ตอนที่แล้วกฏแห่งมารตอนที่ 7
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปกฏแห่งมารตอนที่ 9

กฏแห่งมารตอนที่ 8


บทที่ 8 - ร่ายในทันที

"โอ้ จริงสิ" ดู๋เวยพยักหน้าแล้วก็หัวเราะ “หาห้องสักห้องและค่อยเอามันมา ข้าไมมีความตั้งใจอื่นหรอก ข้าเพียงแค่สนใจเกราะก็เท่านั้น”

“นี้ถ้าแกกล้าแตะต้องตัวฉัน ฉันจะ ...” หญิงสาวได้เปิดปากแล้วก็ด่าในทันที

ดู๋เวยเดินไปพร้อมกับมองด้วยความโหดเหี้ยมและก็ได้ใช้นิ้วของเขาแตะไปที่ใบหน้าของเธอ “ตอนนี้ข้าก็ได้สัมผัสเจ้าแล้ว แล้วเจ้าจะทำยังไงกับข้างั้นเหรอ?”

อัศวินได้มัดพวกนักผจญภัยไว้แล้ว พวกเขาก็ได้ใช้โซ่มดเจ้านักรบตัวใหญ่ไว้ด้วยเช่นกัน ผู้หญิงคนนั้นถูกทำให้หมดสติและก็โดนโยนเข้าไปในห้องของดู๋เวย ดูเหมือนว่านายน้อยของพวกเขาจะสนใจในตัวผู้หญิงคนนั้น ดังนั้นแล้วเหล่าอัศวินจึงได้...

นักเวทย์เองก็ได้อยู่ต่อหน้าดู๋เวยโดยมีแต่กางเกงใน แขนและขาของเขาก็ได้ถูกมัดไว้ด้วย ในตอนแรกนั้นเขาพยายามขู่เจ้าชนชั้นสูงตัวน้อยคนนี้ “เจ้าปฏิบัติต่อนักเวทย์เช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าไม่กลัวที่จะสร้างความบาดหมางกับสมาคมนักเวทย์หรือยังไงกัน?”

ดู๋เวยก็ได้ตอบคำถามนั้นด้วยการตบหน้าเขา นี้นทำให้นักเวทย์ผู้นี้หุบปากทันใด

“หากเจ้าตอบคำถามของข้าได้สักสองสามข้อ ข้าก็คิดว่าจะปล่อยเจ้าไปอยู่” ดู๋เวยนั่งลงบนเก้าอี้ด้านหน้าเขา “เจ้าร่ายบอลไฟโดยไร้ซึ่งมนต์คาถาได้ยังไง หรือว่าเจ้ามีเทคนิคในการร่ายในทันทีงั้นเหรอ?

นี่คือสิ่งที่ดู๋เวยสนใจมากที่สุด นักเวทย์จะต้องร่ายคาถาตอนที่จะใช้มนตรา นี่เป็นสามัญสำนึกในหนังสือทุกเล่มที่เขาอ่านมา อย่างไรก็ตาม มีนักเวทย์ที่มีความสามารถพิเศษบางอย่างที่เชี่ยวชาญในการร่ายทันที พวกเขาจะสวดมนต์คาถาของพวกเขาอย่างเงียบๆในใจ แต่พวกเขาจะต้องมีมานามหาศาลและจะต้องเข้าใจในตัวเวทย์มนต์ด้วย

อีกวิธีหนึ่งในการใช้มนตราโดยไม่ต้องร่ายนั้น คือการใช้คัมภีร์เอนชานท์ นักเวทย์จะสร้างคัมภีร์และเก็บมันไว้ใช้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม คัมภีร์เวทย์มนต์นั้นก็มีค่าเป็นอย่างมาก ยิ่งคัมภีร์ระดับสูงเท่าใด โอกาสในการสร้างมันสำเร็จก็ยิ่งต่ำเท่านั้น นั้นทำให้การจะเห็นคัมภีร์ระดับสูงเป็นอะไรที่หาได้ยากมาก

นักเวทย์ระดับสูงบางคนได้คิดค้นเทคนิคเพื่อลดการร่ายคาถาและลดเสียงลง เพื่อที่จะทำให้ร่ายคาถาได้ไวขึ้น อย่างไรก็ตาม เทคนิคนั้นก็เป็นความลับเสมอมา เพราะนั้นคือเทคนิคที่จะช่วยให้พวกเขาได้เปรียบในการต่อสู้ เทคนิคการร่ายทันทีนั้นต่างก็เป็นสิ่งที่นักเวทย์ต้องการ

ดู๋เวยไม่ได้โง่ เขาไม่เชื่อแน่ว่านักเวทย์ระดับเริ่มต้นจะสามารถใช้เทคนิคของนักเวทย์ระดับเชี่ยวชาญได้ เขาคาดการณ์ว่าคนๆนี้จะต้องใช้ทริคบางอย่างเพื่อทำให้ร่ายทับซ้อนกันได้ ไม่อย่างนั้นแล้ว ถ้าเขาเป็นนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมาจมปลักในที่แบบนี้ ดู๋เวยสนใจในความลับข้อนี้มาก

อาการภายนอกของนักเวทย์ผู้นี้ก็ดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก เขาจ้องมองไปที่ดู๋เวยและปิดปากของเขาแน่นมาก ดู๋เวยเองก็คิดว่าเขาคงจะไม่บอกความลับง่ายๆหรอก พวกเขาในตอนนี้นั้นอยู่ห้องครัวของโรงเตี๊ยม เขามีเวลาเหลือเฟือที่จะใช้กับนักเวทย์คนนี้

ดู๋เวยเริ่มตรวจสอบของๆนักเวทย์ เสื้อคลุมปกติและตราสัญลักษณ์ของสมาคมนักเวทย์ เขาโยนของสองอยา่งนี้เข้าไปในเตาและเผามันทิ้ง ซึ่งสัญลักษณ์นั้นมาพร้อมกับคุณสมบัติป้องกันการขโมยด้วย

"เจ้าเห็นหรือยัง ข้าไม่ต้องการที่จะทำลายเจ้าเลย ข้าเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่สนใจในเวทย์มนต์เท่านั้น หากเจ้าตอบคำถามของข้า ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป"

นักเวทย์ก็ได้แต่นิ่งเงียบ

จากนั้นดู๋เวยก็เริ่มตรวจสอบอะไรต่างๆอีกครั้ง มีอัญมณีคุณภาพต่ำอยู่ในกระเป๋าของนักเวทย์ด้วย คัมภีร์ธรรมดาสองชิ้น มีคัมภีร์ระดับต่ำอยู่กับพวกเขาอีก แม้ว่าเขาจะเคยเห็นหนังสือมากมายเกี่ยวกับเวทมนตร์ แต่เนื่องจากกฎหมายที่แสนเข้มงวด จึงไม่มีคาถาเวทย์มนต์ที่แท้จริงที่ถูกบันทึกในหนังสือเลย มีเพียงแต่ในทฤษฏีเท่านั้น

ดังนั้นดู๋เวยผู้รู้เรื่องเวทมนต์และทฤษฎีมากมายก็ไม่รู้จักสักคาถาเดียวเลย

มันก็คล้ายกับการควบคุมปืนในโลกใบนั้น เขาคิดกับตัวเองแบบนี้ ทุกคนสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับปืนผ่านอินเทอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ไม่มีใครเลยที่สามารถสร้างปืนได้ง่ายๆ

“แล้วนี้คืออะไรกัน?” เขาหยิบขวดออกมาสองสามขวด ข้างในนั้นเป็นผงสีต่างๆ เขาจะไม่เปิดขวดโดยไม่ทราบว่ามีอะไรอยู่ภายในแน่นอน นักเวทย์มักจะมีส่วนผสมที่เป็นอันตรายติดตัวเสมอ

“จากการคาดเดาของข้ามันคงจะถูกต้อง เจ้าไม่ใช่นักเวทย์ที่มีพรสวรรค์ แต่จากสิ่งที่ข้าเห็น เจ้าได้ใช้เทคนิคบางอย่าง ใช่มั้ย? เจ้ามีสองทางเลือก จะบอกฉันข้าอย่างและสนองความอยากรู้อยากเห็นของข้า หรือเจ้าอยากจะมีเวลาอันจักต้องจดจำไปตราบชั่วชีวิต”

"แกเป็นขุนนางนะ! แกไม่รู้หรือไงว่าชนชั้นสูงต้องปฏิบัติตัวต่อนักเวทย์เช่นไร?"

ดู๋เวยพลันนิ่งเงียบไป

ชนช้นสูงงั้นเหรอ? แล้วมันยังไงกันละ? เมื่อดู๋เวยได้มาถึงโลกใบนี้ เขาก็ได้สูญเสียเพื่อน ครอบครัว เป้าหมายและทุกสิ่งไป ไม่กี่ปีแรกที่เขารู้สึกตัว มันราวกับว่าเขาได้อาศัยอยู่ในชีวิตอันแสนสับสนวุ่นวายโดยที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิตอยู่เลย ตอนนี้ สิ่งเดียวในโลกนี้ที่ไม่คุ้นเคยซึ่งมันก็ได้ดึงดูดความสนใจของเขามาก มันก็คือเวทย์มนต์

และจะมีอะไรอื่นอีกกันละ? เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

นี้คือสาเหตุที่แท้จริงที่เขาเลือกโจมตีคนแปลกหน้าในโรงเตี๊ยม เพื่อเสียสละต่อความอยากรู้อยากเห็นของเขา การกระทำของเขามันถูกต้องหรือเปล่านะเหรอ? เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ดู๋เวยโรแลนไม่ใช่คนดีและก็ไม่ใช่เขาในโลกใบนี้ด้วย

แฟนเพจ:TranslateEverthingที่ใจต้องการจ๊ะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด