ตอนที่แล้ว 46 สวรรค์ของผู้สร้างอาร์ติเฟ็กซ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป48 คำเชิญจากสถาบันการสงครามต้าฮวง

47 ติงหลิงตาง


47 ติงหลิงตาง

“ในเมื่อพวกเขาสามารถขึ้นมาอยู่ในเก้ามหาวิทยาลัยชั้นยอดได้ ก็แสดงว่า พวกเขาต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้พวกเขาอยู่เหนือจากความธรรมดา! เราเข้าไปดูกันเถอะ!” หลี่เย้าพุ่งตัวเข้าไปบังบูธของสถาบันการสงครามต้าฮวง

“สถาบันการสงครามต้าฮวงมีแต่พวกป่าเถื่อนที่บ้าการเพาะกล้าม แต่กลับมีความคิดตื้นเขิน มีอะไรให้ดูกัน? มันจะดีกว่านะ ถ้านายไปที่สถาบันเทียนฮ้วนกับฉัน เผื่อว่าจะมีรุ่นพี่คนไหนสนใจจะกินข้าวกับพวกเรา แล้วเราก็จะได้พูดคุยเรื่องบทประพันธ์ด้วยกัน! นี่ ถ้านายไม่ไป ฉันจะไปคนเดียวแล้วนะ อย่าหาว่าฉันไม่นับนายเป็นเพื่อนกินล่ะ!”

เจิ้งตงหมิงตะโกนตามหลังหลี่เย้าอยู่สองสามครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับจากเขา เจิ้งตงหมิงจึงถูจมูก แล้วกดเปิดหน้าจอไมโครคริสตัลโพรเซสเซอร์ขึ้นมา และกดโหมด “กระจก” เขาใช้มือจัดทรงผมของตัวเอง หลังจากผิวปากออกมาครั้งหนึ่ง แล้วเขาก็เดินตรงไปยังสถาบันเทียนฮ้วน

ทันทีที่หวังเย้าเข้าไปถึงด้านในบูธของสถาบันการสงครามต้าฮวง เขาก็รู้สึกได้ถึงการก้าวเดินที่หนักขึ้น คล้ายกับว่า มีหินก้อนใหญ่หนัก 500 กิโลกดทับอยู่บนไหล่ของเขา และอากาศรอบตัวก็หนาหนักขึ้น

“สนามแรงโน้มถ่วงเหรอ?” หวังเย้าเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา

ภายในห้องโถงแห่งนี้ ได้ถูกจัดเอาไว้เป็นสนามฝึกที่ดูดิบเถื่อน

ทั้งดัมเบลล์, บารเบลล์, กระสอบทราย, และอุปกรณ์การฝึกทั้งหมด ต่างถูกวางเอาไว้อย่างระเกะระกะ

สิ่งที่ทำให้หลี่เย้ารู้สึกประหลาดใจ ก็คือ อุปกรณ์ส่วนใหญ่นั้นไม่ได้ถูกทำขึ้นมาจากเหล็ก แต่มันถูกสร้างขึ้นมาจากหินและชิ้นส่วนของสัตว์อสูร มันให้ความรู้สึกที่ป่าเถื่อน แต่ก็มาพร้อมกับความรู้สึกของเลือดที่กำลังเดือดพล่านด้วยเช่นกัน มันทำให้กล้ามเนื้อทุกส่วนบนร่างกาย ตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกกระสั่นอยากลองอุปกรณ์เหล่านี้ขึ้นมา

ในตอนที่เขาก้าวเท้าเข้าไปด้านใน มันก็ทำให้เขานึกถึงเวลาหนึ่งเดือน ที่เขาต้องพยายามอย่างหนัก เสียเหงื่อและใช้ช่วงเวลาของความเยาว์วัยอยู่ภายในโรงเก็บของของโรงเรียน

เขาอดไม่ได้ที่เดินตรงไปยังส่วนที่ใช้สำหรับสควอซและยกบาร์เบลล์ขึ้นพาดไว้บนบ่า

ที่จับบาร์เบลล์อันนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากกระดูสันหลังของสัตว์อสูร เมื่อมือของเขาจับไปที่มัน เขาก็รู้สึกได้ถึงรอยตะปุ่มตะป่ำบางๆตรงที่จับ มันให้ความรู้สึกที่ดีมากๆ แผ่นเหล็กที่ใส่ไว้กับบาร์เบลล์ ทำมาจากหินออบซิเดียน และมีน้ำหนักที่เหมาะมือ

หลี่เย้าสูดลมหายใจเข้าลึก เท้าของเขาย้ำลงไปบนพื้น เขาส่งพลังไปที่ส่วนสะโพก และย่อตัวลงอย่างมั่นคง

......

ติงหลิงตางกำลังหงุดหงิดอย่างมาก

เธอนั่งอยู่บนม้านั่งสำหรับยกดัมเบลล์ มือแต่ละข้างของเธอยกดัมเบลล์โครงกระดูกที่มีน้ำหนักถึง 100 กิโลกรัม ในตอนที่เธอได้ทำลายดัมเบลล์จนไม่เหลือดีอยู่นั้น เธอก็ได้ส่งข้อความอีเคลนไปยังผู้อำนวยการของสถาบันการสงครามต้าฮวง ที่อยู่ไกลออกไปหลายพันไมล์ไปด้วย เธอได้พร่ำบ่นออกมาด้วยเสียงอันดังว่า “เหล่าเซี่ย สถาบันการสงครามต้าฮวงของเรา จะสามารถรับนักเรียนเข้าเรียน จากที่นี่ได้จริงๆน่ะเหรอ? แขนขาของคนที่นี่ทั้งบอบบางทั้งผอมแห้ง พวกเขาอ่อนแอมากเกินไป! ฉันกลัวว่า แค่จามออกไปก็อาจจะล้มคนพวกนี้ได้แล้ว! แล้วคนพวกนี้ก็ยังกล้ามาดูถูกสถาบันของเราด้วย เวลาก็ผ่านมาได้ครึ่งวันแล้ว และก็มีแค่เพียงลูกแมวแค่ไม่กี่ตัวที่มาด้อมๆมองๆ แต่ละคนก็ทำหน้าทำตาแปลกๆ แล้วก็มองฉันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า อย่างกับมองดูคนที่บ้าการต่อสู้ยังไงยังงั้น มันไม่ยุติธรรมเลย! มันหมายความว่ายังไงกัน!”

เธอออกแรงบีบเล็กน้อย และได้เกิดเสียงดังแกร็ก ดัมเบลล์ที่เธอจับอยู่ก็กลายเป็นโค้งงอเสียรูปทรง

ติงหลิงตางอุทานออกมาว่า “โอ้ ไม่นะ!” เธอแลบลิ้นออกมาและโยนดัมเบลล์ทิ้งไป...มีดัมเบลล์อยู่เจ็ดถึงแปดอัน ได้กองรวมกันอยู่ที่พื้น ที่ตัวจับดัมเบลล์ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นรูปทรงของมือประทับอยู่

ภาพในโฮโลแกรม เป็นภาพของชายร่างกายบึกบึนที่สูงกว่า 2.2 เมตร กล้ามเนื้อของเขาดูแข็งราวกับก้อนหิน และผิวสีทองแดงบ่มแดด ชายร่างบึกบึนพูดขึ้นมาว่า “เสี่ยวติง อย่าเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจมากนักเลย มันก็ผ่านมาได้สามปีแล้ว ที่สถาบันของเรามาเปิดรับนักเรียนของสนามแข็งที่ 571 แล้วทุกคนก็ชินชากับมันไปแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว เราก็คงจะไม่ส่งเธอที่เป็นนักศึกษาจบใหม่และสมาชิกใหม่ของคณะ ไปทำหน้าที่เป็นแมวมองที่นั่นหรอก...เราให้เธอไปที่นั่น ก็เพื่อเป็นการแสดงและขยายอำนาจของสถาบันเรา ไม่ว่าเราจะรับนักเรียนใหม่มาได้หรือไม่ก็ตาม เอาเถอะ ในภูมิภาคที่เราอยู่ มีอัจฉริยะมากมายที่อยากจะสอบเข้ามาเรียนในสถาบันของเราอยู่แล้ว!”

“จากที่ฉันได้เห็นที่นี่ ฉันเห็นด้วยนะ ว่าทุกคนที่นี่ต่างก็มีแต่เด็กผู้ชายติ๋มๆทั้งนั้น ไม่มีใครเหมาะที่จะเป็นผู้บ่มเพาะร่างกายเลย...เดี๋ยวนะ เหล่าเซี่ย ฉันว่าฉันเจอเป้าหมายแล้วล่ะ!” ติงหลิตางบังเอิญเงยหน้าขึ้นมา แล้วเธอก็ได้เห็นหลี่เย้าที่กำลังทำสควอซอยู่ และมันทำให้ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้นมา

“จริงเหรอ? แล้วเขาเป็นยังไงบ้างล่ะ?” ชายร่างกายบึกบึนพร้อมกับผิวบ่มแดดที่อยู่ใบหน้าจอโฮโลแกรม รู้สึกประหลดใจเล็กน้อย

เด็กหนุ่มที่ถูกนับว่าเป็น “เป้าหมาย” โดยติงหลิงตาง เพราะแม้แต่ในภูมิภาคต้าฮวง ก็มีอยู่น้อยคนมากที่เธอจะนับว่าเป็นเป้าหมายได้

“เขาเหมาะมากเลยล่ะ กล้ามเนื้อท่อนแขน กล้ามเนื้อหน้าอก ช่วงเอว ต้นขา สะโพก จุ๊ๆๆๆๆ ทุกมัดกล้ามของเขานั้นไร้ตำหนิและสวยงามมาก มันทำให้คนที่เห็น อดไม่ได้ที่จะเข้าไปหยิกทันสักที! ช่างเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์จริงๆ! เขาเกิดมาเพื่อเดินบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะร่างกายเลิกพูดได้แล้ว ฉันจะไปจับตัวเขามาเดี๋ยวนี้แหละ!”

ติงหลิงตางถูมือเข้าด้วยกัน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เพียงก้าวเดียว เธอก็พุ่งที่อยู่ที่ด้านหลังของหลี่เย้าแล้ว

“น้องชาย กล้ามเนื้อของเธอไม่เลวเลยนะ!”

หลี่เย้ารู้สึกได้ถึงพายุที่โหดร้ายและดุดันพุ่งเข้ามาทางด้านหลังของเขา แรงกดดันอากาศที่อีกฝ่ายปล่อยออกมา ไม่ต่างไปจากดาบปีศาจเผิงห่าย ได้ปรากฏอยู่ที่ด้านหลังของเขา!

มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ต่างกันออกไป...พลังที่ดาบปีศาจเผิงห่ายปลดปล่อยออกมานั้น คือพลังสะเทือนปฐพีที่ก่อเกิดมาจากกระแสน้ำและคลื่นน้ำ พลังที่คนคนนี้ปล่อยออกมานั้นคล้ายกับที-เร็กซ์ ที่พุ่งเข้ามาอย่างดุร้ายและเหี้ยมโหด อากาศโดยรอบตัวคนคนนี้ทั้งหนักอึ้งราวกับสัตว์ร้ายก็ไม่ปาน!

ทั้งหมดที่หลี่เย้ารู้สึกได้ ก็คือปลายหอกที่พุ่งตรงมายังแผ่นหลังของเขา เขาไม่สามารถแบกบาร์เบลล์ต่อไปได้อีก และกลิ้งตัวไปด้านหน้าอย่างน่าสังเวช เพื่อหลีกเลี่ยง “สัตว์ร้าย” ที่โจมตีมาจากด้านหลัง เขากลิ้งตัวหลับไปอย่างรวดเร็ว ด้วยแรงที่แทบจะทำให้เอวของเขาหักได้ และตั้งการ์ดเพื่อปกป้องตัวเองอย่างมั่นคง!

มีเหงื่อผุดอยู่เต็มหน้าผากของเขา หัวใจที่เต้นรัวเร็วแทบจะหลุดออกมาจากหน้าอก!

“พลังของใครกัน ที่กดดันได้ขนาดนี้!? มันคือที-เร็กซ์ในร่างมนุษย์ชัดๆ!” หลี่เย้าสูดลมหายใจเฮือก เขาตัวสั่นไปด้วยความกลัว แล้วหันไปมองดู“ที-เร็กซ์ในร่างมนุษย์

แต่สิ่งที่รออยู่ด้านหลังของเขานั้น มันเหนือความคาดหมายของเขาไปไกลมาก—ความจริงแล้วคนคนนั้นคือ ผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นแค่หญิงสาวอายุยังน้อยคนหนึ่งชัดๆ

อย่างมากที่สุด หญิงสาวตรงหน้าคงอายุมากกว่าเขา 3-4 ปีเท่านั้น เพราะภาพที่เห็นนั้น เธอดูอายุเพียงแค่ 20 ต้นๆ

เธอมีรูปร่างสูงโปร่ง และสูงกว่าเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น รูปร่างของเธอนั้นดูสุขภาพดีและกระดูกไหปลาร้าที่สวยงาม ช่วงเอวที่แข็งแรงและยืดหยุ่น และช่วงขาที่เรียวยาว สะโพกผาย มันทำให้คนที่ได้เห็นต่างเฝ้าฝัน ว่าจะรู้สึกมีความสุขมากแค่ไหนหากได้จับมัน

เธอสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น ซึ่งมีเพียงเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้น และเผยให้เห็นภาพของซัคคิวบัสสาวที่งดงามลอยอยู่ตรงหน้า

เธอไม่ได้มีความสวยแบบพิมพ์นิยม ที่ต้องมีผิวขาวและเนียนนุ่มราวกับวุ้น ผิวของเธอเป็นสีน้ำผึ้ง เป็นประกายล่อแสงไฟ ดูคล้ายกับผ้ากำมะหยี่ที่หนานุ่ม

หลังจากที่ได้ออกกำลังกายไปบ้างแล้ว ผิวสีน้ำผึ้งของเธอก็มีประกายของเหงื่ออยู่บางๆ มันทำให้ผิวของเธอเป็นประกายโปร่งแสง ราวกับเพชร

ภาพโดยรวมของเธอไม่ถือว่าสวยต้องตา แต่ด้วยคิ้วที่พาดเฉียง ขนตางอนยาว จมูกเป็นสัน ริมฝีปากบาง และหูที่กางออกคล้ายกับหูลิง

หากจะอธิบายเธอด้วยคำใดละก็ เธอโดดเด่นมาก เปิดเผยมาก และแข็งแกร่งมาก มันไม่มีแม้แค่เศษเสี้ยวของความอ่อนโยนที่ผุ้หญิงควรจะมี อยู่ในตัวของเธอเลย

แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ใส่ใจมันมากนัก เธอเป็นเหมือนกับพระอาทิตย์ ที่ปลดปล่อยความร้อนและแผ่รังสีออกมาแบบไม่ยั้ง

สิ่งที่ดูแปลกประหลาดที่สุด ก็คงจะเป็นตรงข้อพับที่โค้งสวยของเธอแต่ละข้าง มีกำไลที่ประกอบไปด้วย สายป่านสีแดงที่คล้องกระดิ่งเล็กๆเอาไว้ 3-4 อัน

โดยปกติแล้ว เมื่อเธอก้าวเดิน มันก็ควรจะเกิดเป็นเสียง “กรุ๊ง กริ๊ง” ดังตามจังหวะการก้าวเดินของเธอ แต่หลี่เย้ากลับไม่ได้ยินเสียงของมันเลยแม้แต่น้อย เชือกทั้งแปดเส้นที่มัดกระดิ่งเอาไว้ และมัดแน่นอยู่กับต้นขาที่เรียวงามของเธอ

ภายในใจของหลี่เย้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ หญิงสาวคนนี้อยู่ในจุดที่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อส่วนขาของตัวเองได้แล้ว เธอทำให้กล้ามเนื้อส่วนขาของเธอสั่นไหว แม้ในตอนที่เธอกำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เธอใช้การสั่นไหวของกล้ามเนื้อ เพื่อทำลายแรงสั่นไหวจากภายนอก และทำให้เธอสามารถหยุดไม่ให้กระดิ่งสั่นไหวได้

“ฉันมีชื่อว่า ติงหลิงตาง เธอสามารถเรียกฉันว่า พี่หลิง ก็ได้ แล้วเธอก็สามารถเรียกชื่อเล่นของฉันก็ได้ว่า”ติง-หลิง-ตาง-หลาง“น้องชาย เธอดูแข็งแรง แล้วก็บึกบึนดีนะ! แล้วเธอยังสามารถสควอซภายใต้แรงโน้มถ่วงที่มากถึงห้าเท่าได้ โดยที่ไม่มีเหงื่อออกเลยสักนิด และเธอก็ยังสัมผัสได้ถึงฉันที่พุ่งเข้าหาด้วย ถือว่าสัญชาตญาณของเธอคมกริบดีมาก เธอเป็นวัตถุดิบชั้นดีเลยล่ะ มาสิ! เรามาทำความรู้จักกันเถอะ!”

ติงหลิงตางยื่นมือของเธอออกไปอย่างรวดเร็ว เธอคว้าจับมือของหลี่เย้าเอาไว้และบีบเน้น โดยไม่ปล่อยโอกาสให้หลี่เย้าได้ขัดขืนเลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด