ตอนที่แล้วWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 37
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 39

WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 38


ในทีแรกเซียวอวี๋คิดว่าเขานั้นอยู่ในโลกที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆต่อกันเลย หากทว่าฉากที่เบื้องหน้ากลับสร้างความงุนงงสงสัยให้กับเขา

"พวกนางรู้จักทิรันด้า พวกนางกล่าวว่าทิรันด้าคือเทพธิดาผู้ละทิ้งเผ่าพันธุ์เอลฟ์ไปเมื่อหมื่นปีก่อน นี่ฉันอยู่ในโลกของวอร์คราฟหลังสิ้นสุดสงครามไปแล้ว 10,000 ปีงั้นหรอ?"

เซียวอวี๋กลายเป็นสงสัยมากยิ่งขึ้น เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดเอลฟ์หญิงเหล่านี้ถึงรู้จักกับทิรันด้าได้

หมื่นปีงั้นหรือ....เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ทิรันด้าเดินมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าเซียวอวี๋ สองแก้มของนางยังคงมีหยาดน้ำตาไหลรินออกมา "นายท่าน ทิรันด้าขอร้องนายท่านช่วยฟื้นฟูเหล่าเอลฟ์ ข้าต้องการให้พวกเขาได้รับอิสระภาพและรับการอวยพรจากเทพธิดาแห่งจันทรา ทิรันด้าจะจงรักภักดีต่อท่าน หากท่านหยิบยื่นความช่วยเหลือในครั้งนี้.."

เซียวอวี๋รีบเอ่ยปากขึ้นในทันที "เป็นไรงั้นหรือ? ใยเจ้าต้องขอร้องข้า? ข้าไม่เพียงแต่เป็นนายท่านของเจ้า หากแต่ยังเป็นเจ้านายของเผ่าเอลฟ์ ออร์ค และคนแคระ ทุกชีวิตในเผ่าพันธุ์ล้วนเป็นคนของข้า ไม่ว่าใครหน้าไหนที่กล้ามาข่มเหงคนของข้า ข้าจะส่งพวกมันลงไปนรกขุมที่มืดมิดที่สุดเอง!"

เซียวอวี๋ไม่กล่าวเช่นนี้เพื่อสร้างความตื้นตันแก่นาง หากแต่เขากล่าวมันออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ

ชั่วขณะนั้นค่าความภักดีของพวกเอลฟ์ต่อเซียวอวี๋ก็เพิ่มขึ้นมา

เขาไม่ชื่่นชอบพวกเอลฟ์ที่หยิ่งยโส แต่เหล่านักรบทั้งหมดที่อัญเชิญมานั้นเปรียบเสมือนลูกหลานของตัวเขาเอง เขาจะทนเห็นคนของตัวถูกเอารัดเอาเปรียบได้อย่างไร?

ค่าความภักดีของทิรันด้าเพิ่มขึ้นมา 20 จุดทันทีที่เซียวอวี๋กล่าวจบ ค่าความภัดที่เพิ่มจาก 0 ไป 20 นั้นแสดงเห็นให้เห็นว่าทิรันด้ารู้สึกขอบคุณเซียวอวี๋เพียงไหน

เซียวอวี๋ไม่อยู่ในอารมณ์จะยินดีกับค่าความภักดีที่เพิ่มขึ้นของทิรันด้าแล้ว เขากำลังอยู่ในอารมณ์เศร้าจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับทาสหญิงและเหล่าเอลฟ์

"ดำเนินการค้นหาทาสต่อไป! ข้าจะตัดสินพวกโจรยามรุ่งสาง" เซียวอวี๋ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เหล่านักล่าและพลธนุเอลฟ์ต่างกลับเข้าไปภายในค่ายและดำเนินการค้นหาอย่างละเอียด

พวกโจรนั้นถูกพวกออร์คเฝ้าควบคุมตัวเอาไว้ พวกออร์คบางตนแลบลิ้นเลียริมฝีปากขณะจ้องมองไปยังเหล่าอาหารสดใหม่ที่อยู่เบื้องหน้าเหล่านี้

................................

................................

เปลวเพลิงมอดดับลงในตอนรุ่งสาง หลงเหลือกองเพลิงขนาดเล้กเพัยงไม่กี่แห่ง เซียวอวี๋ไม่ได้เข้าไปขนสมบัติภายในค่ายทันที แต่เขากำลังจะทำการตัดสินโทษพวกโจร

กระบวนการนี้นั้นเรียบง่ายอย่างยิ่ง มันเป็นการตัดสินโดยเปิดเผยซึ่งจะให้ผู้คนได้เข้าร่วมเปิดโปงความชั่วร้ายของโจรคนนั้นๆ โทษสูงสุดคือประหารฆ่า เขาต้องการให้พวกมันแว้งกัดกันเอง และในขั้นตอนนี้ก็ประสบผลอย่างยิ่ง มีพวกโจรบาคนกล่างเปิดโปงความชั่วของสหายออกมา นั่นทำให้เหล่าผู้ถูกชี้ตัวต่างเดือดดาลขึ้นมา เกิดการด่าทอกันขึ้นในหมู่พวกมัน

เหล่าออร์คจะใช้คมขวานของพวกมันตัดศีรษะของพวกโจรลงมา บางตนยังกระทั่งฉีกกระชากร่างของพวกมันเพื่อดื่มกิน

โดยปกติแล้วเซียวอวี๋ย่อมต้องหยุดการกระทำเหล่านี้ หากแต่ในวันนี้เขากลับทำเพียงนิ่งเฉยเฝ้าดูอยู่ด้านข้าง เขาปล่อยให้พวกออร์คฉ๊กกระชากชิ้นส่วนและกัดกินพวกโจรทั้งเป็นจนถึงแก่ความตาย

มีพวกโจรเพียง 100 คนที่ยังคงเหลือรอดอยู่ แม้ว่าเหล่าคนกลุ่มนี้จะไม่ได้ดีเลิศไม่ลงมือกระทำชั่วใดๆเลย หากแต่เมื่อเปรียบเทียบกับพวกที่ถูกประหารไปแล้ว พวกมันยังคงทำชั่วน้อยกว่ามาก

ทว่าเซียวอวี๋ก็ไม่ได้มีความคิดที่จะปลดปล่อยพวกมันไป เขากลับล่ามโซ่พวกมัน 2 คนเข้าไว้ด้วยกัน เขาต้องการใช้พวกมันเป็นแรงงานทาสภายใต้การควบคุมจากพวกออร์ค

มีพวกโจรจำนวนมากที่พยายามขัดขืนและหลบหนี หากแต่พวกมันเพียงออกวิ่งไปไม่กี่ก้าวก็ต้องสิ้นลมภายใต้คมศรของทิรันด้า นางใช้โอกาศนี้ระบายความคับแค้นออกมา

เอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบและรักสันติ หากแต่ในสายตาทิรันด้าแล้วโจรพวกนี้ไม่ต่างอะไรจากสัตว์เดรัจฉาน

พวกเอลฟ์ไม่ได้เข้ามาแทรกแซงใดๆ กลับกันพวกเขารู้สึกมีความสุขเสียด้วยซ้ำยามเมื่อมองเห็นพวกโจรถูกออร์คจับกินทีละคน

หลังจากนั้นเซียวอวี๋จึงได้ตรวจสอบจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เขาสูญเสียออร์คไป 5 นาย พลเดินเท้า 5 นาย และนักล่าอีก 2 นายระหว่างการสู้รบ

นักล่าถูกฆ่าตายระหว่างที่ลอบวางเพลิงในค่ำคืนที่ผ่านมา

ส่วนพลธนูเอลฟ์และพลปืนนั้นยังคงเหลืออยู่เท่าเดิมเนื่องจากอยู่ภายใต้การคุ้มครองจากพลเดินเท้าที่ด้านบนกำแพง

เหล่านักรบที่ได้บาดเจ็บต่างได้รับการเยียววยาด้วยน้ำยาฟื้นพลัง ประสิทธิผลของมันนั้นยอดเยี่ยมยิ่งขอเพียงผู้ใช้ยังคงมีลมหายใจย่อมเยียวยาได้

เซียวอวี๋มีนักรบภายใต้สังกัดอยู่ 600 นายแต่ในศึกครั้งนี้กลับสูญเสียไปแล้ว 12 นาย ทว่าฝ่ายของเขาเองก็ได้สังหารพวกโจรไปมากกว่า 4,000 คน นี่เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง ทว่าเซียวอวี๋กลับไม่มีกระจิตกระใจสนใจมัน เขาต้องการจะหาหนทางที่จะหลีกเลี่ยงการสูญเสียให้ได้มากที่สุด การต้องสูญเสียนักรบที่ยอมพลีชีพภายใต้คำสั่งของตนเองนั้นเป็นรสชาติที่ยากเกินบรรยายจริงๆ

ถึงกระนั้นเขาก็ทราบดีว่าการสูญเสียเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยากหากเมื่อเริ่มสงคราม ความคิดที่เพ้อฝันเช่นจะไม่มีผู้เสียชีวิตในสงครามเลยนั้นแทบจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ แต่อย่างน้อยที่สุดมันยังสามารถลดทอนให้เหลือน้อยที่สุดได้อยู่

เซียวอวี๋ออกคำสั่งให้ค้นค่ายอย่างเรียบง่าย "ดับไฟ จุดไฟ หยิบฉวยสิ่งประกาย ขนเอาทุกสิ่งที่สามารถนำกลับไปได้ออกมา จากนั้นเผาส่วนที่เหลือ!" (นี่เป็นกลยุทธ์ของชาวแอสซีเรีย)

เซียวอวี๋ใช้วิธีเดียวกันกับที่เขาเคยใช้กับค่ายโจรที่ผ่านมา เซียวอวี๋สั่งให้กองทัพของเขาถอดเสื้อผ้าของพวกโจรที่ตายในสนาบรบออกและนำกลับไปด้วย ในยุคนี้นั้น เสื้อผ้ายังมีค่างวดไม่น้อย จะดีกว่าหรือไม่ที่จะเอาเสื้อผ้าพวกนี้กลับไปแจกจ่ายให้กับผู้คนที่ขาดแคลนและกำลังจะหนาวตาย?

พวกออร์คนั้นปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พวกมันหยิบฉวยทุกสิ่งจากพวกโจรไม่เว้นแม้กระทั่งกางเกงใน

"อสูร38 กางเกงในมันไม่จำเป็น! อสูร56 รองเท้าพวกนั้นมันเน่าไปแล้ว! เอากลับไปคืนที่เดิมแล้วเผามันทิ้งซะ!"

เซียวอวี๋ใช้ตัวเลจขเพื่อจำแนกพวกออร์ค หมายเลขของมันถูกเรียกตามคิวที่สร้าง เขาไม่ต้องการที่ใส่เพียงตัวเลข ดังนั้นเขาจึงใส่คำเรียกนำหน้าก่อนเติมด้วยตัวเลขเพื่อแยกความต่างระหว่างกองทัพต่างๆ ด้วยเหตุนั้นพวกออร์คจึงถูกเรียกว่า อสูร1,อสูร2 ,...... เหล่าพลธนูจะถูกเรียกว่า ธนู1,ธนู2,..... พวกนักล่าก็จะเป็น นักล่า1,นักล่า2,....

ฟ็อกซ์ตระเวนขนสมบัติไปทั่วทั้งค่าย เขาถูกใช้งานราวกับทาสผู้หนึ่ง เขายังไม่มีแม้แต่เงินเดือน! ในครั้งนี้เขาขนเอาทองออกมาได้กว่า 400,000 เหรียญและวัตถุดิบอื่นๆ

วัตถุดิบส่วนใหญ่ถูกไฟมอดไหม้ไปแล้ว ด้วยเหตุนี้การทำธุรกิจในครั้งนี้จึงมีผลรับไม่เท่ากับค่ายก่อนหน้าที่พวกเขาได้รับเงินทองและวัตถุดิบมากมาย

เหล่าโจรที่ถูกจับเป็นทาสนั้นทำตามอย่างว่าง่าย พวกมันได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ขัดขืนแล้ว มันผู้จะถูกพวกออร์คตัดแขนและฉีกเนื้อกินสดๆ ฟ็อกซ์สอบปากคำพวกมันให้คายทุกสิ่งออกมาโดยใช้พวกออร์คให้เกิดประโยชน์

มีห้องห้องลับของมาร์คัสอยู่ไม่กี่แห่งที่ฟ็อกซ์สามารถหามันพบ มาร์คัสทราบว่าสักหนึ่งมันจะต้องมีการสู้รบอย่างดุเดือดกับขุมอำนาจสักแห่ง ดังนั้นมันจึงเตรียมห้องลับและทางหนีทีไล่เอาไว้ มิคาดในศึกที่ผ่านมานั้นมันไม่มีแม้แต่โอกาศที่จะหลบหนี

เซียวอวี๋ต้องรีบกลับไปและใช้เหรียญทองพวกนี้เพื่อเตรียมการทำสงครามกับแคร์รี่ เขาตระหนักดีว่าในครั้งนี้มันจะไม่ง่ายเฉกเช่นครั้งก่อน แคร์รี่แน่นอนว่าต้องทุ่มทุกสิ่งทุกอย่างออกมาเพื่อคว้าชัยชนะ

เซียวอวี๋รู้สึกแปลกๆยามเมื่อมองดูกลุ่มเอลฟ์หญิงบูชาทิรันด้าอย่างไม่ลืมหูลืมตา

เขาใช้ข้ออ้างที่เรียบง่ายในการทำให้ผู้อื่นเชื่อว่าเขาได้รับเลือกให้เป็นผู้นำเหล่าเอลฟ์ ออร์ค และคนแคระในการฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของทั้งสามเผ่าพันธุ์ขึ้นอีกครา

"เทพแห่งเหล่าออร์คและเทพแห่งเหล่าเอลฟ์ทราบดีว่าข้านั้นมีชะตากรรมที่ยิ่งใหญ่ที่จะเป็นราชันย์ผู้ปกครอง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ข้าได้รับเลือกในการนำพวกเขากลับไปรุ่งเรืองหรืออาจจะเหนือยิ่งกว่าในอดีต...."

จากคำโกหกเหล่านั้น ในตอนนี้มันกลับเริ่มที่จะกลายเป็นความจริงเข้าไปทุกที....

ทิรันด้านั้นเป็นเทพธิดาของเหล่าเอลฟ์...หากว่าเซียวอวี๋สามารถอัญเชิญทอร์ล ผู้ซึ่งถูกจดจำในฐานะเทพแห่งเผ่าพันธุ์ออร์คมาได้ล่ะก็ เช่นนั้นเขาก็อาจจะสามารถฟื้นฟูทั้งสองเผ่าพันธุ์ให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

ถ้อยคำโกหกที่เขาคิดขึ้นอย่างง่ายๆและป่าวประกาศไปทั่วนั้นดูจะสมจริงขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งบางทีมันอาจจะกลายเป็นความจริงในสักวันหนึ่ง....

นี่ใช่ประสงค์ของพระเจ้าหรือไม่?