ตอนที่แล้วWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 39
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 41

WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 40


หัวหน้าทหารฮุ่ยกำลังฝึกซ้อมให้เหล่าทหารใหม่อยู่ นั่นเนื่องมาจากฏใหม่ที่ออกโดยเซียวอวี๋ เหล่าทหารใหม่จะได้รับความเป็นอยู่ทีดี มีเบี้ยเลี้ยงที่สูง ครอบครัวจะได้รับเงินชดเชยในกรณีที่พวกเขาเสียชีวิต งดเว้นภาษีตลอดชีพและอื่นๆ นี่จึงเป็นเหตุให้มีผู้เยาว์รุดมาสมัครเข้ากองทัพกันอย่างล้นหลาม

ในเวลานี้หัวหน้าทหารฮุ่ยมีกองกำลังในสังกัดกว่า 1,000 นายแล้ว เพียงแต่พวกเขาทั้งหมดยังคงขาดประสบการณ์การสู้รบจริงอยู่ นั่นจึงเป็นเหตุให้หัวหน้าทหารฮุ่ยเข้มงวดในการฝึกมากยิ่งขึ้นเพื่อให้พวกเขากลายเป็นไพร่พลที่สามารถใช้งานได้โดยเร็วที่สุด อาวุธและชุดเกราะที่พวกเขาสวมใส่ล้วนเป็นของพวกโจรที่เซียวอวี๋นำกลับมา

ทหารทุกนายหยุดการซ้อมมือในทันทียามเมื่อเห็นเซียวอวี๋ก้าวเข้ามาในสนามฝึก หัวหน้าทหารฮุ่ยรีบนำทหารมาตั้งแถวเพื่อแสดงความเคารพเซียวอวี๋ หัวหน้าทหารฮุ่ยนั้นเข้มงวดกับระเบียบวินัยทางกองทัพเป็นอย่างมาก

เหล่าทหารมองไปยังเซียวอวี๋ด้วยความเคารพและเทิดทูน

พวกเขาทุกคนได้เห็นทาสที่ถูกปลดปล่อยและเหล่าโจรที่ถูกจับกุมแล้วในตอนเช้า ลอร์ดของพวกเขาได้ออกไปและนำหลายสิ่งหลายอย่างกลับมาอย่าง่ายดาย พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความรุ่งโรจน์ภายใต้การนำของนายเหนือผู้นี้

เซียวอวี๋ยิ้มและโบกมือให้เหล่าทหารกลับไปฝึกซ้อมต่อ จากนั้นเขาจึงเรียกหัวหน้าทหารฮุ่ยเข้ามาหารือ

"ท่านลุงฮุ่ย สถานการณ์ทางฝั่งของแคร์รี่เป็นอย่างไรบ้าง?" เซียวอวี๋เอ่ยปากถามขึ้นมา หัวหน้าทหารฮุ่ยนั้นรับผิดชอบดูแลการข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ของฝ่ายแคร์รี่

อันที่จริงการรวบรวมข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์กองทัพของแคร์รี่นั้นไม่ใช่เรื่องยากมากนัก ดินแดนที่บิดาของแคร์รี่ปกครองอยู่นั้นไม่ได้มีประสบการณ์ในการทำสงครามมากนัก ดังนั้นการป้องกันหน่วยจารชนของฝ่ายศัตรูจึงมีโครงสร้างไม่แข็งแรงนัก ท่านสามารถทราบทุกสิ่งที่ต้องการเพียงแค่ส่งคนปะปนไปกับคาราวานพ่อค้า

"ท่านลอร์ด ตามข่าวกรองที่ได้รับมานั้น แคร์รี่ได้รับกองทัพมาถึง 20,000 นาย พวกมันเป็นทหารราบเกราะหนัก มีผู้ใช้มนตรา 5 คน และผู้ฝึกยุทธ์กว่า 30 คน

ในตอนนี้พวกมันสามารถเข้าโจมตีพวกเราได้ตลอดเวลา หากแต่ทว่าแคร์รี่นั้นต้องการที่จะแสดงอานุภาพของกองทัพและสร้างความกดดันแก่ฝั่งเรา ดังนั้นข้อมูลจึงไม่ได้ถูกเก็บเป็นความลับใดๆและสามารถสืบทราบโดยง่าย แคร์รี่นั้นอวดอ้างว่าจะตัดหัวเหล่าออร์คทั้งหมดลงมาและนำกลับไปเป็นเครื่องประดับ"

หัวหน้าทหารฮุ่ยยืนนิ่งขณะรายงานต่อเซียวอวี๋ เขาแสดงความเคารพต่อเซียวอวี๋ ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาได้ยอมรับเซียวอวี๋ในฐานะผู้ปกครองที่แท้จริงแล้ว ก่อนหน้านี้หัวหน้าทหารฮุ่ยยอมรับเซียวอวี๋ในฐานะนายน้อยแห่งตระกูล หากแต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหลังเซียวอวี๋ประสบความสำเร็จอย่างดงาม

หัวหน้าทหารฮุ่ยยอมรับเซียวอวี๋ยามเมื่อเขาได้ประกาศนโยบายและออกกวาดล้างพวกโจร เขาเชื่อว่าเมืองไลอ้อนจะเติบโตและรุ่งโรจน์ภายใต้การนำของเซียวอวี๋

เซียวอวี๋ยกยิ้มขณะที่ฟังรายงานของหัวหน้าทหารฮุ่ย "ให้พวกมันมาและส่งมอบอุปกรณ์ให้กับพวกเรา หึหึ"

หัวหน้าทหารฮุ่ยมองเห็นใบหน้าที่ไร้กังวลของเซียวอวี๋ เขาจึงกล่าวออกมา "นายท่าน ครานี้กองทัพของแคร์รี่ที่ยกนั้นไม่ได้อ่อนแอเลย ข้าคิดว่ามันเป็นการยากที่สามารถต้านทานทหารเกราะหนักด้วยพวกออร์คได้ ตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาแล้ว ในสงครามขนาดใหญ่ฝ่ายมนุษย์มักจะมีชัยเหนือพวกออร์คอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งในทุกครั้งนั้นล้วนมีทัพเกราะหนักเข้าเกี่ยวข้องอยู่เสมอ โดยปกติแล้วนักรบออร์คจะสามารถรับมือกับทหารทั่วไปราว 4 - 5 คนได้โดยไม่มีปัญหา หากนายท่านวางแผนได้ดีการจะให้ออร์ครับมือกับมนุษย์พร้อมกัน 10 คนนั้นย่อมเป็นไปได้

ทว่า กระแสของสงครามจะพลิกตลบทันทีที่ทัพทหารเกราะหนักเข้าสู่สนามรบ จะเกิดการสูญเสียอย่างหนักแม้ว่าจะให้พวกออร์ค 1000 นายเข้าปะทะกับทัพทหารเกราะหนัก 1000 นายก็ตาม ยิ่งถ้าหากฝ่ายศัตรูมีทัพม้าเกราะหนักเข้าร่วมด้วยแล้วคงเป็นการยากที่เหล่าออร์คจะต้านทานไหว อีกทั้งภายในกองทัพของแคร์รี่ยังมีผู้ใช้มนตราด้วยอีก แน่นอนว่ายังมีอาวุธหนักแลอุปกรณ์ตีเมือง ข้าคิดนี่เป็นภาระหนักเกินกว่าพวกออร์คจะรับไหวขอรับ"

เซียวอวี๋เข้าใจว่าหัวหน้าทหารฮุ่ยกำลังกังวลเกี่ยวกับจำนวนทหารของเมืองไลอ้อน แต่ทว่าเซียวอวี๋นั้นยังคงใจเย็นได้อยู่ จะอย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้คิดจะใช้แต่เพียงกองทัพออร์คออกต้านศึกอยู่แล้ว เขายังมีกองทัพที่รุกรับได้ทุกระยะ ยังมีรถจู่โจมและรถยิงทำลายอยู่ ตราบใดเท่าที่เขาเลือกใช้กลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสมแล้ว กระทั่งทหาร 20,000 นายเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา

นอกจากนี้จำนวนของเหล่าออร์คยังเพิ่มขึ้นกว่าครั้งที่แล้ว ยังไม่รวมถึงว่าออร์คและเอลฟ์ชุดแรกล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับที่ 3 กระทั่งมีบางนายที่อยู่ในระดับที่ 4 ความแข็งแกร่งของเหล่าออร์คได้เพิ่มเติมขึ้นมากว่า 3 ส่วนเมื่อมาถึงระดับที่ 3 ยิ่งเมื่อมีทักษะคลุ้มคลั่งเข้าช่วยด้วยแล้วการจะสังหารทหารมนุษย์ 7 หรือ 8 นายย่อมไม่เป็นปัญหา

เหล่าพลธนูนั้นมีทักษะยิงอย่างแม่นยำเพิ่มเติมเข้ามาเมื่ออยู่ในระดับที่ 3 ดังนั้นพวกเขาย่อมสามารถยิงผ่านหมวกเกราะและทำลายดวงตาของศัตรูได้อย่างแม่น ทัพทหารเกราะหนักนั้นจะห่อหุ้มร่างกายด้วยชุดเกราะอยู่ทั่วทั้งตัว แต่ทว่านั่นกลับไม่รวมถึงบริเวณดวงตาที่พวกมันยังต้องเว้นว่างเอาไว้อยู่ ช่องว่างของมันยังพอจะให้ลูกธนูเล็ดลอดเข้าไปได้

นอกจากนี้ยังทิรันด้ายังมีทักษะรัศมีจ้าวแห่งธนูอยู่ ทักษะนี้จะช่วยเสริมความรุนแรงและระยะโจมตีให้กับเหล่าพลธนู นอกจากนี้เซียวอวี๋ยังมีพลปืน พลเดินเท้า รถจู่โจม รถยิงทำลาย กองทัพของแคร์รี่ย่อมคาดไม่ถึงว่าจะต้องเผชิญกับทัพแกร่งเหล่านี้

เซียวอวี๋มีความมั่นใจในกองทัพของเขาอย่างมาก ทว่าคำกล่าวของหัวหน้าทหารฮุ่ยก็ได้กระตุ้นความสนใจของเขาขึ้นมา แน่นอนว่าเขานั้นม่ได้สนใจกับความแข็งแกร่งของกองทัพแคร์รี่ หากแต่ว่าเป็นประวัติศาสตร์ ลุงฮุ่ยกล่าวว่าเคยมีการใช้กองทัพทหารเกราะหนักเข้าปราบพิชิตพวกออร์คอยู่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าครั้งหนึ่งเคยมีมหาสงครามระหว่างพวกออร์คและมนุษย์?

"ท่านลุงฮุ่ย ในประวัติศาสตร์นั้นเคยมีอาณาจักรออร์คหรือเอลฟ์คงอยู่หรือไม่? เผ่าพันธ์ุมนุษย์สามารถเอาชนะพวกออร์คได้จริงหรือ?" เซียวอวี๋ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อเลียบเคียงถามข้อมูลประวัติศาสตร์ที่เขาไม่ทราบเกี่ยวกับมันทันที

หัวหน้าทหารฮุ่ยกลายเป็นงุนงงขณะเอ่ยปากตอบเซียวอวี๋ "ท่านลอร์ด สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกบันทึกไว้ในตำรา ท่านที่ไม่ชอบหนังสือย่อมไม่ทราบ เผ่าพันธุ์ออร์คนั้นเคยมีจักรวรรดิที่เกรียงไกรภายใต้ผู้นำของพวกมัน ทอร์ล พวกมันรุ่งโรจน์เป็นอย่างมาก หากทว่าวันหนึ่งทอร์ลกลับหายสาปสูญไร้ร่องรอย นับจากนั้นจักรวรรดิของพวกมันก็เสื่อมอำนาจลง

ส่วนพวกเอลฟ์นั้นก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน พวกเขาแทบจะครอบครองภูเขาทุกลูก แต่อยู่มาวันหนึ่งต้นไม้แห่งชีวิตของพวกเขาก็ถูกทำลายลงและประสบชะตากรรมเฉกเช่นเดียวกับเผ่าออร์ค"

เซียวอวี๋ก้มหน้าลงครุ่นคิด "เช่นนั้นทอร์ลก็คือเทพแห่งเผ่าพันธุ์ออร์ค ขณะที่ทิรันด้าก็เป็นที่รู้จักในนามเทพธิดาแห่งเอลฟ์ นี่คงไม่ได้หมายความว่าฉันกำลังอยู่ในอาเซรอตหรอกนะ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมทวีปอาเซรอตถึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้ได้?"

เซียวอวี๋เข้าใจว่าอาจจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับประวัติศาสตร์ของอาเซรอตและเพื่อที่ค้นหาความลับนั้นแล้ว เขาจำต้องใช้เวลา

"เราควรจะหาเวลาอ่านหนังสือบ้างแล้ว" เซียวอวี๋พึมพำ

"ขอบคุณมาก ท่านลุงฮุ่ย ท่านลุงควรจะไปฝึกซ้อมเหล่าทหารต่อ ข้าจะจัดการด้านการป้องกันเมืองเองหากเวลานั้นมาถึง แคร์รี่จะถูกขยี้อย่างย่อยยับอีกครา อย่าได้ลืมเลือน! ว่าข้านั้นถูกเลือกสรรโดยเทพแห่งออร์คและเอลฟ์ และคนแคระ! ข้าจะเป็นราชันย์เหนือราชันย์! เพียงแค่กองทัพอ่อนแอของแคร์รี่ย่อมไม่สามารถฉุดรั้งข้าได้เสียด้วยซ้ำ!"

เซียวอวี๋ฉีกยิ้มกว้างขณะใช้เรื่องราวนี้ปลอบประโลมหัวหน้าทหารฮุ่ย

แน่นอนว่าหัวหน้าทหารฮุ่ยย่อมไม่ยินยอมเชื่อวาจาผีสางเช่นนี้ ทวยเทพคงจะตาบอดเสียมากกว่าที่เลือกเซียวอวี๋!

อย่างไรก็ตาม เขามองเห็นการแสดงออกที่ดูมั่นใจของเซียวอวี๋ มันเป็นความรู้สึกที่ออกมาจากใจ ปราศจากการเสแสร้งแกล้งดัดใดๆ ครั้งล่าสุดเซียวอวี๋ยังเคยนำเหล่าออร์คมีชัยเหนือทหาร 5,000 นายของแคร์รี่มาแล้ว บางทีครั้งนี้อาจจะมีปาฏิหาริย์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีกครั้งก็เป็นได้....

หากพวกเขาสามารถมีชัยเหนือกองทัพ 20,000 นายของแคร์รี่ได้ล่ะก็ เช่นนั้นก็จะไม่มีขุมกำลังใดกล้าเปิดฉากโจมตีเมืองไลอ้อนอีกต่อไป อาณาจักรแห่งนี้จะค่อยๆเติบโตขึ้นทีละก้าว!

และกุญแจสำคัญของทุกสิ่งที่ว่ามานั้นอยู่ที่การศึกครั้งนี้.......

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------