ตอนที่แล้วเล่ม1 : บทที่ 2 – มังกร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่ม1 : บทที่ 4 – ลมหายใจแห่งสวรรค์และโลก

เล่ม1 : บทที่ 3 – พลัง


กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 3 – พลัง

โนอาห์ไม่เชื่อเรื่องว่าวิญญาณมีอยู่จริงในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ เพราะใช้ชีวิตอยู่กับความเป็นจริงและประสบการณ์ที่พบ ไม่มีพื้นที่ให้กับความคิดเรื่องศาสนาหรือวิญญาณ แต่หลังจากที่เขาเกิดใหม่ ก็เริ่มมีความคิดที่มีมากกว่าที่ตาเห็น

ขณะที่เขากำลังจ้องมองชายแก่ที่ยืนอยู่บนขอบระเบียง ที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้ความคิดของเขาสับสนปนเปไปหมด

‘จู่ๆ ก็มีมังกรบินออกมาไล่ฝูงแกะ โลกนี้มีมังกรด้วยสินะ จากนั้นกำแพงก็เรืองแสงและทำให้มังกรบาดเจ็บงั้นรึ? แล้วมังกรก็โกรธและอยากจะเผาพวกเราทุกคนให้มอดไหม้แต่ตาแก่คนนี้ชัดเจนว่าคือปู่ของฉัน เข้ามาขวางไฟไว้ด้วยมือข้างเดียวขณะบินอยู่ จากนั้นก็จ้องมองมังกรจนมันบินหนีไป’

หลังจากสรุปเหตุการณ์เมื่อครู่สั้นๆ ในความคิด ก็ได้ข้อสรุปออกมาเพียงแค่ข้อเดียว

‘นี่ฉันมาเกิดที่ไหนกันแน่เนี่ย?! ทำไมตานั่นเหาะได้และสู้กับมังกร พวกเขาอยากให้ฉันปกป้องคนพวกนี้งั้นเหรอ? สมองยังไหวอยู่หรือเปล่า? เดี๋ยวนะ ถ้าพวกเขาอยากให้ฉันเป็นคนปกป้อง ก็หมายความว่าฉันก็สามารถเรียนรู้เรื่องแบบนี้ได้น่ะสิ’

ความคิดของเขาถูกขัดจังหวะโดยโทมัสที่กำลังเข้ามาทางระเบียงและเดินเข้ามาหา

“ใช่ค่ะ ท่านอัครบิดร นี่คือโนอาห์ บุตรชายของริสกับข้า”

ลิลลี่โค้งศีรษะลงพร้อมยกโนอาห์ขึ้นมาให้โทมัสเห็นเขาได้ชัดเจนมากขึ้น บางทีลิลลี่อาจจะใช้โอกาสนี้เพื่อให้โทมัสเกิดความรักไคร่ต่อหลานชายคนนี้ที่จะคอยปกป้องเขาในอนาคต หรือบางทีเธออาจจะแค่กลัวอัครบิดรชราคนนี้และทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องชูลูกชายให้เขาดูด้วยมือที่สั่นเทา

ขณะเดียวกัน โนอาห์เองก็จ้องมองชายแก่ด้วยดวงตาที่เร่าร้อน

เขาไม่สังเกตเห็นความหลงใหลและความอยากรู้อยากเห็นจากสายตาของชายแก่ที่มองมา

‘คนในโลกนี้เหาะได้และสู้กับมังกรได้เนี่ยนะ? ตาแก่ ดูความน่ารักน่าชังของฉันสิ! ได้โปรดสอนฉันเหาะด้วยเถอะ!’

แต่กลับมีเพียงเสียงเบาๆ ออกมาจากปากของเขา ฟังเป็นคำ แต่ไม่มีความหมาย โนอาห์ยืดแขนเล็กๆ ของเขาออกไปหาโทมัส เพื่อเผยความรู้สึก พร้อมทั้งเคลื่อนใบหน้าที่มีความสุขเข้าไปใกล้อัครบิดร

‘คุณสู้กับมังกร แต่ก็ยังรักญาติที่มีสายเลือดเดียวกันอยู่ใช่ไหม?’

เหตุการณ์มังกรเมื่อครู่ยังคงติดตาตรึงใจเขาอยู่ ในโลกของเขา มังกรเป็นเพียงแค่เรื่องราวในตำนาน แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และความเหนือชั้น ในขณะที่ความสามารถของพวกมันขึ้นอยู่กับจินตนาการ และในโลกใบนี้ มังกรต่อสู้เป็น และคุณอาจเอาชนะมันได้

“โอ้”

ขณะมองทารกที่กำลังยื่นแขนมาหา โทมัสไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแสดงให้เห็นถึงความอบอุ่นบนใบหน้าที่เคร่งขรึม จากนั้นก็อุ้มโนอาห์ขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนและมองเขาด้วยรอยยิ้มเล็กๆ

“เขาดูสนใจข้านะ เห็นถึงความฉลาดหลักแหลมในตัวของเด็กคนนี้ บางทีเขาอาจจะเติบโตมาเป็นที่ปรึกษาของตระกูลก็เป็นได้ ข้าจะคอยจับตาดูเจ้า”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นลิลลี่ก็ดีใจและกล่าวขอบคุณทันที

“ขอบพระคุณค่ะ ท่านอัครบิดร ข้ามั่นใจว่าเขาจะได้รับประกันความปลอดภัยของชีวิตด้วยสายตาของท่าน”

เธอโค้งตัวพร้อมว่าเช่นนั้น เอามือทั้งสองข้างประสานกันเป็นการไหว้

“ไม่มีใครทำเช่นนั้นได้หรอก พาลูกชายของเจ้ากลับไปที่ห้องเสีย เหตุการณ์วันนี้ไม่ควรที่จะให้ทารกได้เห็น”

โทมัสยื่นโนอาห์คืนกลับให้ลิลลี่และหายไปจากระเบียง ลิลลี่ไม่อาจหยุดยั้งความตื่นเต้นของเธอได้หลังจากที่โทมัสจากไปและเอาแต่พูดด้วยความร่างเริงกับลูกชายของตน

“ลูกได้ยินหรือเปล่า? ท่านจะจับตาดูเจ้า! อัครบิดรแห่งตระกูลบัลวันจะจับตาดูลูก ฮ่าๆ น่าปลื้มใจยิ่งนัก และเขายังพูดอีกว่าเจ้าอาจจะได้เป็นที่ปรึกษา นี่สิที่น่าปลื้มใจมากกว่า ไม่เพียงแค่ลูกชายของฉันที่จะได้รับการปกป้องจากผู้ฝึกตนผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขายังจะได้ห่างไกลจากสนามรบไปตลอดชีวิตอีกด้วย”

ลิลลี่ แม่ของลูกนอกรีตรู้ดีว่าโนอาห์ไม่ได้โดดเด่นเมื่อเทียบกับทายาทคนอื่น ๆ ของตระกูลใหญ่ ดังนั้นเธอจึงอุ่นใจเมื่อได้ยินคำพูดรับประกันจากปากของอัครบิดรเอง

เมื่ออุ้มโนอาห์กลับไปยังห้องนอนที่อยู่ส่วนกลางของชั้นแรก เธอไม่ทันสังเกตว่าทารกในอ้อมแขนนิ่งเงียบไปและมีดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

‘ที่ปรึกษากับผีน่ะสิ! คนมีพลังแบบนั้นยังต้องไปให้คำปรึกษาอะไรอีก? จะปัญหาไหนๆ ก็ถูกแก้ไขได้เหมือนกับหอกไฟที่ตาแก่นั่นรับมือ! หากจะคิดว่าพลังนั่นมีอยู่จริง ฉันต้องมีพลังนั่นบ้างให้ได้ เสี่ยงก็ต้องยอม ดูเหมือนว่าสายเลือดอันบริสุทธิ์ของตระกูลบัลวันจะถูกรักษาไว้อย่างดีงาม ดังนั้นการแสดงออกถึงความสามารถบางอย่างอาจดึงดูดความสนใจที่ไม่พึงประสงค์จากทายาทตระกูลหลักมากเกินไป แต่ฉันต้องการข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่’

จากตำราทุกเล่มที่เขาเคยอ่าน เขาสามารถจินตนาการได้ว่าการต่อสู้เพื่อสืบทอดตำแหน่งหรือความอิจฉาของใครบางคนที่ฐานะสูงส่งกว่าเขาอาจจะต้องจบด้วยการนองเลือด

‘ฉันเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง มันเกิดขึ้นเพราะอุบัติเหตุ ฉันไม่อยากเป็นคนไร้น้ำยาที่ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับความโลภของคน และตายอย่างไร้ศักดิ์ศรีอีกครั้งในตอนท้าย’

ความรู้สึกมุ่งมั่นแล่นผ่านไปทั่วร่างกายของเขาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ขณะที่ลิลลี่กำลังวางเขาลงบนเปล

‘โลกที่ไม่ได้มอบพลังให้แก่ผู้คนจากการที่พวกเขาสร้างสังคมขึ้นมา ดูเหมือนพลังจะมาจากในตัวของแต่ละบุคคล เป็นพลังที่ถูกครอบครองโดยคนเฉพาะกลุ่ม ลิลลี่เรียกเขาว่า “ผู้ฝึกตน” ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ามันหมายความว่ายังไง ฉันต้องเรียนรู้การเดิน และการอ่านให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้มีความเป็นอิสระ และขณะเดียวกันก็จะได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางด้านวรรณกรรม มันอาจจะนำฉันไปสู่ตำราที่อธิบายได้ว่า ที่ปรึกษา คืออะไรกันแน่ และจะเป็นได้ยังไง’

นับจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็กินมากขึ้นเพื่อให้ตัวเองได้โตไวๆ และกำจัดร่างกายอันผอมแห้งที่ได้มาตั้งแต่เกิดทิ้งไป เขาพยายามฝึกเดินอย่างกระตือรือร้น ครั้งแรกลองในเปลต่อมาก็ลงมาที่พื้น ทั้งคนรับใช้และแม่ของเขาต่างกังวลทุกครั้งที่เขาล้มลงจากความพยายามที่จะลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง ซึ่งความเจ็บปวดที่ได้รับก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก

‘ถูกยิงด้วยลูกตะกั่วเจ็บกว่านี้อีก แค่นี้สบายมาก’

เช่นนั้นเอง หลังจากเขาเกิดมาได้ราวแปดเดือน โนอาห์ก็ยืนด้วยตัวเองได้แล้ว

‘เดินช้ามาก ฉันอยากได้เร็วกว่านี้ ฉันน่าจะลองเริ่มวิ่งดูเพื่อที่สุขภาพจะได้ดีขึ้นและร่างกายก็จะกระชับขึ้นด้วย’

แม้ว่าเขาจะผิดหวังกับการเติบโตที่แสนจะเชื่องช้าของตัวเขา ทั้งลิลลี่และสาวใช้ของเธอต่างงุนงง

“เด็กคนนี้พยายามยืนด้วยตัวเองตั้งแต่สามเดือนที่แล้ว และตอนนี้เขาก็ทำได้ ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาล้มแล้วไม่ร้องไห้แต่กลับพยายามลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ถ้าเราไม่หยุดเขาก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัสมาจนถึงตอนนี้”

ลิลลี่ไม่ได้สนใจสิ่งที่คนใช้ของเธอพูดกัน เธอเพียงมองลูกชายที่วัยแปดเดือนที่กำลังหัดเดินด้วยความภาคภูมิใจ

“นี่ต้องเป็นพรจากท่านอัครบิดรแน่ๆ ฉันรู้ว่ามีบางอย่างที่ดีเชื่อมโยงไว้ตั้งแต่วันนั้น”

จะโชคดีหรือไม่ใช่ ความสำเร็จของโนอาห์ถูกตรึงไว้กับผู้เหนือธรรมชาติอย่างโทมัส บัลวัน

ช่างน่าประหลาดใจที่ชั้นแรกของตึกแขกนั้นกว้างกว่าที่คิด

หลังจากมั่นใจแล้วว่าทรงตัวได้ดี โนอาห์ก็ค่อย ๆ ก้าวก้าวแรกอย่างระมัดระวังไปหาแม่ของเขา เขายังคงเดินเลาะตามผนังไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดมายืนอยู่ตรงหน้ารอยยิ้มของแม่เขา

“มาหาแม่เร็วเจ้าตัวน้อย วันนี้เจ้าทำได้ดีมาก แม่มีความสุขจริงๆ”

เธอพูดขณะคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมทั้งอ้าแขนรอรับโนอาห์เพื่ออุ้มเขาขึ้นมาสู่อก

โนอาห์มองเธอและยิ้ม จากนั้นก็อ้าแขนออกและตะโกนออกมาก่อนจะเข้าสู่อ้อมกอดของแม่

“แม่!”

จากนั้นเขาก็ตกอยู๋ในอ้อมกอดของแม่ ส่วนลิลลี่และบรรดาสาวใช้ต่างตะลึงกับภาพที่พวกเธอเห็น

‘นี่คงเพียงพอแล้วสำหรับการได้เรียนรู้ขั้นพื้นฐาน’

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด