ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0655 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0657 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0656 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 656 : หลู่หลิงเทียน

หางเฝิงหู่เป็นกังวลสองเรื่อง หนึ่งคือเขากังวลว่าฉินหยุนจะถูกศิษย์ร่างเซียนเหล่านั้นสังหาร และอีกเหตุผลหนึ่งที่เขากังวล คือฉินหยุนจะเป็นฝ่ายสังหารศิษย์ร่างเซียนเหล่านั้น

แม่เฒ่าหม่าสบถเสียงเบา “พวกมันคิดทำบ้าอะไร? ถึงขั้นกล้าส่งศิษย์ร่างเซียนมาทำงานอันตรายเช่นนี้? พวกมันตายจะเป็นอย่างไรต่อ?”

ศิษย์ร่างเซียน ก็คือผู้ที่ครอบครองร่างเซียน แคว้นมหาดวงดาวกว้างใหญ่ ประชากรมีอยู่มากมาย ทุกชั่วระยะเวลาหนึ่ง ย่อมมีคนวัยหนุ่มสาวที่ครอบครองร่างเซียนปรากฏตัวขึ้นมา

ศิษย์ร่างเซียนเหล่านี้ถือเป็นตัวตนล้ำค่า พวกเขาได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีเยี่ยมจากสำนักเสมอมา

เหมือนดังเหลียวจิงเหมิง แม้นางเป็นส่วนหนึ่งของหอพิทักษ์กฎ กระนั้นนางกลับได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

“บางทีพวกเขาคงคิด ว่าเอาชนะฉินหยุนเป็นเรื่องง่าย!” หานเฝิงหู่ส่ายศีรษะถอนหายใจ “หากศิษย์ร่างเซียนสักคนหรือสองคนเสียชีวิต เช่นนั้นพวกเราก็ตกอยู่ในปัญหาใหญ่แล้ว!”

แม่เฒ่าหม่าสบถกราดเกรี้ยวเสียงเบา “พวกมันสมควรทราบว่าฉินหยุนแข็งแกร่งเพียงใด กระนั้นทำไมยังคิดเอาแต่ยั่วยุเขาไม่รู้จักจบสิ้น?”

“นั่นก็เพราะตราบเท่าที่พวกเขาจับตัวฉินหยุนได้ พวกเขาย่อมต้องได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว” หานเฝิงหู่กล่าว “รอบเกาะยุทธ์อสูรมีม่านพลังปิดกั้นเอาไว้ ฉินหยุนจะออกมาได้ก็ต้องรอจนการทดสอบเสร็จสิ้น”

“พวกนั้นสามารถจัดแจงให้กลุ่มคนเข้าไปได้ในระหว่างช่วงเวลาตามแต่ต้องการ ฉินหยุนเพียงได้แต่หลบซ่อนในเกาะ เขาไม่อาจออกไปไหนได้”

“นอกจากนี้แล้ว ฉินหยุนยังไม่อาจใช้งานอุปกรณ์หรืออาวุธที่มีอักขระ ดังนั้นพละกำลังของเขาย่อมถูกลดทอนไปมาก”

แม่เฒ่าหม่ากล่าวคำ “แต่ฉินหยุนเพิ่งสังหารหุ่นเชิดแกร่งกล้าเหล่านั้นไปด้วยมือเปล่า พวกนั้นไม่ทราบหรือไรว่าพละกำลังของฉินหยุนถึงขั้นใดแล้ว?”

หานเฝิงหู่มองทางผู้อาวุโสเหวินซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก เขากล่าวเสียงเบา “ศิษย์ร่างเซียนที่ถูกส่งมา สมควรเป็นระดับกลาง หรือระดับสูง อาจมีกระทั่งครึ่งก้าววรยุทธ์ลึกล้ำ!”

“แม่เฒ่าหม่า ท่านสมควรทราบกระจ่างชัดดีว่าศิษย์ร่างเซียนแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาย่อมต้องมาพร้อมอุปกรณ์พิเศษเพื่อจับตัวฉินหยุน”

ยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ออกค้นหาในเทือกเขานิราศจันทรามาเป็นเวลายาวนาน กระนั้นก็ยังไม่อาจหาตัวหยางฉีเย่ว์ได้พบ ผู้ใดทราบกันว่าพวกเขาต้องใช้เวลาอีกยาวนานเพียงใดกว่าจะหาตัวอีกฝ่ายเจอได้

กระนั้นเกาะยุทธ์อสูรเป็นอีกเรื่อง ฉินหยุนถูกขังอยู่ในพื้นที่เล็กจ้อย แทบไม่อาจเทียบเปรียบกับการค้นหาตัวหยางฉีเย่ว์ที่เทือกเขานิราศจันทราแม้แต่นิด

ผู้อาวุโสเหวินพุ่งพรวดเข้ามาเผยยิ้มอ่อนจางกล่าวคำ “ถึงคราวจบสิ้นของฉินหยุนแล้ว ฮ่าฮ่า!”

แม่เฒ่าหม่าเผยเสียงเย็น “อย่าได้คิดว่าจะทำได้สำเร็จ จ้าวสำนักนครเซียนยุทธภัณฑ์ รวมถึงครึ่งเซียนอีกจำนวนหนึ่งต่างกำลังเดินทางมาที่นี่! กระทั่งว่าศิษย์ร่างเซียนเหล่านั้นจับตัวฉินหยุนไว้ได้ ตราบเท่าที่พวกมันออกมาพ้นเกาะยุทธ์อสูร ก็อย่าได้คิดว่าจะนำตัวเขาไปที่ไหนได้พ้น!”

ผู้อาวุโสแค่นเสียงหัวเราะตอบ “เหอะ พวกเราย่อมคาดเดาเรื่องนี้ได้!”

“พวกเราหาได้จำเป็นต้องออกจากเกาะไม่ ตราบเท่าที่จับตัวฉินหยุนได้แล้ว เพียงทำให้หยางฉีเย่ว์ได้ทราบว่าฉินหยุนกำลังจะถูกสังหาร นางย่อมต้องเสนอหน้าออกมาแน่”

“ถึงตอนนั้น ตราบเท่าที่นางยอมส่งมอบจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว ฉินหยุนจะยังมีชีวิตรอดที่เกาะยุทธ์อสูรต่อไปได้!”

แม่เฒ่าหม่ากัดฟันแน่นเผยเสียงกราดเกรี้ยวตอบโต้ “พวกเจ้ามันกลุ่มเศษสวะ! ถึงขั้นใช้วิธีนานาชนิดเพื่อให้ได้รับมาซึ่งจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว ต่ำทรามนัก!”

“เจ้าไม่หวาดกลัวว่าศิษย์ร่างเซียนเหล่านั้นจะเป็นฝ่ายที่ตายกันหมดเลยหรือไร?”

ผู้อาวุโสเหวินหัวเราะดังตอบคำ “ศิษย์ร่างเซียนทั้งสามที่พวกเราส่งมา ทั้งหมดล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูง อาวุธและชุดเกราะของพวกเขา ต่างเป็นร่างต้นของอุปกรณ์เต๋าระดับราชัน เจ้าคิดหรือว่าฉินหยุนจะยังสามารถต้านรับเอาไว้ได้?”

ร่างต้นอุปกรณ์เต๋าระดับราชันที่ไม่มีอักขระใดแกะสลักเอาไว้ พวกมันย่อมไม่ถูกอาคมของเกาะยุทธ์อสูรดูดกลืน

“ยิ่งไปกว่านั้น ศิษย์ร่างเซียนเหล่านั้นต่างแข็งแกร่งยิ่งกว่าหุ่นเชิดนั่น! พวกเราเสียหุ่นเชิดที่ล้ำค่าไปสิบตัว หากต้องยอมปล่อยวาง ไม่เท่ากับสูญเสียโดยไม่ได้อะไรกลับคืนเลยหรือไร?” ผู้อาวุโสเหวินแค่นเสียง

“หุ่นเชิดสิบตัวที่ปล่อยออกไปตายหมดสิ้นแล้ว?” หานเฝิงหู่เผยอาการตื่นตะลึง

“ใช่! ร่างต้นของหุ่นเชิดทั้งสิบตัวต่างเป็นหุ่นเชิดขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ นอกจากนี้แล้ว ร่างกายพวกมันยังสร้างขึ้นเป็นพิเศษ ภายหน้าย่อมพร้อมขึ้นเป็นหุ่นเชิดขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำทุกเมื่อ แต่แล้ว พวกมันทั้งหมดกลับถูกฉินหยุนทำลายสิ้น!”

ผู้อาวุโสเหวินพอกล่าวถึงตรงนี้ เขายิ่งมีโทสะโกรธแค้น

หานเฝิงหู่กล่าวคำเสียงลุ่มลึก “หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดยังคิดส่งศิษย์ร่างเซียนทั้งสามคนเข้าไป? หากพวกเขาเกิดตายกันหมดเล่า? ไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นเพิ่มความเกลียดชังของฉินหยุนเพิ่มขึ้นอีกหรือไร?”

“หากศิษย์ร่างเซียนทั้งหมดตาย เหอะ พวกเราย่อมไม่มีทางละเว้นฉินหยุน!” ผู้อาวุโสเหวินเผยเสียงเย็น

“เจ้าเป็นตัวบัดซบอันใดกัน? ศิษย์ร่างเซียนเหล่านั้นคิดจับตัวฉินหยุน เขาย่อมต้องต่อต้านและโต้ตอบ หากเขาสังหารศิษย์ร่างเซียนได้ พวกเจ้าก็มีแต่จะสูญเสียเพราะฉินหยุนเพิ่มมากขึ้น!” แม่เฒ่าหม่าเผยเสียงกราดเกรี้ยว “เหตุใดจึงไม่หยุดลงที่เท่านี้? เจ้าพวกคนไร้ยางอาย!”

ผู้อาวุโสเหวินหัวเราะโฉดชั่ว “พวกเราย่อมไร้ยางอาย แล้วมันอย่างไร? หากข้าไม่ไร้ยางอาย พวกเราจะได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวมาได้อย่างไร? ตราบเท่าที่ข้าสามารถคว้าเอาจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวมา ข้าย่อมหลีกเลี่ยงเรื่องราวหลังจากนั้นได้หมดสิ้นแล้ว!”

“พวกเจ้ามันก็แค่พวกหน้าโง่ซื่อตรงไม่มองถึงอนาคต ฮ่าฮ่าฮ่า!”

หานเฝิงหู่กล่าว “พวกเราทั้งชราและซื่อตรง กระนั้นก็เพราะเรื่องนั้น พวกเราจึงมีชีวิตยืนยาวได้เพียงนี้! ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ย่อมมีโอกาสได้ฝึกฝนจนเลื่อนระดับพลัง ทว่าเจ้ากลับไม่ใช่ คิดสร้างศัตรูไปทั่วทุกหนแห่ง ไม่ว่าพรสวรรค์เจ้ามากล้ำเพียงใด ไม่ช้าย่อมต้องถูกสังหาร!”

ผู้อาวุโสเหวินหาได้เก็บคำเหล่านี้มาใส่ใจ เขาเพียงยิ้ม “จงรอคอยและรับชม ไม่ช้า พวกเราจะได้จารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวมาครอง!”

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานออกจากห้องหินเบื้องล่างพื้นดิน พวกเขายังไม่คิดออกค้นหาสัตว์ราชันอสูร ทว่าเลือกค้นหาเจี้ยนรั่วหยานและคณะก่อน

ในกลุ่มของเจี้ยนรั่วหยาน ยังมีเย่ว์ผูเฟิง ยามค่ำคืน เขาจะสามารถใช้แสงจันทร์เพื่อค้นหาสัตว์ราชันอสูร

ตราบเท่าที่ฉินหยุนกลับไปรวมกลุ่มได้ เขาจะสามารถหาตัวสัตว์ราชันอสูรได้พบโดยเย่ว์ผูเฟิงช่วยเหลือ

ถึงตอนนั้น ด้วยเชี่ยวเย่ว์หลานร่วมมือ พวกเขาจะผนึกกำลังกัน คิดกำราบสัตว์ราชันอสูรสักตัวจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

เขาได้บอกกล่าวเรื่องนี้แก่เชี่ยวเย่ว์หลานแล้ว และนางก็เห็นด้วยที่จะไปรวมกลุ่มกับเจี้ยนรั่วหยาน

ตอนนี้ ฉินหยุนกำลังใช้โทเทมต้นไม้เพื่อค้นหาทางผ่านมวลพฤกษา เขากำลังค้นหาสัญลักษณ์ซ่อนเร้นที่เจี้ยนรั่วหยานหลงเหลือไว้

ค้นหากว่าหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดเขาค่อยพบเจอสัญลักษณ์ซ่อนเร้น จากนั้นจึงเริ่มติดตามไป มองหาตามต้นไม้ใกล้เคียง เช่นนี้เรื่อยไปเพื่อหาเจี้ยนรั่วหยานและคณะ

เจี้ยนรั่วหยาน หลงเฉียวเฟิง และเย่ว์ผูเฟิง พวกเขาต่างเดินทางอย่างระแวดระวังผ่านป่า แต่แล้วอย่างกะทันหัน พวกเขาพลันได้เห็นอีกาตัวหนึ่งบินเข้ามา

ดวงตาของอีกาเป็นสีทองอย่างแปลกประหลาด มันบินเหนือยอดไม้พร้อมเริ่มร้องเสียงดัง

ทันใดนี้ ชายหนุ่มหล่อเหลาในชุดดำพลันปรากฏตัวเคลื่อนคล้อยลงมา เขาถือดาบยาวสีทองคำไว้ในมือ

ทันทีเมื่อลงถึงพื้น ดวงตาของเขาจึงเผยความเย็นเยือกอหังการ เปลวเพลิงชั่วร้ายพลันลุกโชนอยู่ภายในดวงตา

“สองสาวงามนี้ช่างยอดเยี่ยมนัก!” ชายชุดดำเลียรอบริมฝีปาก สายตาจับจ้องที่เจี้ยนรั่วหยานและหลงเฉียวเฟิงอย่างหื่นกระหาย

“เจ้าคือใคร? มาที่นี่คิดทำอะไร!”

เจี้ยนรั่วหยานเร่งรีบนำเอาดาบสีดำและขาวของนางออกมาเอ่ยถามเสียงเย็น นางรู้สึกว่าชายในชุดดำผู้นี้ชวนสะอิดสะเอียด เป็นนางอยากทิ่มแทงอีกฝ่ายจนตายตก

“ข้าต้องการอะไรอย่างนั้นหรือ? ให้เจ้าสองตัวเป็นเครื่องบำเรออย่างไรเล่า!” สีหน้าของชายชุดดำกลับกลายเป็นโฉดชั่ว “ไม่นึกเลย ว่าทันทีหลังมาถึงที่นี่จะได้พบเจอสาวงามมากล้ำแทนที่จะเป็นฉินหยุน พวกเจ้าเป็นของข้าแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!”

หลงเฉียวเฟิงเป็นหนึ่งในห้าสาวงามแห่งแคว้นมหาดวงดาว แม้นางไม่ทราบว่าถูกเลือกได้อย่างไร แต่หากนางไม่ดูดีถึงระดับหนึ่ง คงไม่มีทางถูกเลือกขึ้นมาได้เป็นแน่

ทั้งเจี้ยนรั่วหยานและหลงเฉียวเฟิงต่างกราดเกรี้ยว พวกนางเกลียดชังชายประเภทที่คิดต้องการขึ้นร่างพวกนางทันทีเมื่อได้เห็นอย่างถึงที่สุด และอีกฝ่ายยังถึงขั้นกล่าวคำออกมาอย่างไม่มีปิดบัง

“เหตุใดพวกเจ้าโกรธเพียงนั้น? พวกเจ้ายังไม่ทันทราบด้วยซ้ำว่าข้าคือผู้ใด!” ชายในชุดดำเอ่ยแนะนำตัวอย่างภูมิอกภูมิใจ “ข้าหลู่หลิงเทียน!”

เมื่อเย่ว์ผูเฟิงได้ยินนามนี้ เขาถึงกับเร่งรีบชักฝีเท้ากลับ

เจี้ยนรั่วหยานและหลงเฉียวเฟิง ต่างเร่งรีบกระจายตัวออก สีหน้าเผยความตื่นตะลึง!

“เจ้าคือบุคคลที่ครอบครองร่างเซียนจากตระกูลหลู่ หลู่หลิงเทียนคนนั้น?” เจี้ยนรั่วหยานเผยความหวาดกลัว

“ถูกต้องแล้ว ในเมื่อได้ยินนามข้าแล้ว เช่นนั้นจงเร่งรีบเปลื้องผ้ามาปรนเปรอข้าเสีย ด้วยข้าครอบครองร่างเซียน ถือเป็นเกียรติแก่พวกเจ้าที่จะได้รับใช้ข้า! เจ้าควรทราบ สตรีที่ได้ร่างเซียนอย่างข้าปรนเปรอ ถือเป็นโชคลาภมากล้นเพียงใด!”

“ด้วยเห็นพวกเจ้างดงามไม่น้อย ข้าจะยอมอ่อนโยนให้บ้าง! ดูไปแล้วพวกเจ้าคล้ายยังถือพรหมจรรย์ เช่นนั้นรสชาติที่ข้าได้รับคงวิเศษไม่ใช่น้อย!”

หลู่หลิงเทียนกล่าวคำจบ เขาจึงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ราวกับผู้หิวกระหาย เขาคิดอยากเข้าไปเปลื้องผ้าเจี้ยนรั่วหยานและหลงเฉียวเฟิงเสียเดี๋ยวนี้

“เหอะ! ผู้ใดกันไม่ทราบว่าเจ้า หลู่หลิงเทียนคือผู้ฝึกฝนวิชามารกลืนกินหยินบำรุงหยาง! ช่างเป็นร่างเซียนที่ไม่คู่ควรนัก!” เจี้ยนรั่วหยานได้เห็นหลู่หลิงเทียนเช่นนี้ นางยิ่งคิดอยากสำรอก

“ช่างเป็นหญิงผู้อาจหาญทางฝีปาก... ใช่แล้ว ดาบนั่นคล้ายดาบต้นกำเนิด เจ้าเป็นสตรีตระกูลเจี้ยนอย่างนั้นละสิ? วิเศษนัก! ข้าเองก็เป็นผู้ใช้ดาบ หากข้าได้เจ้ามาใช้เพื่อฝึกฝน วิชาดาบของข้าจะยิ่งลึกล้ำมากขึ้น!”

“หญิงงามเอ๋ย จงเร่งรีบเปลื้องผ้าเข้ามาบำเรอข้าได้แล้ว!”

หลู่หลิงเทียนยิ่งมายิ่งยินดีจนร่างกายสั่นเทิ้ม รอยยิ้มชั่วร้ายเผยออกอย่างไม่คิดปิดบัง

“เดรัจฉาน...” เจี้ยนรั่วหยานสบถเสียงเบา “เจ้าไม่กลัวการยั่วยุตระกูลเจี้ยนของเราหรือไร?”

“ตระกูลเจี้ยนย่อมไม่มีทางได้รู้เห็น!” หลู่หลิงเทียนหัวเราะดัง “หากพวกเจ้ายังไม่เข้ามา ข้าจะเข้าไปเอง! กล่าวตามตรง ข้าไม่คิดอยากทำให้พวกเจ้าต้องเจ็บช้ำ หากพวกเจ้ามีแต่เลือดเปรอะเปื้อน คงส่งผลกระทบกับความสำราญข้าไม่น้อย!”

“ถอย!” เจี้ยนรั่วหยานตะโกนดัง ทั้งสามคนพลันเร่งร้อนหนีหายกระจายสามทิศทาง

ได้เห็นอีกฝ่ายเผ่นหนี หลู่หลิงเทียนจึงหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะสับฟันผ่านอากาศไปหลายครั้ง

พลังงานดาบของเขาชวนสะพรึง ราวกับมันเป็นแสงสีดำวงโค้งฟาดตรงเข้าใส่เจี้ยนรั่วหยานและคณะ!

หลงเฉียวเฟิงและเย่ว์ผูเฟิงไม่มีเวลาให้ทันได้สกัดต้านรับ แผ่นหลังพวกเขาต้องปริปากแผลออกก่อนร่างจะล้มกับพื้น

มีแต่เจี้ยนรั่วหยานที่ตอบสนองได้ทัน ร่างของนางระเบิดพลังงานดาบ เข้าต้านรับการโจมตีของหลู่หลิงเทียนเอาไว้

“ไม่เลว ไม่เลว!”

กล่าวคำจบ หลู่หลิงเทียนจึงปรากฏตัวในพริบตา สับฟันดาบสีทอง นำพามาซึ่งแสงดาบสีดำเกิดเป็นวงคลื่น

“วิญญาณยุทธ์ดาบสีดำ!” เจี้ยนรั่วหยานสะบัดดาบทั้งสองในมือ เข้าดิ้นรนต้านรับการโจมตีอีกฝ่ายเอาไว้

หลู่หลิงเทียนครอบครองร่างเซียน และยังอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูง พลังเต๋ามีร่องรอยพลังเซียนเจือปนออกยามโจมตี ทำให้ทุกกระบวนท่าแกร่งกล้าและทรงพลัง

ดาบทั้งสองของเจี้ยนรั่วหยานต้านรับไว้ได้หลายกระบวนท่า แต่แล้ว มันกลับต้องแตกกระจาย!

ระหว่างคนทั้งสองมีความแตกต่างกันมากเกินไป!

ตู้ม!

หลู่หลิงเทียนโจมตีโดยฝ่ามือ คลื่นพลังปะทะซึ่งหน้า เป็นผลให้เจี้ยนรั่วหยานต้องร่างปะทะจนต้นไม้แหลกเละ

เจี้ยนรั่วหยานถูกหลู่หลิงเทียนเข้าคว้าร่างพร้อมบีบเบามือ นางถูกนำมาวางไว้ข้างหลงเฉียวเฟิง ทั้งสองต่างได้รับบาดเจ็บกันอย่างหนักหนา!

หลู่หลิงเทียนเอ่ยคำเดียดฉันท์ “นี่คือพลังของร่างเซียน!”

เขามองทางเย่ว์ผูเฝิง จากนั้นจึงเดินเข้าไปพร้อมกล่าว “เมื่อใดข้าลงมือต่อสตรี ข้าไม่คิดให้ผู้ใดได้พบเห็น เช่นนั้นคงต้องส่งเจ้าไปตายก่อน!”

เจี้ยนรั่วหยานและหลงเฉียวเฟิงต่างเห็นหลู่หลิงเทียนเงื้อดาบขึ้น พวกนางไม่เหลือแรงให้ลงมือใดแล้ว

เย่ว์ผูเฟิงเผยเสียงเย็น “หลู่หลิงเทียน หากมีโลกหลังความตาย ข้าจะรอล้างแค้นเจ้าที่นั่น!”

“ข้าจะรอวันนั้น ฮ่าฮ่า!” หลู่หลิงเทียนกล่าวคำพร้อมจ้วงแทงดาบยาวเข้าใส่เย่ว์ผูเฟิง

แต่ทันใดนั้นเอง เสียงปะทะพลันดังขึ้น!

ฉินหยุนใช้เงาปลิดชีพลมหายใจสมบูรณ์เคลื่อนย้ายเข้ามา จากนั้นจึงใช้ห้าฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ ตบเข้าที่ใบหน้าของหลู่หลิงเทียน!

4 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด