ตอนที่แล้วบทที่ 150 จิ้งจอกน้อยกลับมาอีกครั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 152 ยัยผู้หญิงโง่

บทที่ 151 หมาป่าจันทราสีเงิน


"ฟึ่บ!"

เจียงอี้ไหลเวียนแก่นแท้พลังสีดำไว้ที่ขาของเขาและวิ่งไปข้างหน้าราวกับสายฟ้า เขาใช้เวลาเพียงครู่เดียวเพื่อเร่งเข้าไปในป่า ผ่านวัชพืชและไม้หนามที่หนาแน่น เขาเห็นร่างของซูรั่วเสวี่ยอยู่เลือนลาง

เขารู้สึกแปลกๆเมื่อเห็นว่าซูรั่วเสวี่ยเพียงยืนอยู่ที่นั่นและไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆเลย สายลับของตระกูลเฉียนได้ส่งสัญญาณตือนอันตรายอย่างชัดเจน แต่นางกลับไม่คิดจะหลบหนี?

นางถูกมนต์สะกดของจิ้งจอกวิญญาณสามหางแล้วหรือเปล่า?

จิตใจของเจียงอี้เกิดความกระวนกระวายใจ ซึ่งมันทำให้หัวใจของเขาสั่นเทา เขาเริ่มวิตกและร่างกายของเขาก็ระเบิดความเร็วที่มากขึ้นกว่าเดิม

"เจียงอี้! อย่าเข้ามา วิ่งหนีไปเร็วเข้า!"

เสียงที่ไพเราะดังก้องมาแต่ไกลซึ่งช่วยบรรเทาความหนักอึ้งที่แขวนอยู่ในใจของเจียงอี้ เขาไม่ได้ลังเลที่จะวิ่งไปข้างหน้าอย่างร้อนรน

ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจเหตุผลที่ซูรั่วเสวี่ยไม่หนีไปไหน นางกำลังเผชิญหน้ากับหมาป่ามหึมาที่สง่างามซึ่งกำลังจ้องมองนางอยู่ หมาป่ามหึมาตัวนั้นปกคลุมไปด้วยขนสีม่วงและความยาวลำตัวปะมาณสองเมตรกว่า มันเหมือนราชสีห์ยักษ์และมันก็มีเขาสีม่วงอยู่บนหัวซึ่งทำให้มันดูเหมือนม้ายูนิคอร์น

"สัตว์อสูรระดับสามขั้นสูง หมาป่าจันทราสีเงิน!"

เขาสีม่วงนั่นทำให้ร่างกายของเจียงอี้สั่นเทา ไม่ใช่ว่าสายลับจากตระกูลเฉียนพบจิ้งจอกวิญญาณสามหางหรอกหรือ? ทำไมหมาป่าจันทราสีเงินจึงปรากฎขึ้นในบริเวณแถบนี้กัน? ข้อมูลของหมาป่าจันทราสีเงินพุ่งเข้ามาในใจของเจียงอี้และในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้

ถ้าจิ้งจอกวิญญาณสามหางเป็นสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในบรรดาสัตว์อสูรระดับสามแล้ว หมาป่ามหึมาตัวนี้ก็น่าจะว่องไวที่สุดในบรรดาสัตว์อสูรระดับสาม

หมาป่าจันทราสีเงินนี้ไม่ได้มีพลังโจมตีมากนักแต่มีเพียงความเร็วดั่งสายลม หากมันเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอขอบเขตเสินโหยวก็ยังไม่สามารถสังเกตเห็นมันได้

ซึ่งแน่นอนว่า ... ความแข็งแกร่งในการโจมตีของมันนั้นอ่อนแอเหมือนกับสัตว์อสูรขั้นสามตนอื่นๆ แต่มันก็ยังคงเป็นสัตว์อสูรระดับสาม เมื่อเสริมด้วยความเร็วที่น่ากลัวเช่นนั้น ความแข็งแกร่งในการโจมตีของมันก็ยังค่อนข้างน่าตกใจ ซูรั่วเสวี่ยไม่คิดว่าแสงแห่งเสน่ห์เทวะของนางจะโจมตีหมาป่าได้ นั่นคือสาเหตุที่นางไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างประมาท

หนี?

แม้แต่ความเร็วของผู้เชี่ยวชาญขั้นที่เจ็ดหรือแปดของขอบเขตเสินโหยวก็ไม่ใช่คู่ปรับของหมาป่าปีศาจตัวนี้..ปล่อยซูรั่วเสวี่ยไว้ที่นี่

ตอนนี้ข้าควรทำเช่นไร?

เจียงอี้ค่อยๆเข้าไปหาซูรั่วเสวี่ยอย่างรวดเร็วในขณะที่คิดกลอุบายอย่างเงียบๆ หินวิญญาณเพลิงคงสังหารหมาป่าตัวนี้ได้ แต่ปัญหาก็คือ…เขาจะสามารถจู่โจมหมาป่าที่มีความเร็วเช่นนี้ได้หรือไม่

ยิ่งไปกว่านั้น ซูรั่วเสวี่ยยังอยู่ใกล้ๆ หากเขาใช้หินวิญญาณเพลิงของเขาตอนนี้ มันอาจจะเปลี่ยนซูรั่วเสวี่ยให้กลายเป็นเถ้าถ่านใช่ไหมนะ?

"ฟึ่บบ!"

สิ่งที่แปลกคือเมื่อเจียงอี้เข้าหาหมาป่าจันทราสีเงิน มันไม่ขยับเขยื้อนใดๆ และร่างกายของมันก็ไม่เปล่งแสงใดๆออกมาเช่นกัน มันยืนอยู่ห่างจากระยะไกลและมองที่เจียงอี้และซูรั่วเสวี่ยอย่างสนใจ

เจียงอี้วิ่งไปด้านข้างซูรั่วเสวี่ยและปลดปล่อยความโล่งใจออกมา เมื่อเขาเห็นว่าหมาป่าไม่เคลื่อนไหวใดๆ เขาจับตามองไปที่หมาป่าแล้วตะโกนว่า "ซูรั่วเสวี่ย ถอยออกไป! ไม่ต้องถอยไปเร็วเกินไปและอย่าปล่อยกลิ่นอายใดๆออกมา"

ซูรั่วเสวี่ยกลืนน้ำลายเต็มอึกแล้วนางก็ไม่ขยับ นางถามอย่างประหม่า "แล้วเจ้าล่ะ?"

"ยัยโง่ ทำไมเจ้ายังไม่รีบไปอีก?"

เจียงอี้ไม่กล้าหลุดสายตาของเขาแม้แต่เพียงนิดเดียวและกระซิบว่า "หมาป่าตัวนี้ฆ่าข้าไม่ได้ ถ้าเจ้าไม่ถอยไป เจ้านั่นแหละที่จะเกะกะข้า! ถอยกลับไปที่ถ้ำหินเดี๋ยวนี้!"

ซูรั่วเสวี่ยจ้องหมาป่าอยู่ไกลๆและมองไปที่แผ่นหลังของเจียงอี้ นางกัดฟันและเริ่มถอยห่างออกไป นางไม่ใช่คนโง่

นางรู้ว่าถ้าเจียงอี้สามารถทำลายตราประทับผู้ปกครองได้ เขาก็คงคิดอุบายที่จะเอาตัวรอดไว้แล้วแน่นอน ถ้านางยังคงอยู่ที่นี่ต่อไป นางคงจะเป็นเพียงแค่ภาระเขาเท่านั้น

ก้าวนึง สามก้าว…ห้าก้าว!

เจียงอี้และซูรั่วเสวี่ยปล่อยหายใจออกอย่างโล่งอกทั้งคู่ หลังจากซูรั่วเสวี่ยถอยกลับไปหลายก้าวแล้วแต่หมาป่าก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหว สายตาที่เยือกเย็นนั้นไม่ได้จ้องมองนางอีกต่อไปแต่กลับจ้องไปที่เจียงอี้

"ฮู่วววว!"

เจียงอี้ถอนหายใจเมื่อหมาป่าไม่เคลื่อนไหวแม้ว่าหลังจากที่ซูรั่วค่อยๆอยู่ห่างออกไปหลายเมตรแล้วก็ตามและนางค่อยๆวิ่งกลับไปที่ถ้ำหิน จากนั้นเขาก็ค่อยหายใจสะดวก

เขาอาจไม่มีความมั่นใจในการสังหารหมาป่าตนนี้ แต่หากไม่มีซูรั่วเสวี่ยอยู่ข้างๆเขาก็มั่นใจว่าจะนำหินวิญญาณเพลิงออกมาใช้ ถ้ามันอยู่รอบตัวเขา หมาป่าตนนี้คงไม่กล้าพุ่งเข้าหาเขาอย่างแน่นอนและคงต้องตกใจหนีเตลิดไปทันที

จะสู้หรือถอย?

จิตใจของเขาเริ่มลังเลเมื่อมือของเขาจับไข่มุกวิญญาณเพลิงในขณะที่มือของเขาก็เหงื่อออกด้วยเช่นกัน

ตึกตึกตึก!

สิ่งที่ทำให้เจียงอี้เครียดคือการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันของหมาป่า เขาค่อยๆ เดินไปสองก้าวแล้วเห็นร่างเล็กสีขาวที่ด้านหลังของพุ่มไม้

"จิ้งจอกวิญญาณสามหาง!"

เจียงอี้รู้สึกประหลาดใจที่เห็นจิ้งจอกวิญญาณสามหางโผล่ขึ้นมาจากพุ่มไม้ เขากระพริบตาด้วยความสงสัยและคิดว่าจิ้งจอกมีผู้ช่วยในครั้งนี้ หลังจากที่ไม่สามารถฆ่าเขาในครั้งก่อนที่เจอกันหรือไม่?

"พรึบ"

ทันใดนั้นดวงตาของจิ้งจอกน้อยก็เปล่งประกายขึ้นและเสียงของสาวน้อยเสียงหวานก็ผุดขึ้นในใจของเจียงอี้ "ใต้เท้าของข้า เราได้พบกันอีกครั้ง ท่านยังจำเสี่ยวเฟยได้ไหมเจ้าคะ?"

เจียงอี้กลืนน้ำลายเต็มปากแล้วพูดอย่างประหม่า "จิ้งจอกน้อย เจ้าต้องการอะไร?"

ดวงตาของจิ้งจอกน้อยนั้นหรี่ลงและแยกเขี้ยวอันแสนหวานที่ดูเหมือนรอยยิ้ม ดวงตาของนางสดใสขึ้นอีกครั้งขณะที่นางส่งข้อความถึงเจียงอี้ "ท่านใต้เท้า สิ่งที่เสี่ยวเฟยได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ถ้าหากท่านไม่ฆ่าข้า ข้าจะขอตอบแทนท่านคืน และเสี่ยวเฟยมาที่นี่เพื่อตอบแทนท่าน"

"เสี่ยวเฟยไม่รู้ว่าจะให้สิ่งใดแก่ท่าน ไม่ใช่ว่ามนุษย์เช่นพวกท่านนั้นชอบที่จะจับสัตว์อสูรให้เป็นสัตว์วิญญาณหรือเจ้าคะ? ข้านำหมาป่านี้มาให้เป็นสัตว์วิญญาณของท่าน ท่านสามารถกำราบได้ในตอนนี้ เจ้าตัวโตนี่อยู่ภายใต้การควบคุมของข้า มันจะไม่ต่อต้านท่าน ท่านทราบไหมเจ้าคะ?"

"อะไรนะ?"

ร่างกายและวิญญาณของเจียงอี้ต่างตกตะลึง เขารู้สึกว่านี่เป็นเหมือนนิทานโบราณ

จิ้งจอกน้อยตัวนี้เกือบจะถูกเขาฆ่า แต่เขากลับใจอ่อนและปล่อยมันไป แต่มันรู้วิธีการตอบแทนความกตัญญูและมอบหมาป่าจันทราสีเงินให้เขา?

นี่มันไม่ถูกต้อง…นี่ไม่ใช่การตอบแทนบุญคุณ? การไม่ฆ่ามันหมายถึงความกรุณา?

ตอนนี้เจียงอี้เข้าใจแล้วว่าทำไมหมาป่าจันทราสีเงินไม่จู่โจม ดูเหมือนว่ามันจะถูกสะกดอยู่และตอนนี้มันก็เป็นหุ่นเชิดของจิ้งจอกน้อย ไม่เช่นนั้นด้วยความดุร้ายของสัตว์อสูรตนนี้ ซูรั่วเสวี่ยก็คงจะตายไปแล้ว

สัตว์อสูรเป็นศัตรูกับมนุษย์มาโดยตลอดและเผ่าพันธุ์ทั้งสองจะสู้รบกันจนกว่าจะตายกันไปข้าง แต่ทำไมจิ้งจอกน้อยตัวนี้ถึงไม่เป็นศัตรูต่อมนุษย์? ช่างเป็นอะไรที่แปลกเสียจริง!

เจียงอี้ตกอยู่ในความสับสน เขาไม่คิดว่าสัตว์อสูรระดับสามจะสามารถมีสติปัญญาที่เปรียบได้กับมนุษย์ มันใช้จิตมันสื่อสารและเข้าใจคำพูดของมนุษย์ จิ้งจอกวิญญาณสามหางตัวนี้ไม่เหมือนสัตว์อสูร แต่เหมือนสัตว์วิญญาณเสียมากกว่า

ใช่ … ดูเหมือนมันจะเป็นสัตว์อสูรที่ซื่อบื้อด้วย

"ท่านใต้เท้า ท่านไม่ชอบหมาป่าตัวนี้หรือ? วิชาอสูรของข้าสามารถควบคุมได้เพียงสัตว์อสูรขั้นสาม หากท่านไม่ชอบมัน เสี่ยวเฟยก็ไม่มีทางอื่นแล้วเจ้าค่ะ"

จิ้งจอกน้อยสังเกตว่าเจียงอี้ไม่ได้พูดอะไรและดูสับสน มันกระพริบตาและเหมือนต้องการที่จะพูดบางอย่างออกมา

"ข้า...ชอบมันมาก!" เจียงอี้ตะคอกออกมาและกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงไป

หากเขาไม่คว้าโอกาสนี้ เขาคงเป็นคนโง่จริงๆ! เขาอาจมีข้อสงสัยมากมายในใจ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ มือข้างหนึ่งของเขาถือไข่มุกวิญญาณเพลิงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอันตรายใดๆที่อาจเกิดขึ้น

ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งหยิบเครื่องรางสัตว์วิญญาณออกมา เขาเริ่มเทแก่นแท้พลังลงไปในนั้นและอักษรสีทองก็เริ่มเข้าครอบงำหมาป่าจันทราสีเงิน

ทุกอย่างดูราบรื่นเสียจนเจียงอี้รู้สึกกังวล!

หมาป่าจันทราสีเงินถูกฝึกฝนอย่างง่ายดายและถูกเก็บไว้ในเครื่องรางสัตว์วิญญาณ เขารู้สึกได้ถึงการเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณของหมาป่าจันทราสีเงิน

จิ้งจอกน้อยตัวนั้นไม่ได้แสดงพฤติกรรมแปลกๆและดูเหมือนมันจะมาที่นี่เพื่อตอบแทนบุญคุณอย่างแท้จริง

“เช่นนั้น ท่านใต้เท้า เสี่ยวเฟยต้องกลับแล้ว มิฉะนั้นท่านแม่คงดุข้าเป็นแน่!” จิ้งจอกน้อยหยีตาและยิ้มก่อนที่จะหันหลังกลับและเตรียมตัวที่จะออกจากที่นี่

เจียงอี้ชะงักและถามด้วยความสงสัยว่า "จิ้งจอกน้อย ทำไมเจ้าจึงไม่มีแรงอาฆาตใดๆกับข้า เอ่อ ... ข้าหมายความว่า เจ้าดูเป็นมิตรกับข้า เจ้าไม่ใช่สัตว์อสูรหรือ?"

จิ้งจอกน้อยหันกลับมาและกระพริบตาก่อนที่จะส่งข้อความ "เสี่ยวเฟยก็ไม่รู้เช่นกันเจ้าค่ะ อาจเป็นเพราะสติปัญญาคล้ายมนุษย์ ตั้งแต่เกิด เสี่ยวเฟยก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นสัตว์อสูร แต่เป็นมนุษย์ เสี่ยวเฟยไม่ชอบเล่นกับสัตว์อสูรเพราะพวกนั้นไม่มีเชาว์ปัญญาและไม่สามารถพูดได้ นี่คือเหตุผลที่ข้าอยากแอบออกมาเที่ยวและต้องการหาสหายที่เป็นมนุษย์ ท่านใต้เท้า ท่านเป็นมนุษย์คนแรกที่เสี่ยวเฟยรู้จักและข้าหวังว่าเราจะมีโอกาสได้พบกันอีกในอนาคตนะเจ้าคะ"

จิ้งจอกน้อยกลับไปอย่างรวดเร็วขณะที่เจียงอี้ยังคงยืนนิ่งอยู่ เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขายังอยู่ในความฝัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าโลกนี้ลึกลับยิ่งกว่าที่เขาจินตนาการไว้มากมาย บางทีเขาอาจพบเหตุการณ์ประหลาดกว่านี้ก็ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด