ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0654
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0656

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0655


ตอนที่ 655 : ศิษย์ร่างเซียน

ฉินหยุนเข้าไปรวบรวมเศษซากหุ่นเชิดที่ถูกทำลาย แม้พวกมันเสียหาย กระนั้นก็ยังมีค่า

ขณะกำลังเก็บรวบรวม เขาพลันรับรู้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา สายตาพลันต้องหันมองทางเชี่ยวเย่ว์หลานที่อยู่ไม่ไกล

“เย่ว์หลาน ระวัง!” ฉินหยุนร้องตะโกน

ลูกธนูพลันปรากฏจากทิศทางใดไม่ทราบ!

เชี่ยวเย่ว์หลานเร่งรีบหลบ กระนั้นลูกธนูกลับยังคงตามติดนาง!

“อึก!” เชี่ยวเย่ว์หลานสะอึกคำร้อง ร่างของนางถูกลูกธนูแทงปักเข้าใส่

ฉินหยุนกลับกลายเป็นมีโทสะ เร่งรีบเข้าไปคว้าร่างเชี่ยวเย่ว์หลานมากอดไว้

เชี่ยวเย่ว์หลานเพิ่งต่อสู้กับหุ่นเชิดไปหลายตัว อาการบาดเจ็บของนางไม่ใช่น้อย การตอบสนองจึงเชื่องช้าลง ทำให้ไม่อาจปัดป้องลูกธนูที่ยิงมาอย่างกะทันหัน

นักธนูผู้นี้เหนือล้ำ ลูกธนูพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว!

ที่น่าสะพรึงยิ่งกว่า คือแม้หลบเลี่ยง มันก็ยิ่งยากหลบเลี่ยง เพราะลูกธนูเหล่านี้สามารถตามติดเป้าหมาย

“เสี่ยวหยุน อย่าได้ห่วงข้า เจ้า... เจ้าต้องระวัง” เชี่ยวเย่ว์หลานเร่งรีบกล่าวด้วยเสียงอ่อนแรง

ฉินหยุนมองไป ลูกธนูอีกหนึ่งพลันเข้ามาถึงตัวรวดเร็วดังสายฟ้า

“อั่ก!” ครั้งนี้ยามฉินหยุนเห็นลูกธนู มันก็ปักเข้าที่ไหล่ของเขาไปเรียบร้อยแล้ว

ภายในใจฉินหยุนกราดเกรี้ยว เขามองที่เชี่ยวเย่ว์หลานด้วยสีหน้าปวดร้าว จากนั้น เขาจึงให้นางเข้าไปอยู่ในมิติเก็บของเพื่อให้นางได้ฟื้นฟู

“ผู้ใด เร่งรีบไสหัวออกมา! ข้าคือฉินหยุน มาเพราะคิดจับตัวข้าหรือไม่ใช่? เช่นนั้นจงเร่งรีบเสนอหน้าออกมา!” น้ำเสียงฉินหยุนทุ้มลึกประหนึ่งสัตว์ร้ายที่กราดเกรี้ยว

เพียงนึกถึงที่เชี่ยวเย่ว์หลานบาดเจ็บเมื่อครู่ โทสะในใจของเขายิ่งเดือดพล่าน พลังราชสีห์สวรรค์นี้ยากสะกดข่มเอาไว้ มันจึงระเบิดออกอย่างไม่อาจถ่วงรั้ง

ทันใดนี้เอง ชายหนุ่มซึ่งถือคันธนูยาวพลันออกมาพร้อมรอยยิ้มภาคภูมิ

ด้านหลังชายหนุ่ม ยังมีชายวัยกลางคน

“ฉินหยุน ข้าไม่ทราบหรอกนะว่าเมื่อครู่เจ้าสู้กับผู้ใด แต่ถึงกับทำสถานที่ย่อยยับเพียงนี้? แต่เหมือนเจ้าบาดเจ็บหนักอย่างนั้นสิ? ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะต้องมาตกอยู่ในกำมือของข้า เหลียวเปาหยานผู้นี้!”

คันธนูในมือเหลียวเปาหยานแกร่งกล้า เพียงแค่พลังเต๋าที่ส่งถ่ายมาก็ชวนสะพรึงแล้ว!

มันไม่ใช่อุปกรณ์เต๋า ทว่าเป็นวิญญาณยุทธ์และแก่นเต๋าของอีกฝ่าย!

อีกฝ่ายฝึกฝนวิญญาณยุทธ์และแก่นเต๋าจนแปรเปลี่ยนเป็นคันธนู มันคล้ายกับการที่ผู้ฝึกตนดาบ ฝึกฝนจนเกิดขึ้นเป็นดาบต้นกำเนิด

ฉินหยุนมองอีกฝ่ายอย่างเย็นเยือกพร้อมกล่าวคำ “เจ้ามาจากสำนักใด? สำนักเจ้าสั่งให้มาจับตัวข้า?”

“หากให้กล่าวถึง สำนักข้าก็มีข้อพิพาทกับเจ้าอยู่บ้าง”

เหลียวเปาหยานไม่ทราบ ว่าฉินหยุนเพิ่งทำลายล้างหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งไปถึงสิบตัว เขาเพียงคิด ว่าฉินหยุนได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นเขาจึงเชื่อมั่นในตนเอง ว่าฉินหยุนไม่ต่างอะไรกับเนื้อที่รอขึ้นเขียง

“พวกเรามาจากตำหนักพฤกษาดวงดาว! เป็นสำนักชั้นรองของหุบเขาเซียนโอสถ พวกเราย่อมคิดเข้าร่วมงานประลองยุทธ์เช่นกัน แน่นอนว่าพวกเราไม่ได้มาที่เกาะแห่งนี้เพื่อต่อสู้ชิงสิบหกตำแหน่งอะไรนั่น เป้าหมายหลักคือจับตัวเจ้าให้ได้ก่อนสิ่งอื่นใด!”

“อันที่จริง ผู้คนส่วนใหญ่มาที่นี่ก็เพื่อจับเจ้ากันทั้งนั้น! สิบหกตำแหน่งอะไรนั่นย่อมเป็นของศิษย์ห้าสำนักเซียนอยู่แล้ว พวกเราไม่คิดเข้าไปร่วมละเลงเลือดด้วย!”

“เดิมข้าคิดว่าเจ้าคงถูกศิษย์หุบเขาเซียนโอสถและขุนเขาเซียนอัคคีครามจับตัวได้ ผู้ใดกันคาดคิด ว่าสุดท้ายเจ้ากลับต้องตกอยู่ในกำมือข้า?”

ยิ่งเหลียวเปาหยานกล่าวคำเพียงใด เขายิ่งตื่นเต้นยินดีมากขึ้นเท่านั้น “ตราบเท่าที่ข้าจับตัวเจ้าได้ อุปกรณ์ราชันนั่นก็เป็นของข้าแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!”

“เหลียวเปาหยาน สาเหตุที่ตำหนักพฤกษาดวงดาวส่งพวกเจ้ามา จุดประสงค์หลักคือเพื่อจับตัวข้าใช่หรือไม่?” ฉินหยุนกำหมัดแน่นเอ่ยถามเสียงทุ้มลึก

“เป็นเช่นนั้น!” เหลียวเปาหยานหัวเราะดังต่อเนื่อง “เชื่อฟังแล้วเจ้าจะได้ไม่เจ็บตัว จริงด้วย เมื่อครู่คล้ายมีคนอยู่กับเจ้าไม่ใช่หรือ มันไปที่ใดแล้ว? แล้วนั่นเป็นใคร?”

เหลียวเปาหยานเป็นกังวล ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเจี้ยนรั่วหยาน เขาไม่อาจหาญกล้ายั่วยุตระกูลเจี้ยน

“เป็นภรรยาข้า!” ฉินหยุนเอ่ยคำเสียงเย็น “เพราะตำหนักพฤกษาดวงดาวชี้นำ เจ้าจึงมาที่นี่เพื่อจับตัวข้า ทั้งยังทำร้ายภรรยาข้า! ภายหน้าข้าจะไปกวาดล้างตำหนักพฤกษาดวงดาวเป็นการล้างแค้นให้ภรรยาข้า!”

“ภรรยาเจ้าหรือ นางตายแล้วอย่างนั้นสิ? วิเศษนัก ฮ่าฮ่าฮ่า” เหลียวเปาหยานหัวเราะยินดี “ข้าสังหารภรรยาฉินหยุนได้ หากเรื่องราวนี้แพร่กระจาย นามของข้าคงเขย่าสะท้านโลกหล้าแล้ว!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉินหยุนเอ๋ย ภรรยาเจ้าก็ตายไปแล้ว ทำข้ายินดีนัก! โอ้ จริงด้วย แล้วเจ้าจะเอาอะไรไปทำลายตำหนักพฤกษาดวงดาวของพวกเรากันเล่า? เมื่อครู่เจ้าเพิ่งบาดเจ็บเพราะข้าด้วยซ้ำ กระทั่งว่าเป็นขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ หากโดนลูกธนูของข้าเข้า พวกมันก็ได้แต่ต้องยอมศิโรราบ!”

ฉินหยุนจมดิ่งในห้วงโทสะ ทว่าอย่างกะทันหัน เขากลับกลายเป็นสงบใจลงได้ กระนั้น พลังภายในร่างกลับทะลักออกรุนแรงเหมือนดังก่อนหน้า!

เขาเอ่ยคำเบา “ภรรยาข้ายังไม่ตาย นางเพียงบาดเจ็บ! ต่อให้มีสวะเช่นเจ้าสักสิบคน ก็ไม่มีทางสังหารภรรยาข้าได้!”

“เจ้าไม่รู้งั้นหรือว่าพวกศิษย์ขุนเขาเซียนอัคคีครามมันหายหัวไปที่ใด? เจ้าไม่รู้ แต่ข้ารู้!”

“พวกเขาอยู่ที่ไหนแล้วเล่า?” เหลียวเปาหยานยิ้ม “ฉินหยุน เจ้าสมองมีปัญหาไปแล้วหรือ? ถึงกับกล่าววาจาเพ้อพกไร้สาระ!”

“ศิษย์สี่คนของขุนเขาเซียนอัคคีคราม พวกมันลงนรกกันไปหมดสิ้นแล้ว! ข้าคือผู้ที่ส่งพวกมันไปเอง!” กล่าวคำจบ ฉินหยุนสืบเท้าขึ้นหน้า ปรากฏต่อหน้าเหลียวเปาหยานในพริบตา

เหลียวเปาหยานตื่นตระหนก เขาคิดหลบหนี!

กระนั้น ด้วยอะไรไม่อาจทราบ เขารู้สึกเจ็บที่หน้าอก เมื่อมองลง จึงได้เห็น ว่าฝ่ามือของฉินหยุนแทงทะลุผ่านหน้าอกของตนเองไปแล้ว!

ชายวัยกลางคนเบื้องหลังเหลียวเปาหยาน เขาเร่งรีบนำเอากระบี่ออกมาพร้อมสับฟัน!

มือของฉินหยุนลุกโชนด้วยอัคคีเพลิงสีดำ ด้วยมือเปล่า เขาคว้ากระบี่ยาวที่โจมตีเข้าใส่ตนเอาไว้ ด้วยพลังอำนาจรุนแรง เขาหักมันทิ้งเป็นสองท่อน!

ถัดจากนั้น เขาจึงกำหมัดที่ทะลวงร่างเหลียวเปาหยานเอาไว้แน่น ก่อนจะวิ่งออกซึ่งหน้า ระดมหมัดต่อยจนทะลวงผ่านร่างของชายวัยกลางคน!

เหลียวเปาหยานและสหายต่างมีร่างเกิดเป็นรูกลวงเพราะมือของฉินหยุน พวกเขาพลันต้องร่างติดเข้าด้วยกัน!

“เจ้า... เหตุใดแข็งแกร่งเพียงนี้... นี่ไม่ใช่พลัง... ของวรยุทธ์วิญญาณแล้ว...”

เหลียวเปาหยานสะอึกคำอย่างเจ็บปวด เขาหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุด

“เจ้านามเหลียวเปาหยาน? วิญญาณยุทธ์คันธนูทองม่วงของเจ้าไม่เลว ขอบคุณสำหรับของขวัญ!” ฉินหยุนกล่าวคำ ใช้เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ แยกเอาวิญญาณยุทธ์คันธนูของเหลียวเปาหยานออกจากร่าง

“อัก... ละเว้นข้า... วิญญาณยุทธ์ข้า... อ๊าก!” เหลียวเปาหยานกรีดร้องชวนสังเวช

“บุคคลโฉดชั่วไร้ค่าเช่นเจ้า คิดหรือว่าจะสังหารภรรยาข้าเพื่อสร้างชื่อเสียงได้?” ฉินหยุนแค่นเสียง จากนั้นเขาจึงแทงใส่หน้าท้องเหลียวเปาหยาน นำเอาแก่นเต๋าอีกฝ่ายออกจากร่าง

เหลียวเปาหยานนอนนิ่งกับพื้น ยามได้เห็นแก่นเต๋าตนเองในมือฉินหยุน เขาอดไม่ได้ที่จะร้องออกอย่างขื่นขมเจ็บช้ำ

ชายวัยกลางคน ร่างกลับกลายเป็นเศษเนื้อด้วยฉินหยุนลงมือเพียงสองหมัด!

“เอาแก่นเต๋าข้าคืนมา... ฉินหยุน ไอ้มารร้าย! เจ้าต้องไม่ได้ตายดี!” เหลียวเปาหยานรู้สึกเพียงแต่ความสิ้นหวังอย่างไม่มีทางได้เห็นแสงสว่าง

“ผู้ที่ไม่ได้ตายดีเป็นเจ้า เพราะเจ้าทำร้ายภรรยาข้า!” ฉินหยุนคว้าศีรษะเหลียวเปาหยานเอาไว้ ถ่ายเทพลังอสนีบาตอัคคีเข้าใส่

เหลียวเปาหยานกรีดร้องเจ็บปวด เลือดต้องหลั่งไหลออกจากทั้งเจ็ดทวาร ก่อนจะค่อยสิ้นลมหายใจ

“ตัวบัดซบ!”

ฉินหยุนต่อยเข้าที่ร่างเหลียวเปาหยาน แปรเปลี่ยนกลายเป็นเถ้าธุลีสีดำปลิวหาย

หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เสี่ยวหยุน เร่งรีบหาสถานที่ปลอดภัยหลบซ่อน พลังของจิตวิญญาณราชสีห์สวรรค์กำลังเลือนหายแล้ว!”

ฉินหยุนเร่งรีบวิ่งออกพ้นจากสมรภูมิรบ ใช้งานความสามารถเทวะทะลุทะลวง เพื่อหลบซ่อนตัวในพื้นดินลึก

เบื้องล่างชั้นหินแข็ง เขาเร่งรีบตัดก้อนหินให้เกิดเป็นห้องหินขึ้นมา

พลังที่หยิบยืมจากจิตวิญญาณราชสีห์สวรรค์ค่อยเลือนหายทีละน้อย เขารู้สึกเพียงแต่กระดูกและกล้ามเนื้อกำลังปวดร้าว

“จิตวิญญาณราชสีห์สวรรค์ของเราอ่อนแรงนัก เราต้องแข็งแกร่งขึ้นจนถึงขนาดไม่จำเป็นต้องหยิบยืมพลังอีก!”

ฉินหยุนถอนหายใจยาว ก่อนจะพิจารณาเชี่ยวเย่ว์หลาน ผู้ซึ่งเวลานี้อยู่ในไข่มุกเม็ดแรกของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน

แก่นหยดแสงจันทร์ที่โมโมควบแน่นขึ้นมา เป็นส่วนช่วยรักษาบาดแผลแก่นางอย่างดีเยี่ยม

นอกจากนั้นแล้ว เชี่ยวเย่ว์หลานยังมีความสามารถฟื้นฟูร่างกายอันแกร่งกล้า

“เสี่ยวหยุน ข้าดีขึ้นมากแล้ว ให้ข้าออกไปดูแลเจ้า!” เชี่ยวเย่ว์หลานตะโกนดัง

ฉินหยุนปล่อยเชี่ยวเย่ว์หลานออกมาพร้อมกอดนางไว้แน่น เขาค่อยลูบไล้สัมผัสที่ใบหน้าของนาง

“ขอบคุณ เจ้าช่วยข้าเอาไว้อีกแล้ว เหมือนครั้งที่ข้ายังเยาว์เมื่อตอนนั้น” เชี่ยวเย่ว์หลานผ่อนคลายในอ้อมกอดฉินหยุน นางรับรู้ถึงความอบอุ่นก่อนจะยิ้มบาง

ครั้งนางยังเยาว์ เชี่ยวเย่ว์หลานค่อนข้างป่วยไข้บ่อยครั้ง และหลายครั้งนักที่นางถูกผู้อื่นในพระราชวังหลวงกลั่นแกล้ง ย้อนกลับไปเมื่อเวลานั้น ฉินหยุนที่มาจากจักรวรรดิข้างเคียง กลับยื่นมือเข้าช่วยเหลือนางจนได้รับบาดเจ็บเสียเอง

“เสี่ยวหยุน เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก! เจ้าถึงขั้นสังหารหุ่นเชิดเหล่านั้นได้จนหมดสิ้น!” เชี่ยวเย่ว์หลานลูบสัมผัสที่ใบหน้าฉินหยุนเบามือขณะยิ้มกล่าวคำ “ข้าคิดมาตลอด ว่าเจ้าต้องให้ข้าช่วยปกป้อง ผู้ใดคาดคิดกันว่าสุดท้ายแล้ว ยังเป็นเจ้าที่ช่วยปกป้องข้า!”

“พวกเราจะปกป้องซึ่งกันและกัน!” ฉินหยุนกุมมือขาวของนางไว้พร้อมยิ้มตอบ

“ข้าไม่นึกเลยว่ากระต่ายหยกน้อยนั่นจะคิดติดตามเจ้า ทั้งพี่หยางยังไม่คิดนำนางกลับคืน!” เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะ “เจ้าขนปุยตัวน้อยนั่นยังจดจำข้าได้!”

“เมื่อใดมีเวลา ข้าคงต้องถามเจ้าตัวน้อยนั่นให้บอกเรื่องราวต่อข้าบ้างแล้ว!” ฉินหยุนนึกขึ้นได้ ว่าครั้งกระต่ายหยกพบเจอเขา นางไม่ได้เผยความรังเกียจใดต่อตัวเขาแม้เพียงนิด

เป็นเขารู้สึกได้ ว่ากระต่ายหยกต้องทราบหลายเรื่องราวเก็บงำไว้

เชี่ยวเย่ว์หลานถอนหายใจเบา “พี่หยางตอนนี้ถือว่าตกอยู่ในอันตรายนัก พวกเราต้องไปช่วยนาง!”

ฉินหยุนกล่าว “เย่ว์หลาน ข้าจะไปเอง! หากข้าไปช่วยพี่หยาง เจ้าจะได้เร่งรีบฝึกฝนเพื่อให้แข็งแกร่งได้อย่างวางใจ!”

“รอจนกระทั่งพวกเราได้รับความสามารถเทวะจากงานประลองยุทธ์!” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว

“กลุ่มตัวบัดซบจากตำหนักจารึกเทวะ พวกมันถึงขั้นกล้าก่อเรื่องโฉดชั่วถึงเพียงนี้!” ฉินหยุนพอนึกถึงเรื่องนี้ เขายิ่งมีโทสะ

“เสี่ยวหยุน ผู้คนของตำหนักจารึกเทวะนั้นไร้ซึ่งความละอายกันไปเรียบร้อยแล้ว พวกมันพร้อมที่จะใช้วิธีสกปรกเพื่อดำเนินแผนขั้นต่อไปแน่!” เชี่ยวเย่ว์หลานขมวดคิ้วแน่น นางกล่าวอย่างเดือดแค้น “พวกมันรังแกสามีข้า ข้าย่อมไม่คิดปล่อยพวกมันไว้!”

“พวกมันมาก็เพราะจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวของพี่หยาง!” ฉินหยุนกราดเกรี้ยว “พี่หยางได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว เป็นนางสามารถจึงได้รับมา”

“กระนั้น พวกมันกลับคิดฉกชิงไปจากนาง ทำให้นางต้องหลบซ่อนหนีหาย ข้าย่อมไม่คิดปล่อยผู้ใดก็ตามที่มีส่วนร่วมในการไล่ล่าและโจมตีพี่หยางแน่!”

“เสี่ยวหยุน สาเหตุว่าทำไมพี่หยางไปหาจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว นั่นก็เพราะเจ้า!” เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะเบา “ได้เห็นว่านางดีต่อเจ้าเพียงนี้ เจ้ายังคิดอีกหรือว่าตนเองเป็นคนเลวร้ายในชาติภพก่อน?”

ฉินหยุนจูบเขาที่แก้มเชี่ยวเย่ว์หลาน เขายิ้มตอบ “เย่ว์หลาน เจ้าเองก็ดีต่อข้านัก!”

“แน่นอน ข้าเป็นภรรยาเจ้านี่!” เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะ “มาฝึกฝนร่วมกัน เช่นนี้จะได้ฟื้นฟูรวดเร็วขึ้น!”

ฉินหยุนเร่งรีบพยักหน้ารับ

เชี่ยวเย่ว์หลานโคจรพระสูตรหัวใจตะวันจันทรา ชี้นำให้ฉินหยุนเข้าร่วมห้วงการฝึกฝนกับนาง!

ครั้งฉินหยุนทำลายหุ่นเชิดทั้งสิบตัว ฝ่ายภายในของตำหนักจารึกเทวะยิ่งกราดเกรี้ยว พวกเขาตัดสินใจลงมือขั้นถัดไป ถึงขั้นสาบานว่าจะต้องจับตัวฉินหยุนให้จงได้

“แม่เฒ่าหม่า ข้าเพิ่งได้ทราบข่าว... ตำหนักจารึกเทวะคิดส่งคนมาเพิ่ม พวกเขาเป็นศิษย์ชั้นหัวกะทิอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลางและสูง!” หานเฝิงหู่ไปยังเรือบินของแม่เฒ่าหม่าพร้อมเผยสีหน้าเคร่งเครียด

“ศิษย์ชั้นหัวกะทิเหล่านี้แข็งแกร่งเพียงใด?” แม่เฒ่าหม่ากระซิบถามกลับ

“พวกเขาทั้งหมดเป็นศิษย์ร่างเซียน!” หานเฝิงหู่ถอนหายใจ “เหมือนว่าพวกเขาเหล่านั้นจะดื้อรั้นไม่คิดปล่อยวางเรื่องจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว!”

“ศิษย์ร่างเซียน? ฉินหยุนมีปัญหาแล้วสิ...” แม่เฒ่าหม่าเผยสีหน้าแปรเปลี่ยน นางหวาดกลัวถึงขั้นร่างกายอดไม่ได้ที่จะสั่นเล็กน้อย “คนพวกนั้นล้วนมีร่างเซียน! ตำหนักจารึกเทวะถึงขั้นปล่อยให้พวกเขาออกมาลงมือเลยอย่างนั้นหรือ!”

4 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด