ตอนที่แล้วบทที่ 3 พล็อตเรื่องเดิมๆ ที่แตกต่าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 5 จิวเย่

บทที่ 4 คืนหนึ่งคืนนั้น


“จะพาฉันไปไหนน่ะ” จิงหยาเอ่ยถามเบาๆ

เธอรู้สึกสะใจเล็กน้อยที่กำลังจะได้ทำบางอย่างเพื่อประชดครอบครัวของเธอ

อีกกอย่าง ผู้ชายที่อยู่กับเธอตอนนี้ดูดีคนละรับดับ กับพวกนักเลงอันธพาลข้างถนนเป็นไหนๆ

“ขึ้นไปชั้นบน”

“ดูเหมือนว่าคุณพร้อมตลอดเวลาเลยนะ” จิงหยาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ขณะที่เธอเดินไปหยุดตรงหน้าของเย่หัว

“แน่นอน... ก็นานๆ ถึงจะมีผู้หญิงแบบคุณหลงผ่านมา”

“แล้วผู้หญิงคนก่อนหน้าฉันล่ะ” จิงหยาถามกลับด้วยความสงสัย

“ผมจะไม่แตะต้องผู้หญิงคนเดิมเป็นหนที่สอง” เย่หัวตอบอย่างเย็นชา

จิงหยาออกจะ งง กับคำตอบที่ได้ยิน

เธอกำลังจะมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับชายคนนี้

และมันจะเกิดขึ้นแค่คืนเดียวอย่างนั้นหรือ วันรุ่งขึ้น

ทั้งเธอและเขาจะกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันงั้นหรือ

เธอไม่คิดว่าเธอจะต้องมาพบพานสถานการณ์แบบนี้

เมื่อเย่หัวพาจิงหยาขึ้นไปยังชั้นบนของบาร์

จิงหยาพบว่าชั้นสองประกอบไปด้วยห้องหับจำนวน 3 ห้อง

อันประกอบไปด้วยห้องทำงาน ห้องนอน และห้องเก็บของ

“ห้องนอนอยู่ด้านซ้าย” เย่หัวพูดบอกจิงหยา

จิงหยาเดินนำหน้าและเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ในความเป็นจริงแล้ว

เธอกำลังรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นมาก

"อา!" ทันใดนั้นจิงหยาก็ส่งเสียงร้องออกมา

เธอถึงกับผงะเมื่อเห็นสุนัขพันธ์พิทบูลตัวเขื่องนอนหมอบอยู่ข้างเตียง

เพราะเสียงร้องอุทานของจิงหยา เจ้าพิทบูลเปิดเปลือกตาข้างนึงของมัน

เผยให้เห็นประกายความดุดัน ด้วยความรวดเร็ว มันผุดขึ้นยืนจังก้า

และจ้องเขม็งมายังจิงหยา

“หลี่กู้ ถอยไป!” เย่หัวตะโกนออกคำสั่ง

หลี่กู้ผู้ฮึกเหิมดูหวาดกลัวขึ้นมาในบัดดล มันส่งเสียงครางออกมาเบาๆ

ก่อนเดินออกไปจากห้องนอน

“นอกจากคุณจะแปลก หมาที่คุณเลี้ยงก็แปลกเหมือนกันนะ”

จิงหยารำพึงออกมาเบาๆ ขณะนั่งอยู่บนเตียง

เมื่อเธอพิจารณาห้องนอนของเขา ห้องนอนสะอาดเอี่ยม

ไม่มีกลิ่นแปลกปลอมรบกวนจมูกแต่อย่างใด

นอกจากนี้ บนผนังประดับด้วยภาพเขียน 3 ภาพ

เธอดูมีความสงสัยเกี่ยวกับภาพทั้งสามอยู่ไม่น้อย

ภาพเด็กผู้ชายคาบกล้องยาสูบนี่ไม่ได้เป็นผลงานของปิกัสโซใช่ไหม เอ๊ะ!

ภาพนั้นก็ภาพของปิกัสโซ รู้สึกจะชื่อ “ความฝัน” และภาพนั้นคือภาพ "คนเล่นไพ่" สินะ

“ภาพเขียนบนผนังทั้งหมดคือของปลอมใช่มั้ย”

จิงหยาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ดูเหมือนว่าชายคนนี้ชอบทำตัวสูงส่ง

คงพาผู้หญิงมาที่ห้องและก็อวดรสนิยมทางศิลปะเพื่อล่อลวงผู้หญิงเหล่านั้น

ล่ะสิท่า ผู้หญิงพวกนั้นจะรู้อะไรเกี่ยวกับภาพเขียนพวกนี้

เย่หัวมองไปยังภาพเขียนบนผนัง “คุณคงจะต้องถามลูกน้องผมแล้วล่ะ

เขาคอยหาภาพเขียนมาให้ผม เขาชอบสะสมของแปลกๆ ไว้เยอะเลย”

“สะสมภาพเขียนปลอม อืม... เป็นงานอดิเรกที่ประหลาดเกินไปหน่อยนะ”

เย่หัวไม่ตอบ เขากลับถอดสูทตัวนอกออก ก่อนเดินตรงไปยังจิงหยา

เธอเองรวบรวมความกล้าทั้งหมดจ้องดูเย่หัวไม่วางตา

ผู้หญิงอย่างเธอไม่เคยกลัวใครเลย!

แม้แต่ตอนนี้

ขณะที่เย่หัวกำลังกดร่างบอบบางของเธออยู่ภายใต้ร่างอันล่ำสันของเขา

จิงหยาก็ยังไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวใดๆ ออกมา

"คุณกำลังทำอะไร? ลืมสำนึกผิดชอบชั่วดีไปให้หมด?

เราต่างฝ่ายต่างพึงพอใจในกันและกันไม่ใช่หรือ ผ่อนคลายสิ”

เย่หัวพูดกับจิงหยาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

ขณะที่มือของเขากำลังทำหน้าที่ปลดเปลื้องอาภรณ์ราคาแพงที่ผู้หญิงคนนี้สวมใส่

ผิวพรรณใต้ร่มผ้าของเธอเพิ่มคะแนนความชอบพอที่เขามีให้เธอขึ้นไปอีก

แม้แต่ชุดชั้นในของเธอ ก็ไม่ธรรมดา เธอดูแพงสมราคาเสียจริง!

“ผ่อนคลายสิ... ผ่อนคลาย”

เย่หัวพูดกับเธออย่างอ่อนโยน

ขณะบรรจงจูบต่อริมฝีปากอวบอิ่มเหมือนผลเชอร์รี่แดงฉ่ำของจิงหยา

จิงหยาค่อยๆ ผ่อนคลายตามที่เขาบอก

แต่จุมพิตแรกนี้กำลังจะมลายหายไป

ค่ำคืนนี้ก็กำลังจะอันตรธานหายไปในไม่ช้า ...

ครึ่งชั่วโมงถัดมา เย่หัวยังนอนทาบนาบลำตัวอยู่บนร่างของจิงหยา

เขาค้นพบว่าร่างกายของผู้หญิงคนนี้อ่อนแอเกินไป ท่าจะไม่ดีแล้วล่ะ

เขารอคอยผู้หญิงที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบอย่างจิงหยามานานหลายปี

เขาพร้อมจะมีสัมพันธ์กับเธอผู้นี้ทั้งคืน

กว่าจะเจอผู้หญิงที่ใช่แบบเธอคนนี้อีก จะรอคอยอีกกี่เดือนกี่ปี ใครจะรู้

“จิตวิญญาณจงฟื้นคืน!”

"จงเยียวยา!"

หลังจากใช้ร่ายมนต์ลงบนร่างของหญิงสาว

จิงหยาผู้กำลังอ่อนแอทางจิตวิญญาณกลับรู้สึกเบ่งบานขึ้นมาอีกครั้ง

ณ ตอนนี้ เธอดูเต็มไปด้วยพลังอันลุกโชนและมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

ฝ่ายเย่หัวเองได้แต่ถอนหายใจ เพราะกับผู้หญิงคนก่อน

เขาจำได้ว่าเขาจำเป็นต้องร่ายมนต์ใส่หญิงสาว ก็เมื่อเวลาแห่งการร่วมรักมันลุล่วงไปแล้วเป็นเวลาถึง 1 ชั่วโมง

ครั้นเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น เย่หัวจึงได้หยุดกิจกามทั้งหมด

เขากอดจิงหยาเอาไว้แนบกาย ซึ่งใบหน้าของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตา

ส่วนตัวเขาเอง เลื่อนมือขึ้นมาจับบั้นเอวตัวเอง และพูดว่า

“ดูเหมือนว่าผมคงต้องฝึกฝนร่างกายตัวเองให้หนักกว่านี้นะนี่ ตอนนี้ผมรู้สึกเอวระบมไปหมด”

ฝ่ายจิงหยาก็เพิ่งได้รู้ว่ารสชาติที่แท้จริงของการเป็นผู้หญิงแท้จริงมันเหมือนกับนั่งอยู่บนรถไฟเหาะ

มันมีช่วงที่เหนื่อยแทบจะขาดใจตาย แต่ทันใดนั้น เธอก็กลับฟื้นคืนมีพลังวังชาขึ้นมาอีกครั้ง

อย่างไรเสีย การพูดคุย การได้บอกเล่าความจริงกับผู้ชายคนนี้ทำให้เธอมีความสุขขึ้นมาได้

อารมณ์หมองเศร้าของเธอที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ดูเหมือนได้รับการบรรเทาให้เจือจางลงไปค่อนข้างมาก

เธอและเขานอนตระคองกอดกันบนเตียงจนกระทั่งเย็นย่ำ

เมื่อจิงหยาลืมตาคู่สวยคู่นั้นขึ้นมา

เธอพบว่าตัวเองยังคงอยู่ในอ้อมแขนของเขา

เธอปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าหัวใจของเธอกำลังเบ่งบาน เธอมีความสุข

"ตื่นแล้วหรือ" เย่หัวถามเธอ

“ใช่”

“ตอนนี้คุณคงรู้ถึงความแตกต่างระหว่างการเมาและไม่เมาแล้วสินะ”

เย่หัวกระซิบถามเธอ พร้อมทั้งเอามือลูบไหล่เธออย่างอ่อนโยน

ผู้หญิงแบบจิงหยานี่ล่ะ

เป็นคนจำพวกอยู่เหนือความคาดหมายหรือการคาดหวังจากคนธรรมดาสามัญ

เธอยิ่งใหญ่ เย็นชา และเต็มไปด้วยอำนาจ

มีเพียงผู้หญิงประเภทนี้เท่านั้นที่น่าสนใจสำหรับเขา…

ร่างกายของเธอก็มีเสน่ห์เย้ายวนอีกด้วย

สำหรับจิงหยา หากทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

เกิดขึ้นใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์

ตอนนี้เธอคงรู้สึกอยากฆ่าผู้ชายคนที่เธอนอนด้วย

แต่ครั้งนี้มันต่างกันตรงที่เธอเป็นผู้เลือก

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นผลลัพท์จากการตัดสินใจเองของเธอ

เธอจึงไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย

"คุณชื่ออะไร?" จิงหยาถามเขา

อย่างน้อยเธอก็ควรรู้จักชื่อของผู้ชายที่มอบประสบการณ์ครั้งแรกนี้แก่เธอ

เย่หัวตบไหล่ของจิงหยา ก่อนจะลุกจากเตียงไปสวมเสื้อผ้า

“มันสำคัญกับคุณมากเลยเหรอ” เขาถามเธอ

จิงหยาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ และไม่ได้ถามอะไรต่อ

หลังจากนั้นเธอลุกจากเตียงตามไปด้วยอีกคน ขณะที่กำลังสวมชุดของเธอ

เธอนึกสงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย ...

หลังจากนั้น ทั้งคู่ต่างนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรเลย ก่อนจะลงไปยังชั้นล่าง

เย่หัวเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์บาร์

ฝ่ายจิงหยาก็เดินออกจากบาร์ไปอย่างเงียบเชียบ

ความสัมพันธ์ชั่วคืนดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว...

จังหวะที่เธอออกมาจากบาร์ จิงหยาได้เดินสวนกับเว่ยฉางที่กลับมาทำงาน

จิงหยาผู้นี้กลายเป็นสตรีผู้สูงส่งเกินกว่าชายใดจะเอื้อมถึงอีกแล้ว

ทุกย่างก้าวของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจของหญิงผู้ทรงอำนาจ ความเย็นชา

และความมั่นใจอันเต็มเปี่ยมของเธอ ถึงกับทำให้เว่ยฉางถอนหายใจเมื่อเดินสวนกัน

ผู้หญิงคนนี้ มั่นใจในตัวตนขนาดนี้ได้อย่างไรกัน

“บอสครับ” เว่ยฉางเอ่ยทักทายเย่หัวด้วยอาการนอบน้อม

เย่หัวหรี่ตาข้างนึงและเอามือขวาลูบคางอย่างครุ่นคิด

ก่อนจะบอกลูกน้องของเขาว่า “ภาพที่นายได้มา ผู้หญิงคนเมื่อคืนบอกว่ามันเป็นของปลอม”

“บอสครับ บอสอยากให้ผมเผาภาพพวกนั้นไหมครับ?”

“ลืมเรื่องนี้ไปเถอะ หลายปีมานี่ ฉันเห็นภาพพวกนี้จนชินตาละ

ไปทำงานไป! อีกเดี๋ยวบาร์จะเปิด นายควรไปเตรียมพร้อมทำงานได้แล้ว”

“ครับ บอส...” เว่ยฉางรับคำ

เย่หัวหาวออกมาวอดนึง ก่อนเดินขึ้นไปชั้นบน

เว่ยฉางคิดในใจว่าเจ้านายของเขาคงอ่อนเพลียจากกิจกรรมเมื่อคืนเป็นแน่

เขาหัวเราะขื่นๆ ออกมาพลางนึกในใจว่า นับวันบอสจะมีความเป็นมนุษย์มากขึ้นทุกที

“เอ้าหลี่กู้! กินซะ” ไม่รู้ว่าไส้กรอกอยู่ในมือของเว่ยฉางตั้งแต่เมื่อไหร่

เขาโยนไส้กรอกไปยังเจ้าพิทบูลตัวนั้นเพื่อให้มันงับ

ตรงกันข้าม หลี่กู้ไม่มีท่าทีสนใจไส้กรอกชิ้นนั้นแม่แต่น้อย

มันเอียงคอมองเว่ยฉางอย่างดูแคลน ก่อนจะยืดตัวผายหน้าอก

แล้วเดินตามนายของมันขึ้นไปชั้นบนด้วยท่าทีหยิ่งผยอง

เว่ยฉางถอนหายใจ ก่อนจะหัวเราะขำในท่าทีของเจ้าพิทบูลตัวนั้น

มันคงเส้นคงวาแบบนี้เสมอมา ไม่มีความเป็นหมาเอาเสียเลย

“คุณอาเว่ยคะ” ถังเหว่ยเดินเข้ามาและทักทายเว่ยฉางด้วยรอยยิ้ม

ดูเหมือนว่าวันนี้ เธออารมณ์ดีขึ้นมาก

“อ้าว! เสี่ยวถังมาถึงแล้ว งั้นมาเริ่มทำงานกันได้แล้วพวกเรา ใกล้ถึงเวลาเปิดบาร์แล้ว”

เว่ยฉางปรบมือพร้อมตะโกนเสียงดัง

ความจริงเขาเก็บงำความลับไว้อย่างนึง

หากคนทั่วไปรู้จักสถานะตัวตนที่แท้จริงของเว่ยฉาง

พวกเขาอาจจะกลัวฉี่ราดไปเลยก็ได้

เราทราบมาว่า เย่หัวสร้างเนื้อหนังของเขาขึ้นมาใหม่จากร่างโครงกระดูก

ส่วนร่างที่แท้จริงของเว่ยฉางผู้นี้คือปีศาจตนนึง

แม้แต่เย่หัวเองก็บอกไม่ได้ว่าร่างที่แท้จริงของลูกน้องเขาผู้นี้คือปีศาจตนไหน

แต่ที่แน่นอน เขาคือหนึ่งในเจ็ดมหาปีศาจแห่งบาปเจ็ดประการ

ส่วนหลี่กู้หมาพิทบูลตัวนั้นก็ไม่ธรรมดา ความจริงแล้วมันไม่ใช่สุนัขทั่วไป

แต่มันคือมังกรโครงกระดูกที่อาศัยร่างหมาพิทบูลเป็นเกราะคุ้มกัน!

หลี่กู้คือหนึ่งในมหาปีศาจแห่งบาปทั้งเจ็ด

และมันก็เป็นกำลังสำคัญให้กับเย่หัวผู้เป็นนาย อันที่จริง

เย่หัวเป็นผู้เลือกร่างสุนัขนี้ให้กับมัน

เพราะเขาเบื่อที่จะมีสัตว์เลี้ยงเป็นมังกรแล้ว เลี้ยงหมาสักตัวอาจจะสนุกกว่า

แรกเริ่มเดิมที หลี่กู้ปฏิเสธไม่ยอมรับร่างสุนัขตัวนี้เลย

แต่ต่อมามันกลับพบว่า การเป็นสุนัขตัวนึงก็ไม่เลวเหมือนกัน

กิจวัตรแต่ละวันมีแค่กินๆ นอนๆ ได้รางวัลของกำนัลจากนายบ้างเป็นครั้งคราว

แค่คิดถึงรางวัลที่ว่า หลี่กู้ก็น้ำลายสอเสียแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด