ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2: ระบบสุดยอด

ทะลุมิติไปโลกมารพร้อมระบบสุดยอดบทที่ 1


ทะลุมิติไปโลกมารพร้อมระบบสุดยอดบทที่ 1

เฉินรุย โอตาคุเพศชายอายุ 24 ปี ว่างงานตั้งแต่สำเร็จการศึกษา ทำงานในร้านที่แทบจะไม่ได้พบปะผู้ใดและใช้ชีวิตในห้องขนาดรถยนต์กับเพื่อนสามคน

วันนี้เขาได้หยิบโทรศัพท์มือถือที่ตกอยู่บนถนนขึ้นมา แม้ว่ามันจะดูเป็นของโบราณ แต่มันก็ยังมีกล้องอยู่ เฉินรุยกดปุ่มเปิดทันที เขาเห็นหน้าจอสว่างขึ้นและมีกล่องสี่เหลี่ยมโผล่ออกมาตรงกลางพร้อมกับคำจำนวนหนึ่งแถว: “ท่านต้องการเปิดใช้เครื่องหรือไม่?”

เขากดปุ่มยืนยันและข้อความก็ปรากฏขึ้นมาต่อ: “ท่านแน่ใจหรือไม่?”

ไอ้งี่เง่าแบบไหนกันที่ตั้งค่าการเปิดเครื่องน่าเบื่อแบบนี้?

เฉินรุยไม่ลังเลที่จะกดปุ่มยืนยันอีกครั้ง จากนั้นข้อความก็ปรากฏขึ้นตรงกลางหน้าจอ

“ขอแสดงความยินดีด้วยสำหรับการชนะรางวัล! ยินดีต้อนรับสู่ระบบสุดยอด”

ตัวอักษรมีขนาดใหญ่มาก จากนั้นโทรศัพท์ก็ได้ระเบิด

เฉินรุยยังไม่ได้พูดสบถออกมา ก็ได้สลบไปเสียก่อน

เขาไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหนแล้ว ดวงตาของเขาได้เปิดขึ้นมาและรู้สึกปวดหัวมากๆ เขาจำได้ว่าโทรศัพท์ได้ระเบิดและมันคงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขามีอาการแบบนี้ ตอนนี้มีความทรงจำหลายอย่างในไหลเข้ามาสู่หัวของเขา

ทันใดนั้น เขาก็ตระหนักได้ว่าตนได้ยินเสียงคนๆ หนึ่งกำลังพูดอยู่

"ตื่นเถิด"

พอมองไปที่คนๆ นั้นแล้ว อีกฝ่ายดูมีใบหน้าที่แสนหล่อเหลา มีผิวคล้ำผมสีเงินเข้ม หูแหลมและตาสีฟ้า ใบหน้าที่ดูสับสน

ในขณะที่เผชิญหน้ากับคนผู้นี้ เฉินรุยดูสงบมาก เพราะเขาเคยเห็นพวกที่ชอบคอสเพลย์เป็นตัวการ์ตูนที่ชอบกันอยู่มากมาย หลังจากตั้งสติได้ เขาก็พูดขึ้นมาในทันที: "นายเป็นคนที่ช่วยฉันไว้ใช่ไหม? ขอบคุณมากเลยนะ!”

ยากมากเลยที่จะหาคนจิตใจดีแบบนี้ได้ในรอบปี

“ช่วยเจ้างั้นหรือ?” พอได้เห็นเฉินรุยกล่าวขอบคุณแล้ว ผู้แต่งตัวคอสเพลย์แสนประหลาดก็ได้พึมพำว่า “เป็นปัญหาที่ปริมาณยาหรือยาผิดประเภทหรือเปล่า?”

พอได้ฟังอีกฝ่ายพูดแล้ว เฉินรุยก็รู้สึกผิดปกติกับภาษาที่อีกฝ่ายพูดออกมา เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ทว่า เขาไม่รู้ทำไมเขาถึงสามารถเข้าใจคำพูดที่อีกฝ่ายพูดมาได้ทันที

“ว่าแต่พวก ทำไมร่างกายของนายถึงมีรูปร่างเหมือนจริงมากขนาดนี้ แถมผิวหนังก็ยังมีสีเข้มมากด้วย...” เฉินรุยส่ายศีรษะของเขาอย่างสับสนและพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่ตัวเขากลับรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว เขาได้แต่มองไปรอบๆ ยังสภาพแวดล้อมที่แปลกประหลาดนี้ “จริงสิ ว่าแต่เราอยู่ที่ไหนกันเหรอ?”

“กล้าที่จะเหยียดสีผิวของดาร์คเอลฟ์ยังงั้นเรอะ! ไอ้เจ้ามนุษย์น่าสมเพช!” คนที่คอสเพลย์เป็นดาร์คเอลฟ์ได้ตอบโต้กลับมาด้วยความโกรธเกรี้ยวพร้อมกับมือของเขาที่เกิดเสียง ชี่ ขึ้น

...ใช่แล้ว เสียงชี่

เฉินรุยเห็นแสงประกายไฟฟ้าและมันกระทบเข้ากับเขาทันที ร่างของเขาลอยขึ้นไป ตกลงมาและไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้เลย ร่างของเขากระตุกไปมา กลิ่นอากาศที่รับรู้ได้นั้นเต็มไปด้วยกลิ่นเผาไหม้

“แซลลี่! เจ้าเข้ามาเดี๋ยวนี้!”

แม้จะลงโทษเฉินรุยไปแล้ว แต่ผู้คอสเพลย์เป็นดาร์คเอลฟ์ก็ยังคงรู้สึกโกรธอยู่ดี

จู่ๆ ก็ได้มีเงาร่างเล็กพุ่งผ่านมา คนผู้นี้มีผิวหนังที่เป็นสีแดง เขาเตี้ยมากและยังดูน่าเกลียดอีก ปากของเขาใหญ่และยังมีฟันแหลมคม

“ท่านอาจารย์อัลดาซผู้แสนน่าเคารพนับถือ ข้ารับใช้แซลลี่ผู้นี้พร้อมน้อมรอคำสั่งของท่าน ท่านผู้เป็นหนึ่งในปรมาจารย์ร้านโอสถที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเหล่ามาร...”

เสียงนี้เต็มไปด้วยคำเยินยอมากมาย แต่อารมณ์ของอัลดาซนั้นไม่ดีนัก เขาไม่คิดที่จะฟังคำเยินยอที่น่าเบื่อพวกนี้ เขาจึงตะโกนออกมาว่า “เจ้ากล้าทำพลาดงั้นหรือ! เจ้าช่างเป็นมารที่ขี้เกียจเหลือเกิน เจ้าได้ให้ยาพิษผิดขวดกับเขาหรือเปล่า?”

แซลลี่ตกใจมากและรีบพูดขึ้นว่า “ไม่อย่างแน่นอน ก็เหมือนกับที่ท่านอาจารย์ได้บอก ข้าได้ใช้ยาแท้จริงขวดที่ 3 แก่เขาไป”

“ยาแท้จริงอะไรกัน แล้วทำไมมันถึงมีผลลัพธ์เช่นนี้?” น้ำเสียงอันโกรธเกรี้ยวทำให้เหงื่อของแซลลี่หยดลงมาอย่างต่อเนื่อง “ตอนนี้เจ้าเอาเลือดหนึ่งขวดออกมาให้ข้าก่อน จากนั้นให้ยาพิษขวดที่ 6 น้ำตาตกไหลรินแก่เขาไป!”

แซลลี่ไม่กล้าประวิงเวลา เขาทำตามคำสั่งทันที โดยการเข้าไปที่โต๊ะเพื่อหยิบขวดยามา

ถ้าไม่มีสายฟ้าเมื่อครู่นี้ เฉินรุยคงคิดว่านี่เป็นอนิเมชั่นหรือกำลังถ่ายทำภาพยนตร์ สายตาของเขายังคงจับจ้องอีกฝ่าย  หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่จะต้องสู้ แต่ร่างกายของเขาก็ยังเป็นอัมพาตอยู่ ร่างกายของเขาไม่สามารถตอบสนองต่อคำสั่งของสมองได้เลยสักนิดเดียว

แซลลี่ไปที่ด้านหน้าของเฉินรุย เขาไม่ได้ใช้ใบมีดอะไรเลย เพียงแค่เหยียดปลายนิ้วที่แหลมไปทางแขนของเขา ทันใดนั้น เลือดก็ได้โผล่ออกมา ดวงตาเล็กๆ ของแซลลี่เปล่งประกาย ริมฝีปากของเขาเผยอขึ้นขณะที่บีบมันเพื่อเก็บเลือดเข้าไปใส่ในขวดใสๆ

ความจุขวดนั้นไม่เล็กเลย เมื่อเลือดค่อยๆ เติมเต็มลงไปในขวด ร่างกายของเฉินรุยก็รู้สึกเย็นวิงเวียนศีรษะและสมองก็เหมือนกับกำลังรู้สึกมึนงง

ผ่านไปสักพัก แซลลี่ก็ได้เก็บเลือดเข้าไปในขวดทั้งหมดและนำเลือดที่ติดอยู่ในเล็บดูดเข้าไปในปากราวกับกำลังกลืนกินสิ่งล้ำค่า เส้นขนทุกเส้นของเฉินรุยนั้นลุกตั้งขึ้นแทบจะทันที

อย่างไรก็ตาม การกระทำนี้กลับทำให้อัลดาซรู้สึกไม่พอใจ แซลลี่เองก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรขัดคำสั่งเขา จากนั้นมันจึงได้รินยาหมายเลข 6 ไปยังปากของเฉินรุย

ยานี้มีรสหวาน แต่มันกลับตรงกันข้ามกับผลของมัน หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ร่างกายของเฉินรุยก็เริ่มเจ็บปวดไปทั่วร่างราวกับร่างของเขาผลิแตก นับตั้งแต่เขาเกิดมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับความเจ็บปวดจนอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา

เมื่อเห็นอาการทรมานของเฉินรุย อัลดาซก็หายโกรธและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ดูเหมือนว่ายานี้จะมีประสิทธิภาพมาก บางทีร่างกายของมนุษย์ผู้นี้มีความต้านทานต่อยาสินะ หรือว่ายามันมีปัญหากัน?”

อัลดาซรู้ดีถึงสรรพคุณของน้ำตาไหลรินดี อีกทั้งเขายังเบื่อจะฟังเสียงโหยหวนของเฉินรุยแล้ว เขาจึงได้สั่งออกมาว่า “แซลลี่! พามันไปที่คุกพร้อมกับรักษาด้วย แล้วอย่าปล่อยให้มันหิวไปทั้งคืน! หากวันหนึ่งมันตายจากการทดลอง ข้าไม่เกี่ยงหรอกนะที่จะให้มันเป็นอาหารของเจ้า”

แซลลี่รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งและได้โพล่งคำเยินยอออกมามากมาย จากนั้นอัลดาซก็ได้กล่าวเสียงแข็งออกมา “แต่ว่าหากข้าพบว่าแกพยายามขโมยอาหารมันเพื่อจะให้มันตายไวๆ แกจะกลายเป็นตัวทดลองตัวต่อไปแน่!”

แม้ว่าแซลลี่จะทำงานในห้องทดลองไม่นานนัก แต่เขาก็รู้ดีถึงความสะพรึงกลัวที่ตัวทดลองต้องได้รับ เขาจึงได้แต่สั่นกลัวพร้อมกับพยักหน้าอย่างไม่หยุด ก่อนที่จะพาเฉินรุยไปยังในคุก

แซลลี่ไม่ใช่ว่าจะไม่แข็งแรง เขาสามารถลากเฉินรุยไปได้นานมากพอสมควร หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง เขาก็ได้โยนเฉินรุยไปยังห้องมืดที่ชื้น

“รีบๆ ตายสักทีเถอะ ไอ้บัดซบเอ้ย! แซลลี่ผู้นี้ยังไม่เคยลิ้มรสชาติของมนุษย์เลยนะ!” แซลลี่ต่อหน้าอัลดาซนั้นอาจจะดูอ่อนน้อมถ่อมตนและให้เกียรติ แต่ลับหลังเขาก็ยิ่งผยองมาก เขาเตะเฉินรุยไปหลายฟุต ก่อนที่จะเลียนิ้วที่เปื้อนเลือดอย่างลังเล ดวงตาเล็กๆ ของเขากระพริบถี่ๆ ด้วยความโล�

แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ไม่กล้าที่จะขัดขืนคำสั่งของอัลดาซและปิดห้องพร้อมกับก้าวเดินจากไป

เฉินรุยพยายามดิ้นรนอย่างมาก เขาพยายามหยุดบาดแผล แต่มันกลับเจ็บปวดขึ้นกว่าเดิมสิบเท่า จนเขาได้แต่กรีดร้องออกมาอีกครั้ง ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงลึกลับจากสมองดังขึ้น

“ค้นพบสารพิษที่ไม่รู้จัก จะเริ่มดูดซับและเริ่มระบบสุดยอดเลยหรือไม่?”

เฉินรุยนั้นเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แค่การพูดก็แทบจะทำให้เขาเจ็บปวดอย่างเหลือทน หัวใจของเขาจู่ๆ ก็เย็นอย่างไม่มีเหตุผล ความเย็นแพร่กระจายไปทั่วร่างของเขาอย่างรวดเร็วและเริ่มที่จะหายปวด

“ขาดแหล่งพลังงาน ความคืบหน้าของการเริ่มต้นระบบอยู่ที่ 0.5 ต้องการพลังงานมากขึ้นเพื่อให้เสร็จสมบูรณ์”

เป็นอีกครั้งที่สมองได้ส่งเสียงบางอย่างมา

จากนั้นเสียง  'คลิ๊ก' ก็ดังขึ้นต่อ

เดี๋ยวก่อน ระบบคืออะไร

เมื่อเฉินรุยตอบกลับไป ก็ไม่ได้มีเสียงอะไรปรากฏขึ้นอีก ภาพลวงตางั้นเหรอ?

เฉินรุยคิดถึงเรื่องนี้สักแปปหนึ่ง จู่ๆ ก็ได้มีข้อมูลจำนวนมหาศาลจนทำให้เขาตกตะลึงในทันที เมื่อครู่นี้เหมือนกับเขาไม่มีความทรงจำอะไรเลยอยู่ในหัว หลังจากที่เสียงระบบที่ว่าดังขึ้นมา มันก็เหมือนกับความทรงจำได้ถูกกลั่นเข้าใส่สมองของเขาโดยอัตโนมัติ

มันทำให้เขารู้ตัวว่าเขาไม่ใช่เฉินรุยคนเดิมแล้ว แต่เขาคือเด็กชายที่มีชื่อว่าอาเธอร์และนี่ไม่ใช่โลกของเขาด้วย

การย้ายวิญญาณ! ในฐานะที่เป็นสุดยอดโอตาคุผู้ช่ำชองการอ่านนวนิยาย เฉินรุยรู้ได้โดยพลัน

พ่อแม่ของเฉินรุยเสียชีวิตในช่วงต้นปีที่ผ่านมา คุณย่าที่รักเพียงคนเดียวก็เสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว ปัญหาก็คือ เขาได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการเกิดใหม่มามาก แต่ไม่เคยคิดถึงเหตุการณ์ที่จะต้องเจอแบบนี้เลยสักนิด!

เฉินรุยได้ต่อเศษเสี้ยวชิ้นส่วนความทรงจำที่ไม่สมบูรณ์ของอาเธอร์ พร้อมกับได้เรียนรู้ว่าพื้นที่นี้เป็นโลกเวทมนตร์

ดูเหมือนว่า 'อาเธอร์' จะเป็นลูกหลานขุนนางอายุ 20 ปีที่มีชีวิตที่เรียบง่ายมาก สองวันก่อน เขาออกมาเล่นข้างนอก จากนั้นก็ได้ถูกส่งไปที่ๆ มีมารอยู่ทุกหนทุกแห่ง และก็ได้ถูกจับกุมตัวไปยังห้องทดลองของอัลดาซ แล้วก็ได้เริ่มกลายเป็นตัวทดลอง

อาเธอร์อาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ มีเผ่าพันธุ์เช่น มนุษย์ เอลฟ์คนแคระและเผ่าพันธุ์อื่นๆ และตอนนี้สถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นโลกของมารร้ายที่เป็นศัตรูต่อโลกมนุษย์!

โมซู หรือมารร้ายเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลัง แต่ก็ได้พ่ายแพ้ต่อกองกำลังพันธมิตรมนุษย์ที่เป็นพันธมิตรในสงครามโบราณ จากนั้นก็ได้ถูกขับไล่ไปยังโลกเบื้องล่าง ประตูที่เป็นทางไปได้ถูกปิดลงด้วยอาคม

ทว่าแม้จะเป็นแบบนี้ โมซูกลับไม่เคยยอมแพ้ต่อความพยายามที่จะกลับสู่พื้นดินเลย ทุกๆ 500 ปี พลังอาคมจะอ่อนแอลง นั่นจะทำให้เกิดสงครามสองด้านเกิดขึ้น แต่มีสิ่งที่เป็นเช่นเดิมครั้ง นั่นก็คือพวกเขาไม่เคยชนะเลยสักครั้ง

เมื่อเร็วๆ นี้เมื่อ 300 ปีก่อนในการต่อสู้ มีผู้บัญชาการนามว่าลูซิเฟอร์ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น ลูซิเฟอร์ราตรีสีขาว เขาแข็งแกร่งมากจนทำให้มนุษย์ตกตายมากมาย แต่ประวัติศาสตร์ก็เหมือนเดิม ชัยชนะครั้งล่าสุดก็ยังคงเป็นของกองกำลังพันธมิตรของ 'แสงสว่างและความถูกต้อง'

ลูซิเฟอร์ราตรีสีขาวได้ถูกสังหารโดยมนุษย์ที่แข็งแกร่งและกองทัพโมซูก็แตกพ่ายพร้อมถูกบังคับให้ต้องกลับคืนไปสู่ดินแดนนรก

ความทรงจำของอาเธอร์ในความเข้าใจเกี่ยวกับพวกมารมีแค่นี้ ในความเป็นจริง โลกมนุษย์นั่นแทบทุกคนสามารถฟันน้ำขาดสะบั้นเป็นสองฟากได้และยังใช้กำปั้นทุบภูเขาได้เลย

ส่วนอาเธอร์เป็นเพียงขยะ เขาไม่มีกระทั่งเวทมนตร์อยู่ สำหรับเขาสิ่งที่ทำได้ก็คงไม่มีอะไรเลย ถ้าวิญญาณของอาเธอร์ยังคงอยู่ เฉินรุยคงจะคว้าคอเด็กคนนี้พร้อมกับตะโกนว่า “แกกล้ามอบประสบการณ์สุดแสนเลวร้ายอย่างนี้ให้ฉันได้ยังไงกันวะ!?”

แสดงว่าเจ้าคนผู้นี้ได้ถูกทรมานในที่ทดลองของอัลดาซ ซึ่งตอนนี้เขาก็ได้เป็นอิสระอย่างสมบูรณ์ เพราะตายไปแล้ว จากนั้นวิญญาณของเฉินรุยก็เข้ามาสิงร่าง!

หากไม่มีพลังแม้แต่เล็กน้อย มนุษย์ที่แสนอ่อนแอในโลกของมารจะเป็นยังไงงั้นเหรอ? หนูทดลอง? อาหาร?

เฉินรุยกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ กับการที่เขากด 'ยืนยัน' ไป

เขารู้สึกเสียใจกับพฤติกรรมที่ไม่ยั้งคิดก่อนหน้านี้ของเขามาก ในใจของเขาได้แต่สบถด่าโทรศัพท์นับพันครั้ง

แต่ตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรจะแก้ไขได้แล้ว

ชีวิตในอดีตเขาเป็นโอตาคุเล่นเกมและอ่านพวกนวนิยาย แต่เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาอาศัยอยู่ในโลกเวทย์มนต์ที่แทบจะเอาตัวไม่รอดจริงๆ แล้วเขาจะรอดได้ยังไงกันเนี่ย?

เฉินรุยคิดเรื่องนี้เป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ ตัวของเขาทั้งรู้สึกเหนื่อยจึงเผลอผลอยหลับไป

ติดตามผู้แปลได้ที่ แฟนเพจ:แปลNiyay

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด