ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0646 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0648 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0647 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 647 : ทัพอสูร

หลงเฉียวเฟิงเร่งรีบพยักหน้ารับ นางพบว่าเรื่องราวชวนขบขัน เพราะนางกับฉินหยุนมีสัมพันธ์ต่อกันค่อนข้างดี กล่าวได้ว่าเชื่อใจกันและกันด้วยซ้ำ

แน่นอน ว่าความสัมพันธ์นี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับ

เพราะหลงเฉียวเฟิงยังต้องเป็นสายข่าวตระกูลหลงให้แก่ฉินหยุน ทั้งนางยังต้องการให้ฉินหยุนถล่มอำนาจฝ่ายตระกูลหลงให้ย่อยยับ

ฉินหยุนได้ทราบจากหลงเฉียวเฟิง ว่าในตระกูลยังมีมังกรอีกตัวหนึ่ง นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นมังกรเลือดบริสุทธิ์อัจฉริยภาพสูงส่ง มันแข็งแกร่ง ดังนั้นจึงเหมาะแก่หยางหยาง มันคืออาหารตัวถัดไปของนกกระจอกลึกล้ำเก้าสวรรค์ในยามที่นางตื่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

เกาะยุทธ์อสูร เป็นพื้นที่ชายแดนระหว่างแดนอสูรอ้างว้างและแดนวิญญาณอ้างว้าง

แน่นอนว่า เกาะจันทราปีศาจอยู่ในละแวกนี้เช่นเดียวกัน

อสูรในเกาะยุทธ์อสูรมีมากมายหลายสายพันธุ์

วิญญาณร้ายที่อ่อนแอที่สุดซึ่งถูกกักขังอยู่ที่นี่ ยังเป็นถึงขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ

สาเหตุว่าทำไมวิญญาณร้ายจึงถูกกักขังที่นี่ ก็เพราะพวกมันถูกลงทัณฑ์ พวกมันคือผู้ที่มีเบื้องลึกเบื้องหลัง ดังนั้นจึงไม่ถูกสังหาร ทว่าถูกส่งมาใช้เวลาชีวิตที่เหลือในที่แห่งนี้เพื่อเป็นการลงทัณฑ์

ตลอดมา สำนักใหญ่ต่างเริ่มใช้สถานที่แห่งนี้เป็นดังด่านทดสอบของบรรดาศิษย์ เป็นพื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อที่จะมอบประสบการณ์โหดร้ายหลากหลายแก่พวกเขา

ฉินหยุนยังลอบคาดหวัง เขาคิดอยากไปถึงเกาะยุทธ์อสูรโดยเร็ว

เขาต้องการทราบ ว่าเกาะจันทราปีศาจจะส่งผู้ใดมาเข้าร่วม หากพวกนางเป็นคนคุ้นเคย เขาย่อมต้องคิดอยากพบเจอ

บินเดินทางกว่าหนึ่งวัน ฉินหยุนและคณะค่อยได้เห็นเกาะขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีป่าหนาทึบ!

“สภาพแวดล้อมของเกาะยุทธ์อสูรนี้ดูไม่แย่!” ฉินหยุนยิ้มกล่าวคำ “ภายในน่าจะมีอสูรอยู่ไม่ใช่น้อย กระนั้นกลับไม่คิดทำลายพื้นที่จนมีสภาพเลวร้าย”

“พวกวายร้ายซึ่งอยู่ที่นี่ไม่ค่อยได้ต่อสู้กันเท่าใดนัก เพียงตั้งกลุ่มกันขึ้นมาปกครองพื้นที่อาณาเขต หากพวกนั้นต่อสู้ ก็เท่ากับทำลายเขตที่อยู่อาศัย ดังนั้นพวกมันจึงไม่ชื่นชอบเปิดศึกต่อกันสักเท่าใดนัก!”

แม่เฒ่าหม่ากล่าว “พวกเจ้าไปกันได้แล้ว ระวังอย่าได้ใช้อาวุธใด หากถูกดูดไป เจ้าจะไม่มีทางได้รับพวกมันกลับคืน!”

หลงเฉียวเฟิงเอ่ยถาม “พวกมันเหล่านั้นก็ไม่มีอาวุธเช่นกัน?”

“ใช่ พวกมันไม่มีอาวุธ ทั้งหมดล้วนมือเปล่า ทว่าก็เป็นไปได้ที่จะมีอาวุธทำจากกระดูกสัตว์ เพราะตราบเท่าที่ไม่มีอักขระย่อมไม่ถูกดูดหาย!” แม่เฒ่าหม่ามองที่ฉินหยุน “หากเจ้ามีกลวิธีลึกลับ ทดลองใช้งานดูได้!”

ฉินหยุนยิ้มหัวเราะรับ “ในเมื่อท่านยายหม่ากล่าวเช่นนั้น ข้าก็ไม่คิดมากมารยาทแล้ว!”

เจี้ยนรั่วหยานพลันปรารถนาให้ฉินหยุนมีไม้เด็ดเก็บงำเอาไว้ พวกเขาจะได้ไม่ต้องเหนื่อยแรงรับมือกับอสูรเหล่านี้จนเกินไป

“ไปกันได้แล้ว!” แม่เฒ่าหม่ากล่าวคำ “เกาะยุทธ์อสูรมีม่านพลังจำกัดระดับพลังเอาไว้ ข้าไม่อาจเข้า มีแต่ที่ต่ำกว่าขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำจึงเข้าไปได้!”

ฉินหยุนพร้อมคณะต่างกระโดดลงจากฟ้า ก่อนจะร่อนลงที่พุ่มต้นไม้หนาใหญ่สูงกว่าร้อยเมตร

“แม่นางผู้กล้าหาญ เจ้าเป็นหัวหน้าแล้ว ดังนั้นออกคำสั่งมา ข้าย่อมเชื่อฟัง!” สาเหตุว่าทำไมฉินหยุนต้องกล่าวเช่นนี้ ก็เพราะต้องการหลีกเลี่ยงภาระ

“ได้ อย่างนั้นคุยกันก่อน พวกเราจะหาตัวสัตว์ราชันอสูรพวกนั้นได้อย่างไรกัน” เจี้ยนรั่วหยานเอ่ยถาม

ฉินหยุนนำเอายันต์ไล่ล่าอสูรออกมา กระนั้น เพียงคิดให้มันทำงาน ยันต์ไล่ล่าอสูรจึงหายวับกับตา

“ใช้ยันต์ไม่ได้นี่นะ ลืมไป” ฉินหยุนบุ้ยปาก “นั่นเป็นยันต์ไล่ล่าอสูร มันสามารถตรวจหาสัตว์อสูรหรืออสูรใกล้เคียงได้!”

“ตอนนี้มันไร้ค่าแล้ว!” เจี้ยนรั่วหยานย่อมนึกเสียดาย หากไม่แล้ว เรื่องราวคงง่ายดายขึ้นมาก พร้อมกันนี้ นางยังต้องลอบประทับใจต่อความสามารถของฉินหยุน

หากไม่มีข้อจำกัด ฉินหยุนคงไปไหนมาไหนในสถานที่แห่งนี้ประหนึ่งสวนหลังบ้านแล้ว

เย่ว์ผูเฟิงที่ไม่ค่อยพูดพลันกล่าวคำ “ข้ามีวิธี แต่ต้องรอจนกระทั่งถึงตอนกลางคืน และต้องมีแสงจันทรา ข้าสามารถใช้แสงจันทราตรวจจับอะไรก็ตามที่ทรงพลังใกล้เคียงได้!”

“นับว่าดี!” เจี้ยนรั่วหยานพยักหน้ารับ “เจ้าถึงขั้นมีประโยชน์กว่าฉินหยุนและหลงเฉียวเฟิง!”

ฉินหยุนบุ้ยปากกล่าวคำ “แม่นางผู้กล้าหาญ อย่าได้ปรามาสข้าไป!”

หลงเฉียวเฟิงแค่นเสียงเบา “เจี้ยนรั่วหยาน พละกำลังข้าย่อมไม่อ่อนด้อยไปกว่าเจ้า!”

ฉินหยุนพอได้ยินคำหลงเฉียวเฟิง ภายในต้องเกิดความยินดี เพราะจากคำกล่าวนั้น หมายความถึงนางต้องได้ทราบวิชายุทธ์โทเทมเป็นแน่แล้ว

“หลงเฉียวเฟิง พวกเราเคยประมือต่อกันมาก็ไม่ใช่น้อย ข้ายังไม่เคยเห็นเจ้าเอาชนะข้าได้แม้สักครั้ง แม้ไม่ได้ต่อสู้มาพักหนึ่งแล้ว ทว่าเจ้าเอาความมั่นใจมาจากที่ใด?” เจี้ยนรั่วหยานยิ้มกล่าว “แต่ก็น่าสนใจ ข้าคิดอยากได้ประมือกับเจ้าอีกสักครั้ง!”

ฉินหยุนเกิดความคาดหวังขึ้นมา หากเจี้ยนรั่วหยานต้องพ่ายแพ้ต่อหลงเฉียวเฟิง เช่นนั้นนางอาจร้องไห้จนจมูกแดงก่ำเป็นแน่

“พวกเราจะรอจนถึงฟ้ามืดหรือ?” ฉินหยุนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและกล่าว

“มีทางอื่นหรือไร?” เจี้ยนรั่วหยานนั่งลง “หวังว่าพวกเราคงไม่ต้องเจอกับกลุ่มพี่หู่ หากพี่หู่ไม่อาจอดทนจนท้าสู้กับเจ้าที่นี่ นั่นคงทำพวกเราเสียเวลากันไม่น้อย!”

“ข้าย่อมไม่กลัว กระทั่งเจอเขา คิดสังหารอย่างรวดเร็วย่อมกระทำได้!” ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉินหยุนได้ฝึกฝนในตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์โดยตลอด

เขาได้ใช้พลังเซียนเก้าวิวัฒน์บำรุงเลี้ยงร่างกาย ทั้งยังได้ใช้บรรทมเซียนตะวันจันทราเพิ่มความเชี่ยวชาญทางวิชายุทธ์

เวลานี้ เขาสามารถใช้ห้าฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ได้! ทั้งยังเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาดัชนีที่สองของดัชนีทะลวงฟ้า

นอกจากนี้ เขายังได้เชี่ยวชาญวิชายุทธ์โทเทมต้นไม้ในขั้นแรกแล้วด้วย!

เจี้ยนรั่วหยานแค่นเสียงเบา “ฉินหยุน เจ้าช่างมั่นใจยิ่งนัก ได้ยินว่าพี่หู่ก็ก้าวหน้าอย่างมหาศาล ด้วยเขาพยายามอย่างหนัก ย่อมต้องคืบหน้ารวดเร็วอย่างแน่นอน!”

“ระยะเวลาน้อยนิดนัก เพียงไม่กี่เดือน เขาเป็นอิสระจากดาบนั่นได้แล้วหรือ?” ฉินหยุนส่ายศีรษะ

“ฉินหยุน เจ้าควรทราบว่าพี่หู่ย่อมมีดาบต้นกำเนิด นั่นไม่ใช่เรื่องยากหากเขาคิดเก่งกาจขึ้นมา!” เจี้ยนรั่วหยานเผยยิ้ม “เจ้าคิดจริงหรือว่าเขาจะจบสิ้นเพียงเพราะไร้ซึ่งอาวุธ?”

ฉินหยุนยังคงรู้สึก ว่าต่อให้เจี้ยนหนันหู่ใช้ดาบต้นกำเนิด อีกฝ่ายก็ยังไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้แก่เขาได้

“เงียบก่อน มีคนมา!” ฉินหยุนพลันสัมผัสถึงร่องรอยออร่าใกล้เคียงได้

เจี้ยนรั่วหยานพอได้ยิน นางพลันระแวดระวังขึ้นมา

ผู้แรกที่พบเจอว่ามีอะไรเข้ามาใกล้คือฉินหยุน ชัดเจนว่าฉินหยุนมีประสาทรับรู้ดีกว่าผู้อื่น

กระทั่งเจี้ยนรั่วหยานยังไม่อาจทราบก่อนฉินหยุนได้

ตอนนี้ เจี้ยนรั่วหยานค่อยทราบ ว่าพลังจิตของนางด้อยกว่าฉินหยุนอย่างจริงแท้

“หลายคนด้วย!” ฉินหยุนส่งเสียงสื่อสารบอกเจี้ยนรั่วหยาน “จากออร่าพวกเขา น่าจะเป็นพวกอสูรของเกาะนี้!”

อสูรเหล่านี้ ถูกเรียกเป็นผู้ฝึกตนอสูร

เพราะฝึกฝนผิดพลาด พวกเขาจึงเกิดอาการคลุ้มคลั่ง เริ่มเกิดการแปรเปลี่ยนทางร่างกาย ดังนั้นจึงถูกจับส่งตัวมากักขังเอาไว้ที่นี่

ผู้ฝึกตนอสูรทั้งหลายที่นี่ ต่างมีสำนักอสูรที่แกร่งกล้าอยู่เบื้องหลัง เมื่อถูกจับ ไม่มีผู้ใดกล้าสังหารพวกเขา ดังนั้นจึงถูกทิ้งไว้ให้อยู่ที่นี่

หลังผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง อสูรที่คลุ้มคลั่งจะค่อยฟื้นคืน

ด้วยเหตุนี้ อสูรบนเกาะจึงมีการแบ่งพรรคพวกตั้งเป็นกลุ่มกองกำลัง

ฉินหยุนและคณะหลบซ่อนที่พุ่มไม้บนต้น

“ฉินหยุน อสูรพวกนี้หาตัวเราเจอได้ยังไง?” เจี้ยนรั่วหยานส่งเสียงสื่อสารร้องถาม นางเผยความงงงัน เพราะพวกนางยังไม่ทันได้ปลดปล่อยออร่าใดออก

“ข้าไม่ทราบ บางทีหนึ่งในพวกมันอาจมีการรับรู้ที่แรงกล้า!” ฉินหยุนตอบคำ “โดยสรุป พวกมันมาเพราะพบเห็นอะไรเข้า!”

ถึงตอนนี้ หลงเฉียวเฟิงและเย่ว์ผูเฟิง ต่างรับรู้ได้ถึงบรรดาอสูรที่เข้ามาใกล้

อสูรเหล่านี้มากันจากทั่วทิศ

ที่ทำฉินหยุนและคณะตื่นตระหนก คือผู้ฝึกตนอสูรเหล่านี้ กลับควบคุมพลังของพวกเขาให้อ่อนด้อยลงได้

กระนั้นเวลานี้ กลุ่มอสูรกลับเข้าปิดล้อมพวกเขาเอาไว้อย่างเงียบงัน ทั้งยังมีออร่าเผยให้ทราบน้อยนิด เป็นการอำพรางตัวได้อย่างดีเยี่ยม

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

อย่างกะทันหัน ลูกธนูจำนวนมากพลันพุ่งเข้าใส่!

“พวกมันเจอตัวเราแล้ว!” ฉินหยุนเผยเสียงเบา

“ตั้งรับ! สังหารเปิดทาง! หากพวกเราไม่ทราบสถานการณ์ อย่าได้สู้อย่างสุดตัว!”

แม้เจี้ยนรั่วหยานรักชอบการต่อสู้ แต่นางทราบดีว่าสถานการณ์เวลานี้ตึงเครียดเพียงใด หากนางไม่ทราบสถานการณ์ของพวกอสูรเหล่านี้ อย่างนั้นจะเป็นเรื่องอันตรายเกินไปหากคิดเผชิญหน้า

ฉินหยุนยังต้องลอบหวาดกลัวต่ออสูรเหล่านี้ คันธนูและลูกธนูที่พวกเขานำมาใช้ มีอำนาจการทะลุทะลวงอย่างดีเยี่ยม

หลังจากถูกห่าฝนลูกธนูยิงใส่ ต้นไม้ใหญ่ที่พวกเขาใช้หลบซ่อนจึงถูกทะลวงแหลกเละ

ที่น่ากลัวกว่านั้น คือลูกธนูเหล่านี้ระเบิดได้!

“น้ำมันสัตว์!” ฉินหยุนโพล่งเสียงตื่นตระหนก “ธนูและลูกธนูของพวกมันสร้างขึ้นจากน้ำมันสัตว์!”

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ลูกธนูเมื่อปะทะเข้า ไม่ว่าเป็นอะไร พวกมันเผยอำนาจการระเบิดออกมา

“ไปจากต้นไม้นี่!” เจี้ยนรั่วหยานคำราม ดาบในมือของนางถูกนำออก คลื่นพลังงานดาบท่วมท้นปรากฏ ราวกับดาบจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกเข้าปะทะกับสายฝนลูกธนูที่เบื้องหน้า

ฉินหยุนปล่อยเคล็ดวิชาคลื่นยักษ์ ผสานร่วมด้วยกับพลังสั่นไหว เกิดเป็นคลื่นกระแทกทรงพลัง ขวางสกัดลูกธนูที่คิดพุ่งเข้าใส่

หลงเฉียวเฟิงและเย่ว์ผูเฟิงไม่ได้ร่วมต้านรับลูกธนู เป็นเจี้ยนรั่วหยานบอกให้พวกเขายังไม่ต้องลงมือ

พวกเขายังไม่อาจพบเจอตัวกลุ่มอสูร ดังนั้นมีแต่ต้องหลบหนีออกจากที่นี่ให้รอดพ้นก่อน

ผ่านไปครู่ กลุ่มอสูรจึงค่อยหยุดยิงลูกธนู

ทีละคน ร่างสีดำเริ่มปรากฏทะยานเข้ามา!

“พวกมันปรากฏตัวแล้ว ระวังด้วย!”

เจี้ยนรั่วหยานตะโกนอย่างร้อนรน จากนั้น ดาบสีดำและขาวในมือของนาง จึงพุ่งทะยานเข้าใส่ร่างเงาสีดำที่คิดเข้าใกล้

ฉินหยุนย่อมไม่กังวลทางด้านหลงเฉียวเฟิง เพราะนางได้ครอบครองโทเทมมังกรแล้ว ทั้งยังเข้าใจวิชายุทธ์โทเทม พละกำลังของนางย่อมเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

ทางด้านเย่ว์ผูเฟิง แม้ฉินหยุนไม่อาจทราบความคิดอีกฝ่าย แต่เขาก็กล้ากล่าว ว่าชายผู้นี้ย่อมต้องมีฝีมือถึงขั้น

ร่างเงาที่พุ่งทะยานเข้ามาเป็นชายแกร่งร่างสูง ร่างกายพวกเขาทั้งสกปรกและเต็มไปด้วยเส้นขน ดูไปแล้วประหนึ่งคนเถื่อนในท่อระบายน้ำก็ไม่ปาน

ยามเมื่อโจมตี ออร่าชั่วร้ายของพวกเขาจะไม่อาจปิดผนึกไว้ได้อีกต่อไป

ฉินหยุนพุ่งเข้าปะทะ ฝ่ามือเคลื่อนออกราวกระบี่ เขารวบรวมพลังเต๋าเก้าสมบูรณ์ แปรเปลี่ยนฝ่ามือให้กลายเป็นกระบี่แหลมคม สับฟันพุ่งออกซึ่งหน้า

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

ฉินหยุนฝึกฝนเคล็ดวิชากระบี่พื้นฐานมาเนิ่นนาน เขาย่อมต้องเชี่ยวชาญเคล็ดวิชากระบี่เกือบถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว

กระบี่คู่โดยฝ่ามือเข้าสับฟันออกซึ่งหน้า พลังงานกระบี่พุ่งทะยาน พวกมันแปรเปลี่ยนร่างอสูรเหล่านี้ให้กลับกลายเป็นชิ้นเนื้อ

“ในร่างพวกมันมีพิษ ระวังเลือดพวกมันด้วย!”

ฉินหยุนตะโกนร้องบอก ฝ่ามือของเขาปกคลุมด้วยเส้นใยพลังงาน แม้ผ่าแยกร่างอสูรเหล่านี้ พวกมันก็จะไม่มีทางสาดกระเซ็นเลือดพิษมาโดนตัวเขา

ก่อนหน้านี้ ทั้งฉินหยุนและเจี้ยนรั่วหยานต่างเดียดฉันท์ต่ออสูรเหล่านี้

กระนั้น พวกเขาเวลานี้กลับต้องทำความเข้าใจต่อพละกำลังอีกฝ่ายเสียใหม่

“พวกมันเป็นกลุ่มใหญ่ ทั้งยังมากันมาก! ตามข้าเร่งรีบออกจากที่นี่!”

เจี้ยนรั่วหยานเร่งรีบเคลื่อนตัวนำทัพ พร้อมควบคุมดาบเจตจิตของนางสับฟันเบิกทาง

ดาบเจตจิตของเจี้ยนรั่วหยานทรงอำนาจ มันทะยานออกซึ่งหน้าราวกับหิวกระหายเลือด เข้าสับฟันอสูรที่ขวางไว้เพื่อเบิกทางอย่างง่ายดาย

“สองสาวงาม อย่าได้หนีแล้ว! นานแล้วที่พวกเราไม่ได้ลิ้มลองสาวงาม ฮ่าฮ่าฮ่า!” อย่างกะทันหัน เสียงหัวเราะแหบกร้านพลันดังขึ้นราวฟ้าคำราม

ฝูงชนที่ปิดล้อมพวกเขา เวลานี้ค่อยระเบิดเสียงดังเราะดังตามกัน

อสูรเหล่านี้ถึงขั้นมีมากมายและหลบซ่อนตัวอยู่ทั่วสารทิศ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด