เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0663 [อ่านฟรี]
ตอนที่ 663 : กลืนกินอสูรดวงดาว
หลังจากที่ดวงดาวขนาดใหญ่ร่วงหล่น มันไม่ได้สร้างอาการสั่นไหวให้แก่ทั้งเกาะยุทธ์อสูร! มันเป็นเพราะดวงดาวอสูรได้เกิดการผสานกันระหว่างพลังงานวิญญาณร้ายและพลังดวงดาว
หลังร่วงหล่น พลังงานวิญญาณร้ายจึงปะทุออก
ภายในเกาะยุทธ์อสูรมีต้นไม้โบราณเขียวชอุ่มอยู่มากมาย แม้ว่ามีอสูรจำนวนมากอาศัยอยู่ ตลอดหลายปีมานี้พวกมันก็ไม่เคยได้รับความเสียหายใด
ทว่าตอนนี้ หลังจากดวงดาวอสูรร่วงหล่น ต้นไม้แทบทั้งหมดได้ถูกย้อมกลับกลายเป็นสีดำ
เกาะยุทธ์อสูรเริ่มมีหมอกสีดำเข้าปกคลุมทั้งเกาะ
ผู้คนที่กระจายตัวกันอยู่ในม่านพลัง ต่างสัมผัสได้ถึงออร่าชั่วร้ายอันเหี้ยมโหดภายในเกาะ
แม่เฒ่าหม่าสบถเสียงเบา “ตัวบัดซบนั่นทำเกินไปแล้ว!”
ฉู่ปินอวี้กัดฟันแน่น “ยันต์นั่นสร้างขึ้นอย่างยากลำบาก กล่าวได้ว่าเป็นยันต์ต้องห้าม หากดวงดาวอสูรขนาดนั้นร่วงหล่นสู่เมืองใหญ่ มันได้แปรสภาพผู้คนกว่าครึ่งในเมืองเป็นอสูรก่อความโกลาหลแน่!”
“เป็นยันต์อสูรที่ชั่วร้ายยิ่งนัก!” แม่เฒ่าหม่าสบถขณะมองครึ่งเซียนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นเยือก
“ด้วยเพราะเป็นครึ่งเซียนของตำหนักจารึกเทวะ ใช้ของเช่นนี้ออกมาจึงไม่ต้องรับโทษอย่างนั้นหรือ ช่างเป็นตัวบัดซบยิ่งนัก!” ครึ่งเซียนร่างเตี้ยศีรษะล้านสบถอย่างกราดเกรี้ยว
“เหอะ มาดูกันว่าคราวนี้ฉินหยุนมันจะยังรอดได้อย่างไร!” ครึ่งเซียนของตำหนักจารึกเทวะโพล่งเสียงดังขึ้น
“เจ้าคิดเพียงแต่จะล้างแค้นฉินหยุนอย่างนั้นหรือ? ที่นั่นยังมีศิษย์ของสำนักอื่นอยู่อีกมากมายนัก! ศิษย์ของตำหนักเซียนดาบของเราก็อยู่ที่นั่น หากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา ข้าจะสับหัวเจ้าออกเป็นชิ้น!”
เจี้ยนสือเทียนกราดเกรี้ยว เจตจิตแห่งดาบอันไพศาลไหลหลั่งจนเข้าเกาะกุมหัวใจทุกผู้คนในที่นี้ เป็นผลให้หัวใจพวกเขาราวกับถูกดาบสะกดพร้อมถูกทิ่มแทง มันสร้างความรู้สึกหนักอึ้งแก่พวกเขาอย่างมหาศาล
ครึ่งเซียนตำหนักจารึกเทวะรอยยิ้มแข็งค้าง เขาเร่งรีบกล่าว “เจี้ยนสือเทียน เจ้าหาได้ต้องกังวลไม่! ข้าได้ส่งคนเข้าไปแล้ว ด้วยเคล็ดวิชาโบราณปกครองอสูร พวกเขาจะควบคุมอสูรเหล่านั้น รวมถึงสัตว์ราชันอสูร เมื่อใดถึงเวลา พวกมันจะไม่โจมตีคนของตำหนักเซียนดาบเจ้า!”
ตำหนักเซียนดาบของเจี้ยนสือเทียน เพียงแค่นาม ก็ไม่มีใครกล้าคิดยั่วยุแล้ว หากทำเขาโกรธ นั่นหมายถึงความตายที่ต้องมาเยือน
“หวังว่าที่เจ้าพูดมันจะเป็นความจริง! ไม่เช่นนั้น กระทั่งว่าต้องยั่วยุสภาผู้อาวุโสตำหนักจารึกเทวะทั้งหมด ข้าก็จะบั่นเศียรเจ้าเสียที่นี่ให้ได้!” หลานชายของเจี้ยนสือเทียน เจี้ยนหนันหู่ยังอยู่ที่ภายในเกาะยุทธ์อสูร
เปาเฉิงโฉ่วเอ่ยเสียงทุ้มลึก “หากฉินหยุนตายที่ภายในเกาะ ข้าจะส่งผู้คนอีกสักมากหน่อยให้ตายตามเขาไป!”
ยามครึ่งเซียนจากตำหนักจารึกเทวะได้ยินคำกล่าวของเปาเฉิงโฉ่ว เขาเร่งรีบนำเอาเปลือกหอยสื่อสารออกมา พิจารณาจากสีหน้า คงเร่งรีบเรียกกำลังเสริมมาแล้ว!
เปาเฉิงโฉ่วนำเอาเปลือกหอยสื่อสารออกมาเช่นกัน เขาย่อมเรียกกำลังเสริมมาเพิ่ม!
ทั้งสองฝ่ายต่างเรียกกำลังเสริม ผู้ที่จะมาถัดจากนี้ ย่อมต้องเป็นครึ่งเซียน
หานเฝิงหู่แจ้งเรื่องราวต่อฝ่ายของตนแล้ว กระนั้นพวกเขาอิดออดไม่คิดมา เรื่องนี้ทำให้เขาเกิดความลำบากใจขึ้น
หลังจากกลุ่มของฉินหยุนแยกจากกลุ่มของเจี้ยนหนันหู่ พวกเขาจึงเริ่มออกค้นหาสัตว์ราชันอสูรภายในป่า
พวกเขาไม่คล้ายรู้ตัวถึงพลังงานอันชั่วร้ายที่เคลื่อนคล้อยลงมาอย่างกะทันหัน
โชคดีที่พวกเขาต่างเป็นผู้ฝึกตนมีพื้นฐานการฝึกฝนสูง ดังนั้นจึงสามารถต้านทานพลังงานชั่วร้ายที่รุกล้ำสู่ร่างกายได้
“นี่อะไร? อย่าบอกนะว่าเป็นสัตว์ราชันอสูรกำลังใกล้เข้ามา?” เจี้ยนรั่วหยานตื่นตัวพลางกล่าว “พลังงานวิญญาณร้ายเหล่านี้ชวนสะพรึงนัก!”
“พลังงานวิญญาณร้ายนี้ มันมีพลังดวงดาวเจือปน! สิ่งที่ร่วงหล่นลงมาเมื่อครู่ สมควรเป็นดวงดาวอสูร!” เย่ว์ผูเฟิงร้องโพล่งดัง “ดวงดาวอสูรไม่เคยร่วงหล่นลงมาอย่างไร้ซึ่งสาเหตุ!”
ฉินหยุนคิ้วขมวดกล่าว “อย่างนั้นสาเหตุจะมีอะไรบ้าง?”
“ยันต์อัญเชิญดวงดาวอสูร!” เย่ว์ผูเฟิงสงบใจกล่าวอธิบาย “สาเหตุว่าทำไมเหล่าอสูรในเกาะยุทธ์อสูรไม่เติบโต ก็เพราะม่านพลังได้แบ่งแยกพวกเขาออกจากโลกภายนอก ทำให้ไม่อาจดูดกลืนพลังงานได้!”
“ทว่าตอนนี้ ดวงดาวอสูรได้นำพลังงานหนาแน่นเคลื่อนคล้อยลงมาอย่างกะทันหัน พวกอสูรและสัตว์ราชันอสูรต่างสามารถดูดกลืนพลังงานมหาศาล พวกมันจะเลื่อนระดับพลังได้อย่างบ้าคลั่ง!”
หลงเฉียวเฟิงตระหนก “เลื่อนระดับด้วยความเร็วบ้าคลั่งอย่างนั้นหรือ?”
เจี้ยนรั่วหยานกล่าว “ผู้ฝึกตนอสูรจะมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เรื่องราวไม่คล้ายดีเท่าใดนักแล้ว! เจ้าจดจำเทียนเหยาเหล่ยได้หรือไม่? พละกำลังที่คลุ้มคลั่งของมันผู้นั้น เพิ่มขึ้นก็เพราะร่วงหล่นสู่เต๋าอสูร!”
เย่ว์ผูเฟิงกล่าว “ด้วยพลังงานชั่วร้ายของดวงดาวอสูรปรากฏ อัตราการเติบโตของพวกมันจะมากล้ำยิ่งกว่าเทียนเหยาเหล่ย! ที่ชวนให้ต้องวิตก คือหลังจากที่พลังของสัตว์ราชันอสูรและผู้ฝึกตนอสูรเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน คือพวกมันจะตกอยู่สภาวะคลุ้มคลั่ง หมายความถึงพวกเราจะรับมือกับพวกมันได้ยากยิ่งขึ้น!”
“แล้วผู้ใดก่อการ?” ฉินหยุนกัดฟันแน่นกล่าว “อย่าได้บอกว่าทั้งหมดนี่เพียงเพราะมีเป้าหมายมาที่ข้า?”
เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว “นอกจากตำหนักจารึกเทวะ ข้าไม่คิดว่าจะมีขั้วอำนาจใดกล้าใช้ยันต์อสูรเช่นนี้!”
เย่ว์ผูเฟิงพยักหน้ารับ “ถูกต้องแล้ว ตำหนักจารึกเทวะยึดครองสมบัติต้องห้าม รวมถึงอักขระอสูรอันชั่วร้ายเอาไว้ มีแต่พวกมันจึงสามารถสร้างของเช่นนั้นขึ้นมาได้!”
หลงเฉียวเฟิงกล่าว “หากเป็นเช่นนั้น ศิษย์ผู้อื่นที่เข้ามายังเกาะยุทธ์อสูรย่อมต้องได้รับผลกระทบตามไปด้วย!”
ฉินหยุนและคณะต่างเงียบเสียงลง
“ตำหนักจารึกเทวะย่อมไม่กล้าทำลายล้างศิษย์ทั้งหมด!” เย่ว์ผูเฟิงมองขึ้นท้องฟ้าพร้อมกล่าว “ด้านบนนั่น มีพลังงานชั่วร้ายของดวงดาวอสูรคงอยู่มหาศาลนัก พวกผู้อาวุโสของเราย่อมต้องทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น!”
“พวกมันคิดเล็งแต่ฉินหยุนอย่างนั้นหรือ? นั่นเป็นไปไม่ได้! ผู้ฝึกตนอสูรและสัตว์ราชันอสูรจะกลายเป็นคลุ้มคลั่ง! พวกมันจะควบคุมเรื่องนี้ได้อย่างไร?” เจี้ยนรั่วหยานเร่งรีบเอ่ยถาม
“เคล็ดวิชาโบราณปกครองอสูร!” เชี่ยวเย่ว์หลานเผยเสียงลุ่มลึก “หากมีคนเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาปกครองอสูร เช่นนั้นมันย่อมสามารถควบคุมผู้ฝึกตนอสูรและสัตว์ราชันอสูรที่คลุ้มคลั่งได้!”
“บุคคลที่ใช้งานเคล็ดวิชาปกครองอสูร เพียงแค่ส่งถ่ายคำสั่งหรือเศษเสี้ยวความทรงจำแก่ผู้ฝึกตนอสูรและสัตว์ราชันอสูร ก็สามารถทำให้พวกมันปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด!”
“ตำหนักจารึกเทวะที่บัดซบ!” ฉินหยุนสบถดัง “พวกมันคิดอยากสังหารข้าเพียงนี้เลยงั้นหรือ?”
เจี้ยนรั่วหยานตบที่ไหล่ฉินหยุนพลางกล่าว “ศิษย์ร่างเซียนสามคนจากตำหนักจารึกเทวะตายหมดสิ้น แม้เจ้าสังหารไปเพียงหนึ่ง ทว่าพวกมันคงเชื่อหมดใจว่าเจ้าสังหารหมดทั้งสาม!”
“ตัวบัดซบเจี้ยนหนันหู่นั่น เป็นเขาสังหารศิษย์ร่างเซียนไปคนหนึ่ง! ชายผู้นั้นแข็งแกร่ง หากถูกสัตว์ราชันอสูรและผู้ฝึกตนอสูรไล่ล่า ที่รู้สึกคงไม่ใช่รำคาญ จะมีแต่กลายเป็นยินดี” ฉินหยุนสบถเสียงเบา “กระนั้นการกระทำของมันกลับเป็นการโยนความผิดมาลงที่ข้า!”
โฮก!
อย่างกะทันหัน เสียงสัตว์คำรามพลันดังขึ้น!
เจี้ยนรั่วหยานเร่งรีบเรียกดาบทั้งสองเล่มของนางออกมาพร้อมยิ้มกล่าว “ในเมื่อเรื่องมันเกิดไปแล้ว พูดไปก็ไร้ความหมาย พวกเราได้แต่ต้องสังหารอะไรก็ตามที่พร้อมจะบุกเข้ามา!”
“ในเมื่อพวกมันเป็นอสูร อย่างนั้นก็หมายความถึงสมควรตาย! ตัวตนชั่วร้ายเหล่านี้สมควรลงนรกไปนานแล้ว ดังนั้นส่งพวกมันลงนรกเสียตอนนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดี!”
“พวกเจ้าไปเถอะ ให้ข้ารับมือสัตว์ราชันอสูรและผู้ฝึกตนอสูรเหล่านั้นด้วยตนเอง!” ฉินหยุนกล่าว
“ฉินหยุน เจ้าต้องการคิดครอบครองสัตว์ราชันอสูรแต่เพียงผู้เดียวหรือ?” เจี้ยนรั่วหยานบุ้ยปาก “อย่าได้คิดแล้ว ให้ข้าได้ลงมือบ้าง!”
เย่ว์ผูเฟิงขมวดคิ้ว “พวกมันไม่น่าทราบว่าฉินหยุนอยู่ที่ใด ที่พวกมันเร่งรีบเคลื่อนไหว น่าจะเป็นเพราะพวกมันสัมผัสถึงตัวตนได้โดยอาศัยพลังงานชั่วร้ายของดวงดาวอสูรที่ปกคลุมทั้งเกาะแห่งนี้เอาไว้!”
เดิมเกาะแห่งนี้ก็มีอสูรมากมายอยู่ก่อนแล้ว สาเหตุว่าฉินหยุนและคณะไม่เคยพบเจอมาก่อน ก็เพราะพวกเขาไม่ได้เดินออกนอกลู่ทาง
เมื่อพวกเขาถูกสัตว์ราชันอสูรไล่ล่า เช่นนั้นพวกเขาจึงไม่คิดเสียเวลากับกลุ่มโจรร้ายเล็กน้อย
สีหน้าฉินหยุนและคณะแปรเปลี่ยนเป็นมืดหม่น พวกเขาต่างมองรอบด้าน
“ก็ได้ ในเมื่ออยู่กันที่นี่แล้ว งั้นก็ใช้โอกาสนี้สังหารพวกอสูรทั้งหมดที่นี่ ถือเป็นการกำจัดปัญหาที่ภายเกิดขึ้นภายหน้าไปในตัว!” ฉินหยุนกล่าว
“ข้าไปก่อน!” เจี้ยนรั่วหยานพุ่งทะยานออก
พวกเขา แต่ละคนต่างมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่คาดคิดไว้ก่อนแล้ว!
ฉินหยุนไม่ทราบว่าควรมุ่งหน้าไปทิศทางใดดี ทว่าเขาหาได้หวั่นเกรงใดไม่ อย่างกะทันหัน พลังงานสีดำพลันปรากฏจากแขนของเขา กรงเล็บราชสีห์สวรรค์ขนาดยักษ์ได้ปรากฏ
“เสี่ยวหยุน พลังดวงดาวนี้มหาศาลนัก พวกมันอัดแน่นอยู่บนท้องฟ้า พลังระดับนี้สมควรผ่านการก่อเกิดมานานนับ” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
“ข้าสามารถใช้พลังดวงดาวนี้ได้หรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “พลังดวงดาวนี้มันผสมปนเปด้วยออร่าวิญญาณร้ายมหาศาล!”
หลิงหยุนเอ๋อเผยเสียงยินดี “ย่อมไม่เป็นไร เจ้าครอบครองวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ เจ้าสามารถขัดเกลาพลังดวงดาวเหล่านี้ได้ด้วยตนเองง่ายดายนัก!”
“ดูดกลืนพลังดวงดาวทางตรงผ่านอากาศออกจะช้าเกินไป สังหารพวกอสูรและดูดกลืนพลังงานภายในแก่นเต๋าอสูรโดยตรง เมื่อถึงเวลา ข้าจะช่วยเจ้าขัดเกลาพวกมันเอง!”
ฉินหยุนสามารถดูดกลืนพลังดวงดาวผ่านวิถีหัวใจตะวันดารา กระนั้น การดูดกลืนพลังจะเป็นไปอย่างเบาบาง
ทว่าเวลานี้ ด้วยดวงดาวร่วงหล่น พลังงานที่รวมตัวกันเป็นเวลานานหลายปีจนไม่อาจนับย่อมหนาแน่นและรุนแรง!
ฟุ่บ!
อย่างกะทันหัน ร่างเงาสีดำหนึ่งพลันปรากฏตัวพุ่งเข้ามา!
เป็นอสูร!
ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนเคยพบเจออสูรมาก็มาก พวกมันล้วนอยู่ในสภาพมนุษย์ กระนั้นเวลานี้ ที่ปรากฏออกจะดุร้ายเกินกว่าปกติไปไม่น้อยแล้ว
อสูรที่อยู่ตรงหน้า ผิวหนังตามร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ทั้งยังมีเกล็ดขึ้นแทรกตามผิวหนัง ปากนั้นมีแต่ฟันสีดำแหลมคม เล็บนิ้วคมกริบประหนึ่งมีด
“อสูรดวงดาว!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เร่งรีบสังหารมันเร็วเข้า”
“รับความตาย!” ฉินหยุนโบกสะบัดกรงเล็บราชสีห์ในมือ มันไม่ต่างอะไรกับกระบี่ที่เขาคุ้นเคยใช้งาน
โฮก!
อสูรดวงดาวคำรามร้องกราดเกรี้ยวเร่งรีบหลบ คล้ายมันมีปัญญาอย่างผิดปกติ
ฉินหยุนโจมตีวืดผ่านอากาศ!
“บัดซบนัก นี่รวดเร็วเกินไปแล้ว!”
ฉินหยุนลอบตระหนก หลังจากใช้ท่าเท้าร่างเงาประกายแสงสมบูรณ์ เขาจึงเคลื่อนที่ในพริบตาพร้อมโจมตีด้วยวิชากระบี่พื้นฐาน
อย่างรวดเร็ว กรงเล็บราชสีห์เปรียบดังกระบี่ยาวฟาดฟันออก
ฉึก!
ร่างของอสูรดวงดาวถูกกรงเล็บราชสีห์แหลมคมของฉินหยุนฉีกกระชาก เลือดอสูรสีดำภายในกายพลันไหลหลั่งทะลักออกเปรียบดังสายฝน
“เลือดของมันถูกเพิ่มปริมานในร่างกายมากขึ้น หลังถูกสังหารจึงระเบิดทะลักออกเช่นนี้!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เสี่ยวหยุน ดังเจ้าได้เห็น ร่างกายอสูรดวงดาวมีเลือดมหาศาลนัก ร่างกายพวกมันอัดแน่นด้วยเลือดจำนวนมาก เลือดย่อมถูกกักเก็บในกระดูก และพลังของมันที่อัดแน่นได้ระดับนี้ย่อมชวนสะพรึง!”
ฉินหยุนเร่งรีบเข้าไปคว้าเอาแก่นเต๋าออกมา
หลิงหยุนเอ๋อเร่งรีบควบคุมวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ดูดกลืนพลังดวงดาวภายในแก่นเต๋าอสูร
“เรียบร้อยแล้ว!” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะ
“รวดเร็วเพียงนี้?” ฉินหยุนตื่นตะลึง หลังจากนั้น เขาจึงสัมผัสได้ถึงพลังจิตบริสุทธิ์ที่ถ่ายเทสู่จิตดวงดาวผลึกแก้ว
สาเหตุว่าทำไมเขาดูดกลืนพลังดวงดาว ก็เพื่อฝึกฝนพลังจิต
“หยุนเอ๋อ หากข้าดูดกลืนพลังดวงดาวนี้เข้าไปมาก มันไม่ส่งผลกระทบใดหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างร้อนใจ
“วางใจ ไม่มีทางเป็นดังที่คิดแน่! พลังที่ขัดเกลาโดยวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬบริสุทธิ์เป็นอย่างยิ่ง ในจุดนี้เจ้าสามารถวางใจได้!”
หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ออกล่าสังหารอสูรดวงดาวตนอื่นต่อไป หากเจ้าดูดกลืนพลังดวงดาวที่นี่ได้มากพอ เมื่อใดเจ้ากลับไปและกินเม็ดยาลึกล้ำวิญญาณต้นกำเนิด เจ้าคงได้ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลาง ถึงตอนนั้น เจ้าจะสามารถเปิดไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวันได้!”