ตอนที่แล้วบทที่ 7 กลิ่นของเลือดเนื้อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 เธอผู้ไม่ธรรมดา

บทที่ 8 การแต่งงาน


“คุณนี่มัน...” จิงหยาถึงกับพูดไม่ออก

ผู้ชายคนนี้นับว่าเป็นคนที่เห็นแก่ตัวที่สุดในบรรดาผู้คนที่เธอได้รู้จักมาทั้งชีวิต

เธอคิดว่าคู่หมั้นคู่หมายของเธอคือผู้ชายที่เห็นแก่ตัวคนนึง แต่เย่หัวเลวร้ายกว่ามาก

เธอสูดลมหายใจลึกเข้าไป เพื่อสงบจิตสงบใจก่อนจะพูดกับเขาว่า

“คุณจะยังทำตามที่เราตกลงกันใช่ไหม”

"แน่นอน" เย่หัวตอบพร้อมทั้งหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ

จิงหยาขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นบุหรี่ เธอไม่ชอบควันบุหรี่สักเท่าไหร่

แต่เธอก็ไม่ได้ห้ามเย่หัวแต่อย่างใด

“เอาล่ะ อันดับแรก เราต้องไปจดทะเบียนสมรสกันก่อน”

จิงหยาคิดทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแล้ว

ตอนนี้เธอต้องการแค่การร่วมมือจากเย่หัว ในฐานะที่เค้าคือพ่อของเด็กในท้องเธอ

“ตกลง” เย่หัวพูดตอบด้วยเสียงอันเบา สำหรับเย่หัว

ทะเบียนสมรสไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย

เขาไม่รู้สึกถูกกดดันหรือโดนบีบบังคับแต่อย่างใด ซึ่งจริงๆ แล้ว

ไม่มีใครหรืออะไรในโลกใบนี้ที่จะบีบบังคับเขาได้

จิงหยาไม่คิดว่าเย่หัวจะตอบรับง่ายดายแบบนี้ ดูเหมือนว่า “ลูก”

จะสำคัญกับเขามาก ถ้าเป็นเช่นนั้น จิงหยาก็จะทำตามแผนของเธอง่ายขึ้น

และมีสิ่งหนึ่งที่จิงหยาเพิ่งสังเกตจากร่างกายของเธอ

เธอรู้สึกถึงความกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษตอนเธอลุกจากเตียง

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเธอมองดูตัวเองในกระจก

เธอถึงกับประหลาดใจว่าทำไมเธอจึงดูสวยมากแบบนี้

เกิดอะไรขึ้น เธอถามตัวเองในใจ ทำไมเธอถึงดูสวยขึ้นเป็นพิเศษ

เธอมองดูตัวเองในกระจกด้วยความทึ่ง

“เลิกมองได้แล้ว” เย่หัวบอกเธอ

"อะไร? คุณมีปัญหาอะไรกับการที่ฉันมองตัวเองในกระจก”

จิงหยารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยกับคำพูดของเขา ผู้ชายคนนี้แย่จริงๆ

เขาไม่รู้วิธีพูดกับผู้หญิงด้วยซ้ำ

เย่หัวพ่นควันบุหรี่ออกทางปากก่อนจะตอบจิงหยาว่า

“ถึงคุณจะมองตัวเองในกระจกนานแค่ไหน มันก็ไม่ได้ช่วยให้คุณวิเศษขึ้นมาได้”

"คุณ...! อย่าลืมบัตรประชาชนล่ะ” จิงหยาพยายามสงบสติอารมณ์

เธอสั่งเขาไม่ให้ลืมพกเอกสารสำคัญไปด้วยตอนไปจดทะเบียนสมรส

เย่หัวไม่ตอบ ตอนนี้ในใจเขากำลังหมกมุ่นถึงเด็กที่กำลังจะถือกำเนิดขึ้นมา

เขาแค่รอให้จิงหยาคลอดเด็กคนนี้ และเด็กคนนี้จะเป็นเจ้าผู้ครองโลก

สิ่งมีชีวิตทุกผู้ทุกนามจะต้องยอมสยบหมอบราบคาบแก้วต่อลูกของเขาเท่านั้น

ครั้นเมื่อว่าที่บ่าวสาวทั้งสองปรากฏตัวบนท้องถนน

ผู้คนที่พบเห็น พวกเขาคงรู้สึกแตกตื่นพอสมควร

เพราะฝ่ายชายหล่อเหลาราวเทพบุตร ส่วนฝ่ายหญิงก็สวยเหนือคำบรรยาย

คนทั้งคู่ดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก

ดูดีกว่าคู่รักดาราที่ชาวบ้านทั่วไปเห็นตามสื่อทีวี นอกเหนือจากรูปลักษณ์

ทั้งเขาและเธอต่างก็มีบุคลิกน่าสนใจ ทั้งสอนคนดูเป็นคนเย็นชากันทั้งคู่

โดยเฉพาะผู้หญิงที่ดูเยือกเย็นจนคล้ายกับรูปสลักน้ำแข็ง

ใครจะรู้ว่าเธอจะสวยขึ้นแค่ไหนถ้าเพียงแค่เธอยิ้ม

ระหว่างที่เดินไปด้วยกัน จู่ๆ จิงหยาก็หยุดเดินแล้วหันไปถามเย่หัวว่า

“คุณพกเงินมาด้วยหรือเปล่า”

เย่หัวเช็คดูในกระเป๋ากางเกง และตอบเธอไปว่า “มีแค่สองหยวน”

ได้ยินดังนั้น หน้าผากของจิงหยาถึงกับย่นจนเห็นเป็นริ้วสองสามเส้น

เมื่อวานเธอรีบออกมา จนลืมเอากระเป๋าถือ และโทรศัพท์ติดตัวมาด้วย

แล้วผู้ชายคนนี้ คนที่เธอกำลังลากเขาไปจดทะเบียนสมรสด้วยกัน พกเงินมาแค่สองหยวน

ทำไมเขาไม่หยิบเอากระเป๋าสตางค์ติดตัวมาด้วยตอนออกนอกบ้าน

ทำไมเขาเป็นคนขี้หนืดขี้เหนียวได้ขนาดนี้ จิงหยาคิดประณามเย่หัวอยู่ในใจ

“เวลาออกมาข้างนอก คุณไม่พกกระเป๋าสตางค์ติดตัวเหรอไง”

จิงหยาถามเย่หัว

รู้สึกโกรธเขามากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นเขาแสดงท่าทีไม่แยแสอะไร

“ต้องใช้เงินด้วยเหรอ” เย่หัวถามเธอ

“ผมนึกว่าเรามาเซ็นเอกสารกันอย่างเดียว”

จิงหยาตอกกลับไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ฉันเสียใจจริงๆ ที่ยอมเสียตัวให้คุณ”

“อย่าทำตัวเป็นเด็กไปหน่อยเลย คุณจะเสียใจทำไมกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว”

"คุณนี่มัน...!!!"

จิงหยาพยายามกลั้นอารมณ์โกรธของเธอด้วยการสูดลมหายใขเข้าไปลึกๆ

“ฉันว่าฉันหลงทางแล้วล่ะ ที่ว่าการมันอยู่ไหน” จิงหยาเปลี่ยนเรื่อง

“ผมไม่รู้หรอก ผมไม่ค่อยออกมาข้างนอก”

จิงหยาสะดุ้งกับคำตอบ เธอพยายามระงับความโกรธที่กำลังพุงถึงขีดสุด

เธอต้องอดทนต่อผู้ชายคนนี้ให้ได้ เพราะเขาคือพ่อของเด็ก

เย่หัวเดินวางมาดราวกับพระราชากำลังมาโปรดไพร่ฟ้าประชาชน

ปล่อยให้จิงหยาไปถามทางชาวบ้านที่อยู่ละแวกนั้น ในท้ายที่สุด

พวกเขาทั้งสองก็นั่งรถโดยสารที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนเพื่อไปยังที่หมาย

จิงหยาจำได้ว่า ครั้งสุดท้ายที่เธอใช้บริการขนส่งสาธารณะคือช่วงเรียนมหาวิทยาลัย

ตอนนี้เธอจึงรู้สึกค่อนข้างอึดอัดกับพื้นที่แคบๆ กลิ่นกายฉุนๆ ของผู้โดยสาร และบรรดาสายตาที่จับจ้องมา

วินาทีนั้น จิงหยาผงะด้วยอาการตกใจ เพราะมีมือหนาๆ

อ้อมมาทางด้านหลังและโอบเอวเธอไว้ ตอนแรกเธอคิดว่าเธอโดนลวนลาม

ใครมันช่างกล้าทำแบบนี้กับเธอ มันไม่กลัวตายหรือไง จิงหยาคิดในใจ

แต่เจ้าของมือข้างนั้นคือเย่หัว

“อย่าเข้าใจอะไรผิด... ฉันก็แค่เป็นห่วงลูกก็เท่านั้น”

เย่หัวบอกเธอขณะที่ใช้มือขวาจับเสาไว้เพื่อทรงตัว และใช้มือซ้ายโอบเอวผอมบางของจิงหยาเอาไว้

จิงหยามองดูเย่หัว แต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป

เธอรู้สึกถึงความปลอดภัยจากมือที่ประคองกอดเอวเธอไว้

มือนั้นมีพละกำลังมหาศาล เธอรู้สึกดีจริงๆ ที่เขาโอบกอดเธอไว้แบบนี้

ครึ่งชั่วโมงถัดมา พวกเขาทั้งสองก็มาถึงที่ว่าการเมือง

จิงหยาสะบัดตัวหลุดจากมือของเย่หัวที่กอดเอวเธอไว้

และเดินตรงไปยังทางเข้าของตึกอย่างสง่าผ่าเผย

ทิ้งให้เย่หัวพูดพึมพำกับตัวเองว่า “น้ำหอมที่เธอใช้ กลิ่นไม่เลวเลยทีเดียว”

เมื่อเข้าสู่กระบวนการจดทะเบียนสมรส ทั้งคู่จะต้องถ่ายรูปร่วมกัน

ช่างภาพดูเหมือนจะเจองานยากเข้าให้

เมื่อเขาต้องถ่ายรูปคนทั้งคู่ให้อยู่ในเฟรมเดียวกัน

“คุณสองคนช่วบเขยิบเข้าไปใกล้หน่อยได้ไหม”

ช่างภาพรู้สึกว่าทั้งสองคนไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำทะเบียนสมรสด้วยซ้ำ

แต่น่าจะมาที่นี่เพื่อหย่ามากกว่า

เย่หัวกระซิบบอกจิงหยา “ช่างภาพขอให้คุณขยับเข้ามาใกล้หน่อย”

“ทำไมคุณไม่ขยับเข้ามาใกล้กว่านี้ล่ะ” จิงหยาแย้ง

“ผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายเข้ามาหาผม”

“ผู้ชายก็เป็นฝ่ายเข้ามาหาฉันก่อนทุกที!”

ช่างภาพกลืนน้ำลาย ก่อนถามเธอและเขาว่า

"เอ่อ…พวกคุณตกลงกันให้เรียบร้อยก่อนมั้ยครับ”

“ไม่เป็นไร!” จิงหยาพูดขึ้นมาอย่างเฉยเมยและขยับตัวเข้าไปใกล้กับเย่หัว

ช่างภาพแสดงอาการโล่งใจ และพูดกับพวกเขาว่า “เอาล่ะ... ดีครับ ทั้งคู่ยิ้มหน่อยครับ”

บรรยากาศในห้องเย็นยะเยือก จะให้คนทั้งคู่ยิ้มน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ...

จิงหยาฉลาดพอที่จะเดาได้ว่า ทะเบียนสมรสอย่างเดียวไม่พอ

ภาพถ่ายนี้ จะต้องเป็นภาพถ่ายที่แสดงให้ครอบครัวเธอเห็นว่าเธอมีความสุขมาก เมื่อได้แต่งงานกับผู้ชายคนนี้

จิงหยาจึงยิ้มออกมา เมื่อรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ

ช่างภาพถึงกับตะลึงในความสวยของผู้หญิงคนนี้ เขาสาบานได้เลยว่า

ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนสวยเท่าเธอผู้นี้มาก่อนในชีวิต

มันคือความงามของหญิงสาว ที่อาจจะทำให้คุณอ้าปากค้าง และลืมหายใจไปเลยทีเดียว

“คุณผู้ชายครับ...” ช่างภาพเตือนเย่หัวให้เขายิ้ม

แต่เย่หัวยังมีใบหน้านิ่งเฉย

“ยิ้ม!” จิงหยาสั่ง

ตอนนี้เธออยากตบหน้าเขาสักสองสามฉาดเพื่อบังคับให้เขายิ้ม

“ฉันยิ้มไม่เป็น” เย่หัวกระซิบบอกเธอ

ถึงตอนนี้ ช่างภาพเริ่มมีอาการ งง เล็กน้อย

ผู้ชายคนนี้มีเมียสวยอย่างกับนางฟ้า แต่ทำไมถึงยิ้มไม่ออก

ถ้าเขาคือชายผู้โชคดีที่ได้แต่งงานกับเธอ

เค้าคงนั่งอมยิ้มทั้งวันทั้งคืน ไม่ว่าจะหลับหรือจะตื่น

ความกดดันทำให้เย่หัวเริ่มจะแผ่รังสิอำมหิตออกมา จนเขาต้องระงับมันไว้

เขาพยายามกระตุกกล้ามเนื้อบนใบหน้า

เผยอปากออกที่มุมปากด้านนึงเพื่อยิ้มให้ได้

“เอาล่ะครับ ยิ้มไว้นะครับ” ช่างภาพบอก

ทันทีที่เสียงกดชัตเตอร์สิ้นสุดลง จิงหยาและเย่หัวหุบยิ้มทันที

ในที่สุด พวกเขาก็ได้ครอบครองทะเบียนสมรสอีกครึ่งชั่วโมงถัดมา

ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของจิงหยา

เธอก้มลงอ่านข้อความบนกระดาษในมือ ชื่อของเขาคือ “เย่หัว”

ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่า พ่อของลูกในท้องเธอชื่ออะไร

ส่วนเย่หัวก็ก้มมองดูกระดาษในมือเช่นเดียวกัน

ก่อนที่เขาจะพับมันเก็บเข้าไปในกระเป๋ากางเกง

เขาดูไม่ให้ความสำคัญอะไรกับกระดาษแผ่นนี้เลย

“คุณต้องตามฉันกลับไปที่ไฮโอเชี่ยนซิตี้”

จิงหยาบอกเย่หัวขณะที่เก็บใบสำคัญการสมรสในซองเอกสาร

"ไม่..." เย่หัวตอบ

“คุณบอกฉันเมื่อวานว่าคุณจะทำตามที่ฉันบอก อย่าลืมสิ...เด็กในท้องฉันคือลูกคุณ” จิงหยาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“แต่ผมชอบเมืองนี้ มันเงียบสงบ” เย่หัวตอบ เขาเริ่มรู้สึกว่า “ลูก”

ทำให้เค้าสูญเสียอำนาจของ “จอมราชันย์” ไปพอสมควร

“โอเค ตามนั้น!” จิงหยาถอนหายใจ จริงๆ แล้วสำหรับเธอ

การอยู่ที่เมืองหลงอันไม่ใช่ปัญหา เพราะปู่ของเธอก็อยู่ที่นี่

ที่นี่ยังเป็นบ้านเกิดอดีตคู่หมั้นของเธออีกด้วย

“งั้นเราคงต้องซื้อบ้านสักหลัง...” จิงหยาเอ่ยออกมา

“เราจะอยู่ด้วยกันที่บาร์” เย่หัวตัดบท บาร์คือที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด