ตอนที่แล้วบทที่ 258 - เหนือดินแดนน้ำแข็ง (9) [03-10-2020]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 260 - เหนือดินแดนเยือกแข็ง (11) [07-10-2020]

บทที่ 259 - เหนือดินแดนน้ำแข็ง (10) [05-10-2020]


บทที่ 259 - เหนือดินแดนน้ำแข็ง (10)

ปลายขจองหอกน้ำแข็งทั้งหมดที่สร้างขึ้นมาจากไอน่าได้ชี้ไปทางเรสพิน่า แม้ว่าเธอจะดูกังวลเล็กน้อยแต่ไม่นานนักเธอก็ยิ้มออกมาอย่างสงบ

[เป็นแค่มนุษย์แต่กลับใช้พลังของเทพทั้งๆที่ไม่ใช่ลูกหลานของเทพเจ้า เจ้าต้องการจะลงโทษข้างั้นหรอ มาลองดูสิ]

"ย่ะห์"

ไอน่าได้ตะโกนออกมาพร้อมกับโบกมืออย่างกล้าหาญ หอกนับพันไปพุ่งฝ่าอากาศเข้าใส่เรสพิน่าด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวง่ายๆนี้

[การโจมตีง่ายๆนี่...]

เรสพิน่าได้เร่งพลังเยือกแข็งของเธอขึ้นโดยที่ไม่ยอมแพ้เรสพิน่า พลังเยือกแข็งได้กระจายออกโดยมีเรสพิน่าเป็นศูนย์กลางไปปะทะเข้ากับหอกน้ำแข็งที่กำลังเข้ามา ไอน่าได้ขมวดคิ้วขึ้นและเอื้อมมือออกไป แต่ว่าในคราวนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายแล้วที่จะขโมยพลังเยือกแข็งมาจากเรสพิน่า ในตอนที่เรสพิน่าการโจมตีของเรสพิน่ากับของไอน่าได้ปะทะกันทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ปะทุขึ้น

[เจ้าฆ่าข้าด้วยน้ำแข็งไม่ได้หรอก]

เรสพิน่าได้คำรามออกมาในตอนที่พุ่งขึ้นอยู่ท่างกลางระเบิด น้ำแข็งนับไม่ถ้วนได้ถูกยิงออกมาทางเราหลังจากในทันทีจากหมอกน้ำแข็ง แต่ในตอนนั้นเองไอน่าก็ได้ส่งเสียงหึและแบมือออกมา เข็มน้ำแข็งทั้งหมดต่างหยุดลงและเริ่มขยายขนาดขึ้น ไอน่าได้จัดการสถานการณ์นี้อย่างสมบูรณ์และพูดขึ้นอย่างนุ่มนวลกับฉัน

"หนูใช้พลังนี้ได้ไม่นาน พ่อต้องรีบจัดการ"

"เข้าใจแล้ว ถ้างั้นไอน่าเน้นไปที่การป้องกันนะ"

"อื้อ"

ถ้าหากพลังเยือกแข็งของเรสพิน่าถูกลบด้วยพลังไอน่าแล้วล่ะก็ ฉันจะมีข้อได้เปรียบใหญ่ๆแล้วในการต่อสู้ครั้งนี้ เพราะการที่ไอน่าได้ใช้พลังของเทพแล้วทำให้การต่อสู้นี้ก้าวระดับขึ้นไปแล้ว ฉันเองก็เก็บพลังเทพเอาไว้ไม่ได้แล้ว...

"ตรีศูล"

ด้วยเสียงกระซิบเล็กๆนี้ทำให้เกิดออร่าสีแดงขึ้นบนหอกโกลาหลของฉัน ฉันได้พุ่งเข้าไปหาเรสพิน่าในทันที ดาบในมือของเธอตอนนี้ไม่ได้มีพลังเยือกแข็งอยู่อีกแล้ว แต่กลับเป็นพลังสีดำของปีศาจแทน

[พลังน้ำแข็งเป็นแค่พลังส่วนหนึ่งของข้าเท่านั้น ถ้าเจ้าคิดว่าเพียงแค่นั้นจะเอาชนะข้าได้ละก็เจ้าก็คงจะต้องเสียใจแล้ว]

"ล็อทเต้"

[มาแล้ว]

ฉันได้ยืมพลังของล็อทเต้พุ่งเข้าไปหาเรสพิน่า ฉันไม่มีอะไรจะพูดีอกแล้ว ในตอนนี้ไอน่าได้เข้ามาร่วมการต่อสู้นี้แล้ว ฉันก็แค่จะต้องจบการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้

[อึก]

"ดูเหมือนว่าเธอจะต้องฝึกศิลปะการต่อสู้อีกสักหน่อยนะ"

ฉันได้เหวี่ยงดาบไปปัดดาบที่เต็มไปด้วยพลังปีศาจออกไป พลังศักดิ์สิทธิ์กับปะทะปีศาจได้ปะทะกันกลางอากาศและส่งเสียงเสียดหูออกมา ดวงตาของเรสพิน่าได้เบิกกว้างขึ้น

[ฮีโร่ เจ้ามีพลังศักดิ์สิทธิ์ด้วย... เจ้าคือคนที่มาที่ทวีปลูก้าจริงๆสินะ]

"น่ารำคาญน่า"

ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้อยากจะยืนยันเรื่องนี้ แต่ว่ามันดูเหมือนว่าการที่ฉันไปทวีปลูก้าจะไม่ใช่เหตุผลทำให้เดม่อนลอร์ดมาที่นี่

ฉันได้เร่งความเร็วในการโจมตีขึ้นไปโดยที่ไม่ตอบคำถามของเธอ ตรีศูลนี้มีผลพิเศษทำให้มีโอกาส 10% ในการสร้างความเสียหายกับศัตรูสามครั้งรวด การที่ฉันโจมตีมากยิ่งขึ้นๆจะทำให้ผลของตรีศูลทำงานได้ การโจมตีหลายๆครั้งมันได้ผลยิ่งกว่าการโจมตีครั้งเดียวที่ทรงพลัง

[อึก]

ในท้ายที่สุดแล้วฉันก็ได้สร้างเสียหายให้กับเธอ ถ้าหากในก่อนหน้านี้ตอนที่หอกของฉันผ่านเข้าไปใกล้จะถึงตัวเธอมันจะเกิดเกราะน้ำแข็งขึ้นมาป้องกันเธอในอัตโนมัติ แต่ว่าในตอนนี้พลังน้ำแข็งของเธอถูกขโมยไปโดยไอน่าแล้ว ดังนั้นจึงทำให้หอกฉันเจาะเข้าไปในไหล่ของเธอได้ เลือดสีดำของเธอได้พุ่งออกมา

[อ๊ากกกกกก]

เรสพิน่าได้ร้องออกมา มันเป็นเสียงที่ดังมากจนทั้งสมาชิกรีไวเวิร์ลและปีศาจที่กำลังสู้กับอยู่ได้หยุดการต่อสู้ลงหันหน้ามามองทางเรา จากนั้นปีศาจส่วนใหญ่ได้เริ่มบินมาทางเราแต่แล้วพวกมันก็ถูกสอยร่วงด้วยพลังของไอน่า

[จะ เจ้า... เจ้ากล้าทำร้ายร่างกายชนชั้นสูงของข้า]

"ชนชั้นสูงที่ตูดฉันนี่"

หลังจากที่สร้างอาการบาดเจ็บให้กับเธอหนึ่งครั้งแล้ว ฉันก็ผลักดันให้เธอจนมุมด้วยการใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งและโจมตีออกไปอย่างมหาศาลในเวลาสามวินาที พลังของตรีศูลได้ทำงานขึ้นและรูขนาดใหญ่ได้ปรากฏบนเกราะของเธอ เธอได้ร้องดังขึ้นพร้อมๆกับเลือดที่ไหลลงมาจากท้องฟ้า

[อ๊ากกกกกก เจ้า เจ้ากล้า]

ศิลปะการต่อสู้มักจะเจ็บปวดเสมอ แต่ดูเหมือนว่าเรสพิน่าจะไม่ได้มีความลึกซึ้งในศิลปะการต่อสู้เลย เธอทำเพียงแค่ใช้พลังลูกบ้าเพียงอย่างเดียวเหมือนกับในตอนนี้

[อ๊ากกกกกก]

พลังปีศาจจำนวนมหาศาลได้พวบพุ่งออกมาจากร่างของเธอ เธอได้ล้มเลิกการควบคุมพลังเยือกแข็งและเลือกที่จะเปลื่ยนพลังทั้งหมดไปเป็นพลังปีศาจที่บริสุทธิ์แทน พลังปีศาจจำนวนมากนี้มีความคล้ายคลึงกับผู้บัญชาการปีศาจที่เพรูต้าได้เคยสู้ในร่างของฉัน

[ในท้ายที่สุดเจ้าก็เพียงแต่ใช้พลังที่ได้รับจากดันเจี้ยนเท่านั้น.... ข้าจะไม่แพ้ ข้าจะนำชัยชนะไปให้องค์เหนือหัว]

เรสพิน่าได้ดูดพลังปีศาจที่พลุ่งพล่านนี้ เธอได้ทำลายสมดุลของพลังในตัวของเธอและเปลื่ยยนตัวเองให้กลาายเป็นพลังปีศาจบริสุทธิ์ เธอได้เปลื่ยนแปลงไปจนเห็นได้ง่ายจากภายนอก

ผมสีม่วงของเธอได้กลายเป็นสีดำรวมไปถึงดวงตา และผิวสีน้ำเงินของเธอก็กลายเป็นสีน้ำตาล ยังไงก็ตามเธอดูดีกว่าแต่ก่อน แม้อย่างนั้นรูปลักษณ์ของเธอก็ไม่สำคัญเลย

[ข้า ผู้บัญชาการกองทัพปีศาจ เรสพิน่า เอล ทาเบ็ค จะไม่ทนกับการดูถูกของเจ้าอีกต่อไปแล้ว]

"โอ้ งั้นหรอ"

ฉันได้ตอบกลับเธอไปอย่างร่าเริงพร้อมหอกในมือ เพลิงโกลาที่อ่อนลงบนปลายหอกได้หายไปเองตามธรรมชาติเหมือนกับเทียนที่ถูกลมพัดจนดับ

พลังปีศาจจำนวนมากของเธอได้กวาดผ่านมาถึงตัวของฉันทำให้พลังที่ฉันได้มาจากดันเจี้ยนหายไป ใช่แล้วมันเป็นการเอาทักษะออกไปจากฉันแต่ก็ว่ายังรวมไปถึงสเตตัสและเลเวลด้งบ ฉันได้พยายามที่จะใช้ความเร็วศักดิ์สิทฑิ์แต่ว่ามันไม่ทำงานเลยแม้แต่นิด ฉันใช้ทักษะไม่ได้เลย

ถ้างั้นแล้วถ้าเป็นทักษะในนาฬิกาพกพาล่ะ สิ่งนี้มันเกี่ยวกับไอเทมหรือทักษะที่อยู่ในรอยสักไหมนะ ฉันจำเป็นจะต้องทดสอบเรื่องพวกนี้

"ฮ่าาาาห์"

[คุณได้ใช้เสียงคำรามเยือกแข็ง ศัตรูทั้งหมดในสนามรบจะถูกแช่แข็งอยู่กับที่ พรรคพวกทั้งหมดจะได้รับสถานะสุดยอดเกราะและพลังทั้งหมดเพิ่มขึ้น 50% ชั่วคราว คุณจะมีโอกาสโจมตีติดคริคอลเพิ่มเป็นสองเท่าเมื่อโจมตีศัตรูที่ได้รับผลของเสียงคำรามเยือกแข็ง]

มันได้ผล เรสพิน่าได้ถูกแช่แข็งและพลังของฉันได้เพิ่มขึ้น 50% อยู่พักนึงไม่มีมากยิ่งไปกว่านี้อีก นีมันหมายความว่าทักษะของแหวนสะท้อนขอฉันก็ยังทำงานอยู่ ถ้าเป็นแบบนี้พลังของเธอ.... เยี่ยม ฉันเอาชนะได้ ต้องขอบคุณเสียงคำรามนี้ทำให้พลังของฉันกลับมาสู่สภาพปกติ ไอน่าก็ยักเบิกตาของเธอกว้างขึ้น

"ขี้โขมย ถ้าเธอขโมยของๆฉันไป ฉันก็จะขโมยของๆเธอเหมือนกัน

[นี้คือทริคทั้งหมดที่เจ้าทำได้หรอ]

การยอมแพ้ที่จะใช้พลังเยือกแข็งแล้วทำให้เธอได้พลังปีศาจจำนวนมหาศาล แต่ยังไงก็ตามมันก็ยังหมายความว่าเธอได้ยกเลิกการต้านทานต่อพลังเยือกแข็งแล้วทำให้ในตอนนี้การโจมตีของไอน่าได้ผลต่อเธอ ไอน่าก็น่าจะรู้สึกแบบนี้เหมือนกันทำให้เธอเอื้อมมืดออกไปยิงมานาทรงกลมไปทางเรสพิน่า ในเวลาเดียวกันฉันก็เรียกชื่อไพก้า

"ไพก้า"

[ฉันรอมานานแล้ว]

ฉันได้ดึงพลังสายฟ้าของไพก้าจนถึงขีดสุดด้วยพลังเทพสายฟ้าและสร้างตัวตนของสายฟ้าขึ้นมาดูดซับพลังศักดิ์สิทธิจากตรีศูลและเปล่งแสงพลั่งพลูออกมา

มันจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ถ้าหากว่าสเตตัสไม่ถูกปิดกันไว้ แต่ว่าฉันก็ทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้ ฉันได้กัดฟันแน่นและกระตุ้นให้ล็อทเต้พุ่งออกไป ด้วยการกระพือปีกเพียงครั้งเดียวทำให้ล็อทเต้กับฉันมาอยู่เบื้องหน้าเรสพิน่าในทันที

[ก๊าซซซซซซซซซ]

"ฮ่าห์"

[เจ้าจะไม่ชนะข้าหรอก]

พลังปีศาจจำนวนมากได้พุ่งออกมาจากดาบที่เธอถืออยู่ หลังจากได้รับการโจมตีของไอน่าอย่างง่ายๆพลังของเธอก็มาถึงฉัน.... จากนั้นเองทุกอย่างก็ถูกแช่แข็ง

[อึก]

"ตายยยยย"

ต่อหน้าไอน่าที่ใช้พลังของเทวีสคาดีการยอมยกเลิกการต้านทานพลังเยือกแข็งแล้วมันเป็นการกระทำที่โง่เขลา ฉันได้แทงหอกออกไปโดยไม่สนใจอะไรอีก หอกโกลาหลได้แทงผ่านเรสพิน่าเหมือนกับสายฟ้าฟาด

[ติดคริติคอล]

เคียวได้ปรากฏขึ้นมาตัดคอของเธอในทันที ด้วยแบบนี้ฉันได้มั่นใจแล้วว่าไอเทมทั้งหมดต่างยังใช้งานได้

[อ๊ากกกกก]

[ก๊าาา]

ล็อทเต้ได้พ่นลมหายใจอีกครั้งหนึ่งแต่ว่าพลังปีศาจที่คลุมตัวเรสพิน่าอยู่ได้ป้องกันการโจมตีนี้เอาไว้และระเบิดออกมา ฉันได้รีบใช้พลังของริยูสร้างบาเรียขึ้นมารอบๆเราแต่มันกลับพังไปในทันทีและพลังปีศาจก็ได้เข้ามาถึงเรา

[ติดคริติคอล]

"อึก"

[อ๊า]

เจ็บ อนุภาคพลังปีศาจนี้แต่ละส่วนต่างเต็มไปด้วยความแหลมคมของจิตสังหาร นอกไปจากนี้ผลการเพิ่มโอกาสคริติคอลก็ยังทำงานทำให้พลังชีวิตของฉันหายไปถึง 30% ในทันที

ในเวลาเดียวกันเสียงร้องของเรสพิน่าก็ดังขึ้น เคียวยมทูตได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งแต่ในความนี้มันปรากฏขึ้นเพราะฉันถูกโจมตีคริติคอล การที่ฉันยังคงพุ่งต่อไปข้างหน้าได้โดยเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อนี้จะต้องขอบคุณสถานะสุดยอดเกราะแต่แม้ว่าจะไม่ได้มีสถานะสุดยอดเกราะการโจมตีของเคียวก็มอบโอกาสให้กับฉันเองอยู่แล้ว

ในตอนที่เธอยังคงเจ็บปวดจากการโจมตีของเคียวครั้งที่สองนี้ ฉันได้รีบหยิบโพชั่นขึ้นมาดื่มและตรวจสอบสภาพของล็อทเต้

"ล็อทเต้ เธอโอเคนะ"

[ฮีโร่ป้องกันส่วนใหญ่ไปแล้ว]

บาดแผลที่ตัวเธอตรงกันข้ามกับที่เธอพูดเลย บนร่างของเธอมีบาดแผลอยู่หลายจุดที่ซึ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ว่าความเร็วในการฟื้นฟูของเธอก็เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆบาดแผลของเธอกำลังถูกรักษาคืนมาอย่างช้าๆ แต่ว่าเธอก็ยังมีความเจ็บปวดอยู่เช่นเดิม

เมื่อเห็นการทำเป็นไม่เจ็บปวดของเธอ ฉันก็ได้แต่ยิ้มและจับหอกแน่น ในเวลาต่อมาฉันได้ลืมตากว้างและตะโกนขึ้น

"ชาโดว บิ้ง"

เอามือออกไปจากลูกสาวฉันนะ เรสพิน่าที่ได้เอาชนะความตกใจจากเคียวยมทูตได้เอื้อมมือออกไปหาไอน่า เพียงแค่การทำท่าทางแบบนั้นทำให้เกิดมือยักษ์สีดำขึ้นบนท้องฟ้ากวาดเข้าไปหาไอน่า

แต่ว่าก่อนที่มันจะได้สัมผัสไอน่าฉันก็ได้บิ้งไปอยู่หลังของเรสพิน่าและเหวี่ยงหอกออกไป พลังปีศาจได้พุ่งขึ้นมาโดยอัตโนมัติเพื่อปะทะกับหอกของฉัน แต่ในขณะเดียวกันมือสีดำก็หมดพลังไปแล้วทำให้ไอน่ายิงหอกน้ำแข็งออกมาและลบมือยักษ์บนท้องฟ้าสไปอย่างสมบูรณ์ ยังไงก็ตามฉันยังคงต้องรีบ ฉันสามารถจะรู้ได้เลยว่าพลังที่ไอน่าใช้อยู่ในตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว

"แกจะไม่มีทางได้สัมผัสแม้แต่ปลายผมของไอน่าเว้นเสียแต่ฉันจะตายไปแล้ว"

[ถ้างั้นข้าจะฆ่าเจ้าก่อนละกัน]

"...."

ฉันได้กลั้นความเจ็บปวดจากการปะทะดาบของเธอเอาไว้ ถึงแม้ว่าเธอจะมีพลังมากพอที่จะผลักฉันออกไปก็ตามแต่สถานะสุดยอดเกราะที่มีอยู่มันได้ทำให้ฉันต้านเอาไว้ได้ ถึงแบบนั้นฉันรู้สึกว่าฉันได้รับความเสียหายมากกว่าที่จำเป็นซะอีก ฉันสามารถจะพูดได้เลยว่าฉันอ่อนแอลงกว่าเดิมมาก มันไม่ใช่แค่เพราะว่าฉันไม่ได้ขี่ล็อทเต้เท่านั้น แต่มันเป็นเพราะว่าฉันกำลังสูญเสียสเตตัสลงไปเรื่อยๆตลอดเวลา ฉันไม่สามารถจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ได้นานอีกต่อไป

"โอเวอร์ลอร์ด ความพิโรษของเทพแห่งท้องฟ้า"

ฉันได้ใช้ไพ่ที่เก็บเอาไว้ของฉันอย่างกล้าหาญ

[คุณได้ใช้โอเวอร์ลอร์ด ในขณะที่ทักษะนี้ใช้งานอยู่พลังชีวิตและมานาของคุณจะเพิ่มขึ้นสามเท่าและสเตตัสทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นสองเท่า ในตอนที่โจมตีศัตรูคุณจะมีโอกาส 10% สุ่มสถานะรับดับสูง ในตอนที่ถูกศัตรูโจมตีคุณจะมีโอกาส 20% สุ่มสถานะรับดับสูง]

[เจ้า....]

ฉันสามารถจะรู้สึกได้เลยว่าร่างกายของฉันเต็มไปด้วยพลัง พลังชีวิตและมานาของฉันได้พุ่งสูงขึ้นและสเตตัสที่อ่อนแอของฉันได้เพิ่มสูงขึ้นมาอีกครั้ง วงจรเพรูต้าก็ยังหมุนวนเพื่อดูดซับอินิกม่าเพื่อสร้างวังวนสีดำขึ้นหุ้มเกราะของฉัน

ยังมีมากไปกว่านี้ หอกของฉันที่ฉันไม่คิดว่าจะเสริมพลังมันได้อีกแล้วก็ยังเต็มไปด้วยพลังสายฟ้าของซุสและยืดยาวออกไป ประกายพลังสีทองได้ผสมรวมกันกับพลังโอเวอร์ลอร์ด แสงออร่าสีดำที่ไม่สามารถจะบรรยายได้ได้เปล่งออกมา ดูเหมือนว่าเอกลักาณ์เฉพาะตัวของพลังซุสจะไม่มีทางถูกพลังของโอเวอร์ลอร์ดซ่อนเอาไว้ได้ทำให้เรสพิน่าได้สังเกตุเห็นเรื่องนี้และตะโกนออกมา

[แบบนี้เจ้าก็คือคนที่มาทวีปลูก้าจริงๆ]

"ใช่แล้ว ฉันเป็นฮีโร่คนั้นแหละ จะทำไมหรอ หยุดเซ้าซี้ฉันเรื่องนี้ได้แล้ว"

กินนี่และตายไปซะที

ฉันได้ขว้างหอกของฉันออกไปเข้าใส่เธอ ในเวลาสเดียวกันไอน่าก็ปลดปล่อยพลังเยือกแข็งที่น่ากลัวออกมา พลังปีศาจที่ไร้ที่สิ้นสุดได้รวมกันที่ร่างของเรสพิน่าและต่อต้านการโจมตีของพวกเรา

[ก็แค่นี้.... ก็แค่นี้เท่านั้น]

จากนั้นพลังปีศาจของเธอก็ระเบิดออกมาพร้อมๆกับเสียงคำราม พลังของเธอที่ได้ลบล้างพลังของดันเจี้ยนได้พยายามที่จะยับยั้งการโจมตีของพวกเรา ฉันได้พุ่งเข้าไปในระเบิดนั้นโดยไม่ลังเล สิ่งที่อยู่ในหัวของฉันในตอนนี้ก็คือจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด

[ข้าจะฆ่าเจ้า]

ท่ามกลางหมอกของพลังปีศาจดาบได้พุ่งออกมา ฉันได้เอื้อมมือออกไปและจับมันเอาไว้ แต่แม้ว่าจะมีการป้องกันของโอเวอร์ลอร์ดพลังของฉันก็ยังคงไหลออกไปอย่างช้าๆ การที่ต่อต้านพลังนี้ได้ซึ่งเป็นพลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าศัตรูของโลก...พลังของเรสพิน่าเป็นปัญหาที่น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง

[ในท้ายที่สุดแล้ว... เจ้าก็เป็นได้แต่สุนัขรับใช้ดันเจี้ยน มันไม่มีทางที่ ข้า พวกเรา จะตาย]

เรสพิน่าได้ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างน่าหวาดกลัว แม้ว่าร่างกายของเธอครึ่งหนึ่งจะแข็งไปแล้วและหอกสายฟ้าของฉันก็เจาะเข้าไปในท้องของเธอ แต่ตาของเธอก็ยังคงลุกโชนไปด้วยพลังปีศาจสีดำซึ่งแสดงถึงพลังชีวิตของเธอ สัญชาตฐณได้บอกกับฉันว่าเธอได้ลดผลกระทบและทักษะการโจมตีของเรา

ฉันรู้สึกได้ถึงดาบของเธอตัดผ่านถุงมือของฉันมาและพยายามที่จะเข้ามาถึงมือของฉัน ฉันได้กัดฟันแน่นและตะโกนไปในช่องชื่อสาร

[ทุกคนกลับขึ้นไปบนพื้นดิน ไม่ต้องถาม]

บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเสียงที่เร่งด่วนของฉันทำให้ทุกๆคนรีบทำตามกันในทันที ในเวลาไม่กี่วินาทีฮวาหยาก็ตอบกลับมา

[เสร็จแล้ว]

[ไอน่าด้วย]

[เสร็จแล้วคะพ่อ]

"ย๊ากกกกกกกกก"

ไม่นานหนักจากที่ฉันได้รับเสียงตอบกลับมาฉันได้เปิดใช้งานเสียงคำรามสีชาดในทันที ดวงตาของเรสพิน่าได้เปิดกว้างในตอนที่ทุกๆสิ่งในโลกได้ปกคลุมไปด้วยเพลิงสีทมิฬ

[อ๊าาา อ๊ากกกกกก]

"ฟู่...."

ทักษะเสียงคำรามสีชาดได้ถูกเปลื่ยนแปลงไปโดยอินิกม่า แม้ว่าฉันจะแข็งแกร่งขึ้นแต่เสียงคำรามสีชาดก็ยังคงอ่อนแอเมื่อเทียบกับทักษะอื่นๆ แต่ว่าสำหรับตอนนี้มันได้ถูกเปลื่ยนแปลงโดยอินิกม่าให้กลายเป็นเพลิงทมิฬแล้ว เสียงคำรามสีชาดได้ให้ผลที่น่าทึ่ง ฉันรู้สึกราวกับว่าช่วงเวลากลางคืนได้มาเยือนในทันที ยังไงก็ตามเพลิงก็ยังคงเป็นเพลิงที่จะเผาทุกๆสิ่ง

ในตอนที่เพลิงได้ลดลงก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่บนท้องฟ้าอีกนอกเหลือไปจากล็อทเต้ที่ไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเพลิงและเรสพิน่าที่อยู่ท่ามกลางหมอกพลังปีศาจที่กระพริบไปมา

ฉันได้มองไปรอบๆด้วยความรู้สึกว่าการปิดกั้นสเตตัสของฉันได้อ่อนลง เรสพิน่าอยู่ในสภาพบาดเจ็บหนัก

[อั๊ก... เจ้าซ่อนพลังนี้ไว้...]

"นี้ก็นับเป็นพลังของดันเจี้ยน"

[พลังของดันเจี้ยน....]

ในตอนที่ฉันพูดแบบนี้ส่วนต่างๆที่ถูกเผาของเธอก็กำลังฟื้นตัวเองอย่างน่าทึ่ง ความแข็งแกร่งได้กลับคืนมาสู่เสียงของเธอ พลังที่ปิดกั้นสเตตัสของฉันได้กลับมาแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง มันเป็นการเปลื่ยนแปลงที่น่ากลัวราวกับว่านี่เป็นการกลอเทปกลับ

[อ๊า แค่ก เจ้าไม่ควรจะพูดแบบนั้นนะ เจ้าเสียใจไหมล่ะ ตราบใดที่มันเป็นพลังของดันเจี้ยน ตราบใดที่มันไม่ใช้พลังของเจ้าโดยตรง เจ้าก็ไม่มีทางที่จะทำร้ายข้าได้]

ด้วยแบบนี้ฉันจึงได้เข้าใจ ทักษะในนาฬิกาพกพาแตกต่างไปจากทักษะตามปกติและเธอตรวจพบไม่ได้ ยังไงก็ตามเธอก็ยังคงได้รับผลจากเสียงคำรามเยือกแช็ง เธอตรวจพบเพียงแค่ทักษะเสียงคำรามสีชาด พลังของเธอมีขีดจำกัดอยู่ที่การเข้าใจและการรับรู้ของเธอ เธอสามารถหยุดยั้งได้แค่สิ่งที่เธอรู้เท่านั้น

ถ้ามันเป็นแบบนี้จริงๆถ้างั้นการต่อสู้ก็จบลงแล้ว

[อ๊า... อ๊าาากกกกกกกก]

เสียงร้องของเรสพิน่าได้ดังขึ้นอีกครั้ง เรื่องนี้มันเข้าใจได้ เธอจะต้องสับสนแน่ๆว่าทำไมเธอถึงได้ถูกเพลิงที่เธอยับยั้งไว้เผาอีกครั้ง

[ดะ ได้ยังไงกันเพลิงนี้มันควรจะ....]

"ขอโทษนะ แต่ว่าเพลิงพวกนี้มันเป็นพลังของฉัน

ฉันได้ยิ้มขึ้น เพลิงที่เผาเธออยู่ไม่ใช่เพลิงที่มาจากเสียงคำรามสีชาด มันนั้นจุดขึ้นมาจากหอกที่แทงท้องของเธออยู่ เพลิงโกลาหล

[พะ เพลิงนี้... ได้ยังไงกัน ก่อนอื่นข้า...]

"เสียใจด้วยนะ"

ฉันได้ยิ้มขึ้นอย่างมีชัย

"นั่นก็เป็นเรื่องโกหกนะ"

[อ๊ากกกกกกกกกก]

เพลิงโกลาหลได้ลุกขึ้นอย่างรุนแรง เมื่อมันเผาขึ้นอีกครั้งก็ไม่มีอะไรจะดับมันลงได้ ภายใต้เพลิงโกลาหลนี้พลังของเธอได้ถูกกำจัดไปอย่างช้าๆ

นี้เป็นชัยชนะของฉัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด