่อุปกรณ์จะปล่อยความตกใจครั้งใหญ่ เขาก็หมดสติไปเสียก่อน

และนี่คือการเริ่มต้นเส้นทางของเขา สู่การเป็นนักออกแบบเมค

** สวัสดีค่ะ เป็นนักแปลมือใหม่นะคะผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วยค่ะ จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นค่ะ ***

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด