ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0647 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0649 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0648 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 648 : ศึกปะทะชาวอสูร

หลังเสียงหัวเราะดังสิ้นสุด ชาวอสูรพลันปรากฏตัวคนแล้วคนเล่า

กลุ่มที่ถูกสังหารไปเมื่อครู่ เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อย

และกลุ่มที่เพิ่งปรากฏตัวนี้ กล่าวได้ว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่า พวกเขาสามารถยับยั้งออร่าตนเองควบคุมสะกดเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

นี่ถือเป็นวิธีการอันต่ำช้าสมกับเป็นชาวอสูร!

ฉินหยุนพิจารณากลุ่มอสูรรอบตัว เขาคิดกับตนเอง “อสูรเหล่านี้อยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูง พวกเราคิดรับมือกับจำนวนเท่านี้ถือว่ายาก!”

หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “มีอีกหลายคนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลาง กล่าวได้ว่าเป็นกลุ่มอสูรที่แข็งแกร่งไม่น้อยเลยทีเดียว”

ผู้ฝึกตนอสูรขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณหลายร้อยคนเข้าปิดล้อม ส่วนพวกลิ่วล้อที่นำทัพมาระดมยิงห่าฝนลูกธนูนั้นมีจำนวนนับพัน

“คนหนุ่มนั่นก็ดูดีไม่น้อย เนื้อคงอร่อยน่าดู!” ชายที่มีมัดกล้ามใหญ่โตร่างเตี้ยหัวเราะโฉดชั่ว “กินก้นมันก่อนน่าจะอร่อย ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ผู้ฝึกตนอสูรอื่นต่างคำรามโห่ร้องและหัวเราะดังตาม!

ฉินหยุนพอได้ยินคำเหล่านี้ เขาทั้งขยะแขยงและมีโทสะเดือดพล่าน

“เดรัจฉานที่น่าขยะแขยงเอ๋ย จงลงนรกไปเสีย!” ฉินหยุนคำรามเสียงดัง เขาใช้ก้าวเท้าเก้าสมบูรณ์ เงาปลิดชีพลมหายใจสมบูรณ์ พริบตาร่างเลือนหาย ตัวตนของเขาหายวับ

ทันทีเมื่อพวกเขาเห็นฉินหยุนหายวับ กลุ่มอสูรเหล่านี้จึงชะงักปาก พวกเขาเร่งรีบมองหาฉินหยุน

ตู้ม!

อย่างกะทันหัน ฉินหยุนปรากฏตัวด้านหลังชายร่างเตี้ยกล้ามใหญ่ เขาอัดแน่นพลังเต๋าแรกเริ่มผสานในหมัด พร้อมต่อยออกรุนแรง ทะลวงร่างชายผู้นั้นจนแหลกเละ

ได้เห็นพลังชวนตื่นตะลึงระดับนี้ กลุ่มอสูรที่หัวเราะก่อนหน้า พลันต้องเผยสีหน้าตื่นตะลึง

ฉินหยุนกำจัดอสูรที่แข็งแกร่งไปได้คนหนึ่งแล้ว!

การศึกระหว่างทั้งสองฝ่ายได้เริ่มขึ้น!

เจี้ยนรั่วหยานย่อมไม่อยู่เฉย ดาบเจตจิตของนางร่ายรำกลางอากาศ สับฟันกลุ่มอสูรที่คิดเข้าใกล้

นางถือดาบสีดำในมือ ปลดปล่อยวิชาดาบอันวิจิตรงดงามสูงล้ำ โจมตีใส่กลุ่มอสูรร้ายเหล่านี้อย่างดุดัน

ออร่ามังกรเริ่มปรากฏจากร่างหลงเฉียวเฟิง นางปล่อยบอลพลังงานที่แปรสภาพเป็นเศียรมังกรยิงออก มันทะลวงผ่านร่างผู้ฝึกตนอสูรหนาใหญ่ราวกระดาษที่เปื่อยยุ่ย เป็นนางได้โจมตีออกอย่างชวนขนพองสยองเกล้า

เย่ว์ผูเฟิงปลดปล่อยสายลมกระโชกรุนแรง สายลมนี้เปรียบดังคมมีด มันเข้าเชือดเฉือนร่างกลุ่มอสูรและมวลต้นไม้โดยรอบจนแหลกเป็นชิ้น

ฉินหยุนใช้ร่างเงาประกายแสงสมบูรณ์ เคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูง เป้าหมายคือผู้ฝึกตนอสูรที่เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ทั้งหมัดและฝ่ามือโจมตีปลดปล่อยออก เป้าหมายคือศีรษะของผู้ฝึกตนอสูร

ทุกครั้งที่โจมตี พลังเต๋าแรกเริ่มเก้าสมบูรณ์ในกายเขาจะคำรามร้องระเบิดพลังออก มันผสานมาด้วยพลังสั่นไหวชวนพรั่นพรึง

ร่างของผู้ฝึกตนอสูรเหล่านี้ถึกทน ผิวหนังพวกเขาแข็งแกร่งดังเหล็กกล้า

กระนั้น หมัดและฝ่ามือของฉินหยุนอัดแน่นด้วยพลังสั่นไหว ร่วมด้วยกับพลังเต๋าแรกเริ่มเก้าสมบูรณ์ ทั้งหมดถูกถ่ายเทปะทะเข้าที่ศีรษะผู้ฝึกตนอสูร

หมัดและฝ่ามือโจมตีอย่างไม่สูญเสียพลังใดให้สิ้นเปลือง การโจมตีแต่ละครั้งเป็นไปอย่างรวดเร็ว เข้าปลิดปลงระเบิดศีรษะสังหารผู้ฝึกตนอสูรหลายต่อหลายคน

“เป็นข้าฟังคำกล่าวอวดดีพวกเจ้าเกินพอแล้ว!” ดวงตาฉินหยุนแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำขณะยังคงลงมือสังหาร ทุกย่างก้าวที่ผ่านพ้น เขาจะสังหารผู้ฝึกตนอสูรได้สามถึงสี่คน

กระทั่งผู้ฝึกตนอสูรขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลาง ศีรษะพวกเขายังต้องระเบิดออกจากภายในเมื่อโดนฝ่ามือเข้าปะทะ

พลังเต๋าแรกเริ่มเก้าสมบูรณ์ของฉินหยุนชวนสะพรึงในทุกด้าน มันปลดปล่อยความสามารถที่พร้อมทะลวงผ่านผิวหนังและกระดูกอันแกร่งกล้าจนเข้าถึงจุดตายที่ภายใน

แน่นอนว่า ผู้ที่เรียกเลือดออกมาได้ที่สุดคือเย่ว์ผูเฟิง!

ปกติเขาเป็นคนเงียบงัน และจนกระทั่งถึงตอนนี้ก็เงียบมาโดยตลอด กระนั้นพอได้ลงมือสังหาร ฉินหยุนและคณะต้องเข้าใจเขาเสียใหม่

ร่างของผู้ฝึกตนอสูรที่ถูกเย่ว์ผูเฟิงโจมตี ทุกร่างได้กลับกลายเป็นชิ้นเนื้อถูกเฉือนหั่น

กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรต่างแตกตื่นจนถึงแก่น

“ต้องจับตัวพวกมันให้ได้!” ชายร่างสูงใหญ่กว่าสองเมตรคำราม ออร่าสีดำระเบิดทะลักจากร่างกายนั้น ผู้นี้คล้ายจะเป็นหัวหน้า

กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรแกร่งกล้ากว่าร้อยคนพุ่งเข้าปิดล้อมฉินหยุนและคณะพร้อมอาวุธในมือ

อาวุธในมือพวกเขาสร้างขึ้นจากกระดูกสัตว์ ดังนั้นแล้วม่านพลังจึงไม่มีการตอบสนอง เนื่องด้วยพวกมันไม่มีอักขระใดแกะสลักเอาไว้

อาวุธเหล่านี้หลอมสร้างขึ้นโดยกระดูกสัตว์ที่แข็งแกร่ง ดังนั้นพวกมันจึงยังมีพลังอัดแน่น กล่าวได้ว่าพวกเขาติดอาวุธกันครบมือ

ฉินหยุนและคณะยังทำได้เพียงรักษาสภาพการณ์เอาไว้แม้เห็นกลุ่มคนไหลหลั่งเข้ามาเพิ่ม

“ขยะรวมกันก็เป็นได้แค่กองขยะ!” ฉินหยุนพุ่งเข้าปะทะตัวหันหน้า พริบตาเขาปลดปล่อยสามฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์

พลังสั่นไหวไร้ก้นบึ้งคำรามร้องสะท้านดัง พื้นดินสั่นไหวรุนแรง อัคคีเพลิงสีดำพร้อมอสนีบาตสีดำ พวกมันกำลังโลดแล่นไปรอบบริเวณ

พื้นที่ใกล้เคียงเกิดยุบตัว พลังสั่นไหวรุนแรงดุดันคำรามร้องพิโรธ

“อย่าได้อวดดีเกินไป!” หัวหน้ากลุ่มอสูรเร่งรีบปล่อยหมัดเข้าสกัดขัดขวาง

ฝ่ามือฉินหยุนปะทะกับหมัดใหญ่ที่พุ่งเข้าใส่ พลังสั่นไหวพร้อมด้วยพลังเต๋าแรกเริ่มเก้าสมบูรณ์ ได้ถ่ายเททะลักออกผ่านการโจมตีนี้สู่ร่างอีกฝ่าย!

“อ๊าก!”

หัวหน้าอสูรกรีดร้องชวนสังเวช แขนหนาใหญ่ของเขาพลันต้องแตกกระจายเพราะแรงปะทะ จากนั้นจึงกลับกลายเป็นคลุ้มคลั่งเหวี่ยงแขนอีกข้าง

ฉินหยุนปรากฏตัวด้านหลังอีกฝ่ายในพริบตา นิ้วทั้งสองแนบติดกันวางประทับก่อนทะลวงผ่านหลังศีรษะของหัวหน้าอสูร

นี่คือวิชาดัชนีทะยานฟ้า ดัชนีถล่มขุนเขาแยกปฐพี!

สายฟ้าอสนีบาตดังสนั่นพลันฟาดฟันลงมาส่งผลกระทบต่อโสดประสาททุกผู้คน

ศีรษะหัวหน้าอสูรถูกแทงทะลุโดยนิ้วมือของฉินหยุน

ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงพุ่งเข้าพร้อมปะทะกลุ่มอสูรอีกครั้งหนึ่ง มือของเขาแปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บราชสีห์สวรรค์ ด้วยกรงเล็บขนาดใหญ่ทั้งสองมือ มันเปรียบดังกระบี่ยาวที่คมกล้า พร้อมฟาดฟันอย่างไร้ซึ่งปรานี!

กลุ่มอสูรถูกสับฟันตกตายกันคนแล้วคนเล่าด้วยสภาพเป็นชิ้นเนื้อ!

เป็นอีกครั้ง ที่เจี้ยนรั่วหยานได้เห็นพลังอันเหนือล้ำของฉินหยุน

นางค่อยได้ตระหนัก ว่าฉินหยุนซุกซ่อนกำลังแท้จริงอันมหาศาลเอาไว้ยามประมือกับเจี้ยนหนันหู่เมื่อคราก่อน

กลุ่มพวกเขาสี่คน เผชิญหน้ากับยอดฝีมือหลายร้อย ทว่ากลับสามารถตอบโต้จนได้รับชัยชนะ!

ลิ่วล้อที่รับหน้าที่ยิงธนูจากระยะไกลก่อนหน้านี้ ทั้งหมดถูกเจี้ยนรั่วหยานสังหารด้วยดาบเจตจิต เป็นนางลงมือง่ายดายเปรียบดังตัดหญ้าในสวน

เพียงพริบตา กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรเป็นกองทัพถูกกวาดล้างโดยสมบูรณ์

ร่างของเจี้ยนรั่วหยานโชกด้วยเลือด นางแค่นเสียงเบา “ช่างโง่เขลานัก ไม่รู้หรือไรว่าอ่อนแอควรซ่อนตัวให้เงียบเพื่อรักษาชีวิตรอด?”

ทางด้านหลงเฉียวเฟิง นางสังหารผู้ฝึกตนอสูรไปได้มาก พละกำลังของนางถึงขั้นทำให้เจี้ยนรั่วหยานต้องชื่นชมอยู่ภายใน

ผู้ที่สะอาดหมดจดที่สุด ย่อมต้องเป็นเย่ว์ผูเฟิงแล้ว

เย่ว์ผูเฟิงกระหายเลือดที่สุด กระนั้นเขากลับไม่มีหยดเลือดประทับที่ร่างกายแม้เพียงน้อย

“ไปกันได้แล้ว!” เจี้ยนรั่วหยานถอนหายใจยาว “หวังว่าคงไม่พบเจอกลุ่มใหญ่เช่นนี้อีก พวกมันไม่หวาดเกรงความตาย เกรงว่าพวกเราจะเหนื่อยล้าเพราะพวกมันรุมเข้ามาไม่หยุด!”

เจี้ยนรั่วหยานออกเดินนำหน้า แต่ฉับพลันฝีเท้านางหยุดชะงักหลังเดินไปได้หลายร้อยเมตร

“เกิดอะไรขึ้น?” หลงเฉียวเฟิงเอ่ยถาม

เจี้ยนรั่วหยานหันมองทางฉินหยุนเอ่ยถามคิ้วขมวด “ฉินหยุน เจ้าสัมผัสได้หรือไม่ว่ามีอะไรติดตามพวกเรามา?”

“เจ้าก็สัมผัสได้หรือ? แต่ข้ายังไม่มีความเห็นที่ชี้ชัดได้!” ฉินหยุนขมวดคิ้ว

ทั้งเขาและเจี้ยนรั่วหยานต่างมีพลังจิตแข็งแกร่ง ดังนั้นประสาทรับรู้ของพวกเขาจึงเฉียบคม

“มันคืออะไรกัน?” หลงเฉียวเฟิงหันมองรอบ

“รีบไปจากพื้นที่สมรภูมิแห่งนี้ก่อน!” ฉินหยุนกล่าว

เจี้ยนรั่วหยานออกวิ่งนำหน้า

พวกเขาเดินทางผ่านป่า หาได้บินขึ้นฟ้า ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นง่ายพบเห็น จึงเลือกซ่อนเร้นอยู่ภาคพื้น

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เจี้ยนรั่วหยานค่อยหยุดฝีเท้ากล่าวคำ “พักผ่อนกันก่อน!”

พื้นที่ซึ่งพวกเขามาถึงมีต้นไม้ใหญ่ ไร้ซึ่งหญ้าขึ้นบนพื้น ทำให้ง่ายต่อการพบเห็นหากมีอะไรเข้ามากใกล้

เจี้ยนรั่วหยานขมวดคิ้วหันมองรอบพึมพำ “มีอะไรบางอย่างตามพวกเรามาตลอด!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ใช่ ข้าเองก็สัมผัสถึงได้ น่าจะเป็นอะไรที่เล็กยิ่ง พวกเราจึงไม่อาจหาตัวได้เจอ!”

“เล็กหรือ? นกหรือสัตว์เล็ก?” หลงเฉียวเฟิงเอ่ยถาม

“หากเป็นนก พวกเราคงเห็นตัวมันแล้ว! มันต้องเป็นสิ่งที่เล็กยิ่งกว่านกตัวเล็ก น่าจะเป็นยุงหรืออะไรที่ขนาดประมานนั้น ทั้งยังเคลื่อนที่ได้เร็วมาก!”

เจี้ยนรั่วหยานหันมองรอบ พบว่าไม่มีเป้าหมายที่ตามหา นางกล่าว “มันหยุดตามแล้ว เพราะขนาดเล็กมาก ออร่าจึงอ่อนจางมากเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อไม่เคลื่อนไหว ทำให้ยากพบเห็นเมื่อซ่อนตัวในช่องไม้หรืออะไรทำนองนั้น!”

“หากคาดเดาไม่ผิด น่าจะเป็นแมลงลึกล้ำที่เอาไว้ใช้ตามรอยผู้คน กล่าวได้ว่าเป็นสัตว์ลึกล้ำหาพบพานได้ยาก”

เย่ว์ผูเฟิงพลันกล่าว “ข้าเคยได้ยินจากผู้อาวุโส ว่าที่หุบเขาเซียนโอสถมีสมุนไพรมากมาย ดังนั้นจึงมีแมลงวิญญาณขนาดเล็กอาศัยอยู่ ทว่าจำนวนก็ไม่ได้มากอะไร”

ฉินหยุนพอได้ฟัง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก “คิดว่าเป็นหุบเขาเซียนโอสถ ขุนเขาเซียนอัคคีคราม และพวกตระกูลใหญ่ร่วมมือกันที่นี่เพื่อจัดการข้าหรือ?”

“เป็นไปได้มาก! ต่อให้พวกมันถูกทราบว่าลงมืออันใด ตราบเท่าที่ไม่มีหลักฐาน พวกมันก็ไม่คิดยอมรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่!” เย่ว์ผูเฟิงกล่าว

“เอาอย่างนี้เป็นไร ข้าออกจากกลุ่มก่อน จะได้ไม่ลากพวกเจ้าไปข้องเกี่ยวด้วย!” ฉินหยุนเข้าใจสถานะของตนเองดี

“ไม่ได้!” เจี้ยนรั่วหยานคำราม “เจ้ายังกลัวอะไร? บนเกาะแห่งนี้นอกจากสัตว์ราชันอสูรทั้งสิบหกตัว แข็งแกร่งที่สุดก็แค่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูงหรือครึ่งก้าววรยุทธ์ลึกล้ำ กระทั่งว่าไม่อาจจัดการ คิดหลบหนีจะไม่อาจทำได้เลยหรือไร?”

“แต่หากข้าออกจากกลุ่มย่อมดีกว่า!”

ฉินหยุนยังคิดจากไป เพราะหากเขาลงมือเพียงลำพัง คิดหลบหนีอันตรายถือเป็นเรื่องง่ายกว่า

หากติดตามกลุ่มต่อจะเป็นอีกเรื่อง ปัญหาอาจเกิดขึ้นตามมาได้

ขณะเจี้ยนรั่วหยานคิดกล่าวคำอื่นใด นางพลันสัมผัสได้ว่ามีกลุ่มคนเข้ามาจากทั่วทิศ

“กองทัพอสูรอีกแล้วหรือ?” นางเอ่ยคำเบา

กลุ่มคนที่มาถึง ย่อมไม่ใช่กองทัพอสูร ทว่าเป็นกลุ่มชายหนุ่มในชุดเกราะหรูหราที่เผยสีหน้าอหังการเย็นเยือก

“หุบเขาเซียนโอสถ ขุนเขาเซียนอัคคีคราม ตระกูลหลง ตระกูลเทียน ตระกูลหยาง!” เจี้ยนรั่วหยานมองพวกเขาพลางแค่นเสียง “มีแต่หนูโสโครกกับพวกงูพิษทั้งนั้น!”

ครานี้ ฉินหยุนและคณะค่อยมั่นใจ ว่าแมลงลึกล้ำที่ติดตามพวกตนเป็นของหุบเขาเซียนโอสถ อีกฝ่ายรอจนพวกเขาหยุดเคลื่อนไหวจึงค่อยคิดลงมือ

กลุ่มศิษย์เหล่านี้ค่อนข้างไม่คุ้นหน้า ฉินหยุนไม่เคยได้ยินชื่อเสียงลือนามพวกเขามาก่อน

แต่ด้วยสามารถมายังที่แห่งนี้ พวกเขาย่อมไม่อ่อนด้อย!

แม้พวกเขาอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้น ทว่าก็เป็นศิษย์ระดับชั้นหัวกะทิของกลุ่มขั้วอำนาจใหญ่

“เจี้ยนรั่วหยาน พวกเราไม่คิดอยากยั่วยุตระกูลเจี้ยน! พวกเรามาเพียงเพราะฉินหยุน!”

บุคคลที่กล่าว เป็นชายเส้นผมสีน้ำเงินจากหุบเขาเซียนโอสถ ดวงตาของเขาก็เป็นสีน้ำเงินเช่นกัน มองไปแล้วอีกฝ่ายแทบไม่ต่างอะไรกับอสูรร้ายผู้หนึ่ง

ฉินหยุนยังได้พบ ว่าชายผมสีน้ำเงินผู้นี้มีออร่าวิญญาณยุทธ์ที่ครอบครองความสามารถเทวะ

เรื่องนี้ทำเอาเขายินดีอยู่ภายใน หากเขาสังหารบุคคลตรงหน้า เช่นนั้นเขาจะได้รับวิญญาณยุทธ์ความสามารถเทวะ

“ฉินหยุนอยู่กลุ่มเดียวกับข้า และข้าเป็นหัวหน้ากลุ่ม หากเจ้าคิดอยากจัดการเขา เช่นนั้นก็ต้องผ่านข้าไปก่อน!”

แม้เจี้ยนรั่วหยานโต้เถียงฉินหยุนมาตลอด แต่นางคือผู้ที่รู้หน้าที่รับผิดชอบว่าควรทำอะไร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด