ตอนที่แล้วบทที่ 2: ระบบสุดยอด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4: ปรมาจารย์ซุนหงอคงและเส้นทางฮัวหยง

บทที่ 3: อลิซ! มารน้อยตัวจริงเสียงจริง


บทที่ 3: อลิซ! มารน้อยตัวจริงเสียงจริง

“ข้าชื่ออลิซ” รอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของเด็กน้อยงดงามผู้นี้ทำให้เฉินรุยละอายใจยิ่งนัก “พี่ชาย แล้วชื่อของพี่ละ?”

“ชื่อของข้าคือ…เฉินรุย” เฉินรุยคิดไปคิดมา แต่เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เอาชื่ออาเธอร์และเลือกชื่อของเขาแทน “น้องสาวอลิซ เจ้าช่วยบอกข้าทีว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไงกัน?”

"ออกไปงั้นเหรอ?" อลิซจ้องไปที่เขาพร้อมกับดวงตาที่สดใสและน่ารักของนาง จากนั้นก็ได้พูดขึ้นมาว่า “ห้องทดลองของท่านอาจารย์อัลดาซอยู่ใกล้ที่นี่มาก พี่จะไปที่นั่นงั้นหรือ ข้าพาท่านไปได้นะ”

“ไม่! ไม่ใช่ที่นั่นแน่ๆ!” เฉินรุยตกใจมาก นางกำลังล้อเขาเล่นอยู่หรือไง? เขาใช้ความพยายามอย่างมากที่จะออกจากสถานที่ที่บ้าๆ แบบนั้น ถ้าเขาเผลอย้อนกลับไป เขาคงเป็นพวกปัญญาอ่อนแน่

อลิซจึงถามออกมาอย่างสงสัย “ทำไมกันล่ะ? ข้าได้ยินมาว่าการทดลองของท่านอาจารย์นั้นน่าสนใจมากและข้าเองก็อยากจะไปเยี่ยมชมสักครั้ง”

มันก็น่าสนใจอย่างมากจริงๆ แบบที่นางบอกแหละนะ

แต่การเอายาพิษให้ผู้อื่นดื่ม…เฉินรุยมองไปยังเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่น่ารักและไร้เดียงสาคนนี้ เขากัดฟันแล้วก็โกหกออกมา "เจ้าไม่รู้หรอกเหรอ? ห้องทดลองเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น! ข้าเป็นศิษย์คนใหม่ของท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์น่ะดื่มน้ำยาแปลกๆ โดยไม่ได้ตั้งใจและเขาก็บ้าไปแล้ว เขานั้นโจมตีทุกคนที่เขาเห็น แม้แต่แซลลี่เองดันพลอยซวยไปด้วย หากเขาเห็นเจ้า เจ้าจะต้องถูกทำร้ายแน่ ข้าจึงต้องรีบออกจากสถานที่นี่ แต่ข้าจำอะไรไม่ได้เลย เจ้าช่วยพาข้าออกไปได้ไหม?”

พอรู้ว่าอัลดาซบ้าไปแล้ว อลิชก็ดูกลัวมาก นางพยักหน้าแล้วก็พูดว่า “น่ากลัวจังเลย! แต่เพราะท่านเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ มันก็คงจะเป็นเรื่องยากที่จะออกไปโดยไม่ได้รับการอนุญาตนะ”

“ยามนี้อาจารย์ยังไม่ตื่น แต่ธุระของข้าสำคัญมาก” เฉินรุยได้แต่อ้อนวอนนาง “อลิซ เจ้าพอจะช่วยข้าได้ไหม?”

อลิซยื่นริมฝีปากของนางออกมาพร้อมกับคิดเกี่ยวกับมัน และในท้ายที่สุดนางก็พยักหน้า “ก็ได้ แต่ท่านต้องสวมเสื้อคลุมแล้วเดินไปพร้อมกับก้มหัวลงนะ อย่าให้คนอื่นรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ใหม่ล่ะ”

"ขอบคุณมาก!" เฉินรุยเองก็กลัวว่าตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย ความคิดนี้ดูดีมาก เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุข

“ไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ พี่ชาย” อลิซยิ้มหวานๆ และเผยให้เห็นถึงลักยิ้มน่ารักๆ นางจับมือของเฉินรุยพร้อมกับพาเขาเดินออกไปข้างนอก เฉินรุยรู้สึกว่ามือของเด็กสาวตัวน้อยลื่นและนุ่มด้วย มันแทบทำให้เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก

ใครบอกว่าอาณาจักรมารจะมีแต่มารร้ายเท่านั้น เด็กสาวคนนี้ใจดีเมตตาอารีช่วยเหลือเขา นางเปรียบเสมือนนางฟ้าในหมู่นางฟ้าเสียด้วยซ้ำ!

