ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0649 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0651 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0650 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 650 : ศึกระทึก

ค้างคาวปีกโลหิตบินทะยานเข้าหา กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรต่างหวาดกลัวความตาย

ผู้ฝึกตนอสูรกว่าสิบคนเร่งหลบหนีก่อนผู้ใดพร้อมตะโกนเสียงดัง

ค้างคาวปีกโลหิตบินด้วยความเร็วสูงผ่านฟากฟ้ายามค่ำคืน หากหลับตาสักข้างหนึ่ง ย่อมไม่มีทางพบเห็นมันได้เป็นแน่

“อ๊าก!”

เสียงกรีดร้องดังจากกลุ่มผู้ฝึกตนอสูร คนแล้วคนเล่าได้ถูกสูบเลือดจนแห้งเหือด

ฉินหยุนที่ได้เห็นยิ่งรู้สึกเหน็บชา เดิมเขายินดีที่ได้พบสัตว์ราชันอสูร

ทว่าตอนนี้ เขาไม่ยินดีแล้ว เพราะสัตว์ราชันอสูรตัวนี้ยากรับมือจนเกินไป โดยเฉพาะเมื่อเขาไม่มีอาวุธให้สามารถใช้งาน

“มันตรวจหาตัวเราไม่พบ!” ฉินหยุนยินดีอยู่ภายใน

“อำนาจรับรู้ค้างคาวตัวนี้แข็งแกร่ง กระนั้นมันไม่มีทางพบตัวเจ้า เพราะพลังเงาของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะ “ค้างคาวตัวนี้ก็ยังคงแข็งแกร่ง คิดรับมือกับมันต้องระวังตัวให้ดี อย่าได้คิดประมาท!”

ฉินหยุนนึกเสียดายที่ไม่อาจใช้งานอาวุธ ด้วยของที่เขามี หากสามารถใช้งาน คิดจัดการค้างคาวตัวนี้ถือเป็นเรื่องง่ายดาย

“หากมีเวลา คงต้องใช้กระดูกสัตว์ลึกล้ำสร้างอาวุธขึ้นสักชิ้นหนึ่งแล้ว!” ฉินหยุนลอบติดตามค้างคาวไป

ค้าวคาวปีกโลหิตบินวนทั่วทั้งป่า เพราะขนาดค่อนข้างเล็กเกือบเท่าตัวมนุษย์ มันที่บินผ่านป่าจึงราวกับมัจฉาแหวกว่ายในมวลน้ำ

ฉินหยุนติดตามมันอยู่หนึ่งชั่วยาม ขณะนี้เป็นกลางดึก เขายังไม่คิดลงมือ เพราะยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะมันได้

ด้วยสถานการณ์ที่ไร้ซึ่งอาวุธ หากคิดอยากเอาชนะสัตว์ราชันอสูรระดับวรยุทธ์ลึกล้ำ นั่นถือเป็นงานยากลำบาก นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้สูงที่เขาอาจเพลี่ยงพล้ำจนถูกสังหาร

อย่างกะทันหัน ความเร็วของค้างคาวพลันเพิ่มขึ้นมหาศาล

ฉินหยุนลอบตระหนก เขาไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นจึงได้แต่ต้องเพิ่มความเร็วไล่ตาม

ที่ตรงหน้า เขาพลันได้ยินเสียงคุ้นเคย

“สัตว์ราชันอสูร เป็นประเภทบินได้ ขนาดเล็กมาก!” ผู้ที่กล่าวคำขึ้น คือเจี้ยนหนันหู่!

กลุ่มสี่คนปรากฏตรงหน้า พวกเขาต่างเป็นศิษย์ของตำหนักเซียนดาบ

“ระวังตัวด้วย!” เจี้ยนหนันหู่นำเอาดาบยาวสีทองออกมา

ฉินหยุนมอบที่ดาบเล่มนั้นพร้อมอุทานภายใน “เป็นดาบต้นกำเนิดจริงด้วย ชายคนนี้ฝึกฝนดาบต้นกำเนิดได้แกร่งกล้าแล้ว!”

เจี้ยนหนันหู่ใช้ดาบต้นกำเนิด ปลดปล่อยความสามารถเทวะดาบสะท้านฟ้าสะเทือนดิน พลังงานดาบสีทองเปล่งประกายออก

ราวกับแสงดาบสีทองนับไม่ถ้วนปรากฏกลับกลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่บินเข้าหาร่างค้างคาว

ผู้อื่นอีกสามคนต่างมีดาบในมือ แม้ไม่ใช่ดาบต้นกำเนิด ทว่าก็เป็นวิญญาณยุทธ์ดาบที่แข็งแกร่ง พลังงานดาบที่ปลดปล่อยออกมา แทบไม่อ่อนด้อยไปกว่าเจี้ยนหนันหู่

ศิษย์ทั้งสี่คนของตำหนักเซียนดาบเหล่านี้แข็งแกร่ง กระทั่งว่าไม่อาจทัดเทียมเจี้ยนหนันหู่ พวกเขาก็หาได้อ่อนด้อยกว่ากันมากนัก

ฉินหยุนรับชมการศึกในเงามืด ภายในอดไม่ได้ที่จะนับถือต่อความแกร่งกล้าของค้างคาวปีกโลหิต

ด้วยการปิดล้อมรุมโจมตีของศิษย์ยอดฝีมือสี่คนจากตำหนักเซียนดาบ มันยังสามารถบินไปมา แต่แล้วในฉับพลันหนึ่ง เสียงเสียดแทงแก้วหูพลันดังขึ้น

เสียงนี้เป็นของค้างคาวปีกโลหิต มันทำเอาฉินหยุนรู้สึกไม่สบายตัวยิ่ง ยามได้ยิน เขารู้สึกขยะแขยงเสียงนี้จนแทบคิดอยากอาเจียนออก

“การโจมตีอะไรกันนี่?” ฉินหยุนขมวดคิ้วสบถอยู่ภายใน

ที่ทำเขาตื่นตะลึง คือกลุ่มศิษย์จากตำหนักเซียนดาบถึงขั้นอาเจียนออกเป็นโลหิตกองโต

“การโจมตีด้วยคลื่นเสียง ไม่เพียงเท่านั้น มันยังมาพร้อมพลังจิตรุนแรงด้วย!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

จากกลุ่มศิษย์สี่คนของตำหนักเซียนดาบ มีแต่เจี้ยนหนันหู่ที่ยังอยู่ดี อีกสามคนต้องอาเจียนออกเป็นเลือดยามต่อสู้รับมือ

เจี้ยนหนันหู่ส่งเสียงตะโกนคำรามดังต่อเนื่อง โหมโจมตีใส่ค้างคาวปีกโลหิตอย่างดุดัน ทำให้ค้างคาวปีกโลหิตคิดอยากปล่อยเสียงออกต่อก็ต้องพบว่ายากลำบาก

อำนาจการป้องกันของค้างคาวปีกโลหิต ยังทำเอาฉินหยุนต้องอุทานภายใน

มันเป็นเพราะขนของตัวค้างคาว ยามเมื่อถูกพลังงานดาบโจมตี มันสามารถต้านรับ!

“อย่าได้คิดหนี!” เจี้ยนหนันหู่คำรามดัง ค้างคาวปีกโลหิตหลบหนีบินขึ้นกลางอากาศหายวับ

ฉินหยุนเร่งรีบติดตาม!

เกาะยุทธ์อสูรกว้างใหญ่ กระนั้นพวกมันมีเพียงสิบหกตัว ศิษย์ทั้งหลายต่างต้องต่อสู้แย่งชิงพวกมันมา ฉินหยุนทราบว่าคิดพบเจอพวกมันยากลำบากเพียงใด เขาย่อมไม่คิดพลาดโอกาสนี้

สำหรับฉินหยุน นี่ถือเป็นโอกาสยากพบพาน!

ไม่นานหลังไล่ตามติด ค้างคาวปีกโลหิตจึงเผชิญหน้าเข้ากับศิษย์อีกกลุ่มหนึ่ง

ฉินหยุนมองพิจารณา จึงได้ทราบว่ามีกลุ่มหกคนอยู่ตรงหน้า

“ศิษย์น้องจากนครจันทราอัคคี ร่วมจับค้างคาวตัวนั้น หลังจากนั้น พวกเราค่อยตัดสินว่าผู้ใดจะได้แก่นผลึกของมันโดยการประลองต่อกัน!” ชายหนุ่มจากขุนเขาเซียนอัคคีครามหัวเราะดัง

“ดี! เมื่อถึงเวลาอย่าได้คิดคดโกง ไม่เช่นนั้น กระทั่งว่าบิดาเจ้าเป็นครึ่งเซียน เจ้าก็มีชะตาต้องตาย!” ศิษย์หญิงของนครจันทราอัคคีที่มีชื่อเสียง กล่าวได้ว่าอารมณ์ร้อนแรงสมดังชื่อสำนัก

กลุ่มคนทั้งหก สองคนมาจากนครจันทราอัคคี อีกสี่คนมาจากขุนเขาเซียนอัคคีคราม

ฉินหยุนเพียงรับชมเงียบงันอีกครั้ง

กลุ่มศิษย์ขุนเขาเซียนอัคคีราม และนครจันทราอัคคีเหล่านี้กล่าวได้ว่าแข็งแกร่ง

อย่างไม่คาดคิด พวกเขาสามารถรับมือกับค้างคาวตัวนี้ได้โดยยังไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

โดยเฉพาะกับศิษย์หญิงจากนครจันทราอัคคี เปลวเพลิงทองม่วงที่พวกนางใช้ออกทำเอาค้างคาวปีกโลหิตต้องหวาดกลัว มันไม่กล้าตรงดิ่งเข้าไปสูบเลือด

อีกทางหนึ่ง ศิษย์จากขุนเขาเซียนอัคคีครามได้ปลดปล่อยลูกไฟส่องสว่าง ยิงเข้าใส่ค้างคาวปีกโลหิตที่บินไปมาอย่างสับสน

ฉินหยุนตระหนักและรับชม เขาเป็นกังวลว่าค้างคาวปีกโลหิตจะตายเพราะกลุ่มคนตรงหน้า

ค้างคาวปีกโลหิตถูกโจมตีหลายครั้งครา ร่างกายของมันมีแต่เปลวเพลิงลุกโชน ไม่ช้าจึงเริ่มคิดหนี

ค้างคาวปีกโลหิตที่หลบหนี ไม่ใช่ง่ายไล่ตามได้

กลุ่มคนจากขุนเขาเซียนอัคคีครามตะโกนดังทางด้านหลังเพราะคลาดสายตาจากเป้าหมาย

มีแต่ฉินหยุนที่ยังสามารถติดตามค้างคาวตัวนี้อย่างเงียบงันได้

“เสี่ยวหยุน เมื่อใดเจ้าคิดลงมือ?” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ค้างคาวปีกโลหิตคงมองหาเหยื่อใหม่ เลือดของศิษย์สำนักเซียนย่อมแข็งแกร่ง หากได้สูบมันจะทำให้ฟื้นฟูได้! มันต้องคิดหาผู้อื่นเพื่อสูบเลือดฟื้นฟูเป็นแน่!”

ฉินหยุนลอบนับถือต่อความสามารถของค้างคาวปีกโลหิต เพราะมันสามารถค้นหาเหยื่อที่มีเลือดอันแรงกล้าได้แม้ในระยะไกล

“ข้าจะติดตามมันอีกพักหนึ่ง หากมันถูกโจมตีอีกครั้ง คงต้องสูญเสียพลังมหาศาล ถึงตอนนั้นข้าลงมือก็ง่ายแล้ว!”

ฉินหยุนทราบ ว่าค้างคาวปีกโลหิตไม่ใช่ง่ายจัดการ หากเขาลงมือตอนนี้ มีโอกาสสูงที่ตนเองต้องได้รับบาดเจ็บ

ต้องทราบว่าเกาะยุทธ์อสูรแห่งนี้ มีอันตรายนานาชนิดรายล้อม โดยเฉพาะกับเขาที่มีศัตรูไปทั่วถือว่าอันตรายที่สุดแล้ว

ค้างคาวปีกโลหิตบินต่อไปอีกพักหนึ่งจึงค่อยหยุด มันแขวนตัวห้อยหัวลงจากต้นไม้ราวกับคิดพักผ่อน

“บัดซบ มันคิดพักแล้ว อย่าให้มันฟื้นตัวได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ยากจัดการมัน!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

ฉินหยุนพลันพุ่งทะยานพร้อมรวบรวมพลังรุนแรงทุ่มสุดตัว เขาโจมตีออกด้วยฝ่ามือ!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

พลังอำนาจฝ่ามือเผยออก เสียงระเบิดสั่นไหวรุนแรงดังสนั่นบังเกิด

ห้าฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์!

นี่ถือเป็นพลังอำนาจสูงสุดเท่าที่ฉินหยุนจะปลดปล่อยออกได้แล้ว

พลังฝ่ามือสีดำทำให้สายลมเกิดหมุนวนปัดเป่าพุ่มไม้กระจาย

ค้างคาวปีกโลหิตยังคงสงบใจแขวนตัวห้อยหัวอยู่!

พลังอำนาจฝ่ามือของฉินหยุนระเบิดเข้าใส่ร่างค้างคาว พุ่มไม้หนารอบข้างกระจัดกระจาย

ที่ทำเอาเขาตื่นตะลึง คือแม้ค้างคาวตัวนี้ถูกฝ่ามือโจมตี มันยังอยู่ดี เพียงแต่หวาดกลัวจนเร่งรีบหลบหนี

“บ้าอะไรกัน?” ฉินหยุนเร่งรีบไล่ตามอย่างไม่คิดเชื่อเรื่องราว

พลังฝ่ามือของเขา พลังสั่นไหว อัคคี อสนีบาต ทั้งหมดล้วนแข็งแกร่ง กระทั่งว่าเขาใช้เพียงหนึ่งมันยังมีอำนาจรุนแรง

กระนั้นเมื่อโจมตีใส่ค้างคาวตรงหน้า มันกลับไม่สร้างความเสียหายใดแก่ตัวมัน!

“ไม่แน่ใจนัก ค้างคาวปีกโลหิตตัวนี้อาจมีความสามารถพิเศษสลายพลังโจมตีได้!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “พลังนี้ค่อนข้างคล้ายตะวันทมิฬ!”

หากระดับการฝึกฝนของฉินหยุนสูงส่งพอ เขาจะสามารถควบคุมตะวันทมิฬเพื่อปลดปล่อยพลังอันเหนือล้ำ เมื่อผู้อื่นโจมตี เขาจะปลดปล่อยพลังตะวันทมิฬและพลังสั่นไหว ทำให้เกิดปราการอันแข็งแกร่ง ต้านรับการโจมตีของผู้อื่นได้โดยง่าย

แน่นอนว่า หากคู่ต่อสู้แข็งแกร่งถึงระดับหนึ่ง เขาก็ต้องเผชิญความยากลำบากหากคิดตั้งรับ โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายใช้อาวุธ

ฉินหยุนไล่ตามค้างคาวต่อ เขารวบรวมพลังรุนแรงเอาไว้ ตระเตรียมโจมตีทุกเมื่อที่เล็งเห็นโอกาส

หลังไล่ตามอยู่พักหนึ่ง ค้างคาวปีกโลหิตพลันบินกลับเข้าหาตัวเขา!

“หยุนเอ๋อ!” ฉินหยุนตะโกนดังภายในใจ

หลิงหยุนเอ๋อพลันปลดปล่อยพลังแรงโน้มถ่วงรุนแรงออกมา

ครืน!

ค้างคาวปีกโลหิตที่บินด้วยความเร็วสูง กลับกลายเป็นถูกสะกดลงด้วยแรงโน้มถ่วงรุนแรง มันร่วงหล่นสู่ป่า ทำเอาต้นไม้หลายต้นต้องหักล้มครืน!

ฉินหยุนเคลื่อนตัวเข้าไป ใช้ดัชนีแรกของดัชนีทะลวงฟ้า ทะลวงขุนเขาแยกปฐพี!

นิ้วของฉินหยุนจิ้มแทงเข้าใส่หน้าท้องขนดกของค้างคาวปีกโลหิต มันแทงทะลวงผ่านด้วยอำนาจเหนือล้ำ เป็นผลให้ค้างคาวปีกโลหิตต้องกรีดร้องเสียงแหลม

ทว่า ฉินหยุนก็ยังคงรวบรวมพลังเหนือล้ำปลดปล่อยต่อเนื่อง

เขาตระเตรียมลั่นการโจมตีที่สอง ทว่าพลังเปลวเพลิงรุนแรงสี่กลุ่มพลันโจมตีใส่ตัวเขา

ตู้ม!

ฉินหยุนถูกโจมตี

แม้เปลวเพลิงรายล้อม ทว่าเขาคือผู้ครอบครองร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำ ย่อมไม่หวาดกลัวต่อเปลวเพลิงใด

ที่เลวร้าย คือภายในลูกไฟซึ่งพุ่งมา มันมาพร้อมกับสิ่งแหลมคมจำนวนมากกระจายตัว พวกมันกรีดผ่านผิวหนังฉินหยุนเชือดเฉือนร่าง

“ขุนเขาเซียนอัคคีคราม!” หลิงหยุนเอ๋อร้องบอก “พวกมันใช้อาวุธลับประหลาดกรีดแทงร่างเจ้า!”

ฉินหยุนรู้สึกได้ถึงเศษเล็กเศษน้อยนับร้อยภายในกาย พวกมันดิ้นรนเคลื่อนไหว เป็นผลให้เขารู้สึกเจ็บปวดเกินใดเทียบเปรียบ

“นี่มันบ้าอะไร?” ฉินหยุนมีโทสะ “ตัวบัดซบเหล่านี้ พวกมันต้องตาย!”

ไม่เพียงแต่เขา ค้างคาวบนพื้นก็กำลังดิ้นรนเจ็บปวด

“ฮ่าฮ่า! ข้าจับฉินหยุนได้แล้ว!” ชายหนุ่มจากขุนเขาเซียนอัคคีครามหัวเราะยินดี “อุปกรณ์ราชันสองชิ้นเป็นของข้าแล้ว!”

ร่างกายฉินหยุนรับรู้ถึงแมลงขนาดเล็กที่คมกล้าจำนวนมากจมดิ่ง เป็นผลให้ความเจ็บปวดเข้าเล่นงานรุนแรงจนเขาต้องล้มกลิ้งกับพื้น

ชายหนุ่มหน้าเหลี่ยมจากขุนเขาเซียนอัคคีครามเดินเข้ามาพลางหัวเราะ เขานำเอาหอกออกมาพร้อมทิ่มแทงใส่หน้าท้องของฉินหยุน!

“อ๊าก!”

ฉินหยุนคำรามร้องกราดเกรี้ยว หน้าท้องเขาถูกแทงทะลวง แต่ด้วยเพราะแก่นเต๋าตะวันทมิฬ แม้หอกแทงผ่านแก่นเต๋าตะวันทมิฬ มันหาได้แตกสลาย เพียงแต่ปล่อยให้มันทะลวงผ่าน

“เชือก... ต้องเอาเชือกมามัดมันไว้!” ชายหนุ่มหน้าเหลี่ยมเผยความตื่นเต้นยินดี มือของเขาถึงขั้นสั่นเทิ้ม

ระหว่างเปิดศึกกับค้างคาวปีกโลหิต ฉินหยุนเพียงมุ่งเน้นสมาธิกับค้างคาว ทำให้การระวังรอบด้านลดน้อยลง เขาไม่คาดคิด ว่าขุนเขาเซียนอัคคีครามจะมีอาวุธลับแปลกประหลาดเพียงนี้!

“ฉินหยุน เจ้าจบสิ้นแล้ว!” ชายหนุ่มหน้าเหลี่ยมนำเอาเชือกพิเศษออกมาพันธนาการร่างฉินหยุน

ขณะฉินหยุนตระเตรียมอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ เขาพลันรับรู้ถึงออร่าคุ้นเคยใกล้เข้ามา

ออร่านี้ปรากฏข้างกายชายหนุ่มหน้าเหลี่ยมอย่างกะทันหัน ด้วยแสงสว่างเย็นเยือกปรากฏ กระบี่คมกริบได้ปลิดปลงศีรษะมันจนร่วงหล่น!

บุคคลที่เข้าโจมตีอย่างเฉียบพลัน เป็นเชี่ยวเย่ว์หลาน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด