ตอนที่แล้วWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 62
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 64

WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 63


"ท่านลอร์ด ออร์คของท่านมีความกล้าที่จะประลองกับข้าหรือไม่?" มีเสียงขัดจังหวะดังขึ้นขณะที่เซียวอวี๋และพวกออร์คกำลังดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน

เซียวอวี๋หรี่ตาลงมองอัศวินผู้นั้น ชายผู้นั้นมีตราสีทองของตระกูลหวังประดับอยู่บนอก ท่าทางของเขาช่างดูหยิ่งยโสอย่างมาก ตามความเข้าใจของเซียวอวี๋แล้วนี่สมควรเป็นหัวหน้าอัศวิน ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกของเซียวอวี๋ยังบอกเขาว่า ชายผู้นี้สมควรเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแรก เมื่อเซียวอวี๋ได้มาถึงระดับที่ 10 แล้วเขาก็มีความแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สองของโลกนี้ จึงเป็นเรื่องปกติที่เซียวอวี๋จะสามารถคาดคะเนระดับฝีมือของเขาออก

"เจ้าต้องการที่จะต่อสู้กับออร์คองค์รักษ์ของข้า?" เซียวอวี๋หยีตาลงยื่นแก้วไวน์ให้คนขับรถม้าเผ่าเหล็กทมิฬ พ่อบ้านโม่เกือบจะคลั่งใจตายเมื่อเห็นว่าเซียวอวี๋มอบไวน์ชั้นเลิศให้ทาสชั้นต่ำ

"นั่นเป็นไวน์ไซปรัสอายุ 300 ปี! เจ้าหนุ่มนี่จะล้างผลาญเกินไปแล้ว! เขากระทั่งมอบไวน์ให้กับทาส...."

"ขอรับ นามของข้าคือ ทารีค หัวหน้าหน่วยอัศวิน ข้าต้องการที่จะท้าทายหนึ่งในออร์คของท่านเพื่อดูว่าพวกมันมีคำสามารถดังที่เล่าลือกันหรือไม่" ทารีคกวาดมองเหล่าออร์คด้วยแววตาดูถูกและเหยียดหยาม

เซียวอวี๋ยิ้มมุมปากก่อนจะกล่าว "เอาสิ เจ้าช่างกล้าหาญที่กล้าท้าทายองค์รักษ์ของข้า ข้ายินดีที่จะชมการต่อสู้ระหว่างเจ้าและองค์รักษ์ของข้า"

เซียวอวี๋ไม่มีความคิดที่จะส่งกรอมออกไปเพียงเพื่อจัดการผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแรก

เหล่าออร์คนั้นล้วนอยู่ในระดับที่ 6 พวกมันแข็งแกร่งเพียงพอที่จะจัดการกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแรกทั้วไป ยกเว้นว่าคนผู้นั้นจะมีความสามารถพิเศษพิสดารเท่านั้น แต่เซียวอวี๋รู้สึกว่าชายที่เบื้องหน้านี้ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษ เขาคิดว่านี่ถือเป็นการฝึกฝนให้กับออร์คดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว

เป็นประสบการณ์ที่ดีที่จะได้ชมออร์คที่พึ่งพาพละกำลังต่อกรกับผู้ฝึกยุทธ์ ผู้บ่มเพาะพลังปราณ นี่เป็นสิ่งที่เซียวอวี๋คิดว่าคุ้มค่าที่จะศึกษาเอาไว้ เขาคิดว่าพวกออร์คสามารถต่อกรกับผู้ฝึกยุทธ์โดยไม่จำเป้นต้องเกรงกลัวใดๆหากพวกมันมีระดับที่สูงกว่า

"นายท่าน ข้าขออาสา" อสูรหนึ่งลุกขึ้นมาขณะเหวี่ยงเนื้อจระเข้ย่างทิ้งไป พร้อมกับหยิบขวานขนาดยักษ์ขึ้นมา

"อสูรหนึ่ง ระวังให้ดี อย่าได้พลั้งมือทำร้ายผู้ใด จะอย่างไรวันนี้พวกเราล้วนเป็นคนคุ้นเคย" เซียวอวี๋กล่าวเสียดสีออกมา

"วางใจเถิดนายท่าน ข้าจะระวังไม่พลั้งมือฆ่าเขา อย่างมากข้าจะตีก้นเขาสักหลายครั้ง" อสูรหนึ่งตอบกลับมา

อสูรหนึ่งคือนักรบออร์คที่แข็งแกร่งที่สุดของเซียวอวี๋ มันเป็นตัวแรกที่ถูกอัญเชิญออกมา ทั้งยังเป็นตัวที่มีสติปัญญาสูงส่งที่สุดในหมู่นักรบออร์ค นอกจากนี้มันยังได้รับการสั่งสอนเทคนิคและความเจ้าเล่ห์มาจากเซียวอวี๋โดยตรง

"ช่างโอหัง! เหตุใดพวกออร์คจึงถูกเข่นฆ่าจนสิ้นหากพวกเจ้าแข็งแกร่งดังเช่นคำคุย? พวกเจ้าก็เป็นเพียงกลุ่มสัตว์ชั้นต่ำที่ไม่รู้อะไรนอกจากคุยโตโอ้อวด!" ทารีคแค่นเสียงขณะจ้องมองไปยังอสูรหนึ่ง เขาสั่นระริกด้วยความโมโห

เซียวอวี๋ขี้เกียจเกินไปที่จะสะกิดบอกอัศวินผู้หยิ่งยโสนั้นว่า ไม่กี่ร้อยปีมานี้ราชวงศ์พยัคฆ์คำรนแทบจะไม่มีสงครามครั้งใหญ่ใดๆ ด้วยเหตุนี้พวกอัศวินส่วนใหญ่จึงเป็นเพียงชื่อเรียกเท่านั้น ทว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาล้วนไม่คู่ควรกับนามของมัน ช่างปะไร เขาไม่ได้ใส่ใจมันมากนัก ดังนั้นเขาจึงป้อนเนื้อจระเข้ย่างให้กับลูกมังกรและเอนตัวลงพร้อมจะรับชมความสนุกแล้ว

อย่างไรก็ตาม ทารีคหันมาทางเซียวอวี๋ "ท่านลอร์ด ใยเราไม่เพิ่มสีสันให้กับการต่อสู้นี้เสียหน่อยเล่า?"

เซียวอวี๋เข้าใจความหมายที่ทารีคต้องการจะสื่อ "อา เช่นนั้นเจ้าต้องการที่จะเดิมพัน....สิ่งที่เจ้าต้องการเดิมพันคือ?"

ทารีคลดสายตาลงจ้องมองลูกมังกรที่อยู่ในอ้อมอกของเซียวอวี๋ขณะกำลังแทะกินเนื้อจระเข้อย่างเป็นสุข "สิ่งนั้น!"

เซียวอวี๋ที่กำลังจะเอาชิ้นเนื้อจระเข้ย่างเข้าปากกลับหยุดชะงักลง เขาหรี่ตาลงขณะที่เห็นทารีคและพ่อบ้านโม่แอบส่งสายตาให้แก่กัน เขาเข้าใจเรื่องราวในทันที

"อา เจ้าต้องการลูกมังกรของข้า?" เซียวอวี๋กล่าวอย่างเชื่องช้าขณะที่ประกายเย็นชาปรากฏขึ้นวูบหนึ่ง "แล้วสิ่งที่เจ้าจะเอามาเดิมพันเล่า?"

ทารีคหันไปมองพ่อบ้านโม่ผู้ซึ่งส่งเขาออกมาเริ่มเรื่องราวนี้ พ่อบ้านโม่สั่งให้เขาเริ่มการประลองขึ้นและเรียกร้องลูกมังกรเป็นสิ่งเดิมพัน ทว่าเขากลับไม่ได้บอกว่าจะใช้สิ่งใดลงเดิมพันในฝั่งของเขา

อย่างไรก็ตาม การเดิมพันครั้งนี้กำลังจะเกิดขึ้นและอีกฝ่ายก็ส่งลูกมังกรลงเดิมพัน เช่นนั้นแล้วสิ่งของของฝ่ายเขาก็สมควรมีเป็นของมูลค่าสูงเช่นกัน

เซียวอวี๋แค่นเสียงขณะมองดูทารีคหันไปหาพ่อบ้านโม่อย่างกระอักกระอ่วน "เจ้าต้องการสิ่งเดิมพันโดยไม่วางสิ่งเดิมพัน? ข้าพร้อมที่เดิมพันชีวิตของข้าลงไปหากว่าเจ้ามีสิ่งของที่มีมูลค่ามากพอ! เจ้าคิดว่าสามารถเล่นเดิมพันโดยเปล่าได้หรือ? นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าเรียกมันว่าเกียรติยศของอัศวิน?"

พ่อบ้านโม่ลุกขึ้นยืนและก้าวออกมา "ท่านลอร์ดกล่าวถูกต้อง ข้าได้ยินมาว่าท่านลอร์ดชื่นชอบการเดิมพันยิ่ง ทั้งยังเคยใช้ชีวิตอยู่ในบ่อนที่อาณาจักรเว่ย ข้าขอเสนอสร้อยคอมนตราเป็นอย่างไร ข้าเชื่อว่าท่านลอร์ดสามารถรู้คุณค่าของสมบัติชิ้นนี้...." ในเวลาเดียวกัน พ่อบ้านโม่ก็ล้วงเอากล่องไม้ออกมาและเปิดมันขึ้นโชว์ สร้อยคอสีน้ำเงินที่ราวกับน้ำแข็งเริ่มเปล่งประกายออกมา ดวงตาของแอนโทนีดาสแทบจะถลนออกจากเบ้าเมื่อมองเห็นของชิ้นนี้

สิ่งของเวทย์มนต์เช่นนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อผู้ใช้มนตราดังเช่นบรั่นดีหรือแอลกอฮอล์ หญิงงามเปลื้องผ้าหรือกองภูเขาเหรียญทอง

เซียวอวี๋กลายเป็นตกตะลึงขณะที่เขาไม่เคยคาดฝันมาก่อน เขาไม่คิดว่าพ่อบ้านโม่จะนำสิ่งนี้ออกมา

"ท่านลอร์ดของข้าส่งข้าไปยังแลนเชสเตอร์ แหล่งประมูลที่ใหญ่ที่สุดเพื่อจัดซื้อสิ่งนี้โดยเฉพาะ มูลค่าของสร้อยคอเส้นนี้คือ 50,000 เหรียญทอง" พ่อบ้านโม่ทราบว่านี่เป็นสิ่งของที่ผู้คนทั่วไปไม่อาจครอบครอง

บิดาของซีเหวินสามารถมีชัยเหนือผู้ใช้มนตราขั้นที่สามได้ อีกทั้งเขายังใช้จ่ายออกไปอย่างมากเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้มนตราจะอยู่รับใช้เขา

ผู้ใช้มนตราในขั้นที่สามนั้นเปรียบเสมือนกองทัพจรวดมิสไซส์ในโลกเก่าของเซียวอวี๋ ยามปกติแล้วพ่อบ้านโม่ย่อมไม่หยิบมันออกมาเผยโฉมแก่ผู้ใด ทว่าลูกมังกรตัวนี้กลับดึงดูดความสนใจของเขา เขาจะได้รับรางวัลอย่างงามจากลอร์ดแห่งตระกูลหวังตราบใดที่เขาประสบความสำเร็จในการนำลูกมังกรกลับไปมอบให้กับลอร์ด

พ่อบ้านโม่เชื่อว่าแม้จะเป็นท่านลอร์ดของเขาก็ตาม เขาจะต้องเอามันออกมาเดิมพันในครั้งนี้อย่างแน่นอนหากว่าเขาอยู่ที่นี่

เซียวอวี๋เลิกคิ้วขึ้นขณะจ้องมองไปยังสร้อยคอเส้นนั้น เขาทราบดีว่าไม่มีผู้ใดจะเอาสิ่งของเช่นนี้ออกมาโดยง่าย นี่หมายความว่าพ่อบ้านโม่มั่นใจในชัยชนะของฝ่ายเขาอย่างมากจึงนำมันออกมา มิฉะนั้นแล้ว เขาจะอธิบายกับบิดาของซีเหวินอย่างไรเมื่อกลับไป?

"เช่นนั้นเป็นว่าเจ้าจะใช้ของสิ่งนี้ในการเดิมพันการต่อสู้ระหว่างองค์รักษ์ของข้าและอัศวินของเจ้า?"

"ถูกแล้ว ไม่สิ! นี่เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ อา...พวกเราจำต้องขยายขนาดการต่อสู้เสียหน่อยเป็นไร มันไม่คุ้มค่าที่จะนำสิ่งนี้มาเดิมันในการต่อสู้เล็กน้อย"

พ่อบ้านโม่ปิดกล่องไม้ลงและกล่าวออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

เซียวอวี๋ก่นด่าสาปแช่งเขาอยู่ภายในใจ "จิ้งจอกเฒ่า ช่างเจ้าเล่ห์นัก..."

"เช่นนั้นพ่อบ้านโม่มีความเห็นอย่างไร?"

พ่อบ้านโม่ยิ้มออกมาขณะจ้องมองไปยังเหล่าออร์ค "ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับความกล้าหาญของพวกนักรบออร์คยามอยู่ในสนามรบ เล่าลือกันว่านักรบออร์คเพียงหนึ่งตนสามารถใช้หนึ่งต้านทานสิบ ข้าต้องการจะชมว่าออร์คองค์รักษ์ของท่านลอร์ดจะสมคำที่เขาล่ำลือกันหรือไม่ อา อา แน่นอน ข้าจะไม่ให้อัศวินของข้าใช้ม้า พวกเขาจะต่อสู้ในฐานะทหารราบ ท่านคิดเห็นอย่างไร? ท่านจะเดิมพันหรือไม่? ออร์คทั้ง 11 ตนของท่านจะสามารถต้านทาน 100 อัศวินได้หรือไม่?"

"นี่ไม่เรียกว่าการข่มเหงหรือ? มันต้องการจะใช้ทหารชั้นยอด 100 นายเพื่อสู้กับออร์ค 11 ตน? ออร์คนักรบแน่นอนว่ากล้าหาญ ทว่าตำนานที่เจ้าเฒ่านี่อ้างถึงมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยและรูปขบวน ยุทธศาตร์ ผู้บัญชาการและอื่นๆ มีหลายสิ่งที่จะเป็นตัวตัดสินในชัยชนะหรือความพ่ายแพ้...."

เซียวอวี๋คำนวณขึ้นในใจขณะที่ค่อยๆยกยิ้มเย็น ท้ายที่สุดเขาก็ผงกศีรษะ "พ่อบ้านโม่ดูเหมือนจะสนใจที่จะทราบความแข็งแกร่งของเหล่าองค์รักษ์ข้า เช่นนั้นข้าจะแสดงให้เห็นเอง..."

"เซียวอวี๋....เหตุใดเจ้าจึงตกลง? ตระกูลหวังก็คือตระกูลของข้าเช่นกัน การต่อสู้ในครั้งนี้จะทำลายความสัมพันธ์ของสองตระกูล" ซีเหวินที่นั่งกินของว่างกับทิรันด้าอยู่ด้านข้างโพล่งออกมา

เซียวอวี๋หัวเราะ "ไม่จำเป็นต้องกังวลหรอกพี่สะใภ้ เหล่าออร์คจะยั้งมือละเว้นชีวิตของพวกมัน"

เซียวอวี๋ทราบว่าซีเหวินกำลังกังวลว่าพวกออร์คทั้ง 10 และกรอมจะไม่สามารถเอาชนะในศึกครั้งนี้ได้

พวกเขาเคยใช้กำแพงเมืองในการเอาชนะศึกสงคราม ทว่าที่นี่ พวกเขากลับไม่ได้มีชัยภูมิสูงเช่นนั้น

พวกอัศวินสามารถก่อตั้งรูปขบวนที่จะทำให้เหล่าออร์คไม่สามารถเอาชนะได้

ซีเหวินลูบหัวลูกมังกร นางไม่ต้องการที่จะสูญเสียสิ่งมีชีวิตน่ารักเช่นนี้ให้กับตระกูลหวัง

พ่อบ้านโม่เองก็กล่าวออกมาเช่นกัน "ถูกแล้ว คุณหนูสี่อย่าได้เป็นกังวล พวกเราจะไม่ทำร้ายพวกมัน"

เซียวอวี๋มองเห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายปรากฏอยู่บนใบหน้าของพ่อบ้านโม่ สมเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่อยู่มาหลายสิบปี

"เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเรามาเริ่มกันเถอะ!" เซียวอวี๋มองไปยังกรอมที่เป็นไพ่ใบใหญ่ที่สุดของเขา กรอมนั้นอยู่ในระดับที่ 13 อีกทั้งทักษะพายุคลั่งยังอยู่ในระดับที่ 2......

--------------------------------

ติดตามได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล