ตอนที่แล้วWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 51
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 53

WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 52


นับตั้งแต่เมืองไลอ้อนถูกก่อตั้งขึ้นมา มันยังไม่เคยมีช่วงเวลาที่สดใส น่าตื่นตะลึง และชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้มาก่อน นี่เป็นช่วงเวลาที่พิเศษอย่างยิ่ง กระทั่งเซียวซานเทียนเองก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเทียบเท่า ในบั้นปลายชีวิตของเขาต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้และตกต่ำ

ทว่าเซียวอวี๋กลับสามารถนำกองทัพเพียง 2,000 นายมีชัยเหนือกองทัพที่มีมากกว่าถึง 10 เท่าได้ นี่เป็นความยิ่งใหญ่ถึงเพียงไหน? ต่อให้เป็นขุนพลที่กล้าหาญเพียงใดก็ยังไม่กล้าคาดหวังชัยชนะในศึกเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นทางฝั่งเมืองไลอ้อนยังสูญเสียเพียงเล็กน้อย หัวหน้าทหารฮุ่ยได้จัดเตรียมไพร่ะลไว้ 1,000 นาย มีเพียง 300 นายที่ตกตายในสนามรบ ขณะที่กองทัพของเซียวอวี๋ยังสูญเสียน้อยยิ่งกว่าจากผลของน้ำยาฟื้นฟู เขาสามารถดึงนักรบที่บาดเจ็บออกมาและเยียวยาได้ในทันที

หลังสิ้นสุดสงคราม มีเพียงออร์ค 10 ตน พลธนู 7 นาย 2 นักล่าและ 14 พลเดินเท้าที่ตกตายไป พลปืนยังคงอยู่ครบจำนวน ดังนั้นเซียวอวี๋จึงสูญเสียนักรบไปเพียง 33 นาย ผลที่ออกมาเช่นนี้ล้วนสร้างความตื่นตะลึงแก่ผู้คน

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพราะกลยุทธและวิธีการของเซียวอวี๋ที่ก่อให้เกิดชัยชนะดังกล่าว เขาสามารถดึงประสิทธิภาพของรถจู่โจมและเครื่องยิงทำลายออกมาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม

แม้ว่าผู้คนต่างตะโกนสรรเสริญเขา ทว่าภายในใจของเขายังคงเศร้าหมองจากการสูญเสียนักรบ เขารำลึกถึงสงครามที่ผ่านมาว่าเขาได้ผิดพลาดอะไรไปบ้างและวิธีการใดที่จะสามารถแปรเปลี่ยนผลลัพธ์นั้น หลังสงครามสิ้นสุดลง สิ่งแรกที่เขากระทำคือการจัดพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่ให้กับนักรบที่เสียชีวิต พวกออร์คแบกโลงที่บรรจุร่างของออร์คที่เสียชีวิตไปยังแท่นบูชาแห่งวายุ ขณะที่พวกเอลฟ์บรรจุฝังร่างของสหายลงในพระแม่ธรณี

.................................

.................................

ชัยชนะในครานี้ทำให้ชาวเมืองไลอ้อนเชื่อว่าลอร์ดของพวกเขาสามารถปกป้องและทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้นได้ ชัยชนะของเซียวอวี๋ในครั้งนี้ได้เป็นที่ประจักษ์แก่ทุกสายตาที่กำลังจ้องคุกคามเมืองไลอ้อน เป็นการส่งสารเตือนว่าเมืองไลอ้อนไม่ใช่ขุมกำลังอ่อนแอที่สามารถฮุบกลืนได้โดยง่ายอีกต่อไป

พ่อบ้านหงส์ละทิ้งภาพลักษณ์ที่เข้มงวดไปในวันนี้ เขาซดดื่มไวน์เข้าไปเป็นจำนวนมาก ขณะที่น้ำตาแห่งความปิติไหลนองเต็มใบหน้า "นายท่าน ท่านเห็นหรือไม่? นายน้อยได้เติบโตขึ้นแล้ว! เขาจะนำพาดินแดนไปสู่ความรุ่งโรจน์ นายท่านสามารถพักผ่อนอย่างสงบได้แล้ว...."

เหล่าพี่สะใภ้ของเซียวอวี๋ต่างตกอยู่ในความสุขและตื่นเต้น ตั้งแต่พวกนางแต่งเข้าตระกูลมา ชีวิตภายในเมืองไลอ้อนไม่เคยมีสุขเท่านี้มาก่อน พวกนางต่างต้องเผชิญสารพัดปัญหาที่ถามโถมเข้ามาจาก ปัญหาการเงิน การพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง ความตายของสามีและอื่นๆ

บางคราพวกนางยังตั้งคำถามกับตัวเองว่าเหตุใดพวกนางจึงรั้งอยู่ภายในเมืองแห่งนี้อีก ทว่าทุกครั้งคำตอบก็คือ เป็นความจงรักภักดีต่อสามีที่ล่วงลับไปแล้ว แม้กระนั้นพวกนางก็ยังมองไม่เห็นความหวังอันใด

วันนี้ เซียวอวี๋ได้นำพาความหวังสายนั้นมาให้พวกนางแล้ว

เมื่อไม่นานมานี้ เซียอวี๋ได้ออกกวาดล้างกองโจรกลุ่มต่างๆ ทั้งยังนำทรัพย์สินและทรัพยากรต่างๆกลับมา มีหลายสิ่งจากการบรรดาของเหล่านั้นที่สตรีชื่นชอบ

เป็นเพราะวิกฤตการเงินก่อนหน้านี้ เมืองไลอ้อนจึงไม่อาจจัดหาสิ่งของได้มากนัก แต่เซียวอวี๋สามารถนำสมบัติและเสื้อผ้าเหล่านั้นมาให้ แม้ว่าพวกนางจะไม่ได้ทำอะไรให้กับเซียวอวี๋เลยก็ตาม นี่ทำให้พวกนางมีความสุขเป็นอย่างมาก สตรีนางใดกันที่ไม่ชอบพอสิ่งของสวยงาม?

ตอนนี้ชีวิตของพวกนางดีขึ้นอย่างมาก บนใบหน้าของพวกนางต่างประดับไว้ด้วยรอยยิ้มอันงดงาม อนาคตของดินแดนแห่งนี้สามารถฝากฝังไว้กับเซียวอวี๋ได้แล้ว

....................................

....................................

เซียวอวี๋ปรือตาขณะดื่มด่ำไปกับรสชาติของไวน์และการชมการระบำของเหล่าสาวงาม ปกติแล้วพวกนางถูกยกให้กับเหล่าสะใภ้ในฐานะหญิงรับใช้และไม่เคยได้รับคำสั่งให้ร่ายรำที่เบื้องหน้าของเซียวอวี๋มาก่อน แต่จากชัยชนะที่ยิ่งใหญ่พวกนางจึงถูกเรียกตัวออกมา

"ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆก็อยากเป็นจักรพรรดิ ชีวิตมันดีแบบนี้นี่เอง กินอาหารอร่อย จิบไวน์เบาๆ มองดูสาวงามร่ายรำที่เบื้องหน้า....ชีวิตที่สุดยอด!"

เซียวอวี๋ชมดูนางระบำขณะที่สายตาเหลือบมองเหล่าพี่สะใภ้เป็นครั้งคราว

การวางตัวของบรรดาพี่สะใภ้เริ่มเปลี่ยนไปหลังจากดื่มไวน์เข้าไปไม่กี่แก้ว

พี่สะใภ้คนโตฉีอิ่นยังคงวางตัวอย่างหญิงสูงศักิด์หลังจากดื่มไวน์เข้าไป ปรางแก้มของนางแดงระเรื่อ ดวงตาที่ปรือเล็กน้อย แต่ท่าทางยังคงไว้ซึ่งความสูงส่ง

พี่สะใภ้คนรองยังคงสงวนตัวยิ่งกว่า นางจิบไวน์ไปเพียงเล็กน้อย การแสดงออกของนางยังคงเงียบขรึม เสริมภาพลักษณ์ที่สุภาพเรียบร้อยของนางออกมา ราวกับนางเป็นนางฟ้าที่จำแลงกายลงมา

หญิงสาวที่ร้อนแรงที่สุดคือพี่สะใภ้สาม คามิลล่า นางนั้นสืบเชื้อสายมาจากทางยุโรป ดังนั้นนางจึงดื่มไวน์เข้าไปมากมาย ดวงตาของนางกลายเป็นพร่าเลือนเผยให้เป็นความเย้ายวนออกมา

สะใภ้ที่สี่ เสวี่ยซาเปลี่ยนมาสวมใส่ชุดราตรีสีขาวบริสุทธิ์ นางนั่งอยู่ติดกับสะใภ้ที่ห้า นางนั้นไม่ได้แตะต้องแก้วไวนและเน้นไปที่การพูดคุยเสียมากกว่า เซียวอวี๋จึงไม่สามารถจ้องมองพวกนางได้มากนัก เพราะเมื่อใดที่เขาหันไปก็ต้องเผชิญสายตาเย็นชาที่จ้องกลับมา

น้ำลายของเซียวอวี๋เริ่มไหลย้อยขณะจินตนาการถึงพี่สะใภ้ที่สี่และห้า

"การมีชีวิตอยู่มันดีแบบนี้นี่เอง" เซียวอวี๋พึมพำ

เขาทราบว่าภัยคุกคามกำลังคืบคลานเข้ามา ตราบใดที่เขายังไม่สามารถปกครองโลกใบนี้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ จะช้าเร็วเขาจะต้องเผชิญการฮุบกลืนจากอาณาจักรหรือดินแดนเขตอื่นๆ

โลกใบนี้เป็นไปตามกฏปลาใหญ่กลืนกินปลาเล็ก ท่านจำต้องกลืนกินผู้อื่นหากว่าท่านไม่ต้องการถูกผู้อื่นกลืนกินเสียเอง นี่เป็นกฏที่ใช้โดยโลกใบนี้

ทุกคนต่างเชิญชวนเซียวอวี๋ไปเต้นรำยามเมื่องานเลี้ยงดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย ที่นั่นไม่มีสตรีชั้นสูงใดอีก ดังนั้นเซียวอวี๋จึงต้องเอ่ยปากชวนพี่สะใภ้ของเขา เขาย่อมไม่ปล่อยโอกาศที่หาได้ยากเช่นนี้ไป พี่สะใภ้ที่สนิทกับเขาที่สุด ฉีอิ่นกล่าวว่านางนั้นดื่มมากจนเกินไปและไม่สามารถเต้นรำด้วยได้ ดังนั้นคามิลล่าจึงเป็นคนแรกที่จะเต้นรำกับเซียวอวี๋

จิตวิญญาณของเขาลุกโชนขึ้นเทียมฟ้าทันทีที่มองดูรอยแยกซึ่งเปิดเผยอยู่เบื้องหน้าสายตา เซียวอวี๋สลัดท่าทางที่ดูสัตย์ซื่อทิ้งไปและเริ่มลูบไล้ที่นั่นจับต้องที่นี่เมื่อเหลือบเห็นว่าสะใภ้คนอื่นๆไม่ได้จับจ้องมองมา ที่น่าประหลาดก็คือคามิลล่าไม่ได้มีทีท่าจะหยุดการกระทำของเขา นั่นยิ่งทำให้เขารุกคืบอย่างได้ใจ นางยื่นหน้ามาที่ใบหูของเขาและกระซิบแผ่วเบา "เนื่องจากชัยชนะในวันนี้ ข้าจะปล่อยเจ้าไปวันนึง แต่หากเจ้ายังกล้าทำเช่นนี้อีก เช่นนั้นข้าจะตัดสิ่งนั้นของเจ้าออกซะ...." นางเริ่มลดสายไปยังเซียวอวี๋น้อยที่เบื้องล่าง เซียวอวี๋เหงื่อไหลพรากขณะที่คิดถึงความปลอดภัยของน้องชายเขา

งานเลี้ยงใหญ่สิ้นสุดลงแล้ว แต่การเฉลิมฉลองยังคงดำเนินต่อไปตลอดทั้งคืน

..................................

..................................

เซียวอวี๋ตื่นขึ้นยามรุ่งสาง จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังฐานทัพของเขา

เขาได้รับค่าผลงาน*กว่า 30,000 แต้มจากจากสงครามเมื่อวาน ดังนั้นยศของเขาจึงเลื่อนขึ้นมาเป็น ครูฝึกทหาร ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาสามารถก่อสร้างฐานทัพที่สี่ได้แล้ว

[*ขอใช้ค่าผลงานแทนค่าคุณความดีเพื่อความกระชับครับ]

ตอนนี้เขามีฐานทัพสามแห่งที่เรียกออกมาจากโลกแห่งวอร์คราฟแล้ว ดังนั้นฐานทัพที่สี่นี้จึงเป็นฐานทัพอันเดด ทว่านี่ก็เป็นเพียงการคาดเดาของเขาเท่านั้น

เหตุผลก็คือ อันเดดนั้นแตกต่างออกไปสิ่งมีชีวิตทุกประเภท มันอาจจะก่อให้เกิดสงครามศักดิ์สิทธิ์เพื่อกวาดล้างเขาได้หากมีคนทราบว่าเขาเป็นผู้นำของพวกอันเดด

ออร์คและเอลฟ์นั้นมีรูปลักษณ์ที่ต่างไปจากมนุษย์จริง ทว่าในโลกใบนี้ การคงอยู่ของสิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นมีมากมายเกินไป อีกทั้งเผ่าออร์คและเอลฟ์ยังสาบสูญไปเนิ่นนานแล้ว ดังนั้นมนุษย์ในยุคนี้จึงไม่ได้มองพวกเขาด้วยความเกียจชังดังเช่นบรรพบุรุษที่ก่อสงครามกวาดล้างพวกมันในอดีต

ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มของเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นต้นมา พวกออร์คนั้นไม่ได้แตกต่างไปจากอสูรประเภทหนึ่ง พวกมันเป็นเพียงสัตว์ร้าย

ส่วนพวกเอลฟ์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีชาติพันธ์สูงส่งที่สุดในทวีป ที่เผ่าพันธุ์อื่นๆพยายามจะกำราบพวกเขามาเป็นสัตว์เลี้ยง

แต่ทว่าอันเดดนั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ต้องกล่าวถึงคนนอก เพียงแค่ผู้คนในเมืองไลอ้อนก็ไม่อาจยอมรับได้แล้ว หากว่าพวกเขาทราบว่าเซียวอวี๋เป็นผู้บัญชาการของกองทัพคนตาย พวกเขาจะเอาใจออกห่างและนั่นจะนำไปสู่ความล่มสลายของดินแดน......