ระหว่างทางทั้งสองข้าง เขาก็พบเห็นมารจำนวนมากที่มีรูปลักษณ์แปลกประหลาด พวกเขาส่วนใหญ่ดูสูง ดุร้าย ทั้งยังมีอาวุธในมือ พวกเขาคงจะเป็นยามของคฤหาสน์แห่งนี้

ส่วนเด็กสาวน้อยดูเหมือนจะเป็นแขกประจำที่นี่ ผู้คุมเหล่านี้ไม่เพียงแค่ไม่ได้ตั้งคำถาม แต่ยังแสดงความเคารพอีกด้วย เฉินรุยพอเห็นว่าไม่มีใครหยุดพวกเขา เขาก็เลิกที่จะกังวล เขาคิดถึงคำพูดของอลิซไว้ในใจพร้อมกับซ่อนใบหน้าของเขาไว้ในเสื้อคลุมและเดินไปคิดไปพลาง ซึ่งการกระทำของเขาก็ทำให้ยามพวกนั้นรู้สึกประหลาดใจมาก

“คฤหาสน์” นี้มีขนาดใหญ่พอสมควร หลังจากเดินมานานเด็กสาวตัวน้อยก็หยุดพร้อมกับพูดว่า “พวกเรามาถึงแล้ว!”

เฉินรุยดีใจมาก เมื่อเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาก็แข็งค้างกลายเป็นหินในทันที มันดันเป็นสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดสำหรับเขา ห้องทดลองที่บ้าคลั่งของอัลดาซ!

อลิซเปิดเผยรอยยิ้มและดวงตาโค้งของนางก็ดูเหมือนดวงจันทร์แสนสวยสองดวง“พี่ชายไม่อยากมาที่นี่หรือ? ตอนนี้เราอยู่ที่นี่กันแล้ว ท่านต้องขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของข้านะ!”

รอยยิ้มนั้นงดงามและบริสุทธิ์เหมือนเมื่อครู่นี้ แต่เฉินรุยดูเหมือนจะมองเห็นเขี้ยวที่ซ่อนอยู่ที่ปากของนาง เขาเห็นแม้กระทั่งหางที่แกว่งไปมาด้านหลังของนาง เมื่อเขาต้องการสลัดมือเล็กๆ ของอลิซที่อบอุ่นออกไป ก็เหมือนกับมีหวงเหล็กพันรอบตัวเขาอยู่จนทำให้เขาไม่สามารถขยับไปไหนได้

“มีใครอยู่ที่นี่บ้าง? ข้าอยู่นี่แล้ว!” อลิซดึงเฉินรุยเข้ามาใกล้อย่างแนบชิดและตะโกน

"ใครกัน? ถึงเข้ามาโดยไร้มารยาท…” แซลลี่พึมพำ ทว่าเมื่อเขาเห็นอลิซ เขาก็คุกเข่าลงทันที โดยไม่แน่ใจเลยว่าเขากำลังกลัวหรือตกใจอยู่

อัลดาซ ซึ่งใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยฝุ่นและสิ่งสกปรกก็ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมา เมื่อเขาเห็นเฉินรุย เขาก็จ้องมองเฉินรุยอย่างน่ากลัว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รีบไปหาเฉินรุยตามที่คิดไว้ แต่เขากลับโค้งให้กับอลิชแทน

“ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้เจอท่านมานานแล้ว” อลิซปล่อยมือของนางและก็พูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดร้าว “ศิษย์คนใหม่ของท่านหลงทาง ดังนั้นข้าจึงช่วยเขากลับมาบ้าน แต่พี่ชายคนนี้กลับไม่ซื่อสัตย์ เขาโกหกข้าว่าท่านอาจารย์ได้ดื่มยาที่ไม่ควรดื่มไป…ถ้าท่านเห็นข้า ท่านจะกระชากเสื้อผ้าของข้าออกไป จากนั้น…”

“แค่กๆ…” เฉินรุยไอออกมาแรงๆ และใบหน้าของเขาก็เจียนจะกลายเป็นสีเขียวแล้ว เขาต้องการที่จะขุดหลุมและซ่อนตัวมากๆ เลย เด็กสาวคนนี้ทั้งใจดำและหน้าด้านเกินไปแล้ว

ตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะพูดได้มากนัก เหมือนกับว่าเขาถูกหลอกตอนที่ใช้อินเตอร์เน็ตครั้งแรก เขาพูดไม่ออกเลยสักนิด เพราะตัวเขาไม่มีพลังที่จะต่อต้านอีกฝ่ายได้เลย

“เจ้าหญิงน้อย อย่าเชื่อในตัวมนุษย์ผู้มีไหวพริบผู้นี้” อัลดาซพูดออกมาด้วยใบหน้าที่แสนอึดอัดใจ จากนั้นเขาก็พยายามที่จะเลี่ยงไปยังเรื่องอื่น “ชายผู้นี้ตกสู่อาณาจักรมารเมื่อสามวันก่อน ข้าได้พยายามใช้เขาเพื่อทดสอบยาพิษใหม่ของข้า ในตอนแรกมันก็ปกติดี แต่ยาพิษในวันนี้กลับไม่มีประสิทธิภาพต่อตัวเขา เมื่อข้าต้มพิษสีขาว มันได้ระเบิดขึ้นและเขาจึงใช้โอกาสนี้หลบหนีไป โชคดีที่เจ้าหญิงน้อยพบตัวเขา”

เจ้าหญิงน้อย! ในที่สุดเฉินรุยก็รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเด็กสาวผู้นี้แล้ว คราวนี้เขาเดินเข้าไปติดกับดักด้วยตัวเองซะอย่างงั้น ถึงตัวเขาจะเป็นพวกจอมหลอกลวงมาก่อน เมื่อมาเทียบกับอลิชที่ดูแสร้งใสซื่อคนนี้แล้ว เขาเปรียบเสมือนผ้าขาวบริสุทธิ์เสียด้วยซ้ำ

“ยาของท่านไม่ส่งผลต่อเขางั้นเหรอ?” ดวงตาของอลิซเบิกขึ้นกว้างราวกับว่านางเห็นสิ่งที่น่าสนใจ “ข้าไปที่ป่าฝนสีดำกับอาเธน่าและก็ได้นำสิ่งที่น่าสนใจกลับมาด้วย นี่คือหญ้าทำลายลำไส้ ส่วนนี่คือดอกไม้หัวใจเน่าเปลื่อย...ทำไมเราไม่ให้มนุษย์คนนี้ลองกินดูล่ะ?”

สิ่งของในตะกร้าใบเล็กๆ ไม่ใช่ผลไม้และดอกไม้ แต่เป็นของ “แปลกประหลาด” บางอย่าง

นางคนนี้เป็นมารน้อยตัวจริงเลย ก่อนที่เฉินรุยจะได้ต่อต้านอะไร เขาก็ถูกแซลลี่มัดเชือกและพากลับไปที่ห้องทดลอง

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง

อัลดาซขมวดคิ้วของเขาแน่น แม้ว่าสมุนไพรและดอกไม้ที่อยู่ในป่าฝนสีดำจะแข็งแกร่ง แต่มันกลับยังไม่มีผลต่อเฉินรุย

ความคืบหน้าของระบบสุดยอดตอนนี้อยู่ที่ 19.6% แต่เฉินรุยกลับไม่ได้มีความสุขเลย

นักปรุงยาที่บ้าคลั่งผู้นี้น่ากลัวมากเกินไปแล้ว แถมพอเพิ่มสาวน้อยคนนี้อีกหนึ่ง มันไม่ใช่แค่น่ากลัวธรรมดาๆ

เนื่องจากความชอบของนางในการใช้ยาพิษที่อ่อนแอเพื่อเล่นแผลงๆ อลิซจึงมักสนใจด้านการปรุงยาเสมอ นางถึงขั้นถูกมองว่าเป็นกึ่งศิษย์ของอัลดาซเลยด้วยซ้ำ

นางกุมหน้าของตนและพูดขึ้นมาว่า “ท่านอาจารย์ ท่านมักจะปรุงยาพิษที่มีผลข้างเคียง ทำไมท่านไม่ลองใช้บางสิ่งที่ทำให้ส่งผลต่อสถานะร่างกายไปทางที่ดีดูบ้างล่ะ?”

อัลดาซรู้สึกว่าแนวคิดนั้นเป็นไปได้ เขาเปิดตู้เหล็กพร้อมกับเลือกขวดยาสีแดงแล้วพูดว่า “มาลองชิมยาเพิ่มความแข็งแกร่งนี้ก่อนแล้วกัน”

แซลลี่รับยามาอย่างนอบน้อมและนำไปกรอกปากของเฉินรุย เฉินรุยรู้สึกอบอุ่นทั่วร่างกายของเขา ราวกับว่าเขาถูกฉีดด้วยยากระตุ้น ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเชือกรอบๆ ตัวเขาก็เริ่มที่จะฉีกขาดออก

แซลลี่มีความตั้งใจที่จะสร้างความประทับใจต่อเจ้าหญิง ดังนั้นเขาจึงแยกเขี้ยวเพื่อที่จะห้ามปรามเฉินรุย แต่เฉินรุยนั้นมีพละกำลังมากเกินไปและไม่มีที่ระบาย เขาจึงเริ่มต่อสู้กัน ถึงแม้จะมียาเสริมแข็งแกร่งอยู่ แต่มันก็ยังยากที่จะเอาชนะแซลลี่ได้

ทว่าแซลลี่ไม่กล้าฆ่าเขาต่อหน้าเจ้าหญิงและเจ้านายของตน ส่วนเฉินรุยยังต่อสู้สุดแรงเกิดด้วยผลของยาอีก ดังนั้นแซลลี่จึงได้แต่ยอมและไม่สามารถสู้กลับได้

แซลลี่ได้แต่ร้องโอดครวญออกมาอย่างสิ้นหวัง แต่อัลดาซและอลิซก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะช่วยอะไร เฉินรุยไม่พอใจกับการถูกรังแกจากมารตัวนี้มานานแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นการดีที่จะจัดการเจ้าอิมป์ตนนี้ ทว่าเขาเองก็ไม่กล้าที่จะลงมือกับอัลดาซหรืออลิซ

เพราะทั้งสองเหมือนกับพวกผู้ก่อการร้าย ที่ไม่สามารถไปหาเรื่องด้วยได้เด็ดขาด

สิ่งที่แปลกก็คือระบบสุดยอดไม่ได้ดูดซับพลังงานของยาขวดนี้ มันมีเพียงความคืบหน้าเล็กน้อย ปัจจุบันความคืบหน้าอยู่ที่ 19.7%

เจ้ามารล้มลงกับพื้นพร้อมกับใบหน้าบวม มันอ้าปากค้างเพื่อรับอากาศ จากนั้นผลของยาเสริมแกร่งก็เริ่มหมดผลลงอย่างช้าๆ อัลดาซสังเกตว่าเฉินรุยดูสงบลงอย่างมาก

“ยาเสริมแกร่งกลับสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างมาก แต่ก็มีส่วนผสมบางอย่างที่มีผลข้างเคียง หลังจากที่รับผลของยาไปแล้ว เขาสมควรที่จะอ่อนแอลงสิ ทำไมไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา”

อลิซเองจึงถามออกมาด้วยความประหลาดใจ “เป็นไปได้ไหมที่ท่านจะสร้างยาระดับสมบูรณ์ อย่างน้ำยาเสริมแกร่งที่ไม่มีผลข้างเคียง?”

ใจของอัลดาซดูเหมือนจะกำลังอารมณ์ดีขึ้น แต่แล้วเขาก็ส่ายศีรษะและถอนหายใจออกมา “นั่นเป็นไปไม่ได้ สูตรยาได้หายไปนานมากแล้ว คงมีเพียงปรมาจารย์ในตำนานเท่านั้นที่มีความสามารถในการสรรสร้างของแบบนั้นขึ้นมา ขวดเดียวในอาณาจักรมารยังแทบไม่มีด้วยซ้ำ”

ด้านเฉินรุยพอได้ยินคำว่า “ผลข้างเคียง” และคิดว่าที่มันไม่เกิดอะไรขึ้นเลย มันเป็นผลของ <การดูดซึมอัตโนมัติแบบอัจฉริยะหรือเปล่านะ?

เจ้าระบบของเขาคงจะดูดซับสารที่เป็นประโยชน์และเป็นพิษด้วยหรือเปล่า? แม้ว่ามันจะเป็นเพียงสมมติฐาน แต่มันก็มีแนวโน้มที่จะเป็นเรื่องจริง

เพราะถ้าไม่ได้เป็นเช่นนั้นละก็ ตัวเขาคงจะตายจากสิ่งที่เขากินไปทั้งหมดแล้ว

หลังจากอัลดาซพยายามปรุงยาหลายชนิดด้วยกันอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเขาก็มาถึงข้อสรุปที่ดูบ้าบอแล้ว ยาพิษไม่มีผลกับมนุษย์คนนี้ แต่ยาพิษนั้นกลับเป็นประโยชน์ต่อตัวเขา

ก่อนที่จะมาพบใครบางคนแบบเฉินรุย ปรมาจารย์ยาพิษผู้นี้รู้จักกันดีว่าไม่ใช่คนที่ใจดีและช่วยเหลือใครแน่!

“ต้องมีบางอย่างที่สามารถจัดการเขาได้!” อัลดาซคำราม เขาไม่อยากเสียมารยาทต่อหน้าเจ้าหญิงและเริ่มมุ่งหน้าหาทางจบเรื่องนี้ “ในเวลาเพียงไม่กี่ร้อยปี มีมนุษย์ที่มีความน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้เลยงั้นหรือ? นี่มันเป็นเพียงมนุษย์ที่แสนจะอ่อนแอและธรรมดานะ! ถ้าเช่นนั้นอนาคตของเหล่ามารจะเป็นเช่นไร?”

อลิซในฐานะผู้สังเกตการณ์ พอจะเข้าใจทุกอย่างแล้ว นางได้แต่ส่ายศีรษะของนาง“ข้าไม่คิดว่ามนุษย์ทุกคนจะเป็นแบบนี้ แต่ผู้ชายคนนี้มีอะไรบางอย่างพิเศษออกไป ท่านอาจารย์ ท่านลองสร้างเครื่องดนตรีเวทย์มนต์เพื่อทดสอบมันดีหรือไม่?”

“ข้าทำเครื่องดนตรีพวกนั้นไม่ได้ การเล่นแร่แปรธาตุทั้งกว้างและลึก ตัวข้านั้นมีประสบการณ์ในด้านปรุงยาเท่านั้น”

อัลดาซค่อนข้างมีความรู้ในทางด้านวิชาการ ดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มคิดอะไรออกแล้ว ดวงตาของเขาพลันดูกระหายเลือดขึ้นมา “ข้าให้เลือดของเขากับแซลลี่เมื่อไม่นานมานี้ แต่แซลลี่กลับไม่มีภูมิคุ้มกัน ครั้งนี้ ข้าจะลองผ่าร่างของเขาเพื่อการวิจัยดู!”

เฉินรุยรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลังของเขา ในที่สุดสิ่งที่เขากังวลก็กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว

"ท่านอาจารย์ เดี๋ยวก่อน!“อลิซเหมือนกับกำลังจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจของเฉินรุยออกมา” อย่าฆ่าเขาเลย ผู้ชายคนนี้น่าสนใจมาก ให้ข้าเล่นกับเขาเสียก่อนเถอะ”

ในขณะนั้นเฉินรุยรู้สึกว่ารัศมีของทูตสวรรค์ได้ประทับลงบนศีรษะของอลิซอีกครั้ง หลังจากยอมรับชะตากรรมของเขาในฐานะของเล่นแล้ว เขาก็รีบพูดว่า “อย่าฆ่าข้าเลย! ท่านปรมาจารย์ ข้าจะลองน้ำยาทุกอย่างที่ท่านทำจนตัวข้าแตกสลายไปเลย”

เขารีบเสนอความคิดของเขาออกมาทันที หากมันสำเร็จ ไม่เพียงแต่เขาจะรักษาชีวิตตัวเองได้ แต่ยังสามารถเพิ่มระบบสุดยอดเป็น 100% อีก

นอกจากนี้ มันอาจมีพลังพิเศษในร่างกายเขาตื่นขึ้นมา เขาอาจจะกลายเป็นซูเปอร์แมนที่สามารถต่อยกับมารตัวน้อยและเหยียบย่ำดาร์คเอลฟ์ตนนี้ได้

มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าเขาพูดคำพวกนี้ออกไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้

ทว่ามันก็คงไม่ทันเสียแล้ว คำพูดเหน็บแหนมที่เขาเคยพูดยังดังก้องไปในหัวของอัลดาซและใบหน้าอันแสนมืดมนของเขายิ่งดำมืดลงไปอีก

ติดตามผู้แปลได้ที่ แฟนเพจ:แปลNiyay

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด