ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0641 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0643 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0642 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 642 : ความลับของชาติภพก่อน

บรรทมเซียนตะวันจันทราค่อนข้างใหญ่ มันพอสำหรับให้คนสักสามหรือสี่คนนอนได้อย่างไม่มีปัญหา

ปิงชิงและฉินหยุน ต่างนอนอยู่คนละฟากมุม

“เหตุใดเจ้าต้องกังวลใจ? ข้าไม่ได้คิดสังหารเจ้า!” ปิงชิงกล่าว “กลับเป็นเจ้าที่ต้องเพ่งสมาธิให้ดี อย่าได้มีความคิดต่ำทรามอันใด ไม่เช่นนั้น ข้าจะส่งเจ้าไปเกิดใหม่อีกสักครั้งหนึ่ง!”

ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงจิตสังหารเย็นเยือกจากปิงชิง เขาพลันกล่าว “ข้าย่อมไม่ใช่คนเช่นนั้น!”

ปิงชิงฝึกฝนพลังธาตุน้ำแข็ง พลังเยือกแข็งในกายนางมักปลดปล่อยออกมาตามห้วงอารมณ์

นางนอนที่เตียงเดียวกับฉินหยุน ทั้งยังระวังอยู่ตลอด ด้วยเหตุนี้ ออร่าเย็นเยือกของนางจึงทำฉินหยุนต้องหนาวสั่น

ยังดีที่บรรทมเซียนตะวันจันทรามีพลังงานอบอุ่น หากไม่เช่นนั้น ฉินหยุนคงถูกแช่แข็งจนตายตกไปนานแล้ว

เมื่อฉินหยุนรับรู้ถึงความหนาวเย็น ปิงชิงพลันเข้ามาคว้ามือของเขาไว้

ที่ทำฉินหยุนตื่นตระหนก คือมือขาวนุ่มนิ่มของปิงชิงที่เกาะกุมเอาไว้ มันทั้งอบอุ่นและเรียบเนียน ทำเอาเขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นพิเศษที่เกิดขึ้นในใจ ราวกับความอบอุ่นนั้นแผ่ขยายไปทั่วทั้งร่าง

“ผ่อนคลายร่างเจ้า ข้าจะใช้บรรทมเซียนตะวันจันทราร่วมกับเจ้า” ปิงชิงไม่เผยอาการใดขณะเกาะกุมมือฉินหยุนเอาไว้

หลังจากฉินหยุนผ่อนคลายร่างกาย เขากลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่อธิบายได้ยาก

ไม่นานนัก เขาค่อยลืมตาตื่นขึ้น พบว่าตนเองนอนอยู่บนเนินเขาที่เต็มเปี่ยมด้วยทุ่งหญ้าดอกไม้ เป็นเขามาถึงพื้นที่เชิงเขาที่งดงามแห่งหนึ่ง

ปิงชิงนั่งอยู่ข้างกาย นางหลับตากำลังฝึกฝน “จิตสำนึกของพวกเราจะอยู่ที่นี่หนึ่งปี เจ้าตัดสินใจหรือยังว่าตลอดหนึ่งปีนี้คิดทำอะไร?”

“ขอข้าคิดก่อน!” ฉินหยุนไตร่ตรอง

เขาถามต่อหลิงหยุนเอ๋อ “หยุนเอ๋อ จิตสำนึกของข้าทำอะไรในมิติจินตภาพนี้ได้บ้าง? มันมีอะไรดีน่าสนใจหรือไม่?”

“ฝึกฝนวิชายุทธ์! ดีที่สุดหากเจ้าได้เรียนรู้ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ที่ลึกล้ำมากขึ้น มันคือวิชายุทธ์ที่แข็งแกร่ง ทว่าคิดเชี่ยวชาญจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างมหาศาล!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

ฉินหยุนสามารถใช้งานได้เพียงสามฝ่ามือของฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ คิดก้าวสู่ก้าวถัดไปถือเป็นเรื่องยากเย็นยิ่ง

“เสี่ยวหยุน ด้วยพลังของเจ้าตอนนี้ อย่างน้อยก็สมควรต้องใช้ได้สักห้าฝ่ามือต่อเนื่องอย่างไม่มีปัญหา!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

ฉินหยุนทราบ ว่าคิดเชี่ยวชาญจำเป็นต้องลงแรงมหาศาล และยังต้องเป็นการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

ก่อนหน้านี้ เพียงเพราะเขาได้ประมือกับปิงชิงอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดความเชี่ยวชาญผ่านการต่อสู้

“ได้ อย่างนั้นเน้นที่ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ก็แล้วกัน!” ภายในใจฉินหยุน เขาคิดอยากเรียนรู้ดัชนีทะลวงฟ้ามากกว่า

กระนั้น ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์มีความเหมาะสมกับเขาเป็นอย่างยิ่ง เพราะพลังภายในที่เขาฝึกฝน คือพระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์ มันทำให้เขาสามารถฝึกฝนพลังเก้าสมบูรณ์ได้

ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ที่ปลดปล่อยผ่านพลังเต๋าแรกเริ่มเก้าสมบูรณ์ พละกำลังของมันเหนือล้ำอย่างยิ่ง

ฉินหยุนเคลื่อนตัวเว้นระยะออกมา จากนั้นจึงเริ่มสับฟันฝ่ามือ เขาคิดใช้เวลาที่มีทุ่มเทกับการฝึกฝนฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์

ปิงชิงลืมตาขึ้นรับชม

นางเคยสู้กับฉินหยุนหลายครั้งครา ย่อมทราบว่าเคล็ดวิชาฝ่ามือนี้แกร่งกล้าเพียงใด

“เคล็ดวิชาฝ่ามือนั้นคืออะไร?” ปิงชิงเอ่ยถาม

“ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์!” ฉินหยุนตอบ

“ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์? ชื่อช่างคุ้นหูนัก!”

ปิงชิงพลันขมวดคิ้วจมดิ่งลึกในความคิด นางมีความทรงจำมากมาย ดังนั้นคิดขุดคุ้ยอะไรขึ้นมา บางครั้งก็จำเป็นต้องค่อยพิจารณานึกย้อน

ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ของฉินหยุน เป็นส่วนหนึ่งของพระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์ มันเป็นสิ่งที่ได้รับจากลูกศรเทวะกำราบตะวัน

“พี่สาวปิงชิง เคล็ดวิชาฝ่ามือนี้ เป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาของพระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์!” ฉินหยุนกล่าวเสริม

“พระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์? หากข้าจำไม่ผิด นามเดิมของเคล็ดวิชานี้สมควรเป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์เก้าสมบูรณ์ มันเป็นของสำนักที่โบราณอย่างยิ่ง เป็นวิชายุทธ์ศักดิ์สิทธิ์!

“จริงหรือนี่?” ฉินหยุนแทบไม่คิดเชื่อ เคล็ดวิชาฝึกฝนระดับศักดิ์สิทธิ์ กล่าวได้ว่าเหนือล้ำยิ่งกว่าเคล็ดวิชายุทธ์ระดับเซียน

“เสี่ยวหยุน นี่สมควรเป็นความจริง!” หลิงหยุนเอ๋อพลันกล่าวขึ้น

“หยุนเอ๋อ ไม่ใช่เจ้าทราบทุกเรื่องราวหรือ? เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่บอกข้าเล่า?” ฉินหยุนเอ่ยถามหลิงหยุนเอ๋อ

หลิงหยุนเอ๋อแค่นเสียงกล่าว “ข้ามีความทรงจำผสมปนเปกันมากมายนัก หากไม่มีสิ่งที่ชี้ทางให้เห็น ผู้ใดกันจะขุดค้นขึ้นมาได้หมด?”

ปิงชิงก้าวเดินเข้ามาข้างกายฉินหยุนพร้อมกล่าว “เจ้าเชี่ยวชาญเคล็ดวิชานี้ไปเล็กน้อยแล้ว กล่าวได้ว่าเข้าใจถึงระดับต้น ทว่า เจ้าต้องระวังให้ดี อย่าได้ให้การฝึกฝนเกิดแตกซ่าน!”

“ทราบแล้ว!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ข้ามีเพียงบทแรกของเคล็ดวิชานี้เท่านั้นเอง”

“เท่าที่ข้าทราบ พระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์ของเจ้าสมควรมีเล่มที่หนึ่ง สอง และสาม เล่มแรกอยู่ในแดนยุทธ์อ้างว้าง เล่มที่สองอยู่ในแดนเซียนอ้างว้าง และเล่มที่สามอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์อ้างว้าง!”

ปิงชิงกล่าวต่อ “แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว บางทีทั้งสามเล่มนั้นคงแพร่กระจายสู่ทุกแดนอ้างว้างอันยิ่งใหญ่!”

ฉินหยุนนึกถึงเว่ยจงเจิ้งขึ้นมา จ้าวสำนักประตูเก้าสมบูรณ์ เขากำลังทำภารกิจอันขื่นขมอย่างการตามหาเล่มอื่นของพระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์

“ฉินหยุน ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ของเจ้าพิเศษยิ่ง หากเจ้าฝึกฝนต่อเนื่องได้สักสามครั้ง พลังของการโจมตีครั้งที่สามจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในพริบตาและแกร่งกล้า” ปิงชิงกล่าว นางเคยประสบพบเจอกับตนเองมาก่อนแล้วที่เขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์

“เป็นเช่นนั้น!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์มีทั้งสิ้นสามสิบหกฝ่ามือ ข้าทำได้เพียงสามเท่านั้น!”

“เจ้าเลือกฝึกฝนฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ถือว่าตัดสินใจได้ถูกต้อง แต่เจ้าฝึกคนเดียวออกจะทำให้เวลาต้องยืดขยายออกไป” ปิงชิงกล่าว พร้อมผลักฝ่ามือเข้าหาฉินหยุน

จิตใต้สำนึกของฉินหยุนหลบเลี่ยง เขาพลันยินดี หากปิงชิงช่วยฝึกฝน ความก้าวหน้าของเขาย่อมต้องมากมายมหาศาลแน่แล้ว

ปิงชิงคือเซียนผู้ซึ่งสามารถชี้แนะการฝึกฝนแก่ฉินหยุนได้ นางคือผู้มากประสบการณ์

อย่างไม่ทันรู้ตัว ฉินหยุนและปิงชิงต่างใช้เวลาร่วมกันในมิติจินตภาพถึงหนึ่งปี!

ฉินหยุนคิดขึ้นมา ว่าอยู่ร่วมกับปิงชิงในมิติกาลอวกาศตะวันจันทรานี้ มันช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ของพวกเขา

และเขายังได้ตระหนัก ว่าปิงชิงคือสตรีที่จิตใจดีงาม เดิมนางย่อมต้องใสซื่อบริสุทธิ์อย่างผุดผ่อง เหมือนดังเช่นเหลียวจิงเหมิงและชี่เม่ยเหลียน

“พวกเราอยู่ในนี้มาหนึ่งปีแล้ว ทว่าภายนอกคล้ายเพิ่งผ่านไปครึ่งวันเท่านั้นเอง!” ปิงชิงขมวดคิ้วกล่าว “หรือชายและหญิงใช้งานบรรทมเซียนตะวันจันทราร่วมกัน จะทำให้เพิ่มเวลาในมิติกาลอวกาศตะวันจันทรา?”

“อย่างนั้นพวกเราควรอยู่ต่ออีกหนึ่งปีหรือไม่?”

จิตสำนึกของฉินหยุนคงอยู่ในมิติจินตภาพแห่งนี้มาหนึ่งปีแล้ว เขาพบว่าเรื่องราวยากจะเชื่อ เพราะเขารู้สึกราวกับตนเองอยู่ในโลกจริงทุกวี่วันที่ผ่านไป

จิตสำนึกของเขาได้รับประสบการณ์หนึ่งปี กระนั้นร่างกายกลับเพียงผ่านไปครึ่งวัน นี่ถือเป็นประสบการณ์แสนวิเศษยากหาพบพานที่อื่น

“พี่สาวปิงชิง ท่านทราบเรื่องจิงเหมิงเพียงใดกัน?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ข้าได้พบจิงเหมิงครั้งมายังนครเซียนยุทธภัณฑ์ ในตอนนั้น นางกำลังเล่นโคลนที่ในเมือง ข้าทราบทันทีว่านางครอบครองร่างเซียน ดังนั้นจึงพานางมาที่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์แห่งนี้!”

“อย่างนั้นแล้ว จิงเหมิงก็เพิ่งเข้าร่วมพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์เมื่อไม่นานมานี้เองสิ!” ฉินหยุนเผยอาการตื่นตะลึง

“ถูกต้องแล้ว นางเป็นเด็กสาวที่เชื่อฟัง นอกจากนี้ยังครอบครองร่างเซียนธรรมชาติ ดังนั้นนางจึงสามารถฝึกฝนสู่ขอบเขตเซียนได้อย่างไร้ซึ่งอุปสรรคใดกีดขวาง” ปิงชิงพยักหน้ารับ

“พี่สาวปิงชิง จิงเหมิงยังมีจารึกวิญญาณโทเทมในครอบครอง มันซ่อนเร้นอยู่ภายในกายของนาง ข้าใช้วิชาขัดเกลาวิญญาณช่วยนางให้ตื่นรู้มันขึ้นมา!” ฉินหยุนกล่าว

“จริงหรือนี่?” ปิงชิงเผยอาการตื่นตะลึง นางทราบดีว่าอักขระโทเทมมีความสำคัญเพียงใด

“เป็นเช่นนั้น!” ฉินหยุนกล่าว

“ได้ ไว้ข้าไปสนทนากับนาง เพื่อจัดเส้นทางการฝึกฝนให้แก่นางเสียใหม่!” ดวงตางดงามของปิงชิงเผยประกาย

ฉินหยุนคิดอยู่ครู่ ก่อนจะตัดสินใจถามปิงชิงเรื่องหนึ่ง เขากล่าว “พี่สาวปิงชิง ท่านรู้จักนายหญิงน้อยที่พระราชวังกวงหานหรือไม่?”

สีหน้าปิงชิงแปรเปลี่ยน นางเผยเสียงเย็น “ฉินหยุน เจ้าตื่นรู้ความทรงจำหรือ?”

ฉินหยุนตระหนก นี่ย่อมเป็นปิงชิงรู้จักหยางฉีเย่ว์

“ไม่ใช่!” ฉินหยุนกล่าว

“เป็นเช่นนั้น? หรือมันค่อย ๆ ตื่นรู้ขึ้นมา?” ปิงชิงกล่าวออก หากฉินหยุนได้รับความทรงจำจากชาติภพก่อน นางพร้อมจะแปรเปลี่ยนท่าทีและลงมือสังหารเขา

“ไม่ใช่เลยสักนิด!” ฉินหยุนเร่งรีบโบกมือเป็นพัลวัน

“อย่างนั้นเจ้าทราบเรื่องนายหญิงน้อยแห่งพระราชวังกวงหานได้อย่างไร?” ปิงชิงแค่นเสียงเย็น “ตอบข้ามาตามตรง!”

“พี่สาวปิงชิง ท่านบอกข้าก่อน ท่านรู้จักนางหรือไม่?” ฉินหยุนถาม

“ข้าย่อมรู้จักมิตรสหายร่วมโศกนาฏกรรม นางถูกเจ้าหลอกลวงอย่างสาหัสนัก กระทั่งเลวร้ายยิ่งกว่าข้า!” ปิงชิงกล่าวคำจบ นางจึงกล่าวต่อ “นางถูกเจ้าหลอกก่อนที่เจ้าจะกลับชาติมาเกิดใหม่!”

สาเหตุว่าทำไมฉินหยุนต้องการถามปิงชิงถึงเรื่องนี้ เพราะเขาต้องการทราบ ว่าตนเองในชาติภพก่อนก่อเรื่องอะไรเอาไว้กับหยางฉีเย่ว์

เพราะครั้งที่ความทรงจำของหยางฉีเย่ว์ตื่นรู้ขึ้นมา เป็นนางเผยถึงความเกลียดชังและเจตนาสังหารต่อเขาอย่างแรงกล้า

“เจ้ารู้จักตัวตนของนางได้อย่างไร? ความทรงจำของเจ้ากำลังตื่นขึ้น? ข้าขอแนะนำให้เจ้าสะกดมันไว้!” ปิงชิงเผยเสียงเย็น

“เพราะ... เป็นเพราะข้าเคยไปที่พระราชวังกวงหานมาก่อน เรื่องราวถือว่ายาวยิ่งนัก!”

ฉินหยุนได้อธิบายถึงเรื่องที่ว่าเหตุใดเขาจึงไปยังพระราชวังกวงหาน มันเป็นเพราะตั๋วเข้าสวนโบราณ

ปิงชิงรับฟังฉินหยุนอย่างเงียบงัน เมื่อนางทราบว่าฉินหยุนได้นำวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬกลับมาจากพระราชวังกวงหาน นางจึงคาดเดาได้หลายเรื่องราว

“นายหญิงน้อยผู้นั้นคือพี่สาวหยางฉีเย่ว์ นางดูแลข้าอย่างดียิ่ง และข้ายังซาบซึ้งต่อบุญคุณที่นางได้มอบให้แก่ข้า ให้ข้าอธิบายโดยย่อก็แล้วกัน”

ฉินหยุนบอกเล่าเรื่องราวของตนเองตั้งแต่ยังเด็ก จากนั้นเขาจึงได้พบกับหยางฉีเย่ว์ รวมถึงเรื่องที่เขาได้ช่วยเหลือหยางฉีเย่ว์เอาไว้

ปิงชิงค่อยได้เข้าใจชีวิตของเขาในชาติภพนี้ ดังนั้นนางจึงไม่ตั้งตัวต่อต้านอะไรเขามากมายดังเช่นก่อน

“ข้าไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดี ว่าในชาติภพก่อนและชาติภพนี้ของเจ้าและนาง เป็นผู้ใดติดค้างต่อผู้ใดกันแน่!” หลังปิงชิงได้รับฟังจนจบ นางจึงถอนหายใจยาวออกมาด้วยอารมณ์อันซับซ้อน

“พี่สาวชิงปิง ข้าไปหลอกลวงต่อนางอันใดไว้กัน?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “ข้าเคยถาม ทว่านางไม่คิดอยากกล่าวถึงเรื่องนี้”

“ในเมื่อนางไม่คิดบอกต่อเจ้า ข้าก็ไม่คิดบอกต่อเจ้า ให้ความทรงจำนั้นสูญหายไปกับชาติภพก่อนถือว่าดีแล้ว!”

ชั่วขณะนี้ ความเกลียดชังของปิงชิงที่มีต่อฉินหยุน มันคล้ายเบาบางลง

เพราะหยางฉีเย่ว์ที่เกลียดชังฉินหยุนยิ่งกว่านาง กลับยังยอมปล่อยวางเรื่องราว นอกจากนี้ ทั้งสองยังมีสัมพันธ์อันดีต่อกันอย่างลึกล้ำ

“พวกท่านเป็นสหายกันหรือ?” ฉินหยุนถามเสียงเบา

“ใช่ พวกเราเป็นสหายที่ดีต่อกัน!” ปิงชิงกล่าว “พวกเราเป็นสหายที่ร่วมผ่านชีวิตและความตายมาด้วยกัน! เจ้าทั้งหลอกลวงต่อข้าและนาง!”

“และธิดาแห่งโม่จีเล่า? ข้าได้ยินจากผู้อาวุโสอู่ ว่าธิดาแห่งโม่จีได้ถูกผนึกเอาไว้ในสุสานเซียน!” ฉินหยุนเอ่ยถามอีกครั้ง

“นางก็เป็นสหายของข้า เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน เจ้าอย่าได้รู้แล้ว!” ปิงชิงกล่าว

“อย่างนั้นในชาติภพก่อนหน้า ข้าได้หลอกลวงนางผู้นั้นด้วยหรือไม่?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม

“เป็นเจ้าไม่มีโอกาส!” ปิงชิงแค่นเสียง “นางไม่ใช่คนโง่งม! นอกจากนี้... ยังเป็นนางที่กล่าวเตือนต่อพวกเราให้ระวังเจ้า!”

ฉินหยุนลอบประหลาดใจ เซี่ยฉีโหรวย่อมทราบถึงชาติภพก่อนของเขา กระนั้นนางกลับดีต่อเขามากมายนัก เขาไม่ทราบว่ามันเป็นเพราะอะไร

เขาไม่คิดอยากให้ความทรงจำตื่นรู้ขึ้น ทว่าอีกใจหนึ่ง ก็คิดว่ามันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรในชาติภพก่อนหน้าอย่างแน่นอน

“อย่าได้คิดให้มากความไป ชีวิตนี้เป็นของเจ้า เป็นเจ้าได้เริ่มชีวิตใหม่แล้ว!”

ปิงชิงจ้องมองในดวงตาเขา เป็นการขัดขวางไม่ให้เขาได้คิดต่อ

“ฝึกฝนฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ต่อไป! เจ้าต้องแข็งแกร่งขึ้น เพราะที่แดนเซียนอ้างว้าง ตราบเท่าที่มีผู้คน เหล่านั้นทั้งหมดเป็นศัตรูเจ้า!”

ฉินหยุนพอได้ฟัง คำกล่าว “คนลวงโลก” พลันผุดขึ้นในใจ เขาปรารถนาคิดอยากขุดตนเองในชาติภพก่อนขึ้นมา จากนั้นค่อยต่อยตีให้สาแก่ใจที่ทิ้งปัญหาไว้ให้แก่เขาถึงเพียงนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด