ตอนที่แล้วRC:บทที่ 12 ความเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวเฮ่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปRC:บทที่ 14 ความร่วมมือประสบผลสำเร็จ

RC:บทที่ 13 เยี่ยมชมกิจการ


RC:บทที่ 13 เยี่ยมชมกิจการ

ไม่นานนัก เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่หลินเฟิงถูกไล่ออกจากงานและกลับมาที่บ้าน

เมื่อไม่กี่วันมานี้ หลินเฟิงกำลังยุ่งกับธุรกิจองุ่น โดยเขายังคงนำองุ่นจำนวน 200 จินไปขายยังตลาดทุกวันและก็ขายดีเป็นอย่างมาก ในทุกๆ ครั้งที่นำไปขายมียอดซื้อไม่น้อยเลยและองุ่นก็มีจำนวนไม่เพียงพอ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงวัยกลางคนบางคน องุ่นนี้มีสรรพคุณด้านอายุวัฒนะ หลังจากที่กินเข้าไป ริ้วรอยตีนกา ริ้วรอยบนผิวและที่อื่นๆ ก็ลดเลือนลง

แต่เมื่อพวกเธอไม่ได้กินมันเป็นเวลาสองวัน ริ้วรอยพวกนั้นทันก็กลับมาอีก ดังนั้นคนพวกนี้จึงมายืนเข้าคิวแต่เช้าที่แผงขายองุ่นของหลินเฟิงในทุกๆ วัน

คนอื่นที่มีปัญหาด้านสุขภาพเพียงเล็กน้อย หลังจากที่ได้กินองุ่นเข้าไป พวกเขาต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่าองุ่นนั้นได้ช่วยให้อาการดีขึ้นและมีสรรพคุณยอดเยี่ยม

ตราบใดที่ได้กินองุ่นนี้เพียงสองสามลูกในทุกๆ วัน ก็จะรู้สึกสบายและสดชื่นซึ่งมันดีกว่ายาในโรงพยาบาลเสียอีก

หากพวกเขาไม่ได้กินเลยแม้แต่น้อยในแต่ละวัน พวกเขาจะรู้สึกไม่ค่อยสบาย และองุ่นของหลินเฟิงนั้นก็กลายมาเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของพวกเขา

ในช่วงเวลาระหว่างนั้น เสี่ยวเฮ่ยของหลินเฟิงก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เสี่ยวเฮ่ยตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่หลับลึกไปถึงสามวัน ในครั้งนี้นั้น ขนาดร่างกายของมันไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่ดวงตาเสี่ยวเฮ่ยและกำลังในการเคลื่อนที่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์แบบ

ดูเหมือนว่าเสี่ยวเฮ่ยจะผอมลงเล็กน้อย ไม่สิ มันต้องเรียกว่ามันดูเพรียวขึ้นมาก โดยเห็นได้จากโครงร่างของมัดกล้ามเนื้อซึ่งอวบและแข็งแรง

หลินเฟิงรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งเมื่อยืนอยู่ข้างๆ มัน เหมือนกับกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย

ราวกับว่าหลินเฟิงกำลังยืนเผชิญหน้ากับเสือยักษ์ที่อยู่ตรงหน้ากรงในตอนที่เขาไปเที่ยวสวนสัตว์ มันเป็นความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัว

แต่เสี่ยวเฮ่ย เมื่อเผชิญหน้ากับหลินเฟิงกลับก่อให้เกิดความรู้สึกสบายและเปลี่ยนเป็นความสุขเหมือนกับเด็กตุ้งติ้ง

หลังจากนั้น เสี่ยวเฮ่ยก็เห่าใส่หลินเฟิงอีกครั้งและยังคาบขากางเกงของเขาไว้ หลินเฟิงก็เข้าใจได้ทันทีว่าเสี่ยวเฮ่ยนั้นต้องการที่จะดื่มน้ำยาสีแดง

หลินเฟิงจึงป้อนเขาอย่างไม่ลังเลด้วยน้ำยาในขวดสีแดงอีกหนึ่งขวดและจากนั้นเสี่ยวเฮ่ยก็หลับไปอีกครั้ง

การหลับในครั้งนี้กินเวลาถึงห้าวันก็ยังคงไม่ตื่น โชคดีที่หลินเฟิงมั่นใจได้ว่าเสี่ยวเฮ่ยไม่ได้มีความผิดปกติใดๆ

สำหรับขวดใบเล็กนั้น หลินเฟิงได้ขว้างไปทางด้านหลังของเขาซึ่งมันจมลงในคอกไก่และเขาก็ไม่ทันได้สังเกตุเห็นสิ่งนั้น

ไม่นานนัก หนึ่งวันผ่านไป!

ในตอนรุ่งเช้าหลินเฟิงเข้าไปที่สนามหลังล้าน เขาเก็บองุ่นจากต้ององุ่นและพร้อมที่จะนำพวกมันไปขายที่ตลาด นี่คือสิ่งที่หลินเฟิงทำเป็นประจำทุกวัน

ในเวลานี้นั้น หลินเฟิงมีต้นองุ่นทั้งหมดแปดต้น โดยทั่วไปแล้วต้นองุ่นจะออกผลและสุกภายในเวลาหกถึงเจ็ดวัน หรือประมาณหนึ่งสัปดาห์

ทุกๆ วันหลินเฟิงสามารถที่จะขายองุ่นได้มากถึง 200 จิน ดังนั้นทุกวันหลินเฟิงจะขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่าเกือบพังของพ่อเพื่อขนเอาองุ่นที่มีน้ำหนักมากกว่า 200 จินไปที่ตลาด

ไม่นานนัก หลินเฟิงก็ไปถึงที่แผงขายองุ่น อย่างไรก็ตามเขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เพราะว่าแผงขายของของเขานั้น มีผู้คนเข้าแถวรออยู่ประมาณสามสิบคน ซึ่งมันเป็นเวลาเพียงแปดหรือเก้าโมงเช้าเท่านั้นเอง คนช่างมากมายอะไรเช่นนี้

ไม่นานนักหลินเฟิงก็รู้สึกโล่งใจเพราะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก สองสามวันมานี้ ทุกครั้งที่เขายังมาไม่ถึงก็จะมีคนเข้าแถวเพื่อรอองุ่นของเขา

นี่ทำให้องุ่นของหลินเฟิงขายหมดอย่างรวดเร็วและเพราะว่าพวกเขานั้นมาซื้อทุกวันจึงทำให้องุ่นของหลินเฟิงเป็นที่รู้จัก

“เอ้า ดูนั่นสิ มาแล้ว! เข้าแถวเร็ว!” เมื่อหลินเฟิงมาถึงที่ตั้งแผงขายของเขาด้วยมอเตอร์ไซค์คันเก่าของเขานั้น บรรดาหญิงวัยกลางคนก็เกือบจะหมดความอดทนและไม่อยากรออีกต่อไป

“เสี่ยวเฟิง เธอมาแล้ว มานี่ มานี่! พวกเรายึดแผงของเธอไว้แล้วนะ!” คุณป้าคนหนึ่งตะโกนใส่หลินเฟิงด้วยสีหน้ามีความสุข

สิ่งนี้ทำให้หลินเฟิงหัวเราะเจื่อนๆ เขาไม่ได้ต้องการที่จะฉกฉวยแผงขายของมาแบบนี้ แต่เพราะว่าคุณป้าเหล่านี้ได้ยึดแผงขายของนี้ไว้ซึ่งมันทำให้หลินเฟิงสะดวกขึ้น อย่างน้อยก็ประหยัดเวลาเป็นอย่างมาก

“ขอบคุณมากครับ พี่สาว ขอบคุณครับ!” หลินเฟิงจอดรถมอเตอร์ไซค์และของคุณผู้หญิงเหล่านั้น

เมื่อผู้หญิงเหล่านั้นได้ยินหลินเฟิงเรียกว่าพี่สาว พวกเธอก็ดูจะมีความสุขล้นเหลือและบอกว่าพวกเธอจะซื้อองุ่นอีกเยอะๆ

หลินเฟิงไม่ได้จงใจที่จะเรียกพวกเธอว่ายังสาว แต่เป็นเพราะใบหน้าของพวกเธอเหล่านั้นก็ดูอ่อนเยาว์จริงๆ ดูไม่เหมือนป้า

นี่เป็นผลจากองุ่นของหลินเฟิง มันไม่เพียงแต่จะสามารถรักษาโรคเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่ยังมีสรรพคุณวิเศษในการซ่อมแซมผิวพรรณและเป็นยาอายุวัฒนะ

นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมคุณป้าทั้งหลายจึงได้มาเข้าแถวรอในตอนเช้าเช่นนี้ พวกเธอเคยใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวราคาแพงเพื่อรักษาผิวพรรณและทำให้ดูอ่อนวัย

แต่ในตอนนี้เพียงแค่ทานผลไม้ลูกเล็กที่แสนจะสดชื่นนี้ทุกๆ วันก็สามารถที่จะรักษาความสวยไว้ได้ ด้วยคุณภาพที่ดีและราคาถูกทำไมพวกเธอจะไม่เลือกกันเล่า

ดังนั้นในทุกๆ เช้า จะมีกลุ่มคุณป้ามาตั้งแถวรอที่แผงขายของในตลาดเพื่อที่จะซื้อองุ่นของหลินเฟิงและองุ่นของหลินเฟิงนั้นก็มีชื่อเสียงในตลาดนี้

เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มคนก็มากขึ้นเรื่อยๆ และแม้แต่พื้นที่ด้านหน้าของหลินเฟิงก็ไม่มีที่ยืนอีกต่อไป

องุ่นของหลินเฟิงขายหมดภายในเวลาครึ่งชั่วโมง แล้วยังมีผู้คนอีกมากมายทางด้านหลัง และอีกกว่าครึ่งหนึ่งของกลุ่มคนที่อยู่ทางด้านหน้าก็ซื้อองุ่นของหลินเฟิงไม่ทัน คนพวกนั้นจึงต้องกลับไปด้วยความเสียใจและบ่นว่าพวกเขานั้นมาถึงตั้งแต่เช้าและอยากเป็นคนแรกที่ได้ซื้อองุ่นของหลินเฟิง

หลังจากที่ขายองุ่นหมดแล้ว หลินเฟิงมีความสุขเป็นอย่างมาก อะไรที่จะทำให้มีความสุขได้มากกว่าเงินกันเล่า? ไม่มีอย่างแน่นอน

“ช้าก่อน พ่อหนุ่ม ฉันต้องการที่จะหารืออะไรกับเธอสักหน่อย!”

ขณะที่หลินเฟิงกำลังจะกลับบ้าน ทันใดนั้นก็มีเสียงหนักๆ ของผู้ชายดังมาจากทางด้านหลังของเขา ซึ่งปรากฏว่าเป็นชายวัยกลางคน

ชายคนนี้แลดูค่อนข้างอ้วน แต่ก็ดูค่อนข้างมีอารมณ์ ซึ่งคนไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่

“สวัสดีครับ ให้ผมช่วยอะไรหรือครับ?” หลินเฟิงถามอย่างสุภาพ เมื่อหันไปมอง

“สวัสดี มันเป็นอย่างนี้นะ ฉันเป็นเจ้าของร้านแฟรนไชส์ที่มีชื่อว่า ผลไม้อร่อย มันดีมากเลยที่ได้มาเจอองุ่นของเธอ ฉันสนใจเธอมาตั้งหลายวันแล้วและได้ลองกินองุ่นของเธอหลายครั้งแล้ว ฉันพอใจมากเลยนะ!” ชายวัยกลางคนกล่าวพร้อมกับมีรอยยิ้มบนใบหน้า

“โอ้ ขอบคุณมากครับที่คุณชอบ!” หลินเฟิงไม่รู้วัตถุประสงค์ของอีกฝ่ายดังนั้นเขาจึงต้องกล่าวพอเป็นพิธี

“คือว่าฉันอยากจะพูดกับเธอเผื่อว่าเราจะร่วมมือกันได้!” ชายวัยกลางคนกล่าว

ชายวัยกลางคนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับองุ่นของหลินเฟิง เหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงได้รู้จักองุ่นของหลินเฟิงก็เป็นเพราะภรรยาของเขาได้มาเข้าแถวรอซื้อองุ่นในทุกๆ เช้า ซึ่งทำให้เขารู้สึกสนใจองุ่นของหลินเฟิงเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ได้ลองชิมองุ่นของหลินเฟิงแล้ว มันช่างอร่อยเสียเหลือเกิน หลังจากที่กลับไป เขาก็ได้ลองชิมองุ่นที่อยู่ในร้านของเขา พวกมันทั้งเปรี้ยวและฝาด มันไม่สมบูรณ์แบบเลย ซึ่งแทบจะกินไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงได้รีบมาคุยกับหลินเฟิงเกี่ยวกับความร่วมมือและต้องการที่จะนำองุ่นของหลินเฟิงไปขายที่ร้านของเขา

“ร้านผลไม้อร่อยงั้นหรือ? นั่นเป็นร้านแฟรนไชส์ขายผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลหรือเปล่า? ผมไม่คิดเลยว่าแม้แต่เจ้าของร้านเช่นนี้จะสนใจองุ่นของผม!”

หลินเฟิงมีความปิติยินดีขึ้นมาทันทีเพราะว่ามันเป็นการเปิดประตูการทำธุรกิจ หัวใจของเขาพองโตภายใต้ใบหน้าที่เงียบสงบ

“ร่วมมือกันอย่างไรครับ?”