ตอนที่แล้วกฏแห่งมารตอนที่ 5
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปกฏแห่งมารตอนที่ 7

กฏแห่งมารตอนที่ 6


บทที่ 6- หัวใจที่กระสับกระส่าย

ในช่วงเย็นวันนี้ ก็ได้มีม้าที่ดูเหมือนจะมีแค่ในจินตนาการที่ลากรถม้าผ่านเขตคีตีไปอย่างช้าๆ รถม้าคันนี้ทำด้วยวัสดุคุณภาพดีที่สุด โดยมันมีสัญลักษณ์ที่แกะสลักบนตัวมันด้วย ในรูปแกะสลักนั้น มีดาบสองดาบที่ไขว้กันไว้อยู่พร้อมทั้งมีมงกุฏอยู่เหนือด้าม ดาบสองดาบหมายความว่าตระกูลนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นจอมพลที่รับใช้กษัตริย์และมงกุฎก็หมายความว่าพวกเขมีสายเลือดที่เกี่ยวข้องกับตระกูลราชวงศ์

รอบๆรถม้าก็มีอัศวินสิบคนที่สวมเกราะเปล่งประกายแสงแสบตาออกมา แม้ว่าชุดเกราะจะมีคุณภาพดี แต่อัศวินพวกนี้ก็ดูเหมือนจะไม่มีกระจิตกระใจในการอารักขานัก มัดที่นั่งอยู่ถัดจากที่นั่งของคนขับรถม้าก็กำลังคาบฟางไว้ในปากเขาอยู่ เขามองไปบนท้องฟ้าและจากนั้นก็ได้เคาะหน้าต่างรถม้า "ท่านดู๋เวย เราควรจะหาที่พักเลยไหมขอรับ? ตอนนี้ก็มืดมากแล้ว"

"ก็ได้" พอดู๋เวยพูดไปแบบนั้น อัศวินที่อยู่บนหลังม้าก็ได้ตรงมาที่ด้านหน้าของรถม้าและพูดขึ้นมาว่า "ผู้ดูแล มีเมืองอยู่ข้างหน้า ดูเหมือนว่านั้นจะเป็นที่เดียวที่เราสามารถพักได้ในคืนนี้"

"ตามคำสั่งของท่านดู๋เวย เราควรจะพักที่นั้นในคืนนี้" มัดพูด

มีอัศวินเพียงยี่สิบคนเท่านั้นที่ตามดู๋เวยมาจากเมืองจักรวรรดิ คงจะมีเพียงแค่นายพลที่เก่งกาจเท่านั้นที่จะสามารถสั่งให้อัศวินจำนวนยี่สิบคนไปคุ้มครองลูกชายใหญ่สุดของตนไปยังดินแดนของตระกูลได้ ซึ่งความจริงแล้วมันเป็นเช่นไรงั้นเหรอ? จริงๆแล้วพวกคุณผู้อ่านต้องรู้ว่าเหล่าขุนนางในเมืองจักรวรรดินี้หากจะเดินทางมาก็ต้องมาพร้อมบข้ารับใช้และคนคุ้มกันจำนวนมาก แม้จะเป็นแค่การปิกนิกก็ตาม

ซึ่งอัศวินทั้งยี่สิบคนนี้ก็ได้ถูกเลือกมาเป็นพิเศษ ทุกๆคนนั้นรู้ดีว่าดู๋เวยนั้นหมดสิทธิ์การเป็นทายาทแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครต้องการตามเขาไปใช้ชีวิตในพื้นที่ชนบทเลยสักคนเดียว อัศวินทั้งยี่สิบคนนี้ต่างก็มีทักษะการต่อสู้ที่ต่ำหรือไม่ก็ถูกผลักไสโดยพรรคพวกของตน หรือบางคนก็ยังหนุ่มและไม่รู้เรื่องราวอะไร

ตั้งแต่ที่ทุกคนออกมาจากเมืองหลวงจักรวรรดิ ทุกๆคนต่างก็รู้สึกแย่ ยกเว้นเพียงแต่ดู๋เวย เขาเป็นคนเดียวที่ยังคงปกติ เขาไม่เคยบ่นเลยสักครั้งเดียว เขานั่งอยู่ในรถม้าและอ่านหนังสือที่เขานำมาด้วย

เมืองจูมูเป็นเพียงเมืองเดียวที่อยู่ใกล้ที่สุด ในเมืองนี้มีเพียงไม่กี่ร้อยครอบครัว แต่มีโรงเตี๊ยมอยู่เพียงที่เดียว โรงเตี๊ยมจูมู และเนื่องจากเป็นโรงเตี๊ยมเพียงแห่งเดียว ธุรกิจของพวกเขาจึงไม่ได้แย่เลยสักนิด พวกเขามีแอลกอฮอล์ราคาถูก ของปิ้งย่างราคาถูก โสเภณีราคาถูก ... แม้แต่คนชั้นต่ำเองก็ต้องการความบันเทิงด้วยใช่ไหมละ?

เมื่อรถของดู๋เวยมาถึงที่โรงเตี๊ยม เขาก็ได้ปิดหนังสือและเดินออกมา คนทั้งกลุ่มต่างก็ถูกจับจ้องจากคนภายในโรงเตี๊ยมแทบจะในทันทีที่เดินเข้ามา

ดู๋เวยเข้ามาเป็นคนท้ายสุด พอเขาเข้ามาข้างในแล้ว อัศวินก็ได้ทำหน้าที่ของเขาและทำความสะอาดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ผู้คนมากมายต่างก็จับจ้องไปที่ดู๋เวย เครื่องแต่งกายและตราสัญลักษณ์ของเขาบ่งบอกว่าพวกเขาเป็นขุนนาง

“โอ้นั้นขุนนาง”

“ทำไมขุนนางถึงมาที่เมืองของเรากัน”

“เจ้าของร้าน ข้าคิดว่าเจ้าต้องเก็บเก้าอี้ที่เขานั่งด้วยนะ บางทีเจ้าอาจจะขายมันได้ราคาสูงมากก็ได้”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งแล้ว ทุกๆคนในโรงเตี๊ยมต่างก็พูดถึงคนกลุ่มนี้

ดู๋เวยดื่มแอลกอฮอล์อย่างช้าๆ แม้ว่าผู้คนจะจ้องมองเขาตลอดเวลา แต่เขาก็เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเท่านั้น

ในขณะนั้นเอง ก็ได้มีกลุ่มชายสามคนและผู้หญิงหนึ่งคนได้เข้ามาในโรงเตี๊ยม พวกเขามีใบหน้าที่เหนื่อยล้าและแต่งตัวในชุดราคาไม่แพงนัก เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนในท้องถิ่นแถวนี้ เป็นผู้มาเยือนแบบเดียวกับดู๋เวย

โรงเตี๊ยมเองก็ได้เงียบอีกครั้ง ชายทุกคนต่างจับจ้องไปที่หญิงสาวผู้นี้ เธอคนนี้อายุประมาณสิบแปดหรือสิบเก้า มีผมสีน้ำตาลและใบหน้าที่แสนสวยงาม เธอสวมชุดเกราะหนังที่เปล่งแสงสีฟ้าจางๆ ซึ่งก็ดูเหมือนจะมีลายสลักอะไรพิเศษๆอยู่บนมันด้วย กระโปรงสั้นของเธอเองก็โชว์ส่วนของขาเธอพอสมควร นอกจากนี้ยังมีกริชบนเข็มขัดของเธอ ดาบที่ห้อยลงมาจากเอว ในมือของเธอเองก็มีธนูและด้านหลังของเธอยังมีที่เก็บลูกธนูอีก ที่เก็บธนูของเธอเต็มไปด้วยลูกศรเงิน

ดู๋เวยตระหนักในทันทีว่าลูกศรพวกนั้นสร้างขึ้นมาจากเงินบริสุทธิ์ ช่างฟุ่มเฟือยอะไรขนาดนี้!

สหายของหญิงสาวผู้นี้คนหนึ่งมีขนาดตัวที่ใหญ่มาก เขาสวมชุดเกราะใหญ่และยังถือโล่ขนาดยักษ์ด้วย แค่ปรายตามองก็รู้เลยว่าชายผู้นี้แข็งแกร่งมากเพียงใด ส่วนอีกคนเป็นชายที่สูงผอม ซึ่งเขาก็แบกธนูยากไว้บนไหล่ เขามีนิ้วที่ยาวและสวมแหวนเหล็กอยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นนักธนู คนสุดท้ายคือคนที่ดู๋เวยสนใจมากที่สุด

เขาเป็นชายที่สวมเสื้อคลุมยาวสีเทาและมีใบหน้าธรรมดาๆ เป็นเรื่องธรรมดามากที่ใครก็ตามต่างไม่สนใจเขา แต่ที่ดู๋เวยจ้องไปที่เขา ก็เพราะสัญลักษณ์ใบไม้สีเงินที่ติดอยู่ในหน้าอกของเขา ผู้คนในพื้นที่ชนบทแบบนี้อาจจะไม่รู้จักมันกัน แต่ดู๋เวยและอัศวินของเขารู้จักตราสัญลักษณ์นั้นดี ใบไม้นั้นหมายความว่าเขาเป็นนักเวทย์ในระดับแรก แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงระดับแรกก็ตามที แต่เขาก็เป็นถึงนักเวทย์ที่ได้รับรองจากสมาคมนักเวทย์

แฟนเพจ:TranslateEverthingที่ใจต้องการจ๊ะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด