ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0659
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0661

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0660


ตอนที่ 660 : สุนัขอสูรสามหัว

สีหน้าของเปาเฉิงโฉ่วยังคงสงบนิ่ง เขามองกลุ่มคนพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกเจ้าจงฟัง หากไม่คิดอยากให้ทั้งตระกูลต้องถูกกวาดล้าง เช่นนั้นจงเจียมตัวเสีย!”

“หากข้าทราบว่าพวกเจ้าผู้ใดคิดไล่ตามฉินหยุน ข้าจะสังหารพวกมันทั้งสำนักหรือว่าตระกูล จนถึงขั้นขนาดที่สัตว์เลี้ยงก็จะไม่ปล่อยให้เหลือรอด!”

คำกล่าวของผู้ฝึกตนครึ่งเซียนที่อัดแน่นด้วยจิตสังหาร มันเป็นการสร้างความหนักอึ้งแก่ผู้คนอย่างมากล้ำ

หานเฝิงหู่รับชมอยู่ไม่ไกลนัก สีหน้าของเขาว่างเปล่า!

เป็นเขารับชมเรื่องราวด้วยสีหน้าดำมืดนับตั้งแต่พวกผู้อาวุโสเหวินและคณะถูกล้างสังหาร

“ไม่ว่าพวกเจ้าจะมีราชันยุทธ์หรือจักรพรรดิยุทธ์ที่เหนือผู้คนนับพันล้าน ต่อหน้าพละกำลังอันแท้จริง พวกเจ้าไม่ต่างอะไรกับมดปลวก! กลุ่มจักรพรรดิยุทธ์และราชันยุทธ์ที่เพิ่งถูกสังหาร พวกมันเป็นตัวตนที่เหนือล้ำผู้อื่น กระนั้นกลับไม่ทราบว่ายังมีเซียนที่อยู่เหนือล้ำกว่าพวกมัน!” ฉู่ปินอวี้กล่าว “ในโลกใบนี้ พลังอำนาจอันแข็งแกร่งเกรียงไกรคือสิ่งที่ควรค่าให้นับถือ!”

แม้ผู้อาวุโสเหวินและคณะจะแข็งแกร่ง กระนั้นพวกเขาก็ยังอ่อนด้อยจนเกินไปมากเมื่ออยู่ต่อหน้าครึ่งเซียนเช่นเปาเฉิงโฉ่ว

อย่างไรแล้ว พวกเขาได้ก่อเรื่องอหังการอวดดีต่อหน้าเปาเฉิงโฉ่วจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น ยังตะคอกใส่หน้าแม่เฒ่าหม่าอย่างไม่ไว้หน้า

การกระทำดังกล่าว เป็นผลให้เปาเฉิงโฉ่วรู้สึก ว่าตนในฐานะจ้าวสำนักครึ่งเซียน ออกจะขาดซึ่งเกียรติจนเกินไปแล้ว

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงบันดาลโทสะ พุ่งตรงเข้าสังหารกลุ่มคนอย่างไร้ซึ่งลังเล!

ชั่วขณะนี้เอง ครึ่งเซียนอีกสองคนจากนครเซียนยุทธภัณฑ์ได้มาถึง

หลังได้ทราบว่าเกิดเรื่องราวใดขึ้น ชายชราร่างเตี้ยศีรษะล้านพลันโอดครวญ “พวกเจ้า! เหตุใดไม่รอข้า? พวกเจ้าถึงกับฆ่าพวกมันหมดไม่เหลือให้ข้าเลยแม้สักคน!”

“สหาย ภายหน้ายังมีให้เจ้าได้ลงมือสังหารอีกมากมายนัก กลุ่มคนเหล่านั้นย่อมต้องคิดแสวงหาการล้างแค้น! พวกเราต้องปกป้องคนของพวกเรา! หากหนึ่งในพรรคพวกของเราถูกสังหาร เช่นนั้นพวกเราจะสังหารพวกมันเป็นหนึ่งร้อย!” เปาเฉิงโฉ่วกล่าว

“หึ เมื่อใดถึงเวลา เจ้าต้องให้ข้าได้ลงมือแล้ว เป็นข้าเก็บตัวมานานนัก ได้เวลายืดเส้นยืดสายบ้างเสียที!” ครึ่งเซียนร่างเตี้ยศีรษะล้านหัวเราะรับคำ

ผู้คนที่นี้ล้วนไม่สงสัยถึงความเหนือล้ำของนครเซียนยุทธภัณฑ์ พวกเขาเกิดความหวาดกลัวเกาะกุม พวกเขาไม่กล้าไปจากที่แห่งนี้ ไม่แม้กระทั่งกล้านำเอาเปลือกหอยสื่อสารออกมากระจายข่าวคราว นั่นก็เพราะครึ่งเซียนถึงสามคนกำลังจับตามองที่นี่

แม่เฒ่าหม่าหัวเราะ “ในที่สุดข้าค่อยได้ความสงบรับชมผลลัพธ์เบื้องล่างเสียที!”

ฉินหยุนและคณะพักผ่อนกันหมดวัน อาการบาดเจ็บของพวกเขาฟื้นฟูขึ้นมากันได้ไม่น้อยแล้ว

จนกระทั่งถึงตอนนี้ เชี่ยวเย่ว์หลานช่วยเหลือฉินหยุนรักษามาโดยตลอด และตอนนี้ นางได้หยุดมือแล้ว

ตอนนี้เป็นช่วงใกล้พลบค่ำ เย่ว์ผูเฟิงจึงมองขึ้นท้องฟ้าและกล่าว “อากาศไม่เลว เมื่อใดดวงจันทร์ปรากฏ ข้าจะเริ่มค้นหาสัตว์ราชันอสูร!”

ตอนนี้เอง ฉินหยุนค่อยแนะนำเย่ว์ผูเฟิงและคณะต่อเชี่ยวเย่ว์หลาน เขากล่าว “เย่ว์หลาน นี่คือเย่ว์ผูเฟิง เจี้ยนรั่วหยาน และหลงเฉียวเฟิง”

เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าวทักทายพวกเขาอย่างสุภาพ

“นี่ภรรยาข้า เชี่ยวเย่ว์หลาน!” ฉินหยุนยิ้มภูมิใจนำเสนอ

“ภรรยาเจ้า? นี่เจ้า... เจ้าถึงขั้นมีภรรยาที่วิเศษเพียงนี้!” เจี้ยนรั่วหยานเบ้ปากกล่าวคำ

“เพราะโชคชะตาของข้าดีอย่างไรเล่า!” ฉินหยุนหัวเราะรับ “เจี้ยนรั่วหยาน หากเจ้าเป็นเช่นนางได้ คิดหาสามีที่ดีไม่สมควรเป็นเรื่องยาก!”

“ข้า เจี้ยนรั่วหยานผู้นี้ไม่คิดตบแต่ง ผู้ใดล้วนไม่คู่ควรต่อข้า!” เจี้ยนรั่วหยานกล่าวอย่างผ่าเผย

เชี่ยวเย่ว์หลานมองทางหลงเฉียวเฟิง นางขมวดคิ้วกล่าว “เสี่ยวหยุน นางมาจากตระกูลหลงหรือ?”

“ใช่ วางใจเถอะ นางไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแน่!” ฉินหยุนกล่าวเช่นนั้น พร้อมส่งเสียงสื่อสารบอกต่อเชี่ยวเย่ว์หลาน ว่านางคือสายข่าวที่เขาจะส่งไปฝังรากเอาไว้

เชี่ยวเย่ว์หลานพอได้ทราบ นางค่อยวางใจได้มาก

เชี่ยวเย่ว์หลานมองทางเย่ว์ผูเฟิงพร้อมเอ่ยถาม “เย่ว์ผูเฟิง เจ้าคุ้นเคยกับเย่ว์อู่หลัน?”

“ข้าค่อนข้างคุ้นเคยกับนาง นับเป็นลูกพี่ลูกน้องต่อกัน!” เย่ว์ผูเฟิงเร่งรีบตอบรับ ด้วยเพราะเขานับถือต่อทั้งฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลาน

โดยเฉพาะฉินหยุน เป็นเขาที่ลงมือสังหารหลู่หลิงเทียน ฉินหยุนถือว่าช่วยเขาไว้อย่างหวุดหวิด

“ตระกูลเย่ว์มีท่าทีต่อนางอย่างไรบ้างแล้ว?” ฉินหยุนเร่งรีบถามขึ้น

“พวกผู้อาวุโสของตระกูลเย่ว์ต้องการใช้นางเพื่อจับตัวเจ้า!” เย่ว์ผูเฟิงกล่าว “พวกเขาพยายามติดต่อกับอู่หลัน คิดอยากให้นางล่อลวงเจ้า นอกจากนี้แล้ว พวกเขายังต้องการให้สัญญากับนาง ว่าจะให้ได้กลับเป็นศิษย์ตระกูลเย่ว์อีกครั้งหนึ่ง!”

เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะ “อย่างนั้นข้าจะบอกอู่หลันให้ นางและข้าอยู่เกาะจันทราปีศาจเหมือนกัน!”

เจี้ยนรั่วหยานและคณะไม่คาดคิด ว่าเชี่ยวเย่ว์หลานแท้จริงเป็นศิษย์ของเกาะจันทราปีศาจ

“ไม่แปลกใจที่เกาะจันทราปีศาจถึงขั้นยอมสร้างข้อยกเว้นให้แก่ฉินหยุนเพื่อเข้าร่วม ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้!”

เจี้ยนรั่วหยานจับจ้องที่ฉินหยุน และฉับพลันจึงได้เข้าใจ ถึงสาเหตุใดที่เขาปฏิเสธเกาะจันทราปีศาจไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตามแต่

เพราะภรรยาของเขาอยู่ที่นั่น หากเขาเข้าร่วม จะยิ่งทำให้เกาะจันทราปีศาจเข้ามาข้องเกี่ยว

เย่ว์ผูเฟิงมองที่เชี่ยวเย่ว์หลานและกล่าว “ข้าย่อมไม่เปิดเผยเรื่องระหว่างเจ้าและฉินหยุน!”

“ข้ารับปากว่าจะเก็บเป็นความลับ!” เจี้ยนรั่วหยานกล่าว

“ข้าย่อมไม่แพร่งพรายเช่นกัน!” หลงเฉียวเฟิงเร่งรีบบอกกล่าว

เจี้ยนรั่วหยานไม่ทราบเรื่องระหว่างหลงเฉียวเฟิงและฉินหยุน ดังนั้นนางจึงค่อนขอด “หลงเฉียวเฟิง บอกกล่าวมาตามตรง ตระกูลหลงมอบหมายงานใดให้แก่เจ้ามา?”

“ไม่มีอันใดทั้งสิ้น!”

หลงเฉียวเฟิงทราบ ว่าเจี้ยนรั่วหยานไม่เชื่อนาง กระนั้นนางที่มีฉินหยุนเชื่อใจ จึงไม่รู้สึกกังวลใจอันใดแม้แต่น้อย

“ข้าไม่คิดเชื่อ ตระกูลหลงต้องคิดใช้เจ้าเพื่อล่อลวงฉินหยุนแน่! ครานี้เจ้าได้เห็นแล้วว่าเขามีภรรยา ดังนั้นคงไม่กล้าบุ่มบ่ามยั่วยวนฉินหยุนอีก!” เจี้ยนรั่วหยานกล่าว

“ข้าไม่คิดขายพวกเจ้าแม้แต่น้อย!” หลงเฉียวเฟิงกล่าวคำอย่างเสียมิได้

เชี่ยวเย่ว์หลานเผยยิ้มอ่อนโยน “ฟ้าเริ่มมืดแล้ว พวกเราสมควรค้นหาสัตว์ราชันอสูรกันได้ในไม่ช้า!”

หลงเฉียวเฟิงกล่าว “ข้าไม่คิดเข้าร่วมเป็นสิบหกคนนั้น ดังนั้นไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือข้าสังหารสัตว์ราชันอสูรแต่อย่างใด”

เจี้ยนรั่วหยานขมวดคิ้ว “จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร? ข้าเป็นหัวหน้ากลุ่ม ข้าย่อมต้องทำให้ทุกคนสามารถคว้าชิงตำแหน่งมาได้ แม้ข้าจะไม่เชื่อใจเจ้าก็ไม่ใช่สาเหตุ!”

“ตามแต่เจ้าแล้วกัน” หลงเฉียวเฟิงถอนหายใจยาว

ฟ้ามืดหม่น แสงจันทรายิ่งมายิ่งสว่าง

เย่ว์ผูเฟิงหลับตาลง ใช้แสงจันทรานั้นเพื่อค้นหาสัตว์ราชันอสูรที่อยู่บนเกาะแห่งนี้

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เย่ว์ผูเฟิงจึงลืมตาขึ้นพร้อมยิ้มกล่าว “พบเจอสัตว์ราชันอสูรตัวหนึ่งแล้ว เดินเท้าสักครึ่งชั่วยามสมควรไปถึง!”

“อย่างนั้นเร่งรีบนำไป อย่าได้ปล่อยให้ผู้อื่นมาคว้ามันไปก่อน!” เจี้ยนรั่วหยานเผยเสียงตื่นเต้นกล่าวคำ

“ข้าจะออกนำหน้า เสี่ยวหยุนปิดท้าย!” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว พร้อมใช้พลังโปร่งแสงเพื่ออำพรางกาย

หากฉินหยุนใช้ไข่มุกวิญญาณโปร่งแสง เขาสามารถโปร่งแสงได้ ทว่าไม่ได้ดีทัดเทียมเชี่ยวเย่ว์หลาน

“เย่ว์หลาน เจ้าสามารถโปร่งแสงได้ด้วยหรือ?” เจี้ยนรั่วหยานเอ่ยถามอย่างตกใจไม่น้อย

“ใช่!” เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะเบารับคำ

“แข็งแกร่งนัก!” หลงเฉียวเฟิงลอบอิจฉาที่ภายใน

เจี้ยนรั่วหยานและหลงเฉียวเฟิง ทั้งสองต่างเชื่อ ว่าเชี่ยวเย่ว์หลานเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าฉินหยุน!

พวกนางพลันรู้สึก ว่าต้นกำเนิดของฉินหยุนออกจะลึกลับเกินไปแล้ว เขาถึงขั้นรู้จักสตรีที่เหนือล้ำนางนี้ ทั้งยังได้เป็นสามีและภรรยาต่อกัน

“ศิษย์พี่เย่ว์ วิญญาณยุทธ์ของท่านคือวิญญาณยุทธ์จันทรา?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“วิญญาณยุทธ์จันทร์เสี้ยว กล่าวได้ว่าอ่อนด้อยที่สุดในบรรดาวิญญาณยุทธ์จันทรา” เย่ว์ผูเฟิงยิ้มตอบ เขาค่อนข้างสุภาพต่อฉินหยุน อย่างไรแล้ว ฉินหยุนก็ถือเป็นผู้ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้

“ไม่เลว กล่าวได้ว่าเป็นวิญญาณยุทธ์จากสวรรค์แล้ว!” ฉินหยุนอึ้งไม่น้อย นั่นก็เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนสามารถครอบครองวิญญาณยุทธ์จันทราได้

“มันไม่อาจนับเป็นวิญญาณยุทธ์แห่งสวรรค์ เว้นแต่วิญญาณยุทธ์ของข้าจะวิวัฒนาการขึ้นเป็นจันทร์เต็มดวง!” เย่ว์ผูเฟิงส่ายศีรษะพลางยิ้มตอบ

เรื่องนี้คล้ายกระตุ้นต่อความสนใจของฉินหยุน เขาคิดอยากทดลอง ด้วยเคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ เขาอาจช่วยให้วิญญาณยุทธ์ของเย่ว์ผูเฟิงวิวัฒนาการเป็นจันทร์เต็มดวงได้

หลิงหยุนเอ๋อที่ทราบความคิดฉินหยุน นางจึงกล่าว “เสี่ยวหยุน ช่วยวิวัฒนาการวิญญาณยุทธ์แก่เขา! หากเขาได้ครอบครองวิญญาณยุทธ์จันทร์เต็มดวง พวกเราจะขอให้เขาช่วยค้นหาตัวพี่หยางของเจ้าได้ วิธีการนี้จะช่วยเบาแรงพวกเราได้มาก! วิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬของพี่หยาง ถือเป็นราชันแห่งวิญญาณยุทธ์จันทรา! หลังจากที่พวกเราไปถึงเทือกเขานิราศจันทรา เย่ว์ผูเฟิงจะสามารถสัมผัสถึงนางได้!”

ฉินหยุนพอได้ฟังเช่นนี้ ภายในอดไม่ได้ที่จะคาดหวัง

“ศิษย์พี่เย่ว์ ตระกูลเย่ว์มีผู้คนมากมายครอบครองวิญญาณยุทธ์จันทราหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ไม่มากนัก แม้พวกเราสกุลเย่ว์ ก็ไม่ใช่พวกเราทุกคนจะได้ครอบครองวิญญาณยุทธ์จันทรา มีเพียงแต่หยิบมือน้อยนิดเท่านั้น!” เย่ว์ผูเฟิงตอบกลับ “แน่นอนว่า จันทร์เต็มดวงยิ่งหาได้ยากมากล้ำ”

เจี้ยนรั่วหยานกล่าว “มรดกจันทราอันเลิศล้ำของตระกูลเย่ว์กล่าวได้ว่าแทบสูญสิ้น ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาตอนนี้คืออักขระจันทรา นอกจากนี้แล้ว บรรพบุรุษของพวกเขายังเป็นผู้ที่เคยถือครองจารึกวิญญาณนายหญิงจันทรา กระนั้นมันกลับไม่ได้รับสืบทอดต่อมา”

เย่ว์ผูเฟิงพยักหน้ารับ “เป็นเช่นนั้น ตระกูลเย่ว์ของเราเสียดายต่อเรื่องมาโดยตลอด!”

ฉินหยุนยิ่งสนใจในตัวจารึกวิญญาณ หากเขาได้รับจารึกวิญญาณนายหญิงจันทรา มันจะทำให้เขาสามารถแกะสลักอักขระจันทราได้ง่ายดายขึ้น

คณะของพวกเขาออกวิ่งอยู่เกือบครึ่งชั่วยาม จนกระทั่งตอนนี้ค่อยได้หยุดฝีเท้าอย่างฉับพลัน

“ใกล้เคียงนี้มีสัตว์ราชันอสูร!” เย่ว์ผูเฟิงกล่าวเสียงเบา

เชี่ยวเย่ว์หลานเผยเสียงเบา “ข้าเองก็สัมผัสได้ มันใกล้เข้ามาแล้ว!”

ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!

อย่างกะทันหัน สัตว์ราชันอสูรพลันทะยานร่างออกมา เป็นสุนัขสามหัว แต่ละหัวประกอบด้วยสามตามีแสงสีเขียวมัวหมองปรากฏ ขนาดตัวยาวเกินกว่าสิบเมตร ผิวหนังทั้งแข็งและหยาบกร้าน และยังมีหนามขนาดเล็กจำนวนมากปรากฏทั่วไปหมด

ฉินหยุนปลดปล่อยกรงเล็บพฤกษาผ่านโทเทมต้นไม้ เขาถ่ายเทพลังสู่พื้นดินเพื่อส่งต่อไปยังรากไม้!

รากไม้จำนวนมากปรากฏจากพื้นดินเปรียบดังกรงเล็บ เข้าคว้าจับที่ขาทั้งสี่ของสุนัขสามหัวตรงหน้าเอาไว้

ดาบเจตจิตของเจี้ยนรั่วหยานออกนำ มันทิ่มแทงเข้าใส่ดวงตาทั้งเก้าของสุนัขสามหัว

มันหอนร้องดังขึ้น!

ฉินหยุนทะยานร่างขึ้นฟ้า ปลดปล่อยหมัดใส่หลังหัวทั้งสามของสุนัข ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ถูกใช้งานร่วมกับพลังสั่นไหวสาดซัดใส่ร่างมัน!

ตึง!

เสียงปะทะดังก่อนเกิดการระเบิดที่ภายในร่างใหญ่โตของมัน

เชี่ยวเย่ว์หลานพร้อมเข้าสับฟันกระบี่ใส่แขนขาทั้งสี่ของสุนัขสามหัว

เย่ว์ผูเฟิงยังคงสัมผัสถึงโดยรอบผ่านทางแสงจันทรา หากมีผู้ใดปรากฏเข้ามาใกล้ เขาจะรับรู้ได้อย่างทันท่วงที

หลงเฉียวเฟิงเองก็ไม่ได้เคลื่อนไหว นางตั้งระวังอยู่ด้านข้าง เพื่อให้ฉินหยุนและคณะสามารถตั้งสมาธิกับการต่อสู้ได้

ดาบทั้งสองมือของเจี้ยนรั่วหยาน ใช้งานผ่านวิชาดาบชั้นสวรรค์ พละกำลังเหนือล้ำปลดปล่อยออก ทะลวงผ่านหัวของสุนัขสามหัวได้อย่างง่ายดาย

กระนั้นสุนัขสามหัวนี้ยังไม่สิ้นชีวิต มันเพียงหมดสติไปครู่

“ให้ข้าจัดการเอง!”

ฉินหยุนนำเอาดาบของหลู่หลิงเทียนออกมา สับฟันเข้าใส่ร่างของสุนัขสามหัวเกิดเป็นรูขนาดใหญ่

เชี่ยวเย่ว์หลานและเจี้ยนรั่วหยาน ต่างร่วมแรงกันตัดหัวทั้งสามของสุนัขสามหัว

เพียงไม่นาน ฉินหยุนจึงนำเอาแก่นผลึกแก้วสีดำออกมาได้

“เจ้าถือไว้ก่อน!” เจี้ยนรั่วหยานกล่าว “คืนนี้พวกเราจะล่ามาเพิ่มอีก!”

ทันใดนี้ เย่ว์ผูเฟิงขมวดคิ้วกล่าวคำ “ห่างไปราวห้าสิบลี้จากที่นี่ มีสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่! ทั้งสองต่อสู้ ทว่ามีอีกสามคนรับชม เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดนัก!”

“เป็นผู้ใดกัน?” เจี้ยนรั่วหยานเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย

“หรือจะเป็นศิษย์ร่างเซียน?” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว “ศิษย์ร่างเซียนเหล่านั้นอวดดีไม่มีสิ้นสุด มีแต่พวกมันแล้วที่จะเปิดศึกกับศิษย์ของสำนักอื่น!”

“อย่างนั้นพวกเราควรไปรับชม!” ฉินหยุนโพล่งขึ้น “หากเป็นศิษย์ร่างเซียน เช่นนั้นมันก็สมควรต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด