ตอนที่แล้วAtW ตอนที่ 31 การ์ดทักษะความสามารถออร์ค
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAtW ตอนที่ 33 กลับสู่ปราสาทแฮรี่

AtW ตอนที่ 32 สัตว์ขี่ของอาเบล


AtW ตอนที่ 32 สัตว์ขี่ของอาเบล

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

ลูกหมาป่าตัวนี้ทำท่าทางดีใจราวกับว่ามันได้เจอแม่ของมัน มันใช้หัวของตัวมันเองถูไถกับอ้อมแขนของอาเบล สำหรับเอาเบลแล้วตัวเขาก็รู้สึกดีเช่นเดียวกับที่ลูกหมาป่าอ้อนเขาแบบนี้ สุดท้ายแล้วอาเบลก็ได้แต่ลูบหัวของลูกหมาป่าตัวนี้และลูกหมาป่าตัวนี้ก็ตอบสนองโดยการใช้หัวของตัวมันเองถูไถกับอาเบลมากกว่าเดิม

หลังจากที่อุ้มลูกหมาป่าได้พักหนึ่งอาเบลก็ได้เอาลูกหมาป่าตัวนี้กลับไปที่ม้าของเขา ตอนนี้อาเบลได้กลายเป็นคู่หูใหม่ของลูกหมาป่าตัวนี้ไปแล้ว ในเวลานี้ดวงอาทิตย์ก็ได้ลาลับขอบฟ้าไป ลำพังเพียงแค่อาเบลนั้นเขาสามารถที่จะอยู่ในป่าแห่งนี้ได้อย่างสบายๆ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว สำหรับลูกหมาป่าเองก็ต้องการที่จะกินอาหารอีกด้วย ดังนั้นแล้วทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือการกลับไปที่ปราสาทแฮรี่ให้เร็วที่สุดนั่นเอง

เมื่ออาเบลอุ้มลูกหมาป่าตัวนี้กลับมาที่ม้าของเขา ดูเหมือนว่าม้าของอาเบลจะเริ่มตื่นตระหนกขึ้นเพราะได้กลิ่นของลูกหมาป่านั่นเอง อาเบลพอจะเข้าใจว่าหมาป่านั้นเป็นสัตว์นักล่าที่มีอยู่ตามธรรมชาติ สำหรับม้าที่เป็นเหมือนกับเหยื่อของพวกมันการที่ม้าจะตกใจกลัวจึงเป็นเหมือนเรื่องธรรมชาติ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงลูกหมาป่าเท่านั้นแต่สัญชาตญาณความเป็นสัตว์เองก็ได้ย้ำเตือนพวกม้าเอาไว้

หลังจากที่อาเบลได้ตบหลังม้าม้าตัวนั้นก็ได้สงบลง สุดท้ายแล้วอาเบลก้สามารถกลับบ้านได้อย่างสันติภาพ มือข้างหนึ่งของอาเบลคอยจูงม้าเอาไว้ส่วนมืออีกข้างหนึ่งของเขากำลังอุ้มลูกหมาป่าในมือ อาเบลตัดสินใจที่จะเดินกลับแทน ในป่าที่มืดสนิทแบบนี้ทางเดียวที่จะกลับปราสาทอย่างปลอดภัยก็คือการเดินนั่นเอง

ในขณะที่อุ้มลูกหมาป่าอยู่ ลูกหมาป่าตัวนี้เองก็ได้เลียหน้าของอาเบล ดวงตาที่ใสราวกับแก้วของมันกำลังจ้องมองมาที่ใบหน้าของอาเบล ลูกหมาป่าตัวยนี้ตัดสินใจที่จะติดตามอาเบลไปตลอดชีวิตของมัน หมาป่านั้นเป็นเหมือนกับสัตว์ร้ายที่มีความจงรักภักดีเป็นอย่างมาก ความจงรักภักดีของมันนั้นมีมากกว่าสัตว์ตัวไหนๆ ในโลกใบนี้พวกหมาป่าจะตัดสินใจที่จะติดตามเจ้านายที่พวกมันเห็นตั้งแต่แรกเกิด

อาเบลวางมืออีกข้างหนึ่งไว้บนหัวของลูกหมาป่าตัวนี้ ในตอนนี้อาเบลยังมีพลังลมปราณไม่มากพอที่จะเปลี่ยนพลังลมปราณเป็นพลังที่จะยกระดับขีดความสามารถของสัตว์ขี่ได้ การใช้เวทย์มนตร์ยกระดับขีดความสามารถสัตว์ขี่เป็นเหมือนกับการสรรเสริญสัตว์ร้ายตามธรรมเนียนของพวกออร์คนั่นเอง

เป็นเรื่องที่ดีสำหรับอาเบลเองที่ไม่มีใครอยู่ใกล้เขาในตอนนี้ ถ้าหากมีใครได้ยินอาเบลพูดภาษาของพวกออร์คอาเบลก็คงจะถูกส่งไปที่วิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อที่จะประหารอย่างแน่นอน แต่คงไม่มีใครได้เห็นอาเบลในตอนนี้เพราะว่าอาเบลกำลังอยู่ในป่าหลังปราสาทแฮรี่เพียงคนเดียวเท่านั้น

ในอีกด้านของพวกออร์คเองความสามารถส่วนใหญ่ของพวกออร์คนั่นขึ้นอยู่กับความศรัทธาของตัวพวกมันเอง พวกออร์คนั้นจะเคารพและสรรเสริญเหล่าเทพเจ้าที่พวกเขานั้นเคารพ โดยบทสวดต่างๆ ที่เอาไว้บูชาสุดท้ายแล้วก็ได้กลายมาเป็นคาถาเวทย์มนตร์ในที่สุด

อาเบลได้ทดลองท่องมนต์คาถา ทันใดนั้นแสงสีเขียวก็เริ่มปรากฏขึ้นบนมือของอาเบลที่กำลังวางไว้บนหัวของลูกหมาป่าตัวนี้ แสงที่อยู่ในมือของอาเบลเริ่มเรืองแสงส่องประกายใหญ่กว่าเดิมจนในที่สุดแล้วแสงสว่างนั้นก็ได้ล้อมรอบตัวอาเบลและลูกหมาป่าที่อาเบลกำลังอุ้ม ในตอนที่แสงสว่างกำลังส่องประกายเจิดจ้าเกินกว่าที่อาเบลจะมองเห็นได้อีกต่อไป ในตอนนั้นอาเบลก็ได้ยินเสียงร้องที่อ่อนแอเสียงหนึ่งที่กำลังร้องเรียกหาเขาอยู่

เสียงร้องเรียกนี้เองเป็นเหมือนกับเสียงร้องแห่งความสุขที่มาจากความรักอันบริสุทธิ์ เสียงร้องแห่งความรักนี้เองเป็นเหมือนกับเสียงอันแข็งแกร่งที่ไม่อาจทำให้อาเบลนั้นทิ้งลูกหมาป่าตัวนี้ได้เลย อาเบลรู้สึกได้ดีถึงเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกนี้ ในตอนนั้นอาเบลสามารถสัมผัสถึงความรักที่บริสุทธิ์ที่กำลังเข้าไปในจิตวิญญาณของตัวอาเบลเอง

สุดท้ายแล้วแสงสีเขียวก็ได้เริ่มจางหายไปในอากาศ แต่ความผูกพันที่ถูกสร้างขึ้นในไม่กี่นาทีนั้นกลับเติบโตมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่ความผูกพันที่เกิดขึ้นกับอาเบล ลูกหมาป่าที่อาเบลอุ้มอยู่นั้นก็รู้สึกผูกพันเช่นเดียวกับอาเบล

อาเบลมองลูกหมาป่าที่อยู่ในอ้อมอกของเขาก่อนที่จะนึกออกว่าเขานั้นยังไม่ได้ตั้งชื่อลูกหมาป่าตัวนี้เลย ลูกหมาป่าตัวนี้ถูกปกคลุมไปด้วยขนอ่อนนุ่มสีดำ ชื่อแรกที่อาเบลคิดออกนั่นก็คือ "ลมทมิฬ" เมื่อลูกหมาป่าตัวนี้โตขึ้น มันจะต้องวิ่งเร็วเหมือนกับสายลมอย่างแน่นอน

"ชื่อของนายคือลมทมิฬนะ นายตกลงไหมลมทมิฬ?"

อาเบลพยายามที่จะอธิบายถึงความหมายของชื่อหมาป่าตัวนี้ แต่ดูเหมือนว่าลูกหมาป่าจะยังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจอะไรซับซ้อนแบบนี้ได้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นชื่อของลูกหมาป่าตัวนี้ก็คือ "ลมทมิฬ" ไปในที่สุด

"นายเห็นด้วยใช่ไหม? ฉันคิดว่านายคงไม่เห็นด้วยหรอกนะ เอาเป็นว่านับแต่จากนี้ไปฉันจะเรียกนายว่าลมทมิฬ"

สำหรับหมาป่าที่เป็นสัตว์ขี่แล้ว หมาป่าตัวนั้นจะต้องมีชื่อนั่นเอง อาเบลเดินกลับไปที่ที่เขาต่อสู้กับโวร์แกน หากอาเบลเดินจากไปจากที่นี่ก็คงไม่มีใครเชื่อว่าเขาสามารถจัดการโวร์แกนตัวนี้ได้ด้วยตัวเอง อาเบลไม่ต้องการที่จะทิ้งศพของโวร์แกนตัวนี้เอาไว้ในป่าให้เสียเปล่า อาเบลตัดสินใจที่จะอุ้มศพของโวร์แกนไว้บนม้าก่อนที่จะเดินทางกลับปราสาทแฮรี่ต่อไป

ในตอนนี้ป่าที่อาเบลอยู่นั้นได้มืดสนิทไปแล้ว อาเบลหยุดพักครู่หนึ่งก่อนที่จะทำคบเพลิงจากกิ่งไม้ที่เก็บจากบนพื้นดิน โชคดีสำหรับอาเบลที่ระหว่างเดินกลับนั้นเจอเพียงงูไม่กี่ตัวเท่านั้น อาเบลไม่ได้เจอสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ระหว่างการเดินทางกลับเลย ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดีสำหรับตัวอาเบล

หลังจากที่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงอาเบลก็ได้เดินทางออกมาจากป่าจนมาถึงปราสาทแฮรี่แล้ว ตอนนี้ประตูด้านหน้าปราสาทนั้นดูแตกต่างจากที่เคยเป็น ที่กำแพงปราสาทเต็มไปด้วยทหารยามหลายคนที่กำลังเดินตรวจตราอยู่และกำแพงเองก็มีมีคบเพลิงติดตั้งอยู่เป็นจำนวนมากอีกด้วย

"นั่นใครน่ะ?" ยามคนหนึ่งที่สังเกตเห็นอาเบลเอ่ยถามอาเบลขึ้น ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นก็มีทหารยามแห่กันมาที่อาเบลมากขึ้น

"อาเบลเองครับ" อาเบลยกคบเพลิงที่ทำเองขึ้นมาเพื่อที่จะแสดงใบหน้าของตัวเองให้กับพวกทหารยามได้เห็นนั่นเอง

"เปิดประตูเร็วเข้า"

"นายน้อยกลับมาแล้ว!"

เมื่อทหารยามได้เห็นใบหน้าของอาเบลก็ได้เปิดประตูหน้าของปราสาทในทันที อาเบลต้องประหลาดใจอีกครั้งเมื่อเห็นด้านในของปราสาทนั้นเต็มไปด้วยเต็นท์พักแรม ทุกครั้งที่อาเบลได้เดินผ่านเต็นท์เหล่านั้นก็จะมีผู้คนออกมาทักทายอาเบล

"ราตรีสวัสดิ์ครับท่าน"

"ราตรีสวัสดิ์ครับนายน้อยอาเบล"

จากที่อาเบลเห็นเหล่าเกษตรกรที่อาศัยอยู่ในที่ดินของตระกูลแฮรี่ได้ย้ายเข้ามาหลบภัยที่ปราสาทแฮรี่จนหมดแล้ว อัศวินมาแชลได้ย้ายพวกชาวบ้านทั้งหมดเข้ามาที่ปราสาทแฮรี่เพื่อที่จะหนีภัยพิบัติจากพวกออร์คนั่นเอง

ในตอนนี้อัศวินมาแชลยังคงไม่ได้นอน เขาเป็นห่วงอาเบลเพราะว่าอาเบลยังไม่กลับมานั่นเอง ตอนนี้อัศวินมาแชลกำลังทำงานอยู่ในห้องของเขาด้วยความเป็นกังเวลในขณะที่ทำความสะอาดชุดเกราะของตัวเองอยู่

สำหรับอัศวินมาแชลแล้วเขารู้สึกเป็นห่วงอาเบลเป็นอย่างมากเพราะว่าจนถึงตอนนี้แล้วอาเบลก็ยังไม่กลับมา นอกจากอาเบลจะเป็นลูกบุญธรรมของตัวเขาเองอาเบลยังเป็นเหมือนกับลูกของเพื่อนรักอย่างอัศวินเบ็นเน็ตต์อีกด้วย อาเบลได้ทำสิ่งที่นอกเหนือความคาดหมายของอัศวินมาแชลตั้งแต่ที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่ปราสาทแฮรี่ ทุกสิ่งทุกอย่างในปราสาทแฮรี่เองก็ดูเหมือนว่าจะพัฒนาไปทางที่ดีขึ้นในตอนที่อาเบลมาถึง

ในตอนที่อาเบลถูกโจมตีระหว่างอยู่ที่เมืองฮาเวสนั้นทำให้อัศวินมาแชลได้รับร้านขายอาวุธภายในเมืองเป็นเหมือนกับของรางวัลนั่นเอง ในตอนนี้อาเบลยังสามารถที่จะสร้างอาวุธเวทย์มนตร์ได้แล้วอีกด้วย ในไม่ช้าปราสาทแฮรี่คงจะพัฒนาไปเป็นหนึ่งในปราสาทแห่งป้อมปราการด่านหน้าของเมืองฮาเวส อาเบลที่เป็นถึงปรมาจารย์ช่างตีเหล็กทำให้คนเป็นพ่อบุญธรรมอย่างอัศวินมาแชลนั้นได้มีชื่อเสียงที่โด่งดังตามไปด้วย อาเบลเป็นเด็กที่พิเศษสำหรับอัศวินมาแชลมาก

ในขณะที่รออย่างเป็นห่วงอัศวินมาแชลก็ได้คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่อาเบลได้ทำ สุดท้ายแล้วอัศวินมาแชลก็รู้สึกเป็นห่วงอาเบลมากยิ่งขึ้น ถ้าหากพ่อบ้านลินด์เซ่ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นในเวลาต่อมาอัศวินมาแชลเองก็จะไปตามหาอาเบลด้วยตัวของเขาเอง

"นายท่าน นายน้อยอาเบลกลับมาแล้ว!" พ่อบ้านลินด์เซ่พูดด้วยน้ำเสียงที่เร่งรีบ มันเป็นเรื่องยากสำหรับพ่อบ้านที่มีอายุคนนี้ที่จะรีบวิ่งเข้ามาแจ้งข่าวในเวลานี้

"อาเบลกลับมาแล้ว!" อัศวินมาแชลอุทานก่อนที่จะวิ่งไปที่ด้านหน้าปราสาทแฮรี่ อัศวินมาแชลรู้สึกมีความสุขมากที่อาเบลยังมีชีวิตอยู่ เขาพบว่าอาเบลนั้นได้กลับมาพร้อมกับศพของอะไรบางอย่างที่อยู่บนม้า

อัศวินมาแชลเบิกตากว้างในตอนที่เห็นศพปริศนา "ทำไมลูกกลับมาพร้อมกับศพของพวกโวร์แกนล่ะ?"

หลังจากที่อัศวินมาแชลได้เห็นศพของโวร์แกนเขาก็ได้เห็นลูกหมาป่าที่อยู่ในอ้อมอกของอาเบลด้วย อัศวินมาแชลเองก็ได้แต่ตกใจมากยิ่งขึ้น ลูกหมาป่าไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่

อัศวินมาแชลพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอนต่อไป "นะ..นั่นลูกหมาป่าอย่างงั้นหรออาเบล? เดี๋ยวก่อนนะ นั่นมันลูกหมาป่าสัตว์ขี่ของพวกวูฟไรเดอร์นิ! ลูกไปหามันเจอจากไหนกันอาเบล? แล้วมันมีเจ้านายยัง?"

ในฐานะที่เป็นอัศวินผู้ทำสงครามกับออร์คมาอย่างโชกโชน อัศวินมาแชลรู้ได้ทันทีว่าลูกหมาป่าที่เป็นสัตว์ขี่นั้นหายากแค่ไหน ถ้าจะพูดให้ถูกการที่อาเบลได้ลูกหมาป่าแบบนี้กลับมาเป็นเหมือนกับปาฏิหาริย์นั่นเอง และสิ่งที่เหนือกว่าปาฏิหาริย์ก็คือการที่อาเบลได้กลับมาพร้อมกับซากศพของโวร์แกน

โวร์แกนนั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ด้อยพลังเลย อย่างน้อยๆ การที่จะชนะโวร์แกนได้จะต้องมีระดับมากกว่าระดับ 6 ด้วยซ้ำไป แต่การที่อาเบลได้กลับมากับลูกหมาป่าแบบนี้พร้อมกับศพของโวร์แกนมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ใครกันที่ฆ่าโวร์แกนตัวนี้ไป ไม่มีทางที่อาเบลจะฆ่าสิ่งมีชีวิตที่มีพลังการต่อสู้มากถึงระดับ 6 ได้ แล้วใครกันล่ะที่เป็นคนทำเรื่องแบบนี้?

ในขณะที่อัศวินมาแชลกำลังเผชิญหน้ากับภูเขาแห่งคำถามเขาก็ได้แต่จ้องหน้าของอาเบลเพื่อที่จะรอคอยคำตอบ แต่ดูเหมือนว่าอาเบลจะไม่ได้ทำในสิ่งที่อัศวินมาแชลได้หวังเอาไว้ สำหรับอาเบลแล้วการที่จะอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งหมดในตอนนี้คงจะเป็นเรื่องยากจนเกินไป และในตอนนี้เองลมทมิฬลูกหมาป่าที่อาเบลเก็บมาเลี้ยงกำลังหิวแล้ว สิ่งแรกที่อาเบลต้องทำไม่ใช่การอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างให้อัศวินมาแชลฟัง แต่เป็นการถามหานมแกะจากพ่อบ้านลินด์ไซ่ให้ลูกหมาป่ากินซะก่อน

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด