เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0641
ตอนที่ 641 : บรรทมเซียน
หุบเขาเซียนโอสถ ขุนเขาเซียนอัคคีคราม และตระกูลหลงต่างมีความแค้นเพียงแต่กับฉินหยุน หาได้มีความเกลียดชังกับทั้งนครเซียนยุทธภัณฑ์ไม่
กระนั้น ฉินหยุนตลอดเวลาเอาแต่หลบภายในพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ทำให้พวกเขาไม่มีตัวเลือก
เพื่อจับตัวฉินหยุน พวกเขาได้แต่ต้องกดดันนครเซียนยุทธภัณฑ์ นี่เป็นความผิดพลาดแต่แรกของพวกเขา
ข้อพิพาทระหว่างศิษย์ของหลายสำนักย่อมมีเพิ่มขึ้นไม่รู้จบสิ้น ทว่ามันแทบไม่เคยนำพาไปสู่ศึกสงครามระหว่างสำนัก
กระทั่งว่าผู้อาวุโสของสองสำนักมีข้อพิพาทต่อกัน ก็ยังถือเป็นเรื่องส่วนตัว
วิธีการที่หุบเขาเซียนโอสถ คิดบีบบังคับให้นครเซียนยุทธภัณฑ์ขับไล่ฉินหยุน นั่นถือเป็นการกระทำที่เกินเลยไปอย่างยิ่ง
“พวกเจ้าภายหน้าสามารถมาที่นี่คิดสร้างปัญหาได้ แต่อย่าได้คิดว่าจะมีผู้ใดได้กลับไป!”
คำกล่าวอันเกรี้ยวกราดของปิงชิง ทำเอาบรรดาครึ่งเซียนทั้งหลายต้องสั่นเทิ้มตั้งแต่หัวจรดเท้า
หากปิงชิงไม่เข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ ฉินหยุนก็คิดไปตำหนักเซียนดาบ
กระนั้นด้วยปิงชิงปรากฏตัว เขาย่อมต้องอยู่ที่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ต่อไป
เขาเพิ่งได้ปรับความเข้าใจกับปิงชิง ทำให้นางยินยอมให้เขาใช้ต้นกำเนิดเซียน รวมถึงบรรทมเซียนตะวันจันทรา
หากเขาต้องไปเข้าร่วมตำหนักเซียนดาบ กระทั่งว่าได้รับการดูแลอย่างดียิ่ง ก็ไม่มีทางเท่าเทียมกับการอยู่กับปิงชิง
เมื่อครู่นี้ เขาจงใจกล่าวคำที่คิดว่าน่าจะสำเร็จผล นั่นก็คือเอ่ยถึงผู้ใช้ดาบที่งดงามเพื่อยั่วยุปิงชิง
นางอ่อนไหวต่อเรื่องนี้ ดังนั้นโทสะจึงพุ่งทะยาน
ครึ่งเซียนจากหุบเขาเซียนโอสถและขุนเขาเซียนอัคคีครามต่างหวาดเกรงความตาย พวกเขาคิดอยากหลบหนีไปดังเช่นเจี้ยนสือเทียน ทว่า พวกเขาคือผู้ที่เข้ามาเหยียบย่างหาเรื่องก่อน พวกเขาจึงไม่อาจหลบหนีไปไหนได้
“หุบเขาเซียนโอสถ ขุนเขาเซียนอัคคีคราม รวมถึงตระกูลหลง พวกเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างเจ้าและฉินหยุน”
“หากพวกเจ้ามีความสามารถจัดการเขาที่ภายนอก เช่นนั้นจงไปลงมือกระทำ แต่หากเป็นในพื้นที่นครเซียนยุทธภัณฑ์ พวกเจ้าอย่าได้คิดลงมืออย่างไม่รู้จักฟ้าดิน” เปาเฉิงโฉ่วแค่นเสียงเย็นเยือกกล่าวคำ
“พวกเจ้า ไสหัวไปได้แล้ว!” ครึ่งเซียนร่างเตี้ยศีรษะล้านตะโกนดัง
บรรดาศิษย์ของนครเซียนยุทธภัณฑ์ฉับพลันมีแรงกายแรงใจกันขึ้นมา
ด้วยหุบเขาเซียนโอสถอยู่ที่นี่ พวกเขากลับต้องเป็นฝ่ายจำยอม กล่าวได้ว่าเมื่อครู่พวกเขาถูกหยามเหยียดกันอย่างร้ายแรง
“เดี๋ยว หลงหย่งเหลียงยังอยู่ในมือข้า!” ฉินหยุนกล่าว “เจ้าจงตัดสินใจ หลงหย่งเหลียงหรืออุปกรณ์เต๋าโบราณสี่ชิ้นของข้า อะไรสำคัญกว่ากัน?”
“ย้อนกลับไปตอนนั้น เจ้าคือผู้จับตัวหัวหน้าเก๋อข่มขู่ให้ข้าส่งมอบอุปกรณ์เต๋า ตอนนี้ ข้าจึงใช้วิธีเดียวกัน!”
“อุปกรณ์เต๋านั่นไม่ได้อยู่ในมือพวกเรา!” ครึ่งเซียนกล่าวคำ
“ส่งอุปกรณ์เต๋าโบราณสี่ชิ้นกลับคืนมาภายในสามวัน!” น้ำเสียงฉินหยุนกราดเกรี้ยว “ไม่เช่นนั้น หลงหย่งเหลียงถูกเสียบหัวประจาน!”
“เสียใจด้วยแล้ว อุปกรณ์เต๋าของเจ้าถูกข้าแยกส่วนเพื่อนำไปศึกษาแล้ว” หลงซือกุ่ยแค่นเสียง “อุปกรณ์เต๋าสี่ชิ้นเหล่านั้นไม่มีอยู่อีกต่อไป เจ้าต้องการให้นำเศษซากพวกมันส่งกลับคืนหรือไม่?”
ฉินหยุนพอได้ยิน โทสะของเขายิ่งมากล้น หลงหย่งเหลียงถูกปล่อยตัวออกมา
“ท่านพ่อ...” หลงหย่งเหลียงที่ถูกนำออกมา เขาร้องตะโกนเสียงดัง
“บอกลาบิดาบัดซบของเจ้า!” กล่าวคำจบ ฉินหยุนจึงกดฝ่ามือลงที่ร่างอีกฝ่าย อัคคีเพลิงรุนแรงสาดซัดใส่ร่างของหลงหย่งเหลียง
ตู้ม!
ร่างของหลงหย่งเหลียง ระเบิดในพริบตากลับกลายเป็นเถ้าธุลี
ผู้คนต่างสูดลมหายใจเย็นเยือกยามได้เห็นเถ้าธุลีที่พัดพา!
ฉินหยุนถึงขั้นสังหารศิษย์ร่างลึกล้ำเช่นหลงหย่งเหลียงได้ด้วยฝ่ามือเดียว ทั้งยังเป็นต่อหน้าหุบเขาเซียนโอสถและตระกูลหลง
แน่นอนว่า พลังที่ฉินหยุนแปรเปลี่ยนอาจารย์ยุทธ์ร่างลึกล้ำให้กลายเป็นเถ้าธุลีได้ โดยใช้เพียงฝ่ามือเดียวด้วยแล้ว มันชวนให้ผู้คนต่างหวาดกลัวอยู่ภายใน
“หย่งเหลียง!” หลงซือกุ่ยคำรามเสียงดัง
“ตัวสารเลวเช่นบุตรชายเจ้า หาได้คู่ควรกับอุปกรณ์เต๋าโบราณสี่ชิ้นของข้าไม่!”
“หุบเขาเซียนโอสถและตระกูลหลงจงฟังข้าให้ดี ข้า ฉินหยุนผู้นี้จะไปสังหารศิษย์ร่างลึกล้ำของพวกเจ้าอีกสามคนเพื่อสะสางหนี้แค้นครั้งนี้!”
น้ำเสียงกราดเกรี้ยวของฉินหยุนดังสะท้อนจนทุกผู้คนต่างได้ยิน
หลงซือกุ่ยพลันนำเอาดาบยาวออกมา หายตัวในพริบตาปรากฏต่อหน้าฉินหยุน ดาบนั้นพุ่งคิดจ้วงแทงด้วงความเร็วแสง
หลงซือกุ่ยคือราชันยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ด้วยเขาโจมตีในระยะประชิดเช่นนี้ กระทั่งเปาเฉิงโฉ่วยังไม่อาจเข้าหยุดยั้งได้ทัน
ตึง!
ดาบของหลงซือกุ่ย ได้แทงโดยมีหัวใจฉินหยุนเป็นเป้า ทว่าหม้อขนาดเล็กใบหนึ่งพลันปรากฏขึ้น!
สิ่งนี้คือหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร!
การโจมตีอย่างดุดันของหลงซือกุ่ยพลาดท่า
“รับความตาย!” ปิงชิงตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว ร่างของหลงซือกุ่ยกลับกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งในพริบตา
รูปสลักน้ำแข็งหลงซือกุ่ยถูกทำลายกลายเป็นเศษซากน้ำแข็ง โดยฉินหยุนลงมือเพียงหนึ่งฝ่ามือ!
เสียงน้ำแข็งแตกกองกับพื้นดัง มันกระจายทั่ว ก่อนจะละลายเลือนหาย
เรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำเอาหลายผู้คนต่างหวาดกลัวจนถึงขั้นแทบร้องออก
หลงซือกุ่ยคือตัวตนที่แข็งแกร่ง กระนั้นปิงชิงกลับแปรเปลี่ยนอีกฝ่ายเป็นก้อนน้ำแข็งพร้อมอาวุธ ก่อนจะถูกฉินหยุนใช้ฝ่ามือหนึ่งทำลายร่าง
ชั่วขณะนี้ ความหวาดกลัวต่อผู้อาวุโสสูงสุดของนครเซียนยุทธภัณฑ์ยิ่งมากล้น
“พวกเจ้า... อย่าได้กระทำเกินเลยนักเพียงเพราะพวกเราอยู่ในนครเซียนยุทธภัณฑ์ของเจ้า!” ครึ่งเซียนหุบเขาเซียนโอสถคำรามเกรี้ยวกราด
“หากยังไม่ไสหัวไป พวกเจ้าทั้งหมดก็จงทิ้งชีวิตไว้ที่นี่!”
คำกล่าวของปิงชิงดังขึ้น ครึ่งเซียนจากขุนเขาเซียนอัคคีครามและตระกูลหลงต่างหนีหายประหนึ่งกระต่ายพบเจอราชสีห์
พบเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ครึ่งเซียนหุบเขาเซียนโอสถจึงเร่งรีบหนีหายตามไป
“หากเจ้ากล้าคิดล้างแค้นต่อนครเซียนยุทธภัณฑ์ของเรา เช่นนั้นจงนับเวลารอที่สำนักเจ้าจะถูกกำจัดจนสิ้นซาก!” คำกล่าวของปิงชิงดังจนทั่วทั้งนครเซียนยุทธภัณฑ์ได้ยินถ้วนหน้า
กระทั่งเป็นนอกเมือง ผู้คนยังสามารถได้ยินเสียงอันเย็นเยือกของนาง
เปาเฉิงโฉ่วกล่าวคำ “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ข้าต้องขออภัยที่รบกวนท่าน!”
“หากเกิดเรื่องเช่นนี้อีก จงมาแจ้งต่อข้า!” ปิงชิงกล่าวคำจบ ออร่าน้ำแข็งเย็นเยือกของนางจึงเลือนหาย
ปิงชิงถอนพลังกลับไปแล้ว
ฉินหยุนถอนหายใจโล่งอก ภายในใจของเขา ความว้าวุ่นทั้งหลายค่อยกระจายเลือนหายไปได้
ทว่าก็ยังมีเรื่องชวนนึกเสียดาย เพราะอุปกรณ์เต๋าโบราณสี่ชิ้นนั่นไม่มีอีกต่อไปแล้ว!
ด้วยเหตุนี้ หนี้แค้นระหว่างเขาและตระกูลหลง รวมถึงหุบเขาเซียนโอสถจึงยังไม่สิ้นสุด
ทางด้านหุบเขาเซียนโอสถและตระกูลหลง พวกเขาย่อมไม่ปล่อยตัวเขาเอาไว้เช่นนี้แน่ ทว่าพวกเขาย่อมไม่คิดกล้าเล็งเป้ามาที่นครเซียนยุทธภัณฑ์ ได้แต่ต้องหาทางจับตัวฉินหยุนที่ออกสู่ภายนอกเท่านั้น
แม่เฒ่าหม่าส่ายศีรษะ “หุบเขาเซียนโอสถและพวกของมัน ก็ทราบแต่วิธีทำเรื่องไร้ประโยชน์”
“กระทั่งว่าฉินหยุนออกจากนครเซียนยุทธภัณฑ์ เขาก็ยังสามารถได้เข้าร่วมตำหนักเซียนดาบ เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาจะไปกดดันตำหนักเซียนดาบให้ขับไล่อีกหรือไร?”
“แต่อย่างน้อย ผู้คนของตำหนักเซียนดาบก็คงไม่ลงเสียงเพื่อขับไล่ข้ากระมัง?!” ฉินหยุนมองที่บรรดาครึ่งเซียนพร้อมกล่าวประชดเสียงเบา ก่อนจะเดินกลับเข้าสู่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
สาเหตุที่เขายังสามารถอยู่ที่นี่ได้ ก็เพราะปิงชิง ดังนั้นเขาจึงคิดไปกล่าวขอบคุณต่อปิงชิง
ฉินหยุนมุ่งหน้าไปยังตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ มันคือตำหนักสีขาวซึ่งเป็นพื้นที่ต้องห้ามของพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
ปิงชิงนั่งอยู่ข้างสระเซียน สวมใส่ชุดขาว นางกำลังดูดกลืนพลังงานเซียนจากสระเซียน
“พี่สาวปิงชิง ข้านึกว่าท่านจะคิดอยากขับไล่ข้าเสียอีก!” ฉินหยุนหัวเราะรับ “ขอบคุณท่านแล้ว!”
“เด็กน้อยสารเลวเช่นเจ้ารู้จักแต่สร้างปัญหา!” ปิงชิงกล่าว “เมื่อใดเจ้าออกไปภายนอก จงระวัง อย่าได้ตาย!”
“ขอขอบคุณพี่สาวปิงชิงที่ห่วงหา!” ฉินหยุนมาถึงข้างกายนาง พร้อมยิ้มกล่าวขณะรับชมใบหน้างดงามเย็นเยือก
“ข้าหาได้ห่วงหาเจ้า! มันเป็นเพียงเพราะเจ้าต้องสกัดเม็ดยาเซียนเก้าวิวัฒน์ให้แก่ข้า ดังนั้นข้าจึงให้โอกาสเจ้าได้อยู่ต่อ”
“เจ้ามันคนน่ารังเกียจ คิดหรือว่าจะมีผู้ใดชื่นชอบ!” ปิงชิงเบิกตาโพลง สายตาเย็นเยือกจับจ้อง
“เหอะ ในเมื่อข้าเป็นคนน่ารังเกียจ เช่นนั้นข้าไปตำหนักเซียนดาบเสียดีกว่า ที่นั่นข้าจะได้พบสตรีผู้ใช้ดาบ และผู้สร้างดาบที่งดงามและอ่อนช้อย” ฉินหยุนเผยความไม่ยินดี “ลาท่านแล้ว!”
“หยุด! หากข้าไม่อนุญาต เจ้าไม่อาจเข้าร่วมตำหนักเซียนดาบได้!” ปิงชิงเผยเสียงเย็น
“ข้าไม่ได้ไปเข้าร่วมตำหนักเซียนดาบ ข้าเพียงไปพบปะสตรีดาบผู้งดงาม ร่วมสนทนาพลางจิบชากับนาง!” ฉินหยุนบุ้ยปากกล่าวตอบ
ปิงชิงเผยความร้อนใจกล่าวออก “ข้ายอมรับก็ได้ว่าเจ้าไม่ใช่คนน่ารังเกียจ เท่านี้พอใจหรือยัง?”
ฉินหยุนภายในตื่นเต้นยินดี ขณะที่ปากเผยเสียงไม่ยินดี “ท่านก็แค่พูดไปเรื่อย ท่านอย่างไรก็เกลียดชังข้า! ไม่ใช่เพราะชาติภพก่อนของข้าหรือไร?”
“ทั้งหมดก็เพราะท่านเอาแต่เกลียดชังตัวข้าจากชาติภพก่อน!”
ปิงชิงถอนหายใจเบา นางกล่าวคำน้ำเสียงสงบ “หากข้าเกลียดชังเจ้าจริง เช่นนั้นตัวเจ้าคงตายไปนับหมื่นครั้งแล้ว!”
“ท่านก็เพียงแต่พูดคำหวานเพื่อล่อลวงให้ข้าอยู่ช่วยสกัดเม็ดยาเซียนเก้าวิวัฒน์!” ฉินหยุนยังฮึดฮัด
กระทั่งปิงชิงยังพูดจาลวงหลอกเป็น นางกล่าวว่าไม่อาจออกจากพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ทว่าเมื่อครู่นางกล่าวว่าจะออกไปสังหารผู้อื่น
อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก คำกล่าวของนางก็เพื่อข่มขู่หุบเขาเซียนโอสถและขุนเขาเซียนอัคคีคราม ทำให้พวกเขาไม่กล้าลงมืออย่างบุ่มบ่ามอีก
กระทั่งเจี้ยนสือเทียนยังหวาดกลัวจนเผ่นหนี
“ฉินหยุน ข้าพยายามรอมชอมแล้ว! เจ้าควรเข้าใจข้าด้วย ย้อนกลับไปช่วงเวลานั้น ตัวเจ้าในชาติภพก่อนทำร้ายข้าอย่างสาหัสนัก!”
ปิงชิงถอนหายใจยาว “หากข้าไม่คิดรอมชอมกับเจ้า ข้าคงเขี่ยเจ้าพ้นจากพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ไปนานแล้ว!”
“ก็ได้ ครั้งนี้ข้าจะเชื่อท่าน!” ฉินหยุนพอได้เห็นท่าทีของนางโอนอ่อนไม่เย็นชาเหมือนดังเคย เขาค่อยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
หลิงหยุนเอ๋อเผยรอยยิ้มกล่าวคำในมิติมายาของฉินหยุน “เสี่ยวหยุน ไม่ว่าสตรีผู้นี้เกลียดชังเจ้าเพียงใด ทว่านางก็ยังรักเจ้าไม่ใช่น้อย!”
“เจ้าก็เห็นไม่ใช่หรือ? เมื่อเจ้ากล่าวว่าคิดไปพบสตรีดาบผู้งดงาม นางกระทั่งเผยความหึงหวงออกมา!”
“พี่สาวปิงชิง ท่านและข้าบางทีอาจมาอยู่ที่ตรงนี้ด้วยโชคชะตาแห่งชีวิต คราแรกเป็นข้าปลดผนึกท่านที่สุสานเซียน จากนั้นข้าจึงได้มาพบท่านที่นี่ และช่วยสกัดเม็ดยาเซียนเก้าวิวัฒน์ให้แก่ท่าน”
“ข้าขอกล่าว มันอาจจะเป็นเรื่องดูลึกลับ แต่ช่วงชีวิตนี้ของข้า อาจต้องการตอบแทนหนี้ที่ติดค้างท่านไว้จากชาติภพก่อนหน้า!” ฉินหยุนยิ้มเอ่ยคำ
“หากเจ้าตื่นรู้ความทรงจำจากชาติภพก่อนหน้า เจ้าก็ยังเป็นตัวบัดซบผู้นั้น และข้าจะสังหารเจ้าแน่!”
ปิงชิงเผยสีหน้าจริงจัง “หากความทรงจำเจ้าคิดตื่นรู้ขึ้นมา ทางที่ดีเจ้าควรหาทางสะกดมันเอาไว้ หรือลบเลือนมันไปเสีย ความทรงจำพวกนั้นหาได้ช่วยอันใดเจ้าได้ไม่!”
ฉินหยุนพิจารณาเรื่องนี้เช่นกัน เพราะตัวเขาไม่ใช่หยางฉีเย่ว์
ความทรงจำจากชาติภพก่อนของหยางฉีเย่ว์ มันมีประโยชน์ต่อนางอย่างมหาศาล แต่ในอีกทางหนึ่ง ความทรงจำในชาติภพก่อนของเขาอาจเลวร้าย
“ไปได้แล้ว ข้าจะพาเจ้าไปใช้บรรทมเซียนตะวันจันทรา เพื่อให้เจ้าได้เข้าสู่มิติกาลอวกาศตะวันจันทรา!”
ปิงชิงนำฉินหยุนลงสู่สระเซียน จากนั้น จึงเข้าไปยังต้นกำเนิดเซียนสีขาวที่เบื้องล่าง
บรรทมเซียนตะวันจันทราค่อนข้างกว้างขวาง ทั้งยังเรืองรองด้วยสีเงินและทอง
“พี่สาวปิงชิง ข้าได้ยินว่ามีแต่จ้าวสำนักจึงสามารถใช้บรรทมเซียนนี้ได้!” ฉินหยุนขยับเข้าไปสัมผัสมันพร้อมกล่าวคำ
“ตอนนี้เป็นของข้าแล้ว!” ปิงชิงกล่าว “ครั้งข้าเข้ามายังนครเซียนยุทธภัณฑ์ ข้าได้มอบเคล็ดวิชาฝึกฝนแก่พวกเขา เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงนับถือต่อข้าอย่างยิ่ง! และได้มอบสถานที่แห่งนี้ให้แก่ข้า!”
“ข้าต้องทำอะไรบ้างเพื่อใช้บรรทมนี้?” ฉินหยุนนั่งลง เขารู้สึกว่ามันทั้งอุ่นและนุ่ม ค่อนข้างให้ความสบายอย่างถึงที่สุด ทว่ามันไม่มีการตอบสนองใด
“นอนลงและผ่อนคลายร่างกาย!” ปิงชิงกล่าว
ฉินหยุนเร่งรีบถอดรองเท้าออก ก่อนจะนอนลงที่ตรงกลางเตียงนอน
“ไปนอนที่ข้างฟากโน้น!” ปิงชิงกล่าวคิ้วขมวด
“โอ้!”
ขณะกำลังจะได้เข้าสู่มิติกาลอวกาศตะวันจันทรา ฉินหยุนเริ่มเกิดอาการตื่นเต้น เขาเร่งรีบพลิกตัวหันไปมองอีกข้างของเตียง
จากนั้น ที่ได้เห็นคือปิงชิงกับนอนอยู่ห่างจากตัวเขาระยะหนึ่ง
“พี่สาวปิงชิง... นี่ท่านทำข้ากังวลใจแทบตายแล้ว!” ฉินหยุนเบิกตาโพลงมองที่ปิงชิงซึ่งอยู่ห่างไปครึ่งเมตรด้วยความวิตกกังวล