ตอนที่แล้วบทที่ 273 - คาฮาร์ (7) [31-10-2020]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 275 - คาฮาร์ (9) [04-11-2020]

บทที่ 274 - คาฮาร์ (8) [02-11-2020]


บทที่ 274 - คาฮาร์ (8)

ชัดเจนได้เลยว่าตัวตนที่อยู่ด้านหลังของฉันคือเอลลอส และตัวตนนั้นก็ได้หายไป ศัตรูของโลกที่อยู่ข้างหน้าฉันได้เบิกตากว้างขึ้นทันที

"นายฆ่าเขาเลย?"

"สำหรับตอนนี้แค่แช่งแข็ง ฉันไม่อยากจะถูกแทงข้างหลัง นายก็น่าจะรู้นี่"

ฉันได้ตอบกลับไปอย่างใจเย็น ศัตรูของโลกดูจะลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาก็ถามออกมา

"ฉันไม่เห็นจะรู้ตัวเลย นายทำได้เร็วขนาดนั้นได้ยังไง?"

"ถ้าฉันบอกนายไป แล้วนายจะบอกฉันไหมล่ะว่านายล่อลวงเอลลอสได้ยังไง ฉันสงสัยจังเลยนะว่ามันเป็นไปได้ยังไง"

ในตอนที่ฉันพูดออกไปแบบนั้นฉันก็ยกหอกโกลาหลออกมา เหตุผลที่ฉันแช่แข็งเอลลอสได้อย่างรวดเร็วมันง่ายมาก ตัวของเอลลอสได้มีพลังของริยูอยู่นับตั้งแต่ที่ฉันบอกให้ริยูช่วยละบายความร้อนแล้ว

"....นายนี่ไม่เลวเลยนะ ดียิ่งกว่าเซอร์คาซิน่าซะอีก"

ฉันได้เล็งหอกไปทางเขาหากเขาส่งสัญญาณอะไรซักอย่างออกมาฉันก็จะเข้าไปต่อสู้อย่างรวดเร็ว แต่ยังไงก็ตามเขาไม่ได้ติดจะหยิบอาวุธออกมาเลยและทำเพียงแค่หัวเราะอย่างสนุกสนาน อย่างที่ฉันคิดเลยเขาต่างออกไป เขาต่างไปจากศัตรูของโลกตามปกติ ถ้าหากว่าจะหากคนที่เหมือนๆกับเขาล่ะก็คงเป็นเดม่อนลอร์ดในทวีปลูก้า

"ทั้งความกล้าหาญที่เดินเข้ามาในกับดักทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอก ความเด็ดขาดในการจัดการเพื่อนในทันทีที่รู้ว่าเขาทรยศ ที่สำคัญไปกว่านั้นพลังลึกลับจำนวนมากก็ยังหลั่งไหลอยู่รอบๆตัวนายแม้ว่านายจะเสียพลังดันเจี้ยนไปแล้วบ้างก็ตาม"

เขาได้ยกมือที่ใส่ชุดพาวเวอร์สูทขึ้นมาลูบคางของเขา ในเวลาเดียวกันความสนใจในตัวฉันของเขาก็มีมากขึ้น จากการเคลื่อนไหวเมื่อตะกี้ของเขาฉันยังสามารถจะรู้ได้ถึงความลึกศึกของศิลปะการต่อสู้ในระดับที่แตกต่างไปจากศัตรูที่ฉันเคยเจอมาบ่อยๆอย่างสิ้นเชิง เขาก็ยังดูเหมือนจะคิดแบบเดียวกันนี้ด้วย ฉันสามารถจะบอกเรื่องนี้ได้ในตอนที่เขายิ้มขึ้น

"นี่มันค่อนข้างจะเป็นปัญหาแหะ หืมมม...."

ในตอนนั้นเองเขาก็ได้ดีดนิ้วขึ้นราวกับว่าเขาได้ข้อสรุปแล้ว

"ฮีโร่จากโลกทำไมเราไม่มาเป็นพวกเดียวกันล่ะ?"

"พันธมิตร?"

"ใช่แล้วพันธมิตร กลายเป็นเพื่อนไง"

ฉันค่อนข้างจะสงสัยว่าเขาจะพูดอะไรแต่ว่าสิ่งนี้ที่เขาคิดมันน่าเบื่อจริงๆ ฉันได้ส่งเสียงหึและตอบกลับไป

"ฉันปฏิเสธ"

"ไม่ต้องห่วงน่า อิทธิพลของผู้หญิงที่พวกนายเรียกกันว่าลอร์ดมาไม่ถึงที่นี่หรอกน่า"

ฉันได้ผงะไป เขาเป็นศัตรูของโลกทำให้มันสมเหตุสมผลที่เขาจะรู้เรื่องมากขนาดนี้ แต่ว่าสิ่งที่ฉันผงะไปมันไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับลอร์ดของดันเจี้ยนแต่ว่ามันเป็นวิธีที่เขาพูดออกมา เสียงของเขาเต็มไปด้วยความผ่อนคลายราวกับว่าเขารู้อะไรมากยิ่งกว่านี้ซะอีก

"นาย... แผนของนายคืออะไร?"

"พูดตามจริงเลยนะ ฉันได้วางแผนที่จะร่วมมือกับทวีปอีเดียสเพื่อที่จะขับเคลื่อนแผนของฉัน แต่ว่ามันก็แค่ฉันได้เปลื่ยนแผนในตอนนี้ที่มีคู่หูที่แข็งแกร่งปรากฏออกมา"

"คู่หู เอ๋? นายคิดว่าคำๆนี้มันเหมาะสมแล้วหรอระหว่างกับผู้โจมตีกับผู้ป้องกันนะ?"

ถึงแม้ว่าฉันจะพูดออกไปแบบนั้นก็ตามแต่ฉันก็ยังสนใจมันอยู่บ้าง ถ้าหากว่าเขาจะบอกฉันมากกว่านี้มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธอยู่แล้ว เพราะว่าเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉันมาเป็นทหารรับจ้างต่างมิติก็เพื่อได้ข้อมูลของผู้โจมตีที่มากขึ้นอยู่แล้ว ฉันหวังอย่างยิ่งที่จะให้มันเป็นแบบนั้น

เขาได้พูดต่อออกมา

"แน่นอนสิว่ามันเหมาะสม พวกเรากำลังถูกพวกมันทำเป็นของเล่น ดังนั้นแล้วพวกเราที่เป็นเหยื่อควรจะร่วมมือกัน"

"...."

"ให้ฉันอธิบายก่อนเลยนะ อย่างแรกสุดเลยฉันไม่มีพลังของโลก"

"...."

"นายไม่แปลกใจเลยหรอ?"

"ฉันรู้อยู่แล้ว"

"อะไรนะ!?"

เขาไม่ใช่ฮีโร่และไม่ได้มีพลังของโลกอยู่ในร่าง เพราะแบบนี้ฉันก็ได้เค้นสมองจนแทบจะพังเพื่อที่จะหาว่าใครเป็นฮีโร่ของทวีปอีเดียส คนที่อยู่ข้างหน้าฉันดูจะตกใจมากที่ฉันรู้ได้ถึงพลังของโลกได้ เขาอาจจะคิดว่ามันเป็นอภิสิทธิ์เฉพาะผู้โจมตีเท่านั้น

แต่ไม่นานนักเขาก็ได้ใจเย็นลง จากนั้นเขาก็พูดในสิ่งที่ทำให้ฉันต้องตกใจออกมา

"แต่นายก็น่าจะรู้ว่าฉันก็เคยมีพลังโลกโลก ถ้าพูดให้ถูกก็คือฉันได้เอามันคืนมาหลังจากที่ฆ่าฮีโร่ของทวีปเคทีส"

ฉันได้รู้สึกเหมือนกับถูกอะไรซักอย่างมาตีเขาที่หัว

"อะไรนะ...?"

เขากำลังหมายถึงอะไร?

"มันง่ายมาก ทวีปอีเดียสไม่ใช่เป้าหมายแรกของพวกเรา ก่อนที่เราจะมานี่พวกเราได้สู้กับคนจากทวีปเคทีสและได้รับชัยชนะมา น่าเศร้าที่ความรุ่งโรจน์มันไม่ได้อยู่นานนัก"

"นาย นายกำลังจะบอกว่า...?"

"อยากจะรู้สินะ? ....ฉันควรจะบอกนายดีหรือป่าวนะ?"

"นายโกหก...!"

แม้ว่าฉันจะพูดไปแบบนั้น ฉันก็สงสัยจริงๆ แต่ฉันก็ไม่เคยคิดว่าเรื่องของเขามันจะอยู่นอกเหนือไปจากความรู้ของฉันมาก่อนเลย ถ้าหากสิ่งที่เขาพูดมันเป็นความจริงถ้างั้นผู้บุกรุกก็มีการสูญเสียพลังของโลกไปแม้ว่าจะทำลายโลกไปใบหนึ่งก็ตาม ไม่นานนักฉันก็ได้คิดไปถึงเดม่อนลอร์ด หรือว่าเขาจะอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกัน...?

"ฉันจะบอกในสิ่งที่นายรู้ให้ฟังนะ ตั้งใจฟังเอาไว้ให้ดี หากนายได้ยินไปแล้วฉันมั่นใจได้เลยว่านายจะมาอยู่ข้างฉัน เหมือนกับเซอร์คาซิน่าที่ทำมาไม่นานมากนี้"

ใกล้ๆกันนะผู้บุกรุกก็ได้ขบฟันแน่น ความเกลียดชังนี้ของพวกเขาไม่ได้มุ่งเป้ามาหาฉัน ความเกลียดชังพวกนี้เล็งเป้าไปที่บางอย่างที่อยู่ไกลออกไป ฉันได้แต่มึนงง แต่แล้วเมื่อลิโคไรท์มาแตะหลังของฉัน ฉันก็รู้ตัวว่าฉันกำลังเซ

"เรื่องราวมันก็ง่ายมาก เหตุผลที่เรามาเผชิญหน้ากันในฐานะของศัตรู ฉันจะบอกนายเอง"

"พูดสิ ฉันฟังอยู่"

"เยี่ยม ก่อนอื่นเลย พวกเราก็เหมือนกันกับนายและพวกคนที่อยู่ในทวีปอีเดียสนี่แหละ พวกเราเป็นมนุษย์ปกติที่อาศัยกันอย่างปกติสุข แต่ก็แน่นอนว่าพวกเราต่างไปจากมนุษย์แบบพวกนาย พวกเราฉลาดนิดหน่อยแต่มีพละกำลังที่อ่อนแอ แต่หากมองกว้างๆแล้วล่ะก็พวกเราก็ยังเป็นมนุษย์"

"แล้ว?"

"ในวันหนึ่งการเกิดของทารกก็หยุดลงไป"

เสียงของเขาสงบแต่ว่ามันก็ยังซ่อนความโกรธอย่างชัดเจน

"ทารกที่เกิดขึ้นมาจะตาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือเวทย์หรือคำภาวนาก็ไม่มีอะไรที่ช่วยพวกเด็กๆได้ ไม่มีชีวิตใหม่เกิดขึ้นและชีวิตเก่าก็หัวเราะไม่ออกแม้แต่ในตอนที่ตายก็ตาม"

เขาได้พูดต่อไปเรื่อยๆ

"พืชพรรณต่างๆได้เหี่ยวเฉาร่วงโรยไปในระหว่างกำลังเติบโต ระบบปศุสัตว์ได้พังลงจากการเกิดขึ้นอีกแล้ว แม้แต่มอนสเตอร์ที่เป็นศัตรูของมนุษยชาติก็ยังเอาตัวรอดมาไม่ได้เลย การไหลของมานาได้ติดขัดลง การรักษาบาดแผลได้กลายเป็นเรียกที่ยากขึ้น มันเป็นนรก มันเหมือนกับว่าโลกนี้ได้ตายไปแล้ว ทุกๆชีวิตที่เหลืออยู่กำลังตายลงไปอย่างช้าๆ"

"นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับโลกที่ถูกเอาพลังของโลกไป"

"ใช่แล้ว นายอาจมีศัตรูที่ชัดเจนเพื่อที่จะมุ่งเป้าความเกลียดชัง แต่ว่าพวกเราไม่มีเลย นับจากตอนที่เราตื่นจนกระทั่งหลับไปทุกๆคนต่างก็ร้องไห้อย่างเจ็บปวด พวกเขาเกลียดผืนดิน เกลียดสวรรค์ และเกลียดในพระเจ้า แม้แบบนั้นก็ไม่มีอะไรเปลื่ยนไป ยกเว้นสิ่งๆหนึ่ง"

ฉันรู้สึกเหมือนพอจะรู้ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร

"พวกเราจะต้องคว้ามันเอาไว้ พวกเราจะต้องเอาตัวเองเข้าไปหามัน พวกเรารู้ว่าเส้นทางบางอย่างได้ปรากฏขึ้นบนทวีปของเรามันจะทำให้พวกเราต้องฆ่าพวกเขา กุดหัวพวกเขา และขโมยชีวิตของพวกเขามา พวกเรารู้ว่าสงครามนี่คือความหวังอย่างเดียวของเรา ถ้าเป็นนาย นายจะทำยังไงล่ะฮีโร่?"

"ฉันก็จะเดินเข้าไป"

ฉันโกหกไม่ได้ 'ฉันฆ่าคนที่บริสุทธิที่อาศัยอยู่อย่างสงบไปไม่ได้ ฉันยินดีที่จะตายไปกับโลกของฉัน' ฉันไม่สามารถพูดคำแบบนี้ออกมาได้

"ซื่อสัตย์ ซื่อสัตย์มาก ฉันคิดว่าฉันชอบนายจริงๆซะแล้ว"

"นี่มันก็แค่เรื่องราวของนาย ไม่ใช่ว่านายบอกว่านายได้พิชิตทวีปเคทีสงั้นหรอ?"

"ใช่แล้ว ฉันเป็นคนทำนี่และไม่ใช่คนอื่นหรอก เป็นฉันเอง มือของฉันได้คว้าไปที่คอของคนที่ถูกเรียกว่าฮีโร่และหักมันด้วยตัวเอง จากนั้นฉันก็ได้พลังของเขามา พวกเราได้เลือกที่จะปักหลักอยู่ในทวีปเคทีสแทนที่จะกลับไปที่โลกที่แห้งแล้งของเรา เราได้ไว้ชีวิตพวกคนที่ยอมแพ้และฆ่าคนที่ต่อต้านอย่างไร้ความปราณี มันใช้เวลานาน นานมากๆแต่ว่าในที่สุดแล้วมนุษย์ทุกๆคนในทวีปเคทีสก็ยอมจำนนแล้ว เพราะแบบนี้พวกเราจึงได้สันติภาพกันกลับมา พวกเราไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้อีกต่อไปแล้ว"

"ถ้างั้นทำไมนายถึงบุกมาทวีปอีเดียสล่ะ?"

"นี้มันเป็นคำถามที่โง่มากฮีโร่ของโลก ไม่ใช่ฉันบอกนายไปแล้วหรอ?"

"ฉันชื่อคังชิน"

"อ่อ คังชินสินะ ฉันฮาเซ็น"

ฮาเซ็นได้จ้องมองตรงมาทางฉันราวกับว่าเขากำลังรอดูปฏิกิริยาของฉัน

"มันเป็นเพราะว่าพลังของทวีปเคทีสได้หายไป มันไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น มันได้หายไปราวกับว่ามันไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่แรกแล้ว"

ฉันได้เงียบลงไป

นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันไม่เคยคิดมากก่อน จริงๆแล้วฉันเคยคิดถึงมันมากก่อนมากกว่าครั้งเดียวซะอีก แต่ว่าฉันไม่เคยเชื่อเลยว่ามันจะเกิดแบบนี้จริงๆ ฉันไม่อยากให้มันเกิดขึ้นแบบนั้น

"ฉันไม่มีทางลืมวันนั้นได้เลย ในตอนที่ฉันได้พบว่าทารกทั้งหมดที่เกิดมาในวันนั้นตายไป ในตอนที่ฉันพบว่าพลังจำนวนมหาศาลของฮีโร่และพลังของโลกได้หายไปจากตัวฉัน ฉันก็ตระหนักได้ว่า...ฝันร้ายมันยังไม่จบลง ไม่เลย...."

เสียงของเขาได้ดังสะท้อนก้องอยู่ภายในหัวของฉัน

"ฉันได้รู้ตัวแล้วว่าฝันร้ายมันจะไม่จบลง มันจะคงอยู่ต่อไป อย่างไม่สิ้นสุด"

ฉันได้ส่ายหัวออกมา

"ทำไมล่ะ? ทำไมพลังของโลกถึงได้หายไปอีกครั้ง? พลังของโลกมากล้นเกินไปและขาดคนที่จะมาสนับสนุนพลังพวกนี้ ไม่ใช่ว่านั่นเป็นเหตุผลทำให้โลกถูกจับคู่กันหรอ?"

"ใช่แล้ว ในตอนแรกฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน มีโลกอื่นที่จำเป็นจะต้องถูกลบมากขึ้นงั้นหรอ? แต่ว่านั่นมันเป็นไปไม่ได้เลย พลังของโลกทั้งหมดที่เคยได้รับการดูแลได้ขาดไปงั้นหรอ ไม่เลย มีใคนสักคนได้พยายามที่จะทำกับเราเป็นของเล่น การดูแลรักษาโลกงั้นหรอ? นั่นมันเรื่องไร้สาระทั้งเพ! มันก็แค่ข้ออ้างทั้งนั้น! พวกนั้นอาจจะเฝ้ามองดูเราต่อสู้กันอย่างสบายใจในขณะที่พนันกันว่าข้างไหนจะชนะอีกด้วยซ้ำ มันดูราวกับว่ากำลังดูพวกนักรบในโครอสเซียม"

"นายกำลังจะบอกว่านั่นเป็นเหตุผลจริงๆที่ทำให้พวกเขาลบพลังของโลกและจับคู่โลกขึ้นงั้นหรอ?"

"ใช่แล้ว นายเข้าใจแล้วสินะ"

ฉันได้มองกลับไปที่ลิโคไรท์และล็อทเต้ พวกเธอทั้งคู่ได้ส่ายหัวออกมา

"ฉันไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้เลยฮีโร่ ชายคนนั่น.... มีชีวิตมานานแล้ว สงครามของเขามีมาก่อนพวกเรา"

"ฉันก็เหมือนกันสามีที่รัก แต่พูดตามตรงนะฉันไม่เชื่อใจเขา"

ฮาเซ็นได้ยิ้มขึ้น

"ไม่ว่ายังไงก็ตามพวกเราก็ได้ข้ามมาที่ทวีปอีเดียสแล้ว มันยากมาก แต่ว่าการที่เเราได้รับสันติภาพหลังจากสงครามที่รุนแรงทำให้เราเกิดหลงใหลกับเรื่องนี้มากเกินไป พรรคพวกของเราจำนวนนับไม่ถ้วนต้องจากไปและในระหว่างสงครามนี้เราก็ได้ฆ่าศัตรูของเราไปนับไม่ถ้วนเช่นกัน จากนั้นความคิดหนึ่งก็เข้ามาในหัวของฉัน ถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปสักวันพวกเราก็จะพินาศเอง เราจะถูกพวกนั้นทำเป็นของเล่นไปตลอด เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะริเริ่มคิดเรื่องใหม่ๆ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นแบบนี้ต่อไปจนกระทั่งไม่มีแม้แต่เศษเนื้อหรือกระดูกของเราเหลืออีกเลย"

"แล้ว... คริสตัลนั่นเป็นคำตอบนั้น"

"ถูกต้อง"

เขาได้หยักหน้าอย่างตื่นเต้น

"ไม่ว่าพวกเราจะพิชิตโลกมากแค่ไหนเราก็รู้ได้ว่าเราก็จะเสียพลังของโลกไปในพริบตาเดียว ในตอนนั้นคำถามหนึ่ได้โผล่ขึ้นมา ทำไมดันเจี้ยนถึงได้ให้การช่วยเหลือกับผู้ป้องกัน? แล้วลอร์ดผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันที่มีพลังมหาศาลแบบนั้น? คังชินนายไม่อยากจะรู้คำตอบนั้นหรอ?"

"ฉันอยากรู้ แต่ว่าหากขาดเธอไปโลกก็คงถูกพพวกศัตรูทำลายยไปนานแล้ว"

"โอ้ให้ตายสิ ถ้านายไว้ใจเธอแค่เพราะได้รับความช่วยเหลือจากเธอแล้วล่ะก็ นายจะจบลงด้วยการถูกมีดปักหลังเอานะ มานี่ดูนั่น"

เขาได้ชี้ไปที่คริสตัลที่กินพื้นที่จำนวนมากภายในนี้ คริสตัลนี้ได้ดูดมานารอบๆและปลดปล่อยมานาที่้เน่าเสียออกมาในเวลาเดียวกัน นี้คือสิ่งที่ยับยั้งพลังของฉัน

"นายคงจะรู้สึกทึ่งสินะ ในตอนที่ต่อสู้กับสิ่งที่ถูกเรียกว่านักสำรวจดันเจี้ยนจากทวีปเคทีสและทวีปอีเดียส พวกเราอดใจที่จะวิเคราะห์พวกเขาไม่ได้ เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเราได้พบวิธีทที่จะทำให้พลังของดันเจี้ยนอ่อนแอลง สิ่งที่เราจำเป็นจะต้องใช้ก็คือวัสดุในการสร้างเครื่องมือเวทย์และมานาในการควบคุมมัน พวกเราได้พบวัสดุทั้งหมดแต่ว่าปัญหาเรื่องมานาเราไม่สามารถจะแก้ไขมันได้ในทวีปเคทีสแต่ว่ากลับที่นี่ ที่เทือกเขาเพรูต้านี้มันต่างออกไป มานาที่นี่มีมากยิ่งกว่าพอที่จะนำมารวมกันเพื่อใช้งานเครื่องมือเวทย์นี้"

ในระหว่างที่เขากำลังโม้อยู่ ฉันก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง ฉันได้ส่งเสียงออกไปในทันที

"เครื่องมือเวทย์นั่น มันสมบูรณ์แล้ว?"

"น่าทึ่งมาก นายก็รู้แล้วสินะ!"

เขาได้ยิ้มออกมา

"แต่ว่ามันใหญ่เกินไป ฟังก์ชั่นหลักๆของมันยังใช้งานไม่ได้ พวกเราได้ทำให้มันมีขนาดเล็กลงเพื่อที่จะทำให้พอใช้งานได้ พวกเรายังจะต้องเพิ่มผลผลิตอีกด้วยเช่นกัน! แต่ว่ามันเป็นไปได้นะ พวกเราทำมันได้ และในตอนที่มันสมบูรณ์ในตอนนั้นที่นาย คู่หูมาร่วมกับเรา นายก็จะได้มันไปและเข้าไปในดันเจี้ยน"

"นายอยากจะให้ฉันฆ่าลอร์ดดันเจี้ยน"

เขาได้คิดคำถามขึ้นมาถามฉันอย่างระมัดระวัง

"เราควรจะแบ่งพลังนั่นกัน จากนั้นเราก็จะสร้างพันธมิตรขึ้น เริ่มขึ้นจากผู้นำของแต่ละโลก พวกเราจะเริ่มรวมตัวกัน ในท้ายที่สุดแล้วมนุษย์ทุกคนก็จะแต่งงานกัน จำนวนคู่รักนับไม่ถ้วนจะเกิดขึ้นในระหว่างสองโลกและเมื่อลูกๆของพวกเขานั้นเกิดขึ้น ทั้งสองโลกก็จะเริ่มกลายเป็นหนึ่ง มันจะไม่สำคัญอีกแล้วแม้ว่าพลังของโลกโลกหนึ่งจะหายไป ทำไมล่ะ? นั่นก็เพราะว่าทุกๆคนต่างก็มีสายเลือดของโลกทั้งสองโลกไหลเวียนอยู่ยังไงล่ะ!"

"โฮ่"

ฉันได้อุทานออกมาสั้นๆอย่างชื่นชน เขาดูจะตื่นเต้นมากไปอีกเมื่อเห็นปฏิกิริยาของฉันทำให้เขาตะโกนดังขึ้นกว้่าเดิม

"ถ้าเราควบคุมพลังของดันเจี้ยนที่สามารถจะเปิดเส้นทางของโลกได้ตามที่ต้องการล่ะก็จะมีอะไรที่เราต้องกลัวอีกล่ะ? ไม่มีเลย พวกเราจะสามารถเข้าไปในโลกใดๆก็ได้ตามที่เราต้องการ!"

"ด้วยพลังนี่?"

"ใช่แล้วด้วยพลังที่ไม่สิ้นสุด ในท้ายที่สุดแล้วเราก็จะกลายเป็นผู้ชนะ! ผู้ชนะที่จะไม่มีใครมากคุกคามได้อีก ผู้ชนะที่จะไม่ถูกคนอื่นนำมาเป็นของเล่นได้อีก"

"ถ้างั้นนายก็คงแค่หลอนไปเอง ฉันเริ่มจะสงสัยซะแล้วว่าทวีปเคทีสนั้นมีจริงหรือป่าว"

ฉันได้พูดออกไปตรงๆ ยังไงก็ตามเขาได้หัวเราะเยาะออกมากับการตอบกลับนี้ของฉัน

"นายยังจะพูดแบบนั้นในเมื่อนายได้รู้สึกถึงพลังของเครื่องมือเวทย์อีกงั้นหรอ? คังชินนายคิดว่าพลังนี่จะไม่สามารถส่งผลถึงลอร์ดดันเจี้ยนหรอ?"

"นายจะคิดง่ายๆแบบนั้นหรอ? นายคิดว่าลอร์ดดันเจี้ยนถูกฆ่าได้หรอ? แล้วต่อให้นายฆ่าเธอได้ นายจะสามารถเอาพลังของเธอไปได้งั้นหรอ?"

"เธอก็แค่คนโง่ที่มีพลังมหาศาลเท่านั้นเอง! ดันเจี้ยนก็คือเธอ และเธอก็คือดันเจี้ยน ถ้าหากว่าเธออยู่ตรงหน้าพวกเรา เราก็สามารถจะวิเคราะห์ตัวเธอได้ พวกเราทำได้แม้กระทั่งวิเคราะห์ในพระเจ้า! การเอาพลังของเธอมาหลังจากที่ฆ่าเธอไปมันก็ง่ายมาก พลังทั้งหมดสามารถจะเก็บเอาไว้ในภาชนะได้!"

ฉันได้แต่ตกตะลึง ตกตะลึงจริงๆ ยังไงก็ตามฉันก็สงสัยขึ้นและถามออกไป

"แล้วทำไมนายถึงเข้าหาเอลลอส?"

"พวกเราได้ยินจากนักสำรวจคนอื่นว่าเซอร์คาซิน่ามีความผูกพันกับฮีโร่จากโลกอื่น นอกไปจากนี้ตัวเขาในปัจจุบันยังเป็นแกนนำที่แท้จริงของกำลังพันธมิตรของทวีป

แกนนำที่แท้จริง ฉันได้คิดถึงวิธีการที่เอลลอสสั่งการอัศวินของจักรวรรดิ์ เขาเป็นศิษย์ของฮีโร่และเพื่อนของเจ้าชายแห่งอาณาจักร เขาเหมาะสมกับฉายา ผู้นำที่แท้จริง จริงๆ

"นอกไปจากนี้เขาก็ยังเป็นลูกศิษย์ของฮีโร่ ใช่แล้วคนที่สามารถทำให้ฮีโร่มาติดกับดักได้อย่างง่ายดายและเขาก็ยังเป็นคนที่ฉลาด เขาเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดและเขาก็มีสมองมากพอที่จะคิดเรื่องการร่วมมือกับเราเพื่อช่วยผู้คนในทวีปของเขา"

ไม่สิ นั่นมันเป็นไปไม่ได้ นายคงจะยังไม่รู้ในเรื่องที่เขาเสียคู่หมั่นไปกับกองกำลังของนาย!

ยังไงก็ตามยังมีบางสิ่งที่ฉันอยากจะรู้อยู่ ฉันจำเป็นต้องยืนยันสิ่งนั้น ฉันได้ถามออกไป

"ถ้าหากว่านายไม่สามารถจะเอาพลังมาจากฮีโร่ได้ในเมื่อนายฆ่าเขาไปแล้ว นั่นมันหมายความว่าในตอนที่นายฆ่าเขาเขาไม่ใช่ฮีโร่แล้วสินะ?"

"นั่นก็ถูกอีกแล้ว! ฮีโร่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในการต่อสู้ครั้งก่อนกับเรา เขาได้หนีไปกับศิษย์ของเขาและถ่ายโอนพลังของเขาไปให้กับคนที่อยู่ข้างๆเขา นั่นก็คือลูกศิษย์ของเขายังไงล่ะ ไม่มีใครที่รู้เรื่องนี้เลยว่าศิษย์ของเขาได้กลายมาเป็นฮีโร่ ถ้าหากว่าเขาซ่อนมันเอาไว้ก็จะไม่มีใครรู้อีกยกเว้นว่าพวกนั้นจะเป็นคนที่เราต้องการให้รู้"

แม้ว่าฉันจะรู้คำตอบอยู่แล้วแต่ฉันก็ยังถามออกไป

"ศิษย์คนนั้นคือใคร?"

"มันยังไม่ชัดอีกหรอก แน่นอนสิว่าเป็นเซอร์คาซิน่า! คนที่ถูกแช่แข็งอยู่ยังไงล่ะ"

ในตอนนั้นเองฉันค่อยๆหลับตาลงช้าๆ

นี้เป็นเหตุผลที่เอลลอสทำตัวแปลกๆ

ทำไมเราถึงมาที่นี่และพลังที่เขามี แล้วเขาซ่อนพลังจากฉันได้ยังไงและอะไรที่เขาวางแผนจะทำนับจากนี้

"ในตอนนี้ฉันอยากจะให้นายตัดสินใจ ใครที่เราควรจะฆ่า? นายก็น่าจะรู้คำตอบแล้วนะ"

"ไม่ ชินไม่มีคำตอบ ฉันรู้"

เสียงๆนั้นได้ดังขึ้นมาจากด้านบน แต่ว่าก่อนที่ฉันจะมองขึ้นไปด้านบนฉันได้หันกลับไปข้างหลังก่อน น้ำแข็งที่ฉันเชื่อว่าเอลลอสติดอยู่ได้แตกเป็นชิ้นๆ

ฉันได้หันไปตามเสียงนั่นต่อ ตรงนั้นเอลลอสได้ยืนอยู่ข้างบนของคริสตัลยักษ์

"คำตอบมันมานับตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว ในตอนที่บาเรลล่าได้ตายไปด้วยน้ำมือแก"

"เซอร์คาซิน่า...!? บาเรลล่าคือใคร? นายทรยศพวกเราแค่เพราะคนๆเดียว?"

เอลลอสได้ยิ้มขึ้นโดยไม่ยอมตอบกลับไป

"ชิน นายรู้ทุกอย่างแล้วใช่ไหม?"

ฉันได้ตอบกลับไป

"ใช่สิ"

"จริงนะ?"

"ใช่"

"แล้วนายก็เป็นคนปล่อยฉันออกมา"

"ฉันทำงั้น"

"นายไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ในการแช่แข็งฉันหรอ?"

"แน่นอนสิว่าไม่ ตัวนายไม่มีพลังที่มากพอจะทำลายน้ำแข็งของริยูที่ใช้เต็มกำลังได้แน่"

"ขอบคุณเพื่อที่นายไว้ใจฉัน"

"นายควรจะขอบคุณฉันนะ"

"แต่ว่านายไม่ควรจะไว้ใจฉัน"

ฉันได้หมดคำพูดไปในตอนนั้น ฉันได้คิดถึงสิ่งที่จะพูดออกไปและเลือกคำพูดง่ายๆ

"นายพูดถูก แต่ฉันก็แค่รู้อยู่แล้ว ถ้าฉันรู้อยู่ก่อนแล้วฉันฆ่านายแน่"

"แต่ว่าการพาเขามาที่นี่โดยไม่บอกอะไรเลย ฉันต้องการให้นายมาเป็นเหยื่อ ขอโทษนะ"

เอลลอสได้ก้มหัวให้กับฉัน ไม่นานนักเขาก็เงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาที่เป็นสีแดงฉาน

"ตายไปกับฉันซะ"

"เซอร์คาซิน่า อย่าได้แตะเครื่องมือเวทย์นั่น!"

"ฮาเซ็นนายรู้อะไรไหม? ในทวีปนี้มีเรื่องเล่าอยู่ เรื่องเล่าของเทพที่ปกปิดตัวเองไม่ให้ใครรู้ ในตอนที่เทพองค์นี้ปรากฏตัวออกมาเขาจะพังและทำลายทุกๆสิ่งยกเว้นตัวเขาเอง"

เอลลอสได้ยิ้มด้วยฟันที่หักไป ไม่ใช่แค่ดวงตาเขาเท่านั้นแต่ร่างกายของเขาทั้งหมดได้ถูกย้อมไปด้วยสีแดง แสงในดวงตาของฮาเซ็นได้เปลื่ยนไปในทันที เขาไม่เคยสนใจเอลลอสแม้แต่นิดเพราะพลังของเอลลอสแต่ว่าตัวเขาในตอนนี้ได้รู้ตัวแล้วว่าเขาคิดผิด"

"หยุดเขา! เดี๋ยวนี้เลย!"

"ข้าคือคาฮาร์ เทพแห่งการปกปิดตัวตนและการล้างแค้น"

แน่นอนว่าความสามารถในการปกปิดตัวเองของเขาอยู่ในระดับสุดยอด ทั้งฮาเซ็นและฉันไม่สามารถจะหาตัวเขาได้เลย

เส้นแสงสีแดงได้พุ่งออกจากร่างเขาและทะลุลูกน้องของฮาเซ็น ฉันได้รู้ในทันทีว่านี่ไม่ใช่แค่มานาเท่านั้น แม้กระทั่งในหมูพลังของเทพ สิ่งนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย มันคือการดึงเอาเลือดและวิญญาณออกมาพร้อมๆกัน

เอลลอสได้ถือดาบของเขาที่เต็มไปด้วยหยดออร่าเลือดเอาไว้ เขาได้แทงเข้าไปภายในคริสตัลโดยไม่ลังเล

"ทุกคนจะต้องตายไปกับฉัน"

พลังจำนวนมหาศาลได้ระเบิดออกมา ความรู้สึกว่าพายุมานานี้ไม่มีใครสักคนแม้กระทั่งฮาเซ็นก็ไม่สามารถจะผ่านมันไม่ได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ....

ฉันได้ยิ้มออกมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